Home Blog Page 39

เปิดเส้นทางความสำเร็จ ‘RoV’ ก้าวสู่ปีที่ 8 ในไทยอย่างมั่นคง

เป็นเวลาเกือบ 8 ปีที่ “Arena of Valor” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “RoV” ซึ่งให้บริการโดย การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) ได้สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งและพลิกโฉมวงการเกม MOBA และอีสปอร์ตของไทยมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งก้าวสู่การเป็นเกม MOBA อันดับหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นชาวไทยมาอย่างยาวนาน

จุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ RoV

RoV เปิดให้บริการในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยเป็นเกมมือถือประเภท Multiplayer Online Battle Arena (MOBA) ที่สามารถเข้าถึงผู้เล่นได้อย่างกว้างขวางทุกเพศทุกวัย ด้วยเกมเพลย์ที่สนุกและเข้าใจง่ายสำหรับผู้เล่นหลากหลายกลุ่ม การอัปเดตเนื้อหาเกมใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง การตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล ตลอดจนการสร้างชุมชนเกมและอีสปอร์ตตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นจนถึงระดับมืออาชีพ ส่งผลให้ RoV คว้าโอกาสจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Mobile Game ได้สำเร็จ และครองใจผู้เล่นชาวไทยมาอย่างยาวนานและจะครบรอบ 8 ปีในประเทศไทย ในเดือนตุลาคม 2567 นี้

คุณภวิษย์พร เจียรประเสริฐ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา เกม RoV ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประเทศไทย ความสำเร็จนี้ไม่เพียงเกิดจากการพัฒนาตัวเกมให้มีคุณภาพและความน่าตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังมาจากความทุ่มเทในการพัฒนาประสบการณ์ผู้เล่นในทุกด้าน ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย การพัฒนาคอนเทนต์เกมที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับผู้เล่นชาวไทย การร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก และการปรับปรุงตัวเกมให้มีความเสถียรและอำนวยความสะดวกให้เกมเมอร์เล่นเกมได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุด เราภูมิใจที่ได้เห็นการเติบโตของชุมชนผู้เล่น RoV และการพัฒนาของวงการอีสปอร์ตไทยที่ก้าวหน้าไกลขึ้นอย่างต่อเนื่อง การก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ของ RoV อย่างเข้มแข็งของ RoV ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเกมที่ครองใจผู้เล่นชาวไทยมาอย่างยาวนาน แต่ลีกอีสปอร์ตจาก RoV ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง 13 ฤดูกาล และระบบนิเวศอีสปอร์ตที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ยังตอกย้ำว่าอีสปอร์ตไทยสามารถพัฒนาและเติบได้ เติบโตได้ และประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็น Esports Hub สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้”

สูตรความสำเร็จ 8 ปี ของ RoV ในฐานะเกมมือถืออันดับหนึ่งที่ครองใจผู้เล่นชาวไทยช

RoV ไม่เคยหยุดพัฒนาในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่มเกม การออกแบบตัวเกมที่เพิ่มความซับซ้อนและความท้าทายให้กับผู้เล่น การเพิ่มไอเทมใหม่ การเพิ่มฮีโร่ใหม่ๆ ให้ผู้เล่นมีตัวเลือกในการเล่นที่หลากหลายและไม่จำเจ นอกจากนี้ยังมีการปรับสมดุลของตัวละครและไอเทมอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกมมีความท้าทายและสนุกสนานอยู่เสมอ การนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายและเข้าถึงผู้เล่นทุกเพศทุกวัยของ RoV ส่งผลให้มีผู้เล่นหลากหลายกลุ่ม โดยมีสัดส่วนผู้เล่นเพศชายร้อยละ 66 และผู้เล่นเพศหญิงมากถึงร้อยละ 34 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเกม Multiplayer Online Battle Arena (MOBA) ทั่วไป ซึ่งมีสัดส่วนผู้เล่นหญิงเฉลี่ยเพียงร้อยละ 10 ของผู้เล่นทั้งหมด

อีกหนึ่งจุดเด่นของ RoV คือการออกแบบชุดตกแต่งตัวละคร (สกิน) ที่สวยงามและน่าสนใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวละครหรือฮีโร่ในเกมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ การีนาจึงได้ร่วมมือกับค่ายคอมิกส์และอนิเมะระดับโลกในการสร้างความร่วมมือในการใช้และพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา (IP Collaboration) อาทิ DC, Sword Art Online, Demon Slayer, Bleach, Hunter x Hunter, One Punch Man และ Sailor Moon โดยใช้ตัวละครชื่อดังจากค่ายคอมิกส์และอนิเมะเป็นต้นแบบในการออกแบบสกินตัวละครและกิจกรรมภายในเกม ซึ่งถือเป็นการควบรวมเกมกับความบันเทิงรูปแบบอื่น ๆ เติมเต็มความฝันให้กับเหล่าแฟนเกมและแฟนอนิเมะได้แบบทวีคูณ ความร่วมมือกับค่ายคอมิกส์และอนิเมะระดับโลกเช่นนี้กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกม RoV ครองใจผู้เล่นมาอย่างยาวนาน

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ RoV ประสบความสำเร็จของในประเทศไทยคือการสร้างสรรค์คอนเทนต์เกมบนความต้องการผู้เล่นไทย โดยเฉพาะการสร้างสรรค์สกินตัวละครที่มีเสน่ห์ความเป็นไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้เล่นชาวไทย ตั้งแต่ปี 2562 RoV ได้พัฒนาสกินไทยอย่างต่อเนื่อง และยังเปิดโอกาสให้คนไทยมีส่วนร่วมในการออกแบบผ่านการประกวด ทำให้เกิดสกินที่มีเอกลักษณ์และเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทยและผู้เล่นชาวไทยได้อย่างลงตัว อาทิ สกินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิทานพื้นบ้านและวัฒนธรรมไทย อย่าง “เสือสมิง ลิเลียนา” “ต้มยำกุ้ง สลิม” “ออเจ้า อิลูเมีย” และ “พฤกษามาศ เทลแอนนาส” ซึ่งเป็นการสร้างความตื่นเต้นและดึงดูดผู้เล่นได้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน RoV มีจำนวนผู้เล่นทั่วโลกกว่า 255 ล้านบัญชี เฉพาะในประเทศไทยมียอดดาวน์โหลดกว่า 58 ล้านครั้ง ด้วยจำนวนบัญชีผู้เล่นที่มากถึง 67 ล้านบัญชี ทั้งยังครองตำแหน่งเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศไทยในปี 2566 แม้ว่าเกมจะเปิดให้บริการมาเป็นเวลานาน แต่ RoV ยังคงครองใจผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 เกมยังมีผู้เล่นต่อเดือน (Monthly Active User) เฉลี่ยมากถึง 12 ล้านบัญชี และยังได้รับการจัดอันดับจากรายงาน DIGITAL 2024: THAILAND  ให้เป็นเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศไทย ในปี 2566 ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดเกมมือถือของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ผลักดันอีสปอร์ตไทย

อีกหนึ่งองค์ประกอบความสำเร็จของ RoV คือการเป็นผู้นำวงการอีสปอร์ตไทย ภูมิทัศน์วงการอีสปอร์ตที่แข็งแกร่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ RoV สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงตลอดเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา โดยได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอีสปอร์ตไทย ผ่านการผลักดันการแข่งขันอีสปอร์ตบนเกม RoV ตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นจนถึงระดับมืออาชีพ ตลอดจนสร้างระบบนิเวศอีสปอร์ตที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยดำเนินการจัดการแข่งขัน RoV Pro League ซึ่งเป็นการแข่งขันในรูปแบบลีกระดับประเทศมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งจัดการแข่งขันถึงปัจจุบันรวมแล้ว 13 ฤดูกาล โดยมีเงินรางวัลรวมทั้งหมดกว่า 120 ล้านบาท มียอดรับชมการแข่งขันรวม 13 ฤดูกาลกว่า 700 ล้านครั้ง มีสถิติยอดผู้ชมพร้อมกันสูงสุดถึง 313,083 คน และมีสถิติผู้ร่วมงานแข่งขันออฟไลน์สูงสุดราว 40,000 คน นอกจากนี้ ยังมีการนำทัวร์นาเมนต์การแข่งขันระดับนานาชาติเข้ามาจัดการแข่งขันในประเทศไทย อาทิ Arena of Valor Premier League (APL) 2024 ซึ่งจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากแฟนเกมและสโมสรอีสปอร์ตในประเทศไทย

ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีการจัดตั้งสโมสรอีสปอร์ตอย่างเป็นทางการ พร้อมระบบการจัดสรรรายได้และการบริหารจัดการอย่างเป็นมืออาชีพ เสริมด้วยแรงสนับสนุนจากภัครัฐและเอกชนที่เล็งเห็นถึงศักยภาพและเข้ามาร่วมกันพัฒนาวงการอีสปอร์ตไทยตลอดทั้งระบบนิเวศน์ให้เติบโตอย่างก้าวประโดด ส่งผลให้นักกีฬาอีสปอร์ตมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและมั่นคงยิ่งขึ้น

ความสำเร็จของ RoV ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดย RoV ได้รับการบรรจุเป็นกีฬาอาชีพในการแข่งขันระดับภูมิภาคอย่างการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ซึ่งทีมชาติไทยสามารถคว้าเหรียญทองได้ถึงสองสมัยในกีฬาซีเกมส์ปี 2562 และ 2564 ซึ่งไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความสามารถของนักกีฬาอีสปอร์ตไทย แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการอีสปอร์ตไทยเป็นอย่างมาก อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของระบบการฝึกซ้อมและการพัฒนานักกีฬาอีสปอร์ตของไทยด้วย

ชุมชนผู้เล่นที่เข้มแข็ง

RoV ไม่ได้เป็นเพียงเกม MOBA ที่ได้รับความนิยม แต่ได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงที่สร้างชุมชนอันแข็งแกร่งและมีชีวิตชีวา ให้แฟนเกมสามารถเข้ามาดื่มด่ำได้ผ่านกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ หลากหลายรูปแบบตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยเชื่อมโยงผู้เล่นเข้าด้วยกัน ส่งผลให้คอมมูนิตี้หรือชุมชนคนเล่นเกม RoV ขยายตัวต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

อีกทั้ง การีนายังเปิดโอกาสให้ชุมชน RoV มีส่วนร่วมในการพัฒนาเกม อาทิ การโหวตเลือกสกินใหม่ และการคอยสำรวจความคิดเห็นของผู้เล่นอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกมดีขึ้น แต่ยังสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วมในหมู่ผู้เล่น ทำให้ RoV ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาไปด้วยกัน

ความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน

ตลอดเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา RoV มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในหลากหลายภาคส่วน โดยร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์แบรนด์และตรงใจผู้เล่น ทั้งยังร่วมมือกับภาครัฐและสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาระบบนิเวศอีสปอร์ตไทยอย่างยั่งยืน อาทิ ความร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งช่วยกันผลักดันให้อีสปอร์ตได้รับการยอมรับเป็นกีฬาอาชีพ ขณะที่การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัล และการพัฒนาทักษะที่จำเป็น

ความร่วมมือที่หลากหลายนี้ไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ RoV แต่ยังส่งผลดีต่อการพัฒนาวงการอีสปอร์ตไทยโดยรวม นำไปสู่การยกระดับวงการอีสปอร์ตไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

RoV Pro League (RPL) 2024 Winter ที่กำลังจะมาถึง

ทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน RoV ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ได้แก่การแข่งขัน RoV Pro League (RPL) 2024 Winter ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2567 และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 20 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

นี่เป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่แฟนเกมรอคอย และจะช่วยสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับวงการอีสปอร์ต ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขัน RoV Pro League 2024 Winter จะมีสโมสรเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 8 สโมสร ได้แก่ Talon (TLN), Bacon Time (BAC), Buriram United Esports (BRU), Hydra Esports (HD), eArena (EA), King of Gamers Club (KOG), PSG Esports (PSG) และ Full Sense (FS) ซึ่งแต่ละทีมล้วนมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม พร้อมที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ตลอดทั้งฤดูกาล

นอกจากนี้ การแข่งขัน RoV Pro League 2024 Winter ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ M-150 Sparkling ธนาคารกรุงเทพ และ โก๋แก่ ทั้งยังมี Infinix ที่มาร่วมเป็น Official Device Partner ในการแข่งขันครั้งนี้ โดยจะมีการใช้สมาร์ทโฟนรุ่น ‘Infinix GT20 PRO 5G’ เป็นอุปกรณ์ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ (Official Gaming Device)

ทิศทางในอนาคตของ RoV กับการก้าวสู่ปีที่ 8 อย่างมั่นคง

“ความสำเร็จของ RoV ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เราตั้งใจจะทำในอนาคต เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เล่นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเนื้อหาใหม่ ๆ การสร้างสรรค์นวัตกรรมในเกม หรือการขยายระบบนิเวศอีสปอร์ต ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราขอขอบคุณผู้เล่นทุกท่านที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และเราหวังว่าจะได้ร่วมเดินทางไปสู่ความสำเร็จในระดับโลกกับทุกท่านในอนาคต” คุณภวิษย์พร กล่าวทิ้งท้าย

ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ส่งมอบ ZEEKR X เอสยูวีสำหรับคนเมืองยุคใหม่ ล็อตแรกสิงหาคมนี้

ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ประกาศความพร้อม ในการส่งมอบรถรุ่น ZEEKR X เอสยูวีสำหรับคนเมืองยุคใหม่ ให้กับลูกค้ากลุ่มแรกของประเทศไทยที่ทำการจองรถตั้งแต่ในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา โดยเริ่มส่งมอบภายในเดือนสิงหาคมนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพพร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว 

เป่า จ้วงเฟย (อเล็กซ์) ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี กล่าวว่า “การส่งมอบรถ ZEEKR X ได้ภายในเวลาที่รวดเร็วนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ZEEKR ได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้าทุกท่านเราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและ
เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรา”

ZEEKR X คอมแพคเอสยูวีสุดหรูสำหรับคนเมือง โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยเทคโนโลยีล้ำหน้า
พร้อมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะและความปลอดภัยระดับ 5 ดาว กับดีไซน์สวยงามสไตล์สแกนดิเนเวียพร้อมหลังคากระจกพาโนรามา โดย ZEEKR X  มาพร้อม 5 โทนสีได้แก่ สีขาว Crystal White, สีครีม Palace Beige, สีเขียว Pine Green, สีเทาเข้ม Grid Grey และสีเทาพิเศษ Mist Grey

ZEEKR X มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังการขับขี่
272 แรงม้า และระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ไกลถึง 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน ทั้งไฟหน้าแบบ Full LED, Panoramic Glassroof ล้อขนาด 18 นิ้ว
ราคา 1,199,000 บาท และรุ่น Flagship ซึ่งเป็นรุ่นที่โดดเด่นด้าน Performance จะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ
มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงถึง 428 แรงม้า และระยะทางการขับขี่ที่ 470 กิโลเมตรต่อการชาร์จ
เต็มหนึ่งครั้ง โดยรุ่น Flagship จะมีอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ล้อแบบ Forged Wheel ขนาด 20 นิ้ว  AR HUD, ไฟ Ambient Light และระบบเสียงรอบทิศทางจาก YAMAHA ทั้งหมด 13 ตำแหน่ง ราคา 1,349,000 บาท 

“ผมตัดสินใจซื้อ ZEEKR X เพราะตอบสนองความต้องการของผมได้อย่างครบถ้วน ทั้งในเรื่องเทคโนโลยีและดีไซน์”

ดร.อภิรัชต์ อัครพัฒนวงษ์

ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองรถยนต์ ZEEKR X พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษ ประกันภัยชั้น 1 พร้อมการรับประกัน
ตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน การรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่แรงดันสูง
8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง และบริการ Mobile Service พิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ 500 ท่านแรก ที่จองและรับรถภายในสิงหาคม 2567 นี้ รับฟรี Wallbox จาก “VREMT” พร้อมแพคเกจติดตั้ง มูลค่า 50,000 บาท 

สามารถจองและชมรถได้จาก ZEEKR House ทั้ง 14 สาขา ทั่วประเทศ รวมถึง ZEEKR POP-UP
และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ZEEKR Call Centre โทร 02-086-9999

เกรท วอลล์ มอเตอร์ แต่งตั้งพาร์ทเนอร์ 8 แห่ง เดินหน้าเต็มสูบขยายธุรกิจฟลีททั่วประเทศเพื่อส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ให้ลูกค้าองค์กร ก้าวสู่สังคมไทยไร้คาร์บอน 

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เดินหน้าเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ก้าวเข้าสู่ระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังสู่การเป็นสังคมไทยไร้คาร์บอน โดยได้แต่งตั้งพาร์ทเนอร์จำนวน 8 แห่งทั่วประเทศ สู่การเป็น “Authorized Fleet Partner” เพื่อให้เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้กับลูกค้าฟลีทกลุ่มต่าง ๆ และโครงการพิเศษ รวมถึงการประมูลงานราชการและหน่วยงานเอกชน ในพื้นที่ที่แต่ละพาร์ทเนอร์ได้รับมอบหมาย ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ที่ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคทั้งระดับบุคคลทั่วไปและระดับองค์กรได้อย่างแท้จริง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำทีมโดย นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ มร. ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป นายสฤษดิ์พงษ์ เพ่งเล็งผล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาเครือข่าย และ นางสาวณธษา ทิพย์สม ผู้จัดการฝ่ายขายลูกค้ารายใหญ่และโครงการพิเศษ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เข้าร่วมพิธีแต่งตั้งพาร์ทเนอร์ทั้ง 8 แห่ง ซึ่งครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมไปถึงภาคเหนือและภาคใต้ ได้แก่ GWM เพรสทีจ ปทุมธานี, GWM อนุภาษ ภูเก็ต, GWM ซีซีซีออโต้ เชียงใหม่, GWM เอก ระยอง, GWM ซ.เอราวัณ นครปฐม, GWM ไอคอนิก รามอินทรา, GWM เกรท วัน ออโต้ แจ้งวัฒนะ และ GWM พระนคร อุดมสุข โดยพาร์ทเนอร์เหล่านี้เป็นพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพซึ่งได้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ จากคุณสมบัติ 3 ประการ คือ ประสบการณ์ด้านการขายกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน การมีพนักงานที่มีคุณภาพและมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการขาย ด้านผลิตภัณฑ์ และการบริการ รวมถึงการมีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนและระบบการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐได้เป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพาร์ทเนอร์ทั้ง 8 แห่งนี้ จะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีคุณภาพพร้อมบริการที่ดีและครอบคลุมที่สุดให้กับกลุ่มลูกค้าฟลีทได้เป็นอย่างดี

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้เราได้ร่วมมือกับ 8 พาร์ทเนอร์หลักในฐานะ Authorized Fleet Partner ของเราในเขตพื้นที่สำคัญต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจฟลีทให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้น โดยพาร์ทเนอร์ทั้ง 8 แห่งนี้ จะทำงานร่วมกันกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มองค์กรให้มากขึ้น ทั้งบริษัทรถเช่า ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการเข้าร่วมประมูลของหน่วยงานภาครัฐ โดยเร็ว ๆ นี้ บริษัทยังเตรียมเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพเพื่อเข้ามาเติมเต็มธุรกิจฟลีทให้ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งในภาคอีสานและภาคตะวันตกอีกด้วย เพื่อส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่สู่กลุ่มลูกค้าและองค์กรเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากที่สุด เพื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยสู่การเป็นสังคมไร้คาร์บอนอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือครั้งนี้มีนโยบายร่วมกันในการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจน โปร่งใส ตรงไปตรงมาและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเน้นการทำงานที่กระชับและรวดเร็วเพื่อตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรที่สนับสนุนและให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรสร้างบัตรชาร์จไฟฟ้า และเดินหน้าขยายสถานีชาร์จเพื่อเพื่อรองรับความต้องการและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

การขยายโอกาสด้านธุรกิจฟลีท ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักสำคัญสำหรับงานขายของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จะนำผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงานใหม่เข้าสู่กลุ่มลูกค้าระดับองค์กร โดยรถยนต์ของกลุ่มลูกค้าฟลีท จะมาพร้อมการรับประกันและบริการหลังการขายที่เพิ่มความอุ่นใจพื่อให้ลูกค้าระดับองค์กรมั่นใจในการใช้งานรถยนต์คุณภาพจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่างต่อเนื่องและไร้กังวลในทุกมิติ ตอบความต้องการในทุกการเดินทางเพื่อประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมลูกค้าองค์กรในทุกขนาด และหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสนับสนุนกลุ่มอาชีพพิเศษ อาทิ แพทย์ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร และข้าราชการอื่น ๆ อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์พลังงานใหม่อย่างเป็นรูปธรรมและเติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน

 

เอซุส (ประเทศไทย) ประกาศแต่งตั้งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์คนใหม่ พร้อมนำทัพเสริมความแข็งแกร่งสู่การเป็นแบรนด์โน้ตบุ๊กอันดับหนึ่งในไทยอย่างยั่งยืน

เอซุส (ประเทศไทย) ประกาศแต่งตั้ง คุณวิจิตรา หิรัญญการ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ (Business Development Manager of Consumer Business) ประจำประเทศไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นผู้นำการวางแผนพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอนซูเมอร์ รวมถึงการดูแลฝ่ายการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมนำประสบการณ์กว่า 20 ปีจากความเชี่ยวชาญในส่วนของงานบริหารด้านการขาย และช่องทางการจำหน่ายต่างๆ มาพัฒนา โดยในครึ่งแรกของปี 2567 ภายใต้การนำทีมฝ่ายพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายของคุณวิจิตรา เอซุสสามารถรักษาสัดส่วนมูลค่ายอดขายโน้ตบุ๊กคอนซูเมอร์ได้เป็นอันดับ 1 ของตลาดประเทศไทย และพร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งสู่ความเป็นแบรนด์โน้ตบุ๊กคอนซูเมอร์อันดับหนึ่งในไทยต่อไป

คุณวิจิตรา หิรัญญการ ได้เริ่มการทำงานที่ บริษัท เอซุส (ประเทศไทย) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน และเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ พร้อมเดินหน้านำพาเอซุสให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืนท่ามกลางการแข่งขันของตลาดในประเทศไทย และส่งมอบนวัตกรรมและประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย ภายใต้พันธกิจของเอซุสที่ว่า ‘In Search of Incredible’

ควอลคอมม์เปิดตัวแพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon 7s Gen 3 มอบประสบการณ์ AI ที่ดีกว่าเดิมในสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา

  • แพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon 7s Gen 3 รุ่นล่าสุดในกลุ่ม “s” รวบรวมคุณสมบัติเด่น จาก series 7 เพื่อให้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Qualcomm เข้าถึงสำหรับทุกคนมากขึ้น รวมถึง generative AI, เกมมือถือ, กล้อง,วิดีโอ และฟีเจอร์อื่นๆอีกมากมาย
  • แพลตฟอร์มนี้ยกระดับประสิทธิภาพใหม่ในทุกด้าน โดยมีประสิทธิภาพของCPU ที่ดีขึ้นเกือบ 20% จาก Qualcomm Kyro CPU รุ่นล่าสุด, GPU เร็วขึ้นถึง 40%, ประสิทธิภาพ AI ดีขึ้นกว่า 30% และประหยัดพลังงานโดยรวม 12%1
  • ผู้ผลิตอุปกรณ์ชั้นนำ รวมถึง Realme, Samsung, Sharp และ Xiaomi คาดว่าจะประกาศการนำ Snapdragon 7s Gen3 มาใช้ในเร็วๆนี้

บริษัท ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ อินคอร์ปอเรชั่น (Qualcomm Technologies, Inc.) เผยโฉมแพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon 7s Gen3 ต่อยอดจากความสำเร็จของ series 7 ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสำหรับผู้ใช้มากขึ้น แพลตฟอร์มใหม่นี้มอบสมรรถนะด้าน generative AI บนอุปกรณ์ โดยรองรับ LLMs รวมถึง Baichuan-7B, Llama 2 ขนาด 1B parameters และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมมือถือแนวผจญภัยใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย Qualcomm Adreno GPU  ที่ทรงพลังและคุณสมบัติการถ่ายภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพ เช่น triple ISP แบบ 12-bit และ 4K sHDR

คริส แพทริค (Chris Patrick) รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโทรศัพท์มือถือของ Qualcomm Technologies, Inc. กล่าวว่า “Snapdragon 7s Gen 3 จะนำสิ่งที่ดีที่สุดของซีรีส์ 7 มาในอุปกรณ์ระดับ mid-tier มากขึ้น ด้วยคุณสมบัติชั้นนำของซีรีส์ 7 รวมถึงการรองรับ AI บนอุปกรณ์ แพลตฟอร์มนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบประสบการณ์การใช้มือถือที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันให้กับผู้บริโภคในทุกระดับราคา”

View of Manhattan from a New York City rooftop with colorful deck chairs

Snapdragon 7s Gen 3 จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย Xiaomi ซึ่งคาดว่าอุปกรณ์เครื่องแรกจะมีการประกาศในเดือนหน้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธมิตรที่สนับสนุนแพลตฟอร์มนี้ สามารถดูได้ที่เอกสารข้อความจาก partner quote sheet ตามไฟล์แนบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่นี้ สามารถดูได้ที่เอกสารสรุปผลิตภัณฑ์หรือเว็บไซต์ของเรา

1เปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon 7s Gen 2 รุ่นก่อนหน้า 

ฟูจิฟิล์ม ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร เดินหน้าโชว์ศักยภาพ ‘One-stop, Total Screening Solution’ ในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024

นำทัพนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค ครอบคลุมการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ และสุขภาพสตรี
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้ทุกคน

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านโซลูชันเฮลท์แคร์ครบวงจรภายใต้คอนเซปต์ One-Stop, Total Healthcare Solution อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดขนทัพ Total Screening Solution ไลน์อัปเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองโรคไปจัดแสดงในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 ระหว่างวันที่ 16 – 18 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยนวัตกรรมการตรวจคัดกรองทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์ม ครอบคลุมหลากหลายปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพสตรี มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งล้วนมีสถิติการเจ็บป่วยที่น่ากังวลในไทยและทั่วโลก โซลูชันเพื่อการตรวจคัดกรองของฟูจิฟิล์ม เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพทางการแพทย์ขั้นสูงและการผสานรวมระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สอดคล้องกับเป้าหมายของฟูจิฟิล์มในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม โดยงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 เป็นอีเวนต์ใหญ่แห่งวงการสุขภาพที่เปิดเวทีให้เหล่าผู้นำจากแวดวงการแพทย์ ดิจิทัลเฮลท์แคร์ และเวลเนส มาร่วมนำเสนอเทรนด์และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศไทยและทั่วโลก

มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟูจิฟิล์ม ตระหนักดีว่านวัตกรรมทางการแพทย์ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับบริการสาธารณสุขของประเทศ เราจึงไม่หยุดพัฒนา One-Stop, Total Healthcare Solution ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญกว่า 80 ปีในด้านภาพถ่ายทางการแพทย์ จุดแข็งของโซลูชันครบวงจรของเราคือการผสานเทคโนโลยี AI และระบบ IT ที่ช่วยตรวจพบโรคได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เป็นกุญแจสำคัญของการรักษาที่ทันท่วงที แต่หลายประเทศยังคงเผชิญกับการตรวจคัดกรองโรคที่ไม่ทั่วถึง ฟูจิฟิล์มเดินหน้าแก้ปัญหานี้ด้วยการพัฒนา Total Screening Solution ที่ครอบคลุมการคัดกรองความผิดปกติในลำไส้ ตับ และสูตินรีเวช เพื่อเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย ขยายการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลก พันธกิจนี้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายใหม่ของกลุ่มบริษัทฟูจิฟิล์มที่ว่า “แต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา”

ฟูจิฟิล์ม เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกด้วย Total Screening Solution ที่ผสานพลัง AI และระบบ IT มุ่งหวังเสริมศักยภาพและการวินิจฉัยที่แม่นยำของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลก

โซลูชันการคัดกรองครบวงจรด้านสุขภาพสตรของฟูจิฟิล์มอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ INNOMUSE ซึ่งเป็นการผสมคำว่า “Innovation” กับ “Muse” โดย INNOMUSE ได้ผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจคัดกรองและการดูแลสุขภาพสตรี การตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์ระบบดิจิทัล (Mammography) สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา และสุขภาพกระดูก รวมไปถึง AMULET Innovality เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิทัล และ Arietta 850 DeepInsight เครื่องอัลตราซาวด์ที่นำมาจัดแสดงในงานนี้ 

ในปัจจุบัน มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้หญิง ฟูจิฟิล์ม มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยให้ผู้หญิงไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองได้ง่ายขึ้น ซึ่งการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นจะเพิ่มโอกาสการรักษาและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ โดยประสิทธิภาพของเครื่องเอกซเรย์เต้านม AMULET Innovality ให้ภาพที่คมชัดเพื่อการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมที่แม่นยำ ขณะที่เครื่องอัลตราซาวด์ Arietta 850 DeepInsight ที่ได้มีการนำเทคโนโลยี DeepInsight มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มคุณภาพของภาพ ช่วยให้การวิเคราะห์รายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยทั้งสองระบบยังผสานเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับความแม่นยำและประสิทธิภาพในการวินิจฉัย

นายนภสินธุ์-รักสัตย์-หัวหน้าฝ่ายบริหารแผนกกล้องส่องตรวจทางเดินอาหาร

นอกจากนี้ สถานการณ์มะเร็งตับในประเทศไทยยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่กว่า 140,000 รายต่อปี1 ตามสถิติจากทะเบียนมะเร็งประเทศไทยโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ฟูจิฟิล์ม นำเสนอนวัตกรรมเเบบ Fully Automated Microfluidic-based Immunoanalyzer อย่าง μTASWako i30 ซึ่งเป็นเครื่องตรวจวิเคราะห์สารบ่งชี้มะเร็งตับในเลือดแบบครบวงจรที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและความแม่นยำในการตรวจหามะเร็งเซลล์ตับชนิด HCC (Hepatocellular Carcinoma) ในระยะเริ่มต้น (early stage) โดยเครื่องสามารถรายงานผลเลือดได้ภายใน 9 นาทีต่อหนึ่งการทดสอบ และสามารถรายงานผลเลือดได้มากถึง 25 การทดสอบต่อชั่วโมง จุดเด่นด้านความรวดเร็วและแม่นยำของ μTASWako i30 ช่วยให้แพทย์รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นได้อย่างทันท่วงที นับเป็นการยกระดับมาตรฐานการตรวจคัดกรองมะเร็งตับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ฟูจิฟิล์ม ได้พัฒนาระบบกล้องส่องทางเดินอาหาร ELUXEO 7000 System ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลผล BL-7000 และ VP-7000 ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการส่องกล้องล้ำสมัยที่ใช้ AI อย่าง CAD EYE โดย ELUXEO 7000 System จะแปลงสัญญาณภาพจากกล้องส่องทางเดินอาหารโดยใช้เทคโนโลยี LCI และ BLI ร่วมด้วย ซึ่งเมื่อใช้งานคู่กับ CAD EYE จะตรวจจับและวิเคราะห์รอยโรคในลำไส้ใหญ่ได้แม่นยำขึ้น รวมถึงบริเวณที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ฟูจิฟิล์ม มุ่งส่งเสริมการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุ 45-70 ปีที่มีผลตรวจ FIT (Fecal Immunochemical Test) เป็นบวก เพื่อโอกาสในการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะประชากรในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนแออัด ด้วยเป้าหมายในการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่

การโชว์เคส Total Screening Solution ของฟูจิฟิล์ม ในงาน Thailand Wellness and Healthcare Expo 2024 เป็นบทพิสูจน์การเดินหน้าแก้ปัญหาความท้าทายด้านสุขภาพทั่วโลกด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยของบริษัท ฟูจิฟิล์ม สานต่อการคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์และโซลูชันการตรวจคัดกรองที่ครอบคลุมเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้แก่ทุกคน ภายใต้จุดมุ่งหมายในการแต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา

แหล่งอ้างอิง

  1. National Cancer Conference 2023 สถิติโรคมะเร็งประเทศไทย www.hfocus.org/content/2023/02/27095

ไบแนนซ์ พิชิตก้าวสำคัญบนเวทีโลก ด้วยการขยายแพลตฟอร์มสู่ตลาดอินเดีย

ไบแนนซ์ (Binance) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีปริมาณการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในด้านการกำกับดูแลนโยบายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) กับการประกาศความสำเร็จในการได้รับการจดทะเบียนเป็นหน่วยงานนิติบุคคลที่รายงานขึ้นตรงต่อหน่วยข่าวกรองทางการเงินของประเทศอินเดีย (FIU-IND) ซึ่งถือเป็นการบรรลุเป้าหมายด้านกฎระเบียบระดับโลก (global regulatory milestone) อีกครั้งของไบแนนซ์ และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก

นายริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์ กล่าวถึงความก้าวหน้าในครั้งนี้ว่า  “การจดทะเบียนระหว่างไบแนนซ์และหน่วยข่าวกรองทางการเงินของประเทศอินเดียถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอินเดีย การที่เราได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่สามารถให้คำแนะนำในด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เหมาะสม จะทำให้เราสามารถส่งมอบการบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานชาวอินเดียได้  ซึ่งการขยายขอบเขตการให้บริการของแพลตฟอร์มไบแนนซ์อันล้ำสมัยมายังอินเดียในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยส่งเสริมการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศอินเดียต่อไป”

ทั้งนี้ จากรายงานดัชนีการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของทั่วโลกของ Chainalysis ในปี 2565 (Chainalysis’ 2023 Global Crypto Adoption Index) ได้เผยให้เห็นว่า ประเทศอินเดียถือเป็นผู้นำของโลกในด้านการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยังติดกลุ่ม 5 อันดับแรกในด้านปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์และแบบกระจายศูนย์ แพลตฟอร์มการกู้ยืม สินทรัพย์คริปโต (Lending Protocols) และสัญญาอัจฉริยะของโทเค็น (Token Smart Contracts) ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ย้ำให้เห็นถึงความตื่นตัวและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศอินเดีย รวมถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่ประเทศนี้จะมีต่อโลกการเงินในอนาคตอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ไบแนนซ์ จึงได้นำโปรแกรมระดับโลกด้านการปฏิบัติตามตามกฏระเบียบข้อบังคับมาประยุกต์ใช้
โดยโปรแกรมดังกล่าว   ครอบคลุมถึงนโยบายต่อต้านการฟอกเงินที่เข้มงวด และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินให้กับการก่อการร้าย (Combating the financing of terrorism – CFT) โดยไบแนนซ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการนำกรอบการทำงานนี้มาใช้ในประเทศอินเดีย จะสามารถช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศทั้งหมด พร้อมไปกับการเสริมยังช่วยสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานทุกคนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือความเข้มงวดด้านจากการกำกับดูแลตามนโยบายต่อต้านการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ของการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ไบแนนซ์ให้ความสำคัญ อย่าง กระบวนการยืนยันตัวตน KYC และหน่วยงานการกำกับดูแลด้านอาชญากรรมทางการเงิน (FCC) ชั้นนำของอุตสาหกรรม ซึ่งทำหน้าที่ในการช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสืบสวนอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมร่วมพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถ เพื่อสร้างให้เกิดความปลอดภัยร่วมกันของระบบนิเวศ โดย นายริชาร์ด เทง ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความมุ่งมั่นของเราในการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจของไบแนนซ์ เพราะเรามีเป้าหมายที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม”

เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ Binance พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบสำหรับผู้ใช้ชาวอินเดียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เสียวหมี่วางจำหน่ายหูฟัง Redmi Buds 6 Active และ ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศวางจำหน่าย หูฟัง Redmi Buds 6 Active หูฟังดีไซน์ทันสมัยที่สวมใส่สบาย และ ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 ไดร์เป่าผมลมแรงเป่าผมแห้งเร็ว โดยหูฟัง Redmi Buds 6 Active จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 499 บาท (จากราคาปกติ 599 บาท) ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 ที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น, โลตัส, แม็คโคร และ mi.com1 ในขณะที่ ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 569 บาท (จากราคาปกติ 699 บาท) ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 ที่ โลตัส, แม็คโคร และ mi.com1

หูฟัง Redmi Buds 6 Active

หูฟัง Redmi Buds 6 Active มอบประสบการณ์การฟังที่ชัดเจนระหว่างการโทรสนทนาและการฟังเพลงอย่างลื่นไหล โดยให้คุณเพลิดเพลินได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 ชั่วโมง ซึ่งตัวหูฟังถูกออกแบบมาในดีไซน์และสีสันที่ทันสมัย ทั้งยังสวมใส่ได้อย่างสบายอีกด้วย 

หูฟัง Redmi Buds 6 Active จะวางจำหน่ายทั้งหมด 4 สี ได้แก่ White, Black, Transparent Blue และ Transparent Powder ในราคาพิเศษเพียง 499 บาท (จากราคาปกติ 599 บาท) ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 ที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น, โลตัส, แม็คโคร และ mi.com1

ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 

ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 มาพร้อมไอออนลบความเข้มข้นสูง 50 ล้านประจุ2 ที่จะช่วยลดไฟฟ้าสถิตให้ผมของคุณไม่ชี้ฟู มอบผมที่เรียบลื่นและเงางาม ทั้งนี้ตัวไดร์เป่าผมยังมาพร้อมกับมอเตอร์ความเร็วสูงด้วยความเร็วที่ 20,000 รอบต่อนาที3 มอบพลังการทำงานอันทรงพลัง โดยมีกระแสลมสูงถึง 15 ม./วินาที4 จึงทำให้คุณสามารถเป่าผมให้แห้งเร็วได้ไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับระดับโหมดอุณหภูมิลมได้ถึงสองโหมดสลับได้ทั้งร้อนและเย็น พร้อมทั้งจับคู่กับโหมดความเร็วลมได้อีกสองโหมดเพื่อให้คุณเป่าผมให้แห้งในโหมดต่างๆ ได้ตามต้องการ ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 นั้นถูกออกแบบมาให้มีกระทัดรัดน้ำหนักเบาเพื่อการพกพาที่สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยตัวด้ามจับสามารถพับเก็บได้ทำให้ตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็กลงพร้อมทั้งยังเสริมแข็งแรงของตัวเครื่องด้วยเพลาที่ทนต่อการสึกหรอจากการใช้งานหนักในตัว5อีกด้วย 

ไดร์เป่าผม Xiaomi Compact Hair Dryer H101 สีขาว จะวางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 569 บาท (จากราคาปกติ 699 บาท) ในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 ที่ โลตัส, แม็คโคร และ mi.com1

หมายเหตุ

1 เงื่อนไขโปรโมชั่นเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

2 ไอออนลบ 50 ล้านประจุ: การทดสอบดำเนินการภายใต้โหมดลมเย็นภายในกระแสลมสูงและแรงดันไฟฟ้าพิกัดขาเข้า ช่องลมออกอยู่ห่างจากเครื่องวัดความเข้มข้นของไอออนลบ 20 ซม. เพื่ออ่านปริมาตรไอออนลบ หมายเลขรายงาน QE20220804-914-12

3มอเตอร์ความเร็วสูงที่ความเร็ว 20,000 รอบต่อนาที: สโตรโบสโคปใช้ในการวัดความเร็วในการหมุนของใบพัด เมื่อใบพัดค่อนข้างอยู่กับที่ภายใต้แรงดันไฟฟ้าพิกัด และในโหมดกระแสลมสูงและโหมดลมร้อน ความเร็วในการหมุนอยู่ที่ 20,000(1±10%) รอบต่อนาที หมายเลขรายงาน QE20220804-914-5

4 กระแสลมสูง 15 ม./วินาที: แรงดันไฟฟ้าพิกัดจะถูกตั้งค่าในโหมดกระแสลมสูงและโหมดลมร้อน ช่องลมออกอยู่ห่างจากเครื่องวัดความเร็วลม 10 ซม. เป็นเวลา 10 วินาที และค่าสูงสุดของเครื่องวัดความเร็วลมอ่านได้ที่ 15 เมตร/วินาที หมายเลขรายงาน QE20220804-914-11

5 เพลาแบบทนต่อการสึกหรอจากการใช้งานหนักในตัว: ด้ามจับยังคงพับและคืนตำแหน่งเดิมได้อย่างถูกต้องหลังจากการพับ 15–20 ครั้งต่อนาที สำหรับการใช้งานทั้งหมด 6,000 ครั้ง หมายเลขรายงาน QE20220811-959

สามารถชมภาพเพิ่มเติมได้ที่: Redmi Buds 6 Active, Xiaomi Compact Hair Dryer H101 

TikTok ส่ง Holistic Solutions ต่อยอดความสำเร็จช่วงเทศกาล Mega Sales

  • ชูเฟรมเวิร์ก ‘PACE’ กระตุ้นแบรนด์-ร้านค้า เร่งปรับตัวสร้างโอกาสและเพิ่มรายได้รับ Mega Sales พร้อมมัดใจผู้บริโภคด้วย TikTok Solutions 
  • TikTok Shop เผยยอด GMV ครึ่งปีแรกโต 500% ผ่าน Livestream [1] พร้อมมุ่งสนับสนุนธุรกิจไทยผ่าน 3 กลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับ Mega Campaign ครึ่งปีหลังนี้ได้แก่ 1) การจัด Year-End Mega Campaigns Sales, 2) ส่งเสริม Live Commerce, และ 3) เปิดโอกาสให้แบรนด์และร้านค้าพาร์ทเนอร์กับ Creators Affiliate 

TikTok แพลตฟอร์มเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ไทย ธุรกิจทุกขนาด และคอมมูนิตี้ผู้ใช้ในประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสและสนับสนุนความสำเร็จให้ธุรกิจไทย แนะนำเฟรมเวิร์ก ‘PACE’ สำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อนำไปใช้วางแผนกลยุทธ์การตลาด เรียนรู้พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มความหลากหลายสินค้าพร้อมวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ปรับไอเดียสร้างสรรค์คอนเทนต์ และโปรโมตแคมเปญการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ รับกระแส Shoppertainment ที่เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย พร้อมชู TikTok Solutions สำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดและขยายโอกาสให้กับทุกคนในอีโคซิสเต็มของ TikTok พร้อมเผย 4 พฤติกรรมนักช้อปบน TikTok ที่มีความต้องการเฉพาะในการช้อปสินค้าออนไลน์ช่วงครึ่งปีหลังจากนี้

ข้อมูลจาก Kantar เผยว่านักช้อปไทยถึง 77% ช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตอกย้ำให้เห็นว่าพฤติกรรมการช้อปปิ้งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของผู้บริโภคไทย ขณะที่คอนเทนต์คือ “กุญแจสำคัญ” ในการขับเคลื่อนความสำเร็จของการทำตลาด Social Commerce ในภาคธุรกิจ ซึ่งการทำคอนเทนต์ช่วง Mega Sales ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านคุณภาพ (Quality) และปริมาณ (Quantity) โดยคุณภาพของคอนเทนต์จะช่วยเพิ่มยอดคลิก ยอด Engage จากผู้ชมมากกว่า 3 เท่า รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการดูคอนเทนต์ซ้ำ และเพิ่มปริมาณการแชร์คอนเทนต์ 

ปัจจุบัน TikTok มีจำนวนผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 325 [2] ล้านราย รวมถึงมีภาคธุรกิจกว่า 15 [2] ล้านรายที่ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ TikTok ในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน TikTok มีครีเอเตอร์มากกว่า 3 [3] ล้านรายที่สร้างรายได้จาก TikTok และมีผู้ขายมากกว่า 2.4 [3] ล้านคน (99% เป็นผู้ขายในประเทศ [3]) ช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ ร้านค้า ผู้ประกอบการและผู้บริโภค เนื่องจากมีมหกรรมช้อปสินค้าเกิดขึ้นมากมายในแต่ละเดือน ข้อมูลจาก TikTok ในช่วงมหกรรม Mega Sales ปีก่อน (2566) พบว่า 89% [4] ของผู้ใช้ TikTok เลือกช้อปสินค้าในช่วง Mega Sales และปีนี้มีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.7 [4] เท่า ตอกย้ำให้เห็นว่าปรากฎการณ์ Shoppertainment ที่ผสานความบันเทิงกับการช้อปปิ้งอย่างลงตัวได้กลายเป็น Economic Engine ที่ขับเคลื่อนทั้ง Digital Economy และ Creative Economy ของประเทศให้เติบโต 

คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – TikTok Thailand กล่าวว่า “TikTok มุ่งนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันที่พร้อมสนับสนุนแบรนด์และธุรกิจไทยให้สามารถสร้างการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา จากการสำรวจของ TikTok พบว่าพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ The Bargain Hunters – นักช้อปผู้ล่าสินค้าราคาถูก, The Inspirational Shoppers – นักช้อปผู้สร้างแรงบันดาลใจ, The Effortless Shoppers – นักช้อปที่เน้นความสะดวกและ The Purposeful Shoppers – นักช้อปที่มีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งหากแบรนด์วางแผนอย่างเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก็จะสามารถวางกลยุทธ์และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของ TikTok เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” 

พร้อมกันนี้ TikTok ได้นำเสนอ “PACE” เฟรมเวิร์กสำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ซึ่งประกอบด้วย P-Persona – แบรนด์และธุรกิจต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย A-Assortment – ความหลากหลายของสินค้าและการวางกลยุทธ์การส่งเสริมการขายต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อและยอดขายรวม (GMV) C-Content – การสร้างแรงบันดาลใจด้วยคอนเทนต์คุณภาพเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า และ E-Empowerment – เพิ่มประสิทธิภาพของการโปรโมตและยอดขายด้วยเครื่องมือโฆษณาต่าง ๆ แบรนด์และร้านค้าสามารถนำองค์กรประกอบเหล่านี้ไปใช้ต่อยอดการรังสรรค์แคมเปญการตลาดได้ในทุกมิติ เตรียมพร้อมเพื่อรับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมหกรรม Mega Sales ที่กำลังจะมาถึง” คุณสิรินิธิ์ กล่าวเสริม

Holistic Solutions ของ TikTok จะช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อใช้โอกาสจากกระแส Shoppertainment ในช่วง Mega Sales ซึ่งประกอบด้วย 3 โซลูชันหลักได้แก่ Ads Solution, In-App Shop Solution และ Live Commerce Solution ที่จะครอบคลุมกิจกรรมการตลาดใน TikTok ได้อย่างครบวงจร ช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ และมอบ Seamless Experience ในการทำ Full-Funnel Marketing ได้ตรงตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มโปรโมต 1 เดือนก่อน Mega Sales, กระตุ้นให้คนดูปักตะกร้าและทำ Retargeting ช่วงแคมเปญเพื่อปิดการขาย, ไปจนถึงการเลือก Top Affiliate Content มาใช้ช่วง After Party ที่เป็นช่วงหลังแคมเปญไปแล้ว โดยดำเนินการร่วมกับเฟรมเวิร์ก PACE ได้อย่างลงตัว” คุณสิรินิธิ์ กล่าวสรุป 

คุณกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์, Head of FMCG, E-Commerce – TikTok Shop Thailand กล่าวว่า “TikTok Shop เป็น Entertainment First Shopping Platform ที่นำเสนอข้อมูลและประสบการณ์การช้อปแบบอินเตอร์แอคทีฟเต็มประสิทธิภาพ ที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคที่มองการช้อปปิ้งเป็นกิจกรรมสนุกสนานและสร้างความพึงพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงแคมเปญ 8.8 ที่ผ่านมาเราเติบโตเคียงข้างธุรกิจไทยอย่างต่อเนื่อง TikTok Shop มียอด GMV เพิ่มขึ้นถึง 500% ผ่านช่องทางการซื้อสินค้าผ่าน Livestream [1] นอกจากนี้ Shop Tab ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 เพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าในการค้นหาสินค้าที่ต้องการอย่างรวดเร็วมียอดการเติบโตสูงถึง 100% [1] ขณะที่ยอดผู้ขายที่ลงทะเบียนเป็นร้านค้าใน TikTok Shop Mall เองก็เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า [1] ส่งผลให้ยอด GMV ของ TikTok Shop Mall มีการเติบโตถึง 18 เท่า [1] ตอกย้ำว่า TikTok Shop ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ One-Stop Shopping ให้แก่ผู้บริโภคไทย พร้อมเปลี่ยน Shopping Journey ให้กระชับและยังมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าทึ่งให้กับแบรนด์และร้านค้าอย่างต่อเนื่อง”

“TikTok Shop แพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสการเพิ่มรายได้ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ร้านค้าหรือครีเอเตอร์ ในช่วงเทศกาลลดราคา ผู้ใช้ TikTok ถึง 80% [4] มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าใน TikTok Shop ซึ่งสอดคล้องกับยอดขาย (GMV) ของแบรนด์และร้านค้าผ่านช่องทาง Live Commerce ใน TikTok Shop ที่เพิ่มขึ้นถึง 140% ในช่วง Mega Sales [5] เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้เราพบว่าการดูคลิปวิดีโอบน TikTok ส่งผลต่อพฤติกรรมการช้อปสินค้าของผู้บริโภค และสำหรับช่วงครึ่งปีหลังนี้ TikTok Shop จะมุ่งเน้นไปที่ 3 กลไกที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับ Mega Campaign เพื่อสนับสนุนทุกคนในอีคอมเมิร์ซอีโคซิสเต็ม ได้แก่ 1) การจัด Year-End Mega Campaigns Sales 2) ส่งเสริม Live Commerce และ 3) เปิดโอกาสให้แบรนด์และร้านค้าพาร์ทเนอร์กับ Creators Affiliate โดยจะ Plug-In เข้ากับกิจกรรมทางการตลาดของ TikTok Shop ที่ร่วมกับทั้งพาร์ทเนอร์ แบรนด์-ร้านค้า และครีเอเตอร์ เพื่อผลักดันให้ TikTok Shop เป็นแพลตฟอร์มที่มอบโอกาสและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับทุกภาคส่วน” คุณกรณิการ์ กล่าวเพิ่มเติม

คุณวริษฐา สืบพันธ์วงษ์ CEO, Founder ของ บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์สกินแคร์ MizuMi (มิซึมิ) กล่าวว่า “ปัจจุบัน MizuMi เป็นแบรนด์สกินแคร์ของคนไทยที่ได้รับการยอมรับในตลาดออนไลน์ เรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เนื่องจากแบรนด์เราอยู่ในตลาดมานานจึงเข้าใจทุกการเปลี่ยนแปลงและพร้อมปรับตัวตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นในตลาดอีคอมเมิร์ซ เราเริ่มสร้างแบรนด์ใน TikTok มาตั้งแต่ปี 2565 โดยใช้ Ads Solution ของ TikTok ในแบบ Full Funnel Marketing และทำงานร่วมกับทีมงาน TikTok อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญและคอนเทนต์การตลาดที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์ม โดยในช่วงแคมเปญ 7.7 ที่ผ่านมา MizuMi สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 30% [6] เทียบกับแคมเปญ 6.6 ในงบประมาณเท่ากัน และแคมเปญ 7.7 นี้เอง MizuMi ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดเจลลี่ตัวใหม่ UV Jelly Aqua Fresh Sunscreen ซึ่งวางกลยุทธ์ให้เป็นสินค้าหลักในทำการตลาดสำหรับแคมเปญนี้ ในระยะเวลาเพียง 3 วันของแคมเปญมียอดสั่งซื้อกันแดดเจลลี่เข้ามากกว่า 10,000 ชิ้นจากทุกแพลตฟอร์ม แต่ที่น่าสนใจคือยอดขายเกือบ 2 ใน 3 (63%) เกิดขึ้นบน TikTok Shop และสร้างผลตอบแทนจากค่าโฆษณาสูงถึง 10 เท่า ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังแบรนด์วางแผนที่จะใช้ Solution ของ TikTok เหมือนเดิม แต่เพิ่มในส่วนของ Affiliate มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุน Creator ในการนำสินค้าของแบรนด์ไปรีวิว การวางสินค้าตัวหลักในแต่ละแคมเปญ ตลอดจนทดลองใช้ Creative ใหม่ ๆ สำหรับการไลฟ์ขายของตลอดช่วงแคมเปญ และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ MizuMi นั้นก็คือการทำ CEO คอนเทนต์บน TikTok เพื่อนำเสนอมุมมองในเรื่องต่าง ๆ แบ่งปันประสบการณ์อย่างจริงใจ ผ่านการทำคลิปสั้นและการ LIVE ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าพร้อมสร้างแบรนด์ให้เติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต”

คุณวัฒนา พรหมทอง และคุณวสุรัตน์ เอื้อสัจจะธรรม เจ้าของแบรนด์ Promthong (พรหมทอง) กล่าวว่า “เราเริ่มจากการเป็นหลังบ้านในขั้นตอนการผลิตให้กับแบรนด์ต่าง ๆ จากนั้นจึงเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองขึ้นมาก็คือ ‘พรหมทอง’ โดยเปิดร้านใน TikTok Shop เมื่อปีก่อน และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นและเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์หลักคือการไลฟ์สดที่ไม่ได้เน้นการขายสินค้าแบบตรง ๆ ซึ่งสามารถสร้างสัดส่วนยอดขายจากการไลฟ์ได้ถึง 80% จากยอดขายทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงแคมเปญ 7.7 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 1 ปีที่เปิดหน้าร้านใน TikTok Shop แบรนด์มียอดขายเติบโตมากถึง 300% ช่วงมหกรรม Mega Sales จากนี้ เราจะเน้นการบริหารจัดการงบประมาณและการเลือกใช้ Ads Solution อย่างเข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Ads Solution, In-App Shop Solution หรือ Live Commerce Solution บวกกับการทำ Livestreaming อย่างต่อเนื่อง เพราะบน TikTok จุดขายคือคนชอบดูไลฟ์ เพราะมันดูเรียลดี เพื่อใช้โปรโมตสินค้า สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าหลากหลาย พร้อมเดินหน้าค้นหาแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดคุณภาพสินค้ายิ่งขึ้น โดยพรหมทองมองว่าคอนเทนต์คือกุญแจสำคัญในการปิดการขายและสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้าระยะยาว” 

จากการศึกษาของ Kantar พบว่าในช่วงสิ้นปีที่แล้วนักช้อปบน TikTok มียอดการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 [4] บาทในทุกเทศกาลเซล ดังนั้นมหกรรม Mega Sales ที่กำลังจะมาถึงนี้ไม่ว่าจะเป็น 9.9, 10.10, 11.11 และ 12.12 จึงเป็นอีเวนท์การช้อปครั้งสำคัญที่ผู้บริโภครอคอย เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่ง ตั้งแต่การช้อปปิ้ง การขายสินค้า และการสร้างสรรค์เนื้อหา ซึ่ง Holistic Solutions ของ TikTok ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์และมอบความสุข แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับแบรนด์ ผู้ขาย และครีเอเตอร์ในการเชื่อมต่อกับผู้ชมและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

Footnote:

[1] อ้างอิงข้อมูลจาก TikTok Shop Internal Data, Thailand, Jan 2024 to Aug 2024

[2] รวมผู้ใช้งานและธุรกิจต่าง ๆ จากบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2023

[3] อ้างอิงข้อมูลจากงานแถลงข่าว “TikTok For All” ในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2567 

[4] อ้างอิงข้อมูลจาก TikTok commissioned study conducted by Kantar Profile on shopping during shopping seasons among TikTok users and non-users in TH, 2024

[5] อ้างอิงข้อมูลจาก TikTok Shop Internal Data, Thailand, comparing 8.8 campaigns in 2024 with non-campaign periods.

[6] อ้างอิงข้อมูลจาก MizuMi Internal Data, Thailand, as of Aug 2024 

[7] อ้างอิงข้อมูลจาก Promthong Internal Data, Thailand, as of Aug 2024 

มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ ซูเปอร์คาร์ทรงพลังเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่มอนเทอเรย์ คาร์ วีค 2024

ร่วมเติมสีสันที่ The Quail ด้วยการเผยโฉมครั้งแรกของ เอ็มซี20 ไอคอนา ในทวีปอเมริกาเหนือ และโชว์โฉม เอ็มซี เอ็กซ์ตรีมา คันแรกที่พร้อมส่งมอบให้ลูกค้า ณ ลากูนา เซกา

มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ (GT2 Stradale) ซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่จากมาเซราติ ได้รับเกียรติเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ภายในงาน มอนเทอเรย์ คาร์ วีค (Monterey Car Week) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 มาเซราติ เปิดตัวรถซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ภายในงานประจำปีที่คนในวงการมอเตอร์สปอร์ตมารวมตัวกันที่รีสอร์ตชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ใน The Quail ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงานมหกรรมมอนเทอเรย์คาร์ วีค ที่จัดขึ้นเพื่อแฟนพันธุ์แท้  ซูเปอร์คาร์และผู้ที่สนใจ

มาเซราติ จีที 2 สตราดาเล่ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งความเหนือระดับและความสปอร์ตแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และเป็นผลจากความร่วมมือทั้งด้านเทคนิคและดีไซน์ระหว่างรถสองรุ่นคือ มาเซราติ จีที2 ซึ่งเป็นผลงานชั้นเลิศด้านสมรรถนะที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้ในการหวนคืนสนามแข่ง กับมาเซราติ เอ็มซี20 ซึ่งเป็นรถระดับไอคอนของค่ายตรีศูลที่โดดเด่นด้านดีไซน์

มาเซราติเริ่มต้นสร้างสรรค์รถยนต์บนพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม เป็นการผสานความสุดยอดในด้านการแข่งในสนามและการใช้งาน บนท้องถนนทั่วไป โดยการส่งต่อจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของรถแข่ง และส่งเสริมให้ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ยอดนิยมนี้มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง 

มาเซราติ จีที 2 สตราดาเล่ ผสานการถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงลึกด้านสมรรถนะซึ่งปกติแล้วจะเป็นจุดเด่นของรถแข่ง เข้ากับคุณสมบัติสุดยอดของเอ็มซี20 ผลลัพธ์ คือ ยนตรกรรมซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่โดดเด่นทั้งในด้านรูปลักษณ์และสมรรถนะ แบบรถแข่ง ขณะเดียวกันก็ยังคงให้อารมณ์ในการขับขี่และความสบายในทุกสถานการณ์ รวมทั้งให้ประสบการณ์ในการขับขี่  ที่เหนือระดับตามมาตรฐานของมาเซราติ

มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้พลังสูงสุด 640 แรงม้า (มากกว่าเอ็มซี20 10 แรงม้า) แต่มีน้ำหนักรวมลดลงถึง 60 กิโลกรัม  สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 2.8 วินาที จึงให้สมรรถนะและการขับขี่ที่เหนือระดับ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบตาม หลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม และดีไซน์ที่โดดเด่นซึ่งสืบทอดมาจากรถแข่งรุ่นอื่น  

เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย จะรู้สึกได้ถึงอารมณ์การขับขี่รถแข่งที่มีโอกาสจะเป็นสุดยอดของโลกได้อย่างแท้จริง

มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ มีฟีเจอร์มากมาย และเปิดโอกาสให้ปรับแต่งหรือเลือกฟีเจอร์ได้ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ตามต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อเพิ่มสมรรถนะ เพื่อรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา หรือตามโครงการฟูออริเซรี และการตั้งค่าพิเศษ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละตลาด)

มร. เดวิด กราสโซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเซราติ กล่าวว่า “มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ เป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ มีการผสานรวมความเป็นเจ้าตำนานในสนามแข่งของมาเซราติ และสะท้อนพัฒนาการของรถระดับไอคอน คือรถยนต์ในตระกูล เอ็มซี20 ไปพร้อมกัน จีที2 สตราดาเล่ ถูกรังสรรค์มาสำหรับการขับขี่ในทุกวัน โดยพัฒนาขึ้นจากความปรารถนาที่จะส่งมอบความเป็นเลิศด้านเทคนิค นวัตกรรม การออกแบบ เติมเต็มอารมณ์ในการขับขี่ให้แก่ลูกค้า ขณะเดียวกัน เราได้สร้างสรรค์โซลูชั่นสำหรับรถที่ออกแบบมาเฉพาะใช้ในสนามแข่ง ซึ่งเป็นหัวใจและดีเอ็นเอด้านการแข่งขันของมาเซราติ ในอีกด้านหนึ่ง  เรายังการันตีได้ถึงความสบายที่มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัย มาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ จึงเป็นยนตรกรรมที่   สนองทุกความต้องการของลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ และเป็นผลงานที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์มาเซราติได้เป็นอย่างดี

ในการเปิดตัวครั้งแรกในโลกของมาเซราติ จีที2 สตราดาเล่ในงาน The Quail มาเซราติยังได้นำรถอีก 2 รุ่นมาโชว์โฉม ได้แก่ เอ็มซี20 ไอคอนา (MC20 Icona) ซึ่งมาปรากฏโฉมครั้งแรกในทวีปอเมริกาเหนือ และ เอ็มซีเอ็กซ์ตรีมา (MCXtrema) ที่    ลากูนา เซกา ในพิธีส่งมอบรถแข่งทรงพลังคันแรกจากมาเซราติ

เอ็มซี20 ไอคอนา เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นรถยนต์ตระกูลพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อฉลอง 20 ปีแห่ง  การหวนคืนสู่สนามแข่งจีที แชมเปียนชิพ และรถยนต์ที่โลกต้องจารึกไว้คือ เอ็มซี20 รถยนต์รุ่นพิเศษนี้จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ผลิตขึ้นเพียง 20 คันเท่านั้น โดยมีตัวถังสีขาว Bianco Audace Matte และสีน้ำเงิน Blu Stradale เอ็มซี20 ไอคอนาเป็นรถยนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกของรถยนต์สำหรับขับขี่บนท้องถนนทั่วไปอีกรุ่นหนึ่งคือ เอ็มซี20 สตราดาเล่ รุ่นปี 2547 ซึ่งมีบุคลิกคล้ายกัน และติดตั้งเครื่องยนต์ 12 สูบที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่ ยนตรกรรมรุ่นดังกล่าวสะท้อนถึงจุดเด่นของ ค่ายตรีศูลด้านสมรรถนะอันเหนือชั้น และผลิตขึ้นเพื่อขออนุมัติประเภทในการเข้าร่วมแข่งขันจีที

ในปีนี้ เอ็มซีเอ็กซ์ตรีมา กลับมาโชว์ตัวใน The Quail อีกครั้งหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา และเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อฉลองการส่งมอบรถยนต์คันแรก จากทั้งหมด 62 คันที่ผลิตขึ้นทั่วโลกซึ่งถูกจัดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ WeatherTech Raceway Laguna Seca รถคันนี้ผลิตขึ้นเพื่อการขออนุมัติประเภทเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น มีกำลังสูงสุดถึง 730 แรงม้า และมีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวสะดุดตา เอ็มซีเอ็กซ์ตรีมา เป็นรถที่มีความพิเศษ ได้แก่ เป็นรถซูเปอร์สปอร์ตสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสมรรถนะ และความเป็นเลิศ ด้านเทคนิค มาเซราติ เอ็มซีเอ็กซ์ตรีมา เป็นรถแข่งสัญชาติอิตาลีที่ทรงพลังที่สุด เป็นยนตรกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจในทุกมิติและจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของค่ายตรีศูล รวมถึงยกระดับจิตวิญญาณแห่งความเป็นรถแข่งขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม

Hot Issue