Home Blog Page 38

AI ช่วยได้ ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นผู้ช่วยทนายให้คนยากจน

AI ช่วยได้

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างทางกฏหมายของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายขึ้น

AI ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของทีมงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่เคยมีทรัพยากรจำกัด โดยสามารถทำงานที่น่าเบื่อและซ้ำซากจำพวกงานเอกสาร ทำให้ทนายความมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า เช่น การวิเคราะห์คดีและให้คำปรึกษา

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในซานเบอร์นาร์ดิโน ซึ่งเคยเต็มไปด้วยเอกสารและผู้คนรอคิวเพื่อรอให้สัมภาษณ์ แต่ตอนนี้ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

AI จึงเป็นเหมือนความหวังใหม่ที่จะช่วยลดอุปสรรคและทำให้ความยุติธรรมเป็นจริงได้มากขึ้นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยในอเมริกา
ตัวอย่างของงาน AI ที่ช่วยเหลือทางกฏหมายได้
1.ให้คำปรึกษาเบื้องต้น เพื่อคัดกรองเคสต่าง ๆ และรวบรวมข้อมูลส่งให้ทนายในลำดับต่อไป
2.สามารถช่วยจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้ทนายความสามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีได้ง่ายขึ้น
3.ช่วยแปลภาษาและสรุปข้อมูลทางกฎหมายที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อการเข้าใจ ทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับศัพท์ทางกฎหมายสามารถเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเองได้ดีขึ้น

มีคนเคยถามนะว่า AI จะเข้ามาแย่งงานทนายหรือ คำตอบในตอนนี้ ก็ต้องบอก “ยังยาก” แต่สำนักงานกฏหมายส่วนใหญ่ในสหรัฐ ก็เริ่มใช้ AI มาเป็นผู้ช่วยเหลือ มากกว่าจะแทนที่การทำงานทั้่งหมดครับ นี่คือตัวอย่างที่ดีเลยล่ะ….

ที่มา
businesslive

ชี้ช่องโจร ยอดรายงาน Google Maps พุ่ง ขอเบลอภาพบ้านบนแผนที่

[เสร็จโจร] หนึ่งในแอปฯ ยอดนิยมอย่าง Google Maps ที่ช่วยให้การเดินทางทำได้ง่ายขึ้นมาก ทว่าหลัง ๆ เริ่มไม่ถูกใจผู้อาศัย ที่อาจถูกเผยตำแหน่งหรือมาเป็นภาพถ่ายชัดเจนในแอปฯ ดังกล่าว จนเป็นเหตุให้โจรใช้วางแผนเข้าบ้านได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ล่าสุดพบผู้ใช้จำนวนมาก ขอให้ Google ช่วยเบลอภาพบ้านของตนเองแล้ว

รายงานจาก ABC News พบผู้ใช้ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ของสหรัฐฯ ทำเรื่องขอ Google เบลอภาพบ้านของตนเองใน Google Maps เพื่อป้องกันการโจรกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้

Ryan Railsback เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองริเวอร์ไซด์ แถบแคลิฟอร์เนีย กล่าวกับทาง ABC News ว่า กลวิธีดังกล่าวอาจช่วยลดโอกาสเกิดการถูกโจรกรรมได้ สืบเนื่องจากพบโจรมักใช้ข้อมูลจาก Google Maps เลือกบ้านที่ต้องการปล้น เนื่องด้วยโหมด Street View หรือเข้าสำรวจพื้นที่แบบเสมือนจริง อาจช่วยให้มองหาทางหนีทีไล่ได้ง่ายนั้นเอง

ด้วยเหตุดังกล่าว ทาง Google จึงเปิดโอกาสให้ผู้ใช้หรือเจ้าของบ้าน สามารถกดปุ่ม ‘Report’ ส่งรายงานปัญหาเพื่อขอให้ทางบริษัทช่วยเบลอภาพบ้านของตนเองได้ เหมือนกับที่มีการเบลอภาพใบหน้าหรือป้ายทะเบียนรถโดยอัตโนมัติ

ที่มา : abcnews

ไม่มีแล้ว บอกลา Control Panel ใช้ Windows Settings แทน

[มาแทนที่ ?] หากใครใช้งาน Windows มาตั้งแต่สมัย XP หรือเก่ายิ่งกว่านั้นอย่าง Windows 1.0 ในปี 1985 ก็คงคุ้นเคยกับหน้าเมนู ‘Control Panel’ ที่ใช้สำหรับตั้งค่าส่วนต่าง ๆ ในที่เดียว ทว่าหลังการมาของ Windows 8 ทาง Microsoft เริ่มมีการใช้งานหน้าตั้งค่าแบบใหม่หรือ ‘Settings’ แทน ชูเข้าถึงง่ายกว่า ทว่าอาจไม่ถูกใจ End User เท่าไรนัก

ล่าสุดทาง Microsoft เผยเตรียมถอด Control Panel ออกจาก Windows 11 โดยให้ไปใช้ส่วน Settings แทน ชูเข้าถึงง่ายกว่า เพราะสามารถกดคลิกขวาบริเวณ Taskbar กับ Desktop หรือคลิกที่ไอคอนฟันเฟืองตรงปุ่ม Start ก็ยังได้ ต่างจาก Control Panel ที่จำเป็นต้องเข้าผ่านโฟลเดอร์ Windows System หรือผ่านหน้าค้นหาแทน

อย่างไรก็ตาม Control Panel ผู้ใช้ระดับ End User หรือมีความเชี่ยวชาญมองว่า สามารถตั้งค่าการทำงานต่าง ๆ ของ Windows ได้ลึกกว่า และละเอียดกว่าหน้า Settings เพราะมีการรวบรวมเครื่องมือต่าง ๆ ของระบบปฏิบัติการไว้อย่างครบครัน ซึ่งมีส่วนตั้งค่าพิเศษมากมาย ในขณะที่ Settings มักจะเป็นการตั้งค่าพื้นฐานซะส่วนใหญ่

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทาง Microsoft จะมีการอัปเดต Windows 11 Build 27686 ซึ่งจะมีการเลิกใช้ Control Panel อย่างเป็นทางการ พร้อมปรับส่วน Settings หรือ Settings App ให้ตั้งค่าได้มากขึ้น แต่จะถูกใจผู้ใช้ทุกคนหรือไม่ ต้องรอดูต่อไป

ที่มา : Techspot

ไปต่อหรือพอแค่นี้ YouTube ขึ้นราคา Premium ไม่อยากดูโฆษณาต้องจ่ายเพิ่ม

[อย่าให้มีครั้งที่ 3 !!] จาก 159 บาท ปรับใหม่เป็น 179 บาทแล้ว สำหรับผู้ใช้ Youtube Premium รายบุคคล ขึ้นจากเดิม 20 บาทเมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่แพ็กเกจ Premium อื่น ๆ ก็ถูกปรับขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้

  • Youtube Premium รายบุคคล จาก 159 บาท เป็น 179 บาท⁠/⁠เดือน
  • Youtube Premium ครอบครัว จาก 299 บาท เป็น 359 บาท⁠/⁠เดือน
  • Youtube Premium นักศึกษา จาก 95 บาท เป็น 109 บาท⁠/⁠เดือน

ส่วนแพ็กเกจรายปีหรือ 12 เดือน ก็ปรับขึ้นราคาใหม่ที่ 1,790 บาทเรียบร้อย จากแต่เดิมอยู่ที่ 1,590 บาท และสำหรับใครที่หารกันใน Premium แบบครอบครัว จากเดิม 49 บาท ก็เพิ่มเป็น 59 บาท ซึ่งสาเหตุการปรับขึ้นนั้นไม่มีประกาศแน่ชัด แต่ก็นับเป็นครั้ง 2 แล้วที่ทาง Youtube ประเทศไทยขึ้นราคารายเดือน

ที่มา : YoutubePremium

Health & Innovation Asia โชว์นวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์

กระตุ้นการลงทุนภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ชีววิทยาศาสตร์ เคมี การแพทย์ และการดูแลสุขภาพสมัยใหม่ ครบวงจรในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL, Bio Asia Pacific และ FutureCHEM INTERNATIONAL 2024

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ร่วมกับ สมาคมการค้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ องค์การมหาชน กำหนดจัดงาน Thailand LAB INTERNATIONAL งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือสำหรับห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ / งาน Bio Asia Pacific งานแสดงผลงานเครื่องมือ เทคโนโลยีด้านชีววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข / FutureCHEM INTERNATIONAL งานแสดงผลงาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านเคมีเพื่ออุตสาหกรรมจัดขึ้นพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน พ.. 2567 ณ ฮอลล์ 102- 104 ไบเทค กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่จะแสดงศักยภาพอีกครั้งด้วยการนำผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกว่า 300+ ราย มากกว่า 500+ แบรนด์ มาจัดแสดง พร้อมนำเสนอเทคโนโลยี ผลงานวิจัยใหม่ และนวัตกรรมต่างๆ เผยแพร่สู่ตลาด ตอบรับความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอย่างครบครันที่สุดในเอเชีย คาดดึงดูดผู้ซื้อและผู้เข้าชมงานกว่า 12,000+ รายจากภูมิภาคตลอด 3 วันของการจัดงาน

ในปีนี้คณะผู้จัดงานยืนยันความพร้อมกลับมาจัดงานอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวงานใหม่อย่าง งาน Health & Innovation Asia โดยเป็นงานที่เน้นด้านนวัตกรรม อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพและการแพทย์ ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยเทคโนโลยี พร้อมเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมมาพบปะพูดคุยกับผู้ผลิตและผู้เชี่ยวชาญ ชมการสาธิตจากผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดขึ้นพร้อมกันตรงความต้องการของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องมือในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ นวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์สมัยใหม่ นวัตกรรมใหม่ๆทางเคมีเพื่ออุตสาหกรรม เทคนิคและเครื่องมือเพื่อวิคราะห์และตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทั้งอาหาร ยา วัคซีน เครื่องสำอาง ปิโตรเคมี และนวัตกรรมการดูแลสุขภาพครบวงจร พร้อมเข้าร่วมงานสัมมนาเชิงวิชาการและปฏิบัติการกว่า 120+ จัดโดย 53+ หน่วยงาน และกว่า 260+ วิทยากรชั้นนำของอุตสาหกรรมที่อัดแน่นด้วยสาระความรู้มากมาย

แคมเปญพิเศษ  สัปดาห์แห่งสุขภาพและสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน” 

วีอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ตระหนักถึงความสำคัญของหลักเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs Goal) ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญและพยายามนำมาประยุกต์ใช้กับรูปแบบการจัดงานของเรา โดยก่อตั้งแคมเปญพิเศษ ภายใต้ชื่อ Sustainable Health and well-being หรือสัปดาห์แห่งสุขภาพและสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนเนื่องมาจากการรวมตัวกันของ 4 กิจกรรมภายในงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ ห้องปฏิบัติการ ชีววิทยา เคมี เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ และอาหาร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ SDGs Goal ตั้งแต่ SDG 3: Good Health and Well-being – การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรทุกวัยผ่านนวัตกรรมต่างๆ / SDG 11: Sustainable Cities and Communities – การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเข้าถึงได้ในเมืองและชุมชน / SDG 12: Responsible Consumption and Production – การส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเชื่อมโยงกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG 17: Strengthen implementation and revitalize the Global Partnership – เสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนสัปดาห์การจัดงานนี้จึงสอดคล้องกับหลายข้อของ SDGs ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างสุขภาพที่ดีและสภาพความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับทุกคนในโลกผ่านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

คุณอนุชา พันธุ์พิเชฐ ผู้จัดการโครงการอาวุโส บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่าจากความสำเร็จของการจัดงานกว่า 10 ปีที่ผ่านมา  ในปีที่ 14 นี้ เราได้รวบรวมบริษัทและแบรนด์ชั้นนำมากมายในวงการ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ชั้นนำอาทิ A&D Instruments / Anton Paar / Buchi / Carl Zeiss / DKSH Technology / Eppendorf / Hach / IKA Works / Merck /Bara/ Bio-Active / Sithiphorn Associates / Gibthai / Apex Chemicals / Geneplus / Metrohm Siam / Mettler-Toledo / Neogen / OHAUS Indochina Limited / Pall Corporation Filtration & Separations / SCG Packaging / Labware / Agilent Technologies / CMC Instruments GmbH / Daihan Scientific / DSM Nutritional Products / VWR Singapore / Xi’an Tainlong เป็นต้น ซึ่งท่านจะได้พบกับบริษัทชั้นนำเหล่านี้กว่า 300 บริษัท และแบรนด์สินค้ากว่า 500+ แบรนด์ที่อยู่ในตลาดจากนานาประเทศ และยังสามารถอัปเดตนวัตกรรมล่าสุด และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ และทำนัดหมายเพื่อการเจรจาธุรกิจของท่านผ่านระบบจับคู่ธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่าน ภายในงานตลอดทั้ง 3 วัน

ภายในงานปีนี้ ผู้จัดได้มีการขยายพื้นที่การจัดงานโดยมีการนำเสนอธุรกิจประเภทเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ และอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มเติม ภายใต้ชื่องาน งาน Health & Innovation Asia และ Food For Health Pavilion ซึ่งมีการนำเสนอโปรแกรมงานสัมมนาจากหน่วยงานที่สำคัญน่าสนใจมากมาย อาทิ ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ สมาคมคลินิกไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ฯลฯ ในส่วนของธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ท่านจะได้พบกันแบรนด์ชั้นนำที่จะมาถ่ายทอดความรู้ผ่านงานสัมมนาและกิจกรรมมากมาย อาทิ Tastebud Lab แพลตฟอร์มบริการผลิตอาหารและส่วนผสมฟังก์ชัน สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เป็นต้น เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในอุตสาหกรรมคุณชนันรัตน์ คงเกิด ผู้จัดการโครงการ Health & Innovation Asia กล่าวเสริม

สัมมนาที่น่าสนใจที่ไม่ควรพลาด!

  • The 8th Biotechnology International Congress (BIC 2024) โดยสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย
  • การประชุมวิชาการสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ฯ “The Step Up of Healthcare Promotions in 21st Century” โดยสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทยฯ
  • Safety LAB Standards for Sustainability มาตรฐานความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการเพื่อความยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • การตรวจสอบห้องปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมในการวิเคราะห์น้ำเสียตามกฎหมาย โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม
  • The Potential of AI in the Thai Cosmetic Industry / Green Beauty ‘Cosmetic Formulation’ / Up to Date Cosmetic Factory’s Standard โดยสมาคมการค้าคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย
  • การแข่งขัน Health & Innovation Hackathon 2024 โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

ขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าร่วมงาน Thailand LAB INTERNATIONAL, Bio Asia Pacific, FutureCHEM INTERNATIONAL, Health & Innovation Asia ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน .. 2567 ฮอลล์ 102- 104 ไบเทค กรุงเทพฯ ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับบัตรเข้างานฟรี และลุ้นรับของรางวัลมากมาย รายละเอียดเพิ่มเติม www.thailandlab.com หรือ www.bioasiapacific.com หรือ https://health-innovation-asia.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-1116611 หรืออีเมล communications@vnuasiapacific.com

แพลน บี จัดเต็มบทสรุปสุดมันส์! ส่งท้ายทัวร์ฯ ETPL2024 บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ผงาดคว้าแชมป์ 6 สมัยติด คว้าตั๋วลุยศึกใหญ่ที่อินโดนีเซีย

แพลน บี มีเดีย ส่งท้ายศึก eFootball Thailand Pro League 2024 ในอีเว้นต์ GRAND FINAL #บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ผงาดชูถ้วยแชมป์ 6 สมัยติด คว่ำ #ตราดเอฟซี 2-0 เกม คว้าเงินรางวัล 650,000 บาท พร้อมตั๋วเข้าแข่งขันรายการ IFel Asia Championship 2024 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ด้านทัวร์นาเม้นต์ #ETPL2024 ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ Reach พุ่ง 11M และ Views 9M ยกระดับ eFootball เป็นคอมมูนิตี้อีสปอร์ตที่แข็งแกร่งทั้งการแข่งขันและทางธุรกิจ ที่ช่วยตอบโจทย์การทำตลาดของแบรนด์พาร์ทเนอร์ พร้อมเป็นแรงสนับสนุน ร่วมกันสร้างมาตรฐานการแข่งขันนักกีฬาอาชีพอีสปอร์ตไทย ฝีมือทัดเทียมเวทีระดับโลก

eFootball Thailand Pro League 2024” ทัวร์นาเม้นต์สูงสุดของเกม eFootball รายการเดียวในประเทศไทย ได้บทสรุปทีมแชมป์ประจำซีซันนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการแข่งขันในศึก GRAND FINAL รอบชิงชนะเลิศ ที่เป็นการพบกันระหว่างแชมป์เก่า #บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ดวลกับ #ตราดเอฟซี ผลในประเภท Mobile Co-op 3v3 บุรีรัมย์ ประเดิมเอาชนะตราดไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ส่วนในประเภท Console 1v1 ก็เป็นทางบุรีรัมย์ ที่เป็นฝ่ายเฉือนชนะตราดด้วยสกอร์ 2-1 ทำให้รวม 2 ประเภท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ ตราด เอฟซี ไปได้ 2-0 เกม ผงาดคว้าถ้วย #ETPL 6 สมัยติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมรับเงินรางวัล 650,000 บาท

ส่วนรองแชมป์ ตราด เอฟซี รับเงินรางวัล 330,000 บาท, อันดับที่ 3 #นครปฐมยูไนเต็ด รับเงินรางวัล 230,000 บาท, อันดับที่ 4 #ชลบุรีเอฟซี รับเงินรางวัล 175,000 บาท และอันดับที่ 5 ร่วม #โปลิศเทโรเอฟซี และ #อุทัยธานีเอฟซี รับเงินรางวัลทีมละ 110,000 บาท

นายอานนท์ พรธิติ รองประธานอาวุโส บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทัวร์นาเม้นต์ eFootball Thailand Pro League 2024 เป็นบทสรุปที่ยอดเยี่ยมในการยกระดับคอมมูนิตี้เกม eFootball และวงการอีสปอร์ตไทย ให้สามารถต่อสู้ทัดเทียมกับคู่แข่งในระดับโลก ตามความหมาย #RISENFIGHT ที่เราตั้งเอาไว้ ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปตลอด 10 สัปดาห์ของการแข่งขัน คุณค่าของ ETPL2024 จะอยู่ที่ โอกาส ที่เปิดให้ผู้เล่นจากรายการ Next Gen ซึ่งเป็นกลุ่มหน้าใหม่ล้วน ๆ ได้เข้ามาร่วมแข่งขันกับมืออาชีพตัวจริง ประกอบกับความท้าทายที่ถูกเพิ่มมาอย่าง การแข่งรูปแบบ Co-op 3v3 ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่มีพื้นที่พัฒนาฝีมือจริง ตลอดจนได้สื่อสาร ฝึกซ้อม เล่นร่วมกันเป็นทีมมากยิ่งขึ้น จนสามารถยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้สูงขึ้นอย่างเห็นผล

“ที่ผ่านมา eFootball Thailand Pro League เป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ช่วยดึงศักยภาพในตัวนักกีฬา eFootball จนสามารถไปคว้าชัยชนะในเวทีต่างประเทศมาแล้วมากมาย เช่น ในการแข่งขัน AFC eAsian Cup 2024 ที่ประเทศกาตาร์ การแข่งเกม eFootball ที่แต่ละประเทศในเอเชียร่วมส่งตัวแทนเข้าร่วม เป็นโมเดลเดียวกับการแข่งฟุตบอล Asian Cup นักกีฬาจากไทยเราแสดงผลงานคว้าอันดับ 4 ร่วม มาได้สำเร็จ

“เช่นเดียวกับในปีนี้ ที่เราได้ร่วมกับทางประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้สิทธิ์กับผู้ชนะ ETPL2024 ได้ร่วมแข่งขันในรายการ IFel Asia Championship 2024 (ไอเฟล เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ 2024) ชี้ให้เห็นว่าทัวร์นาเม้นต์ eFootball ที่จัดโดยแพลน บี มีเดีย ประสบความสำเร็จในการมีส่วนผลักดันให้เกิดนักกีฬาหน้าใหม่ในวงการ และยกระดับมาตรฐานของนักกีฬาให้สูงขึ้นอยู่เสมอ”

นอกจากนี้ แพลน บี มีเดีย ยังได้จับฟีเจอร์เด่นของ eFootball ซึ่งเป็นเกมฟุตบอลเดียวที่มีลิขสิทธิ์สโมสรไทยลีกอยู่ครบในตัวเกม พร้อมทั้งได้นำระบบโค้ชเข้ามาใช้ จนทำให้รายการ ETPL มีความใกล้เคียงกับการแข่งขันฟุตบอลจริง สร้างความดึงดูดให้แฟนบอลแต่ละสโมสรสัมผัสได้ว่าถ้วยรางวัล ETPL เป็นอีกการแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่ตนเข้าไปมีส่วนร่วมและต้องการไขว่คว้ามาให้ได้ ขณะเดียวกัน ระยะเวลาของการแข่ง ETPL2024 ที่ถูกปรับให้กระชับมากขึ้น เหลือเพียง 10 สัปดาห์ ทำให้การแข่งทุกแมตช์วีคเต็มไปด้วยความเข้มข้นให้ต้องปรับตัวอยู่เสมอ และสร้างความตื่นเต้นให้แฟน ๆ ได้คอยติดตามอย่างใกล้ชิด จนสามารถสร้าง Reach ได้มากกว่า 11M reach และยอด Views รวมกว่า 9M views ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าระยะเวลาเดียวกันกับปีก่อนถึงเท่าตัว

ซึ่ง นายอานนท์ เสริมว่า ยอด Reach และ Views ที่เพิ่มขึ้น ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าอีสปอร์ตเกมฟุตบอล กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย จุดนี้เองทำให้หลายแบรนด์เห็นถึงโอกาสในเข้ามาทำตลาดร่วมกับเกม eFootball ซึ่งในการแข่งขัน ETPL2024 นี้ แพลน บี ได้ประยุกต์ทำคอนเท้นต์ร่วมกับนักกีฬาของแต่ละสโมสร ทั้งฝั่งนักกีฬา eFootball และนักเตะตัวจริง รวมถึงมีการนำ KOLs หน้าใหม่ ๆ เข้ามาทำร่วมทำคอนเทนต์เพื่อเชื่อมทั้ง 2 การแข่งขันเข้าด้วยกัน ทำให้เกม eFootball และชื่อของแบรนด์พาร์ทเนอร์เป็นที่พูดถึงมากขึ้นในกลุ่มแฟนบอลแต่ละสโมสร

“ตลาดอีสปอร์ตเป็นตลาดที่เติบโตระดับ 20% ต่อปี หรือนับเป็นตัวเลขปีนี้ คือประมาณ 38,000 ล้านบาท ทำให้แพลน บี มุ่งต่อยอดให้ ETPL2024 กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ตอบโจทย์ทั้งในทางการแข่งขัน และในทางธุรกิจอีสปอร์ต โดยเราได้ร่วมกับแบรนด์พาร์ทเนอร์ ทำคอนเทนต์ผ่าน Creators และ Influencers จากวงการเกม อีสปอร์ต รวมถึงกีฬาฟุตบอล เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและจดจำมากขึ้นในกลุ่ม Gen X และ Gen Y ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบกีฬาอีสปอร์ตอย่างแท้จริง รวมถึงมีการจัดกิจกรรมโร้ดโชว์ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิด

“ซึ่งกลไกเหล่านี้ จะช่วยให้แบรนด์ได้นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการผู้บริโภค และจะช่วยให้การสนับสนุนของทุกแบรนด์ ย้อนกลับมาเป็นแรงหนุนสำคัญในการผลักดันให้วงการอีสปอร์ตไทยเติบโตด้วยความแข็งแกร่งและยั่งยืน”

สำหรับรางวัลส่วนตัวในทัวร์นาเม้นต์ eFootball Thailand Pro League 2024 ประกอบไปด้วย MVP Player: BRU_Jxmkt จอมคฑา ยูประพัฒน์ รับเงินรางวัล 20,000 บาท, Manager of the Year: Bossui รุจิกร แต้วัฒนาสกุล รับเงินรางวัล 15,000 บาท, Top Scorer Mobile Co-op: TRA_Copter สิรภูมิ พิมพ์เบ้าธรรม รับเงินรางวัล 15,000 บาท, Top Scorer Console: BRU_Jeansui สิรวุฒิ รุ่งรัตน์กสิกุล รับเงินรางวัล 15,000 บาท, Top Assists: TRA_Poon14 วรธิษณ์ ดำพิทักษ์ รับเงินรางวัล 15,000 บาท, Fighting Spirit: KKU_NJ_James7 พิชญุตม์ เกียรติสุขอุดม รับเงินรางวัล 10,000 บาท และ Impossible Moment: BRU_Jxmkt จอมคฑา ยูประพัฒน์ รับเงินรางวัล 10,000 บาท

ติดตามข่าวสารเพื่อไม่พลาดความมันส์ของการแข่งขัน eFootball Thailand Pro League ในซีซันถัดไป ได้ที่ facebook.com/ELeagueThailand

Meta แชร์ 5 กลยุทธ์ช่วยแบรนด์ไทยให้เพิ่มยอดขายช่วงเทศกาล

Mega Sales Days (MSD) กลายเป็นส่วนสำคัญของปฏิทินการช้อปปิ้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยแบรนด์ต่างๆ จะพร้อมใจกันส่งมอบส่วนลดและข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจให้กับผู้บริโภคในช่วงวันลดราคาตามเทศกาลต่างๆ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจในภูมิภาค นักช้อปชาวไทยยังคงมีกระแสตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในวัน Mega Sales Days โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันลดราคาประจำเดือน เช่นวันเลขเบิ้ลต่างๆ อย่าง 9.9, 10.10 และ 11.11 โดยการศึกษาล่าสุดจาก Meta พบว่าครีเอเตอร์แนะนำสินค้า และวิดีโอสั้น Reels เป็นพลังขับเคลื่อนหลักที่ช่วยให้ผู้บริโภคค้นพบแบรนด์ และตัดสินใจซื้อในช่วงฤดูกาลแห่งการขายนี้

การทำความเข้าใจพฤติกรรมของนักช้อปที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงและสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค ทีม Business Marketing and Intelligence ของ Meta ร่วมกับ YouGov บริษัทวิจัยความคิดเห็นสาธารณะและข้อมูล ทำการศึกษาวิจัยในระดับโลกเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับแบรนด์และธุรกิจต่างๆ สำหรับฤดูกาลมหกรรมลดราคา หรือ Mega Sales โดยการศึกษานี้ได้สำรวจนักช้อปที่มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 17,906 คน จาก 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก เกาหลีใต้ สวีเดน ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

ผลการศึกษาเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญหลายประการเกี่ยวกับความชอบของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดย 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระบุว่า การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) และคำแนะนำจากครีเอเตอร์มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขาในช่วง Mega Sales Day นอกจากนี้ การศึกษายังได้ระบุถึง 5 ข้อมูลเชิงลึกสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคในช่วงเทศกาล หรือช่วง MSD ในประเทศไทย ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ เพิ่มการเติบโตและใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างเต็มที่

Insight 1 : การค้าผ่านการค้นพบ (Discovery Commerce) ของ Meta ยกระดับกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

โลกดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคจะค้นพบและมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลช้อปที่มีกระแสตอบรับสูงอย่าง MSD ปัจจุบันโซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือค้นหาช่องทางใหม่ โดยมีนักช้อปช่วงเทศกาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 64% รายงานว่าพวกเขาค้นพบสินค้าหรือแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งมากกว่าการใช้เครื่องมือค้นหาหรือ search engines (41%) และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (39%) อีกทั้ง 61% ระบุว่าแพลตฟอร์มโซเชียลเป็นเครื่องมือที่ชื่นชอบในการค้นคว้าข้อมูลในช่วงฤดูกาลลดราคา การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่อกำลังซื้อ โดย 65% ของนักช้อปช่วงเทศกาลระบุว่าโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการค้นพบที่พบบ่อยที่สุด

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มและโซลูชั่นด้านโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มการค้นพบ (Discovery) โดย 73% ของนักช้อปชาวไทยในช่วงเทศกาลค้นพบแบรนด์หรือสินค้าในช่วงเทศกาลผ่านแพลตฟอร์ม Meta นอกจากนี้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของMeta ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่า search engine ในฐานะเครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักช้อปรุ่นใหม่ โดย 66% ได้ใช้แพลตฟอร์ม Meta ในการพิจารณาสินค้าและส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อถึง 78%

ผู้บริโภคแสดงให้เห็นถึงความต้องการประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) อย่างชัดเจน โดย 71% ของนักช้อปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแสดงความชื่นชอบในการค้นพบสินค้าที่สนใจ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ตั้งใจค้นหาอย่างจริงจังในตอนแรก และ 74% ของนักช้อปช่วงเทศกาลกล่าวว่าพวกเขาซื้อสินค้าที่ค้นพบผ่านโฆษณาที่นำเสนอได้ตรงตามความต้องการเฉพาะบุคคล (personalized ads) บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งยิ่งเน้นย้ำให้เห็นประสิทธิภาพของการโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย และอัลกอริทึมแนะนำ (recommendation algorithms) ในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อ

การใช้เวลาบนโลกออนไลน์ของผู้บริโภคเองก็เพิ่มมากขึ้น โดย 66% ของนักช้อปช่วงเทศกาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเผยว่าพวกเขาใช้เวลาออนไลน์มากขึ้นในช่วงนี้ 88% หาข้อมูลสินค้าออนไลน์ และ 79% หาข้อมูงผ่านโทรศัพท์ แนวทางการใช้มือถือเป็นหลักนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การค้นคว้าข้อมูลเท่านั้น เนื่องจาก 86% ของนักช้อปช่วงเทศกาลยังซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด โดย 77% ซื้อผ่านมือถือ

Insight 2: Mega Sales Days ช่วยบรรเทาสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

แม้จะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจและความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน นักช้อปยังคงมีส่วนร่วมกับเทศกาลลดราคาMSD เป็นอย่างมาก โดยมองว่าเป็นวิธีที่จะใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุดและเข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้ในราคาที่ถูกลง เมื่อ 54% ของนักช้อปรายงานว่ามีสภาพทางการเงินที่มั่นคงน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ การหาทางเลือกที่ถูกกว่าและการใช้ประโยชน์จากกิจกรรมลดราคาตามฤดูกาลจึงกลายเป็นวิธีการรับมือที่เป็นที่นิยมในช่วงนี้ นอกจากนี้ เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในการวางแผนซื้อสินค้าสำหรับช่วงเทศกาล โดยมีเพียง 8% ของนักช้อปเท่านั้นที่ตอบว่าไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนในการวางแผน ยิ่งเน้นย้ำให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆ ควรจะต้องเริ่มวางแผนล่วงหน้าเช่นกัน และในช่วงเดือนเหล่านี้ เป็นช่วงที่ 51% ของนักช้อปจะค้นพบสินค้าและข้อเสนอต่างๆ และท้ายที่สุด คนไทยจะทำการซื้อในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการซื้อสินค้า

ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ แม้ผู้บริโภคจะมีความกังวลทางการเงิน แต่การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลยังค่อนข้างคงที่เมื่อคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ โดยนักช้อปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใช้จ่ายเฉลี่ย 338 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเทศกาล และในประเทศไทย กว่า 75% ของนักช้อปส่วนใหญ่มักจะใช้เงินซื้อประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยว เพลง และวิดีโอเกมออนไลน์ ในขณะที่การซื้อสินค้าในร้านค้าจะเป็นสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม

Insight 3: การส่งข้อความเชิงธุรกิจเปิดโอกาสใหม่ๆ

การค้าผ่านการพูดคุยหรือส่งข้อความ (conversational commerce) ที่แพร่หลายมากขึ้นกำลังปรับเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง MSD ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำของโลกสำหรับการซื้อขายผ่านทางข้อความ เนื่องจากผู้คนต้องการเชื่อมต่อกับธุรกิจผ่านการส่งข้อความ เช่นเดียวกับที่พวกเขาติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว ในปัจจุบัน 61% ของนักช้อปในเอเชียแปซิฟิกเลือกที่จะสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทต่างๆ และ 75% มองว่าการส่งข้อความเชิงธุรกิจ บวกกับคำแนะนำจากครีเอเตอร์มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา นอกจากนี้ มีจำนวนนักช้อปชาวไทยถึง 90% ที่สื่อสารกับผู้ขายผ่านแชทระหว่างการตัดสินใจซื้อ ในขณะที่ 41% ของนักช้อปชาวไทยกล่าวว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าซ้ำในมูลค่าที่สูงขึ้นหากได้รับการปรึกษาแบบตัวต่อตัวที่ดี

การส่งข้อความเชิงธุรกิจช่วยให้แบรนด์สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าตลอดวงจรการซื้อขาย โดยใช้โซลูชันการส่งข้อความเชิงธุรกิจของ Meta ในทุกๆ การให้บริการ แบรนด์ต่างๆ อาจพิจารณาการกระจายโปรโมชันและคูปองสำหรับช่วงเทศกาลและ MSD ที่มีการปรับให้สำหรับเฉพาะบุคคล เช่น การค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมด้วยโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย (targeted ads) ที่สามารถคลิกไปยัง Messenger (Click-to-Messenger) ได้ หรือการส่งโปรโมชันเฉพาะบุคคลตามข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าในช่วง Mega Sale

Insight 4: การค้าข้ามพรมแดน (Cross-border Commerce – CBC) ช่วยเพิ่มการเติบโตและทางเลือกในการซื้อสินค้าเป็นสองเท่า

ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ การค้าข้ามพรมแดน (Cross-border Commerce – CBC) กลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการหลายรายที่มองหาความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างนักช้อปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการซื้อสินค้าข้ามพรมแดนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของการจับจ่ายข้ามพรมแดนกำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่จะกลายเป็นสากลให้กับธุรกิจค้าขายทั่วโลก เนื่องจากธุรกิจต่างๆ มีการเติบโตขึ้นจากการค้าข้ามพรมแดนมากกว่าการค้าขายภายในประเทศถึงสองเท่า คาดการณ์ว่าการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนจะมีมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีพ.ศ. 2571

ด้านนักช้อปเองก็มีเหตุผลหลักในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ได้แก่ สินค้าที่มีราคาถูกกว่า การเข้าถึงแบรนด์ที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศที่ตนอาศัยอยู่ได้ง่ายกว่า และสินค้ามีคุณภาพสูงกว่า โดย 71% ของนักช้อปข้ามพรมแดนเปิดรับการซื้อสินค้าจากแบรนด์ใหม่ๆ และ 61% ชื่นชอบที่พวกเขามีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นให้เลือก ไม่ว่าธุรกิจใดที่ต้องการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากกว่ากลุ่มเป้าหมายหลัก ช่วงเทศกาลช้อปจะเป็นโอกาสสำคัญให้แบรนด์ได้เชื่อมต่อกับลูกค้ากลุ่มใหม่ได้

Insight 5: ครีเอเตอร์และวิดีโอ Reels ผลักดันการค้นพบสินค้าและการซื้อ

ครีเอเตอร์ยังคงมีอิทธิพลต่อการซื้อของผู้บริโภคอย่างชัดเจน โดย 71% ของนักช้อปเชื่อถือคำแนะนำจากครีเอเตอร์ และ 74% ตัดสินใจซื้อสินค้าภายในไม่กี่วันหลังจากเห็นคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าจากครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มของ Meta ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับครีเอเตอร์ในการสร้างการรับรู้แบรนด์ ความไว้วางใจ และการผลักดันยอดขายให้เติบโต

นอกจากนี้ คอนเทนต์วิดีโอยังมีอิทธิพลอย่างมาก 90% ของนักช้อปชาวไทยเปิดเผยว่าพวกเขารับชมวิดีโอออนไลน์ในช่วงเทศกาลวันหยุด ส่งผลให้วิดีโอต่างๆ โดยเฉพาะวิดีโอสั้น มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าในช่วงวันหยุดของนักช้อปมากกว่า 70% โดย 79% กล่าวว่าพวกเขาซื้อสินค้าหรือบริการหลังจากรับชม Reels บนแพลตฟอร์มของ Meta

กลยุทธ์สู่ความสำเร็จสำหรับธุรกิจและนักการตลาดไทย

ช่วงเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ยังคงเป็นปรากฏการณ์ออนไลน์ที่คึกคักสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจ ขณะที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการค้นพบสินค้าออนไลน์ สัมผัสประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalization) และการสื่อสารที่ราบรื่นมากขึ้น ด้านธุรกิจไทยก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้สูงสุดในช่วงเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้และในอนาคตได้เช่นกัน โดยสามารถใช้กลยุทธ์ดังต่อไปนี้

  1. เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจด้วย Meta Advantage: ชุดเครื่องมือที่ใช้ AI และระบบอัตโนมัติเพื่อปรับแต่งแคมเปญให้เหมาะสมที่สุด พร้อมทั้งใช้เครื่องมือค้นหามาตรฐานระดับโลกเพื่อขยายผลของแคมเปญให้สูงที่สุด ธุรกิจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีโฆษณาที่ล้ำสมัยของ Meta เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญให้เต็มที่ด้วย AI พร้อมส่งมอบผลลัพธ์ที่เหนือกว่าผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Advantage+ Shopping Campaigns หรือ Advantage+ App Campaigns
  2. กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการส่งข้อความ: เมื่อผู้บริโภคใช้แอปส่งข้อความเพื่อสื่อสารกับธุรกิจโดยตรงมากขึ้น ธุรกิจก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากการส่งข้อความเชิงธุรกิจของ Meta เพื่อจัดการการสื่อสารได้ในวงกว้าง เช่น สามารถใช้ระบบตอบโต้อัตโนมัติเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างราบรื่นในช่วงฤดูกาลที่มีความต้องการในการซื้อสูง และนำเสนอข้อเสนอพิเศษที่เฉพาะบุคคลในช่วงวันหยุดต่างๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้น
  3. อาศัยพลังของครีเอเตอร์และ Reels ผลักดันยอดขาย: การร่วมมือกับครีเอเตอร์ที่มีค่านิยมสอดคล้องกับแบรนด์และสื่อสารกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ ช่วยให้แบรนด์สามารถขยายการเข้าถึงและส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการในรูปแบบที่จับต้องได้และน่าเชื่อถือ ตลอดสร้างสรรค์แคมเปญที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดเฉพาะ เช่น การสร้างการรับรู้แบรนด์ การส่งเสริมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ (MSDs)

คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า การช้อปปิ้งช่วงเทศกาลเป็นปรากฎการณ์ที่มีสีสันมาโดยตลอดสำหรับการค้าบนโลกออนไลน์ เรามองเห็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักช้อปชาวไทยว่าการจับจ่ายซื้อของได้กลายมาเป็นประสบการณ์ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องและคนไทยก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับการได้ช้อปช่วงเทศกาลมากเป็นพิเศษ สำหรับช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึงนี้ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ของเรา อย่างชุดเครื่องมือ Meta Advantage ในการเสริมประสิทธิภาพของแคมเปญ หรือโซลูชั่นอย่าง Advantage+ Shopping Campaigns ที่ได้รับความนิยมก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่า 4 เท่า นอกจากนี้เครื่องมือและโซลูชั่นด้านการตลาดของเรายังสามารถสร้างความคุ้มค่าให้กับงบประมาณทีธุรกิจลงทุนไปโดยมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 15% นับจากปี 2022 เรารู้สักตื่นเต้นที่จะได้เห็นวิธีการใหม่ๆที่แบรนด์และธุรกิจต่างๆ จะนำเสนอแคมเปญทีสร้างสรรค์ใหม่ๆ ออกมาในช่วงเทศกาลนี้”

วางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการ OPPO A3 Pro 5G และ OPPO A3x รุ่นใหม่ พร้อมตอบโจทย์ทุกความบันเทิงด้วย AI ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,999 บาท

OPPO เปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูลซีรีส์ A ประกาศวางจำหน่าย OPPO A3 Series อย่างเป็นทางการในประเทศไทย สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ สวยเก่งเกรด A ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะสายบันเทิงและคนที่ชอบความทนทาน โดยวางจำหน่ายแล้ว 2 รุ่น ได้แก่ OPPO A3 Pro 5G ราคาเริ่มต้น 7,999 บาท และ OPPO A3x ราคาเริ่มต้น 3,999 บาท

โดย OPPO A3 Series นี้มาพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ OPPO A3 Pro 5G สมาร์ตโฟน AI ราคาไม่ถึงหมื่นที่พร้อมตอบโจทย์ ทุกเอนเตอร์เทนเมนท์ มอบประสบการณ์ความบันเทิงด้วยระบบ AI อันชาญฉลาด อย่างฟีเจอร์ ยางลบ AI รีทัชเนียนด้วย AI ลบคนและวัตถุเติมพื้นหลังเนียนไม่บ้ง อีกทั้งยังสัญญาณเสถียร เชื่อมต่อไว ไม่มีสะดุดด้วย AI LinkBoost เสริมด้วยความทนทานรอบด้านกันกระแทก มาพร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลอันทรงพลัง 120Hz ตอบโจทย์ประสิทธิภาพ การเล่นเกมไหลลื่น สนุกทุกแมตช์ไม่มีสะดุด และมากับรุ่นน้อง OPPO A3 และ OPPO A3x เสริมด้วยความทนทาน รอบด้านกันกระแทก และ Splash Touch สนุกไม่สะดุดแม้หน้าจอเปียก มากับชาร์จไว 45W SUPERVOOC และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,100mAh ในดีไซน์ขอบเหลี่ยม ลวดลายใหม่ ไม่กลัวทุกความท้าทายที่เกิดในชีวิตประจำวัน

ยิ่งไปกว่านั้น OPPO ยังเปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆ พร้อมท้าให้ลองทดสอบประสิทธิภาพความทนทาน OPPO A3 Series ที่งาน OPPO A3 Series Mission Day อีกทั้งยังมาพร้อมกับเหล่าดาราชื่อดังอย่าง “ไมกี้ ปณิธาน” “หลิงหลิง คอง” “ออม กรณ์นภัส” “บิ๊ก ธนกร” และ “ปาร์ค อนันตเดช”

และพิเศษสุดใกล้ชิดติดขอบเวที เต็มอิ่มไปกับความน่ารักของดาราที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้อย่าง “ไมกี้ ปณิธาน” เจ้าของบทบาทหม่อมหลวงฉัตรเกล้า จากซีรีส์ดวงใจเทวพรหมที่พาสาวๆ กรี๊ดกันทั้งประเทศ โชว์ลีลาทำน้ำปั่นสุดน่ารัก ทดสอบความทนทานของ OPPO A3 Pro 5G ปิดท้ายด้วยโชว์ลีลาการเล่นเกมสุดฟินกระชับมิตรเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ  ของสองนักแสดงสาวมากฝีมืออย่าง “หลิงหลิง ศิริลักษณ์ – ออม กรณ์นภัส” โชว์ประสิทธิภาพการเล่นเกมสุดลื่นไหลของ OPPO A3 Series

OPPO A3 Series สีสวย ดีไซน์ไม่เหมือนใคร โดดเด่นพร้อมเป็นหวานใจสายโหด OPPO A3 Pro 5G มาพร้อม 2 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีม่วง Moonlight Purple และสีดำ Sparkle Black OPPO A3 มาในสองสีสันสุดพิเศษ ได้แก่ สีขาว Starlight White และสีดำ Sparkle Black และ OPPO A3x มาพร้อมสีสันสุดชิค 2 เฉดสี ได้แก่ สีฟ้า Ocean Blue และสีแดง Nebula Red

สมาร์ตโฟน AI หวานใจสายโหด OPPO A3 Pro วางจำหน่ายแล้วในราคา 7,999 บาท และ OPPO A3x วางจำหน่ายในราคา 3,999 บาท และพิเศษเมื่อซื้อ OPPO A3 Pro ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 จะได้รับ OPPO Mini Suitcase มูลค่า 1,299 บาท สามารถไปทดลองสัมผัส และเป็นเจ้าของได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และเตรียมพบกับสมาร์ตโฟน OPPO A3 เร็วๆ นี้!

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/oppothai

#OPPOA3SeriesTH #สวยเก่งเกรดA

ซัมซุง จับมือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเสริมทักษะดิจิทัลแรงงานไทย สู่มาตรฐานสากล

จากซ้ายไปขวา นายสมบัติ โพธิวัฒน์ ผู้ตรวจการราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และ นายเซยุน คิม ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

ซัมซุง และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สานต่อความร่วมมือปีที่ 7 เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้เท่าทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ล่าสุดเปิดตัวหลักสูตร ‘การติดตั้งและซ่อมบำรุงจอแสดงผลเพื่อประชาสัมพันธ์’ เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานดิจิทัลที่เติบโตและมีการแข่งขันสูง ตอกย้ำความร่วมมือที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการผลิตบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาด อาทิ หลักสูตรซ่อมบำรุงโทรศัพท์ซัมซุง และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีผู้สำเร็จการศึกษาแล้วกว่า 315 คน

นายสมบัติ โพธิวัฒน์ ผู้ตรวจการราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า “การร่วมมือกันระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงานฯ และบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในการจัดทำหลักสูตรการติดตั้งและซ่อมบำรุงรักษาจอแสดงผลเพื่อประชาสัมพันธ์นี้ เพื่อพัฒนาทักษะช่างเทคนิคให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐาน รองรับความต้องการบุคลากรในตลาดแรงงานยุคดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว”

หลักสูตรการติดตั้งและซ่อมบำรุงจอแสดงผลเพื่อประชาสัมพันธ์เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับทักษะของแรงงานไทย โดยเน้นการพัฒนาทักษะรอบด้าน ตั้งแต่เทคโนโลยีจอภาพชนิดต่างๆ เช่น Standalone, Indoor, Outdoor, Interactive และ Video wall ไปจนถึงการติดตั้ง การซ่อมบำรุง และการแก้ไขปัญหาทางเทคนิค ผู้เรียนจะได้สัมผัสการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ฝึกฝนกับอุปกรณ์จริง พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของซัมซุง

การฝึกอบรมนี้ไม่เพียงแต่พัฒนาทักษะให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล แต่ยังมอบใบรับรองจากภาครัฐ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทาง หลักสูตรนี้จัดขึ้นสำหรับบุคลากรของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานฯ และช่างจากศูนย์บริการซัมซุง รวม 30 คน ซึ่งจะนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดต่อให้กับแรงงานในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ

นางสาวอภิรดา พัวพรพงษ์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์จอภาพ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “การลงทุนที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนในการให้การศึกษาพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ดังนั้นโครงการนี้จะไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน เราจะร่วมมือกับทางภาครัฐเพื่อสร้างโครงการดีๆ ต่อไปในระยะยาว”

นายจอง ซุง ปาร์ค ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “เราต้องเพิ่มทักษะและความเชี่ยวชาญในการให้บริการลูกค้าเพื่อให้ได้มาตรฐาน ถึงจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Samsung ได้”

นอกจากนี้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ได้มอบอุปกรณ์ช่างเครื่องปรับอากาศจำนวน 6 ชุด (รวม 23 รายการต่อชุด) มูลค่ารวม 148,558 บาท ให้แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานฯ เพื่อใช้ในการพัฒนาทักษะช่างเครื่องปรับอากาศ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถของช่างให้ทันสมัยและปลอดภัยในการทำงาน พร้อมรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต โดยความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแรงงานและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพ ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนของซัมซุง ภายใต้แนวคิด “Everyday Sustainability”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเซยุน คิม ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และนายจอง ซุง ปาร์ค ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ร่วมกับนายสมบัติ โพธิวัฒน์ ผู้ตรวจการราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดพิธีปิดการฝึกอบรมและมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตรการติดตั้งและซ่อมบำรุงจอแสดงผลเพื่อประชาสัมพันธ์ พิธีนี้จัดขึ้นที่โชว์รูม Samsung Southeast Asia Display Solutions Showroom ภายในโครงการ Summer Lasalle ซอยสุขุมวิท 105 ซึ่งเป็นหนึ่งในโชว์รูมเพียง 8 แห่งทั่วโลก

เตรียมพบกับ TECNO POVA 6 NEO สมาร์ตโฟนเกมมิ่งสุดคุ้มแห่งปี พร้อมเปิดตัวในประเทศไทยวันที่ 27 สิงหาคมนี้

TECNO ผู้นำด้านสมาร์ตโฟนสำหรับการเล่นเกม เตรียมเปิดตัว TECNO POVA 6 NEO สมาร์ตโฟนที่พร้อมพาคุณทะยานสู่ความเหนือระดับอย่างทรงพลังและการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น มาพร้อมกับสโลแกน “แบตอึด ยิ่งกว่าที่เคย” ด้วยขนาดแบตเตอรี่ 7000mAh ที่จะทำให้คุณหมดห่วงเรื่องแบตหมดระหว่างวัน ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้งานอย่างเต็มที่ พร้อมรองรับทุกความต้องการของคุณ ด้วยราคาเบาๆ ไม่เกิน 6,000 บาท!

สำหรับ TECNO POVA 6 NEO ไม่ได้มีดีแค่เรื่องแบตเตอรี่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการชาร์จเร็ว 33W ที่ทำให้คุณพร้อมลุยในทุกสถานการณ์ได้ภายในเวลาไม่นาน อีกทั้งยังมาพร้อมกับจอแสดงผลที่ลื่นไหลระดับ 120Hz ขนาดใหญ่ถึง 6.78 นิ้ว FHD+ ที่จะทำให้คุณดื่มด่ำไปกับทุกภาพและทุกเฟรมของเกมหรือวิดีโอโปรดอย่างไร้ที่ติ

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำที่ใหญ่ถึง 256GB และ RAM ขนาด 16 (8+8) GB ที่ให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด และพร้อมรองรับทุกแอปพลิเคชันที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือความบันเทิง ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานที่หนักหน่วง โดยเฉพาะการเล่นเกม ด้านระบบเสียงรุ่นนี้ได้ Dolby Atmos แบบลำโพงคู่ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์เสียงที่คมชัดและสมจริง ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ TECNO POVA 6 NEO มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 50MP AI Cam และกล้องหน้าความละเอียด 8MP ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณคมชัดทุกรายละเอียด

เรียกได้ว่า TECNO POVA 6 NEO เป็นสมาร์ตโฟนที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ยาวนานและคุ้มค่าที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น TECNO POVA 6 NEO จะทำให้คุณลืมเรื่องการชาร์จระหว่างวัน และพร้อมให้คุณเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมหรือการใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องหยุดพัก

TECNO POVA 6 NEO ทางเลือกที่ดีที่สุดในราคาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟนเกมมิ่งในราคาไม่เกิน 6,000 บาท เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยพร้อมกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม นี้ พร้อมโปรโมชั่นอีกมากมาย ที่คุณไม่ควรพลาด 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข่าวสารอื่น ๆ ของ TECNO ได้ที่เฟซบุ๊ก Facebook: www.facebook.com/tecnomobilethailand หรือเว็บไซต์ www.tecno-mobile.com/th/ 

Hot Issue