Home Blog Page 37

อังกฤษมาเหนือ ใช้ AI ช่วยลดอุบัติเหตุ แจ้งเตือนสัตว์ป่าข้ามทางรถไฟ

AI ช่วยได้ อังกฤษหยิบเอาเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหา การเคลื่อนที่ของสัตว์ป่าไม่ให้เข้ามาในเขตเมือง เพื่อลดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

โดยผู้ให้บริการรถไฟ LNER ได้ติดตั้งระบบป้องกันบริเวณทางรถไฟ ซึ่ง AI จะทำงานอัตโนมัติ เมื่อกวางเข้าใกล้รางรถไฟ ระบบจะเปิดใช้งานสัญญาณเตือนแบบเสียง เพื่อขู่หรือทำให้สัตว์ตกใจ รวมถึงส่งภาพไปยังคนขับรถไฟให้รู้ล่วงหน้า 

ระบบอัตโนมัติใช้เซ็นเซอร์ช่วยระบุเวลาที่กวางเข้าใกล้รางรถไฟ รวมถึงกล้องจะช่วยติดตามการเคลื่อนไหวของกวางจนกว่าจะอยู่ในระยะที่ปลอดภัย

ผลจากการทดลองกับกวางซึ่งเป็นสัตว์ที่มีจำนวนมากในอังกฤษ มากกว่า 6,000 ตัว และมักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งระหว่างที่กวางข้ามทางรถไฟ ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้สามารถหยุดยั้งอุบัติเหตุจากการข้ามเส้นทางรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนได้อย่างน่าสนใจ

เทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วยลดอัตราความเสี่ยงและรักษาความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์ ซึ่งในอนาคตอังกฤษเตรียมพัฒนาระบบให้สามารถป้องกันสัตว์ประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น แกะ วัว หงส์ และนก ที่มีเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งตลอดเส้นทางรถไฟด้วย

 

ที่มา : bbc

#AI #TechhubUpdate

ยิบอินซอย จับมือ ซีเมนส์ ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์น้ำ

ยิบอินซอย ร่วมกับ ซีเมนส์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม โดยข้อตกลงรวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม (Controlled Environment Agriculture หรือ CEA) ของซีเมนส์ให้กับบุคลากรของยิบอินซอย ศูนย์วิจัยพัฒนาและสาธิตผลิตภัณฑ์ของยิบอินซอย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การผสานโซลูชัน CEA แบบครบวงจรจากซีเมนส์ และองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมถึงความเชี่ยวชาญด้าน IT ของยิบอินซอย ช่วยให้ความโปร่งใสของข้อมูลอย่างรอบด้านแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงและพัฒนาคุณภาพของสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงต้นทาง (trusted traceability) อีกทั้งยังช่วยให้การใช้ทรัพยากรน้ำและพลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน เป็นการสนับสนุนการเกษตรยั่งยืนในไทย

หนึ่งในความท้าทายหลักของผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบนบกจากอดีตจนปัจจุบัน คือการคาดการณ์และควบคุมผลผลิตให้ได้ตามต้องการ นอกเหนือจากนั้นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ในหลายปีที่ผ่านมาทำให้ความท้าทายนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางด้านอัตราการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ อัตราการป่วย ซึ่งทำให้ต้นทุนทางด้านอาหาร พลังงานและทรัพยากรอื่นๆที่ใช้ในการดูแลพุ่งสูงขึ้น

ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจที่ครบถ้วนและทันเวลา ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจจากการคาดเดาทำให้เกิดความผิดพลาด ส่งกระทบต่อภาพรวมของผลผลิต สูญเสียทรัพยากรและเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น 

เทคโนโลยีและโซลูชัน CEA ที่ครอบคลุมสำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในความร่วมมือนี้ อาทิ

  • ระบบอัตโนมัติ ที่สามารถการจัดเก็บข้อมูลจากหลายๆระบบในฟาร์มเช่น ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ระบบควบคุมสิ่งแวดล้อม และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และแสดงผลแบบบูรณาการ
  • เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้อาหารอย่างเหมาะสมการวิเคราะห์พฤติกรรมตรวจสอบและวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีฯลฯ
  • ระบบการจัดการและตรวจสอบคุณภาพน้ำและการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีความเสถียรเหมาะกับสภาวะการเพาะเลี้ยงที่ต้องการและใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็นรวมถึงการนำน้ำที่ใช้แล้วมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์อื่นๆเพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ข้อมูลแบบรวมศูนย์จากระบบต่างๆข้างต้นทำให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมแบบเรียลไทม์อีกทั้งระบบยังสามารถแจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อความผันผวนในสภาพแวดล้อมของฟาร์มได้อย่างรวดเร็วส่งผลให้ฟาร์มสามารถลดการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็นและเพิ่มอัตรารอดหรือผลผลิตในที่สุด

นอกจากนี้เทคโนโลยี CEA ซึ่งควบคุมสภาพแวดล้อมได้ยังสามารถนำไปใช้เพิ่มผลผลิตเช่นการจัดตั้งฟาร์มในสถานที่ที่ทำการเพาะเลี้ยงไม่ได้มาก่อนเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางอาหารในอนาคต

โดยในบันทึกข้อตกลงนี้ ซีเมนส์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยี CEA โดยได้มีโครงการที่ประสบความสำเร็จทั้งในภูมิภาคและระดับโลกจะทำการถ่ายความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี CEA ของซีเมนส์ให้กับบุคลากรของยิบอินซอย ทั้งจากการปฎิบัติงานจริงและการฝึกอบรม

คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่าเราต้องการที่จะผลักดันให้เกษตรกรในทุกภาคส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่เรามีเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ที่มีมากมาย จุดประสงค์หลักคือต้องการให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยการใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้ที่เรามีทางด้าน ITครบวงจรมาทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำพันธุ์ต่างๆ ที่ศูนย์วิจัยพัฒนาและสาธิตผลิตภัณฑ์ของยิบอินซอย ซึ่งการร่วมมือกันกับซีเมนส์ในครั้งนี้จะทำให้เกิดการผลิกโฉมการทำเกษตรให้มั่นคงและยั่งยืนอย่างแน่นอน ]

รอส คอนลอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด  กล่าวว่า  ซีเมนส์มีความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีในการผลักดันความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โซลูชัน CEA จากซีเมนส์ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุด เช่น AI, edge computing, blockchain, machine learning ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฯ เมื่อเทียบกับการเพาะเลี้ยงแบบดั้งเดิม  การร่วมมือกับยิบอินซอยในครั้งนี้จะช่วยปูทางและส่งเสริมการทำการเกษตรแบบยั่งยืนในประเทศไทย อีกทั้งเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศในอนาคตต่อไป

ZORT สตาร์ตอัปคนไทยฉลองครบ 9 ปี รายได้ทะลุ 100 ลบ. ตั้งเป้า 3 ปีแตะ 200 ลบ. เปิดแผนใหญ่ใช้ AI เสริมทัพ E-commerce ไทย พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ

Hand touching to virtual info graphics with trolley cart icons , Technology online shopping business concept.

· ZORT สตาร์ตอัปสัญชาติไทยฉลองครบรอบ 9 ปี มุ่งพัฒนาระบบจัดการหลังบ้าน E-commerce ชาวไทยให้ยอดขายปัง พร้อมดันผู้ประกอบการไทยเติบโตยั่งยืนบนสังเวียนอีคอมเมิร์ซต่างประเทศ

· ปี 67 ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาท พร้อมโตต่อเนื่องอีก 3 ปีแตะ 200 ล้านบาท มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจไทย คาดปีนี้ผู้ใช้งานระบบเพิ่มขึ้น 55% และอีก 3 ปีตั้งเป้าผู้ใช้งานทะลุ 10,000 ราย

· เปิดกลยุทธ์ก้าวสู่ปีที่ 10 นำ AI ติดปีกเพิ่มศักยภาพลูกค้าในการตัดสินใจและลดงานซ้ำซ้อน พร้อมเดินหน้าขยายตลาดฟิลิปปินส์และประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดต่างประเทศ

· เปิดเทรนด์ E-commerce ปีหน้า การแข่งขันด้วยโค้ดลดราคาใน Marketplace จะลดลง ผู้ขายต้องรับภาระจัดโปรโมชันเอง AI มาแรงถูกนำมาใช้มากขึ้นใน Marketplace เช่น AI Automation และ AI Live และ Cross Border E-commerce จะมีบทบาทมากขึ้น

นายสวภพ ท้วมแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด (ZORT) เปิดเผยว่า ใน 2567 ถือเป็นปีที่สำคัญสำหรับ ZORT แพลตฟอร์มจัดการร้านค้าออนไลน์ครบวงจร ที่เปิดให้บริการครบรอบ 9 ปี ถือเป็นความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านระบบจัดการหลังบ้านที่ตอบโจทย์ธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ขนาดเล็กให้เติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดออนไลน์ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2558 ZORT มุ่งมั่นพัฒนาระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ครอบคลุมทั้งการจัดการสต๊อก การประมวลผลคำสั่งซื้อ การออกเอกสารบัญชี และการรายงานผลการดำเนินงานอย่างครบวงจร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจออนไลน์ บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการสร้างการเติบโตให้กับลูกค้า ลูกค้าของ ZORTมีมูลค่าการเติบโต 30% ในปี 2567 โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 55% เมื่อเทียบกับปี 2566

“เราเห็นการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่การค้าขายผ่านช่องทาง E-commerce ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้ ZORT โดดเด่นคือการเป็นระบบหลังบ้านที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม E-commerce และ Social Commerce ชั้นนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นและมีความคล่องตัวมากขึ้น ปัจจัยความสำเร็จของ ZORT คือวิสัยทัศน์ “Fast-Tracking Business Success with Ultimate Services and Intelligent Solutions” ด้วยจุดเด่นของระบบครบวงจรที่ธุรกิจต้องการ ร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ ด้วยบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างการเติบโตให้ลูกค้าในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ลูกค้าในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางขยายไปยังช่องทางออนไลน์ใหม่และออฟไลน์ ยอดขายเติบโต 4 เท่า และลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มขยายจากออฟไลน์ไปออนไลน์ ยอดขายเติบโตเท่าตัว” นายสวภพกล่าว

ที่ผ่านมา ZORT ได้จับมือกับ 2 พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ Microsoft Azure และ BUZZEBEES โดยร่วมมือกับ Microsoft ผ่านการนำแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ที่มีความเสถียรมาใช้ ทำให้ข้อมูลธุรกิจในระบบมีความปลอดภัยสูง ด้วยการรักษาความปลอดภัยจากทีมงาน Microsoft Security ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกป้องกันไว้อย่างดี และความร่วมมือกับ BUZZEBEES แพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) ของไทย เพื่อนำเสนอ CRM PLUS ระบบสมาชิกและสะสมแต้ม ที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจดูแลลูกค้าของตัวเองได้อย่างง่ายดายและเพิ่มยอดขายได้จริง จัดการทุกงาน E-commerce ครบจบที่เดียว

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปีที่ 10 นั้น ZORT ประกอบด้วย
1. นำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมทัพระบบจัดการร้านค้า เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือการพัฒนาบริการใหม่ ๆ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
2. ขยายตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ และเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ปัจจุบันเริ่มเข้าไปทำการตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ และมีแผนจะขยายไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3. เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยออกตีตลาดต่างประเทศ เมื่อฐานการให้บริการในต่างประเทศของ ZORT แข็งแรงในประเทศนั้น ๆ ZORT จะดำเนินตามเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ด้วยการสนับสนุนเสมือนประตูเชื่อมโอกาสการขยายธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยไปต่อยอดในต่างประเทศได้
4. ยึดมั่นความถูกต้องและโปร่งใส ผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตอย่างเป็นระบบ ตรวจสอบได้นำมาซึ่งการขยายธุรกิจที่สะดวกและไร้กังวลในทุก ๆ ด้าน
5. วิเคราะห์ด้านการตลาดที่แม่นยำขึ้น ด้วยการเก็บข้อมูลลูกค้า สินค้า ยอดขาย ช่วยให้มีข้อมูลมากพอที่จะวางแผนการตลาดได้ง่ายขึ้น เมื่อข้อมูลในระบบ ZORT มีมากขึ้น ข้อมูลที่ถูกประมวลผลหรือแสดงออกมาจะทำให้เห็นภาพกว้างของธุรกิจได้มากขึ้น

“ตลาด E-commerce ยังมีโอกาสโตอีกมาก ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายการเข้ามาทำตลาดของต่างชาติ เช่น ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเข้ามาของ Temu แพลตฟอร์ม E-commerce จากจีน มองว่าในส่วนนี้นอกจากการช่วยเหลือระดับนโยบายของภาครัฐแล้ว สิ่งที่ภาคธุรกิจทำได้คือ การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและเติบโตได้ในระยะยาว ด้านเทรนด์ E-commerce ปีหน้า การแข่งขันด้วยโค้ดลดราคาใน Marketplace จะลดลง โดยภาระจะตกที่ผู้ขายที่ต้องจัดโปรโมชันเพื่อแข่งขัน และ AI จะถูกนำมาใช้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น AI Automation และ AI Live ส่งผลให้การเติบโตของเทคโนโลยี AI จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด E-commerce ในปีหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธุรกิจออนไลน์ ตั้งแต่การจัดการคำสั่งซื้อไปจนถึงการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร และ Cross Border E-commerce การทำธุรกิจซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่างประเทศ หรือการขนส่งสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง จะมีผลกระทบกับตลาด E-commerce ของไทยมากขึ้น จนผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง” นายสวภพ กล่าว

How To สร้าง Restore Point บน Windows 11

Restore Point

ฟีเจอร์ Restore Point เป็นหนึ่งในฟีเจอร์กู้คืนระบบยอดฮิต ไว้ใช้ย้อนเวลากลับไปตอนที่คอมยังไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงรายการรีจิสตรี ติดตั้งการอัปเดต Windows ใหม่ หรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับคอมโดยไม่ต้องติดตั้งระบบใหม่ 

หากเราเปิดใช้งาน Restore Points  ในค่าเริ่มต้น Windows จะสร้าง Restore Point ใหม่ทุกอาทิตย์ ซึ่งจะแทนที่จุดเซฟที่เก่าที่สุดทับไปเรื่อย ๆ แต่เราสามารถกำหนด Restore Point ได้บ่อยเท่าที่เราต้องการ  ซึ่งการมี Restore Point หลาย ๆ จุด จะมีประโยชน์มากสำหรับการแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น  เช่น 

หากการอัปเดตไดรเวอร์ที่ไม่ดีทำให้ระบบของเราทำงานผิดปกติ แม้จะถออนการติดตั้งก็ไม่สามารถเอาไดรเวอร์เวอร์ชั่นเดิมกลับมาได้ เราสามารถใช้ Restore Point เพื่อคืนค่าระบบกลับไปยังจุดก่อนหน้าที่ปัญหายังไม่เกิดขึ้น  

อย่างไรก็ตาม การทำ Restore Point นั้นจะไม่ได้ Backup ไฟล์ส่วนตัวไว้ให้นะ ฉะนั้น ก่อนจะทำก็ให้เซฟไฟล์ส่วนตัวไว้ในไดรฟ์อื่น ๆ หรือเซฟเก็บไว้ที่ External ก่อนก็ได้ครับ 

วิธีเปิดใช้งานและตั้งค่าพื้นที่สำหรับ Restore Points  บน Windows 11 

ตามปกติแล้ว Windows จะไม่ได้เปิด Restore Points ไว้ให้เรา ซึ่งเราต้องเข้าไปเปิดใช้งาน

 1.กดปุ่ม Start  แล้วพิมพ์คำว่า Restore Point

2.กดเลือกฟีเจอร์  Create a restore point  

Restore Point

3.ระบบจะขึ้น System Properties ให้เราเลือกที่แท็บ System Protection tab.

4.ในใต้หัวข้อว่า Protection ให้เราดูว่า มันขึ้น Off หรือ On (ปกติแล้วจะขึ้น On )  ซึ่งถ้า Off ให้เราเลือกที่ Drive C และกดที่ปุ่ม Configure 

5.จากนั้น ให้เราเลือก Turn on System Protection ที่ใต้คำสั่ง Restore Settings.

Restore Point

6.ภายใต้ Disk Space Usage ให้ลากแถบเลื่อนและกำหนดพื้นที่ดิสก์สำหรับสร้างจุด Restore point   ตามรูปด้านบน

* เราสามารถปรับพื้นที่ดิสก์สูงสุดที่ใช้ในการทำ Restore Point  เมื่อพื้นที่เต็ม Restore Point เก่าจะถูกลบออกเพื่อสร้าง Restore Point  ใหม่ 

ปกแล้ว การทำ Restore Point จะกำหนดพื้นที่ประมาณ  2-5% ของขนาดฮาร์ดดิสก์ จากนั้นค่อยปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความเหมาะสม

7.จากนั้น  Apply และปุ่ม OK  เพื่อบันทึกครับ

วิธีสร้าง Restore Point

1.กดปุ่ม Start  แล้วพิมพ์คำว่า Restore Point

2.กดเลือกฟีเจอร์  Create a restore point  

Restore Point

 

3.ในหน้า System Properties เลือก Create  

Restore Point

4.จากนั้น ให้เราใส่ รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ Restore เพื่อช่วยให้เรากู้คืนได้ง่ายขึ้น เช่น  ชื่อและวันที่ ที่ทำ Restore Point  และให้เรากด Create

Restore Point

5.ระบบจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในการสร้าง Restore Point เป็นอันเสร็จ

วิธีทำ System Restore 

1.กดปุ่ม Start  แล้วพิมพ์คำว่า Restore Point

2.กดเลือกฟีเจอร์  Create a restore point  

3.กดเลือก System Restore 

4.จากนั้น ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เรากู้คืนจุดที่เราทำ Restore points ไว้ครับ 

เราสามารถสร้าง Restore poinst ได้บ่อยเท่าที่เราต้องการเลยนะ หากกลัวระบบจะมีปัญหา หรือจะทำก่อนที่จะมีการอัปเดตไดรเวอร์ต่าง ๆ ก็ทำได้ครับ 

อ่าน How To อื่น ๆ

จีนทำได้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แบบใหม่ ลดความเสี่ยงได้ ปลอดภัยขึ้น

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

โดยปกติแล้ว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นับเป็นผลิตพลังงานที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าแบบอื่น (หากว่ามันไม่ระเบิด) ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องปฏิกรณ์ประมาณ 440 เครื่องในกว่า 30 ประเทศ และผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 9% ของโลก

แต่ตอนนี้ พี่จีนกำลังพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบใหม่ที่ใช้ “ทอเรียม” แทนยูเรเนียมแบบเดิม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้มาก โรงไฟฟ้าแห่งนี้คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในปี 2025 ในทะเลทรายโกบี

ข้อดีของโรงไฟฟ้าทอเรียมคือ
1.ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องใช้น้ำหล่อเย็น ลดความเสี่ยงเตาปฏิกรณ์ระเบิด
2.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทอเรียมซึ่งมีมากกว่ายูเรเนียม และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
3.กากนิวเคลียร์น้อยกว่า โดยกากที่เกิดขึ้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้กว่า 80% ที่เหลือสามารถจัดเก็บได้ใต้ทะเลทรายได้อย่างปลอดภัย

จีนตั้งเป้ามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทอเรียมให้ 150 แห่งภายในปี 2035 และเทคโนโลยีใหม่นี้อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศได้มากขึ้น

สำหรับยทอเรียม คือธาตุโลหะกัมมันตรังสีที่มีอยู่มากมายในธรรมชาติ สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ มีข้อดีคือมีความปลอดภัยสูงกว่ายูเรเนียม และก่อให้กากนิวเคลียร์น้อยกว่า แต่ก็มีการจัดการที่ยากและค่าใช้จ่ายในการขุดที่สูงกว่ามาก

ที่มา
thecooldown

สุดยอด แบตจิ๋ว MIT สร้างแบตเพื่อหุ่นยนต์ ใช้งานได้แบบไม่ต้องชาร์จ

แบตจิ๋ว MIT

ทีมวิศวกรจาก MIT ได้พัฒนาแบตเตอรี่ขนาดจิ๋วที่อาจใช้กับหุ่นยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานต่างๆ เช่น การส่งยาเข้าไปในรักษาในร่างกายเราได้ตรงจุด หรือตรวจจับก๊าซที่รั่วตามท่อส่งก๊าซ

แบตเตอรี่นี้มีขนาดเล็กมาก เพียง 0.1 มิลลิเมตร และบางเพียง 0.002 มิลลิเมตร เทียบเท่ากับความกว้างของเส้นผมมนุษย์ ตัวแบตทำงานโดยการดึงออกซิเจนจากอากาศมาทำปฏิกิริยากับสังกะสี เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 1 โวลต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับวงจรขนาดเล็กอย่าง เซ็นเซอร์ หรือระบบขับเคลื่อนขนาดเล็ก

ต้องยอมรับว่า แบตจิ๋วนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานภายนอก หรือก็คือไม่ต้องชาร์จนั่นแหละ

โดยทีมวิจัยกำลังพยายามพัฒนาแบตเตอรี่นี้ต่อเพื่อเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้มากขึ้น และพัฒนาระบบและส่วนต่อประสานที่เข้ากันได้ เพื่อให้สามารถรวมเข้ากับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

รอดูกันครับว่า ในอนาคต เราอาจส่งยาคีโม เข้าไปที่เซลมะเร็งได้ตรงจุด และไม่ทำให้อวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ การรักษา ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา
techspot

ล้ำสุด หุ่นยนต์บินได้ด้วยพลังเจ็ท iRonCub เน้นภารกิจกู้ภัยทุกรูปแบบ

iRonCub

นักวิจัยหุ่นยนต์จากสถาบันเทคโนโลยีอิตาลี (IIT) กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ iRonCub ที่บินได้ด้วยพลังเจ็ท โดยคาดหวังว่า จะใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้มากขึ้น

หุ่นยนต์ของ IIT มีชื่อว่า c หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไปทางอากาศ และให้การช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยพิบัติ ตัวหุ่นยนต์มีหน้าตาน่ารักนะ แต่ก็มาพร้อมกับความแรงเช่นกัน โดยติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ททั้งหมดสี่เครื่อง สองเครื่องติดตั้งที่แขน และอีกสองเครื่องติดตั้งบนเจ็ทแพ็คที่ติดอยู่ด้านหลังของหุ่นยนต์

ตัวหุ่น จำเป็นต้องมีการออกแบบฝาครอบต่าง ๆ ให้มีความคงทนต่อความร้อน โดยเฉพาะกับฝาครอบด้านหลัง ซึ่งอุณหภูมิขณะติดเครื่องเจ็มนั้นสูงถึง 600 องศาเซลเซียส เครื่องยนต์มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม และสามารถให้แรงขับสูงสุดมากกว่า 1000 นิวตัน

ทีนี้ เขาไม่ได้บอกนะว่า จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแบบไหน แต่ถ้าให้เดา ก็น่าจะเป็นแบบว่า
1.ช่วยเหลือผู้ประสบที่อยู่ในพื้นที่สูง ๆ บนภูเขา ที่รถขึ้นไปได้ยาก อาจจะส่งน้ำ อาหาร ยา และสิ่งของจำเป็น
2.ในกรณีที่น้ำท่วม ก็สามารถบินข้ามน้ำท่วมไปส่งสิ่งของได้
3.สามารถใช้เซ็นเซอร์และกล้องในการค้นหาผู้ประสบภัยที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หรือในพื้นที่ที่ยากต่อการมองเห็นจากภาคพื้นดิน
4.สามารถบินสำรวจพื้นที่ประสบภัยในวงกว้าง เพื่อเก็บข้อมูลภาพถ่ายและวิดีโอความละเอียดสูง
5.ทำหน้าที่เป็น “ดวงตาบนฟ้า” ให้กับทีมกู้ภัย คอยส่งข้อมูลภาพและเสียงแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถตัดสินใจและปฏิบัติงานได้อย่างทันท่วงที

แต่ก็แอบสงสัยไม่ได้นะว่า สิ่งนี้มีประสิทธิภาพต่างจากโดรนขนาดใหญ่ ๆ ยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือบินได้ไวกว่าชัวร์ เพราะใช้เครื่องเจ็ท ส่วนที่ว่าทำไมต้องเป็นฮิวแมนนอยด์ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า การส่งมนุษย์ขึ้นบินเอง อาจจะอันตรายกว่านั่นเอง

ที่มา
supercarblondie

ติดตั้งยากขึ้น Microsoft เพิ่มข้อจำกัด ลง Windows 11 ในเครื่องเก่า

Windows 11

แล้วชอบบ่นคนใช้น้อยด้วยนะ….

ไม่นานมานี้ เพิ่งมีการอัปเดต Windows 11 เวอร์ชั่นทดลองใหม่ในรุ่น Canary Build 27686 ซึ่งในนั้นมีการอัปเดตสำคัญหลายอย่าง ทั้งการเพิ่มขนาดไฟล์ของ FAT32 ได้ถึง 2TB, ดูคอนเทนต์ HDR ง่ายขึ้น และอื่น ๆ

แต่สิ่งสำคัญคือ Microsoft ได้ตัดคำสั่ง “setup.exe /product server” ที่เคยใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบสเปคเครื่องออกไปแล้ว ทำให้คนที่ต้องการจะติดตั้ง Windows 11 ในเครื่องเก่าจะไม่ได้โดยใช้วิธีนี้ (แต่ก็มีหลาย 2-3 วิธีที่ยังไม่ได้แก้นะ) สำหรับคนที่เคยติดตั้งไปแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ

ไมโครซอฟท์โดนวิจารณ์หนักเรื่องบังคับให้เครื่องต้องมีชิป TPM 2.0 ถึงจะลง Windows 11 ได้ ถึงแม้ Windows 11 จะไม่ได้ต่างจาก Windows 10 มากนัก แต่ข้อจำกัดเรื่องสเปคนี้ก็ทำให้หลายคนไม่อยากอัปเกรดเท่าไหร่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีคนค้นพบวิธีหลบเลี่ยงข้อจำกัดเรื่องสเปคเครื่องอยู่เรื่อย ๆ นะ ซึ่งวิธีใช้คำสั่ง “/product server” ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด แต่เมื่อ Windows 11 (24H2) ออกมา คงต้องรอดูว่าจะมีใครหาวิธีใหม่ ๆ มาลง Windows 11 บนเครื่องเก่าได้อีกหรือไม่…

aที่มา
techspot

ปิ่นโต อีบุ๊ก ฉลอง 2 ปี ผนึก Ookbee ปักธงรุก รับกระแสอีบุ๊กโตแรง เปิดประสบการณ์การอ่านเหนือระดับ สิทธิประโยชน์เพียบ ตั้งเป้าครองใจนักอ่านยุคดิจิทัล พร้อมโชว์วิสัยทัศน์มุ่งสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง หนุนธุรกิจคอนเทนต์เติบโตอย่างยั่งยืน

ปิ่นโต อีบุ๊ก แพลตฟอร์มร้านหนังสือออนไลน์จากเครือ Storylog ประกาศเป็นแพลตฟอร์มหลักในเครือ Ookbee เพื่อนำทัพตลาดอีบุ๊ก พร้อมปิดการขายที่แพลตฟอร์ม Ookbee.com และเชิญชวนผู้ใช้มาใช้บริการที่ปิ่นโต อีบุ๊ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เพิ่มสิทธิประโยชน์เอาใจนักอ่านยุคดิจิทัล ตอบรับกระแสตลาดอีบุ๊กที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เผย Top 5 หมวดหนังสือขายดี และ 4 จุดแข็งที่ทำให้ปิ่นโต อีบุ๊ก โตแรงครองใจนักอ่าน พร้อมโชว์วิสัยทัศน์มุ่งสร้างระบบนิเวศธุรกิจคอนเทนต์ให้แข็งแกร่ง มุ่งเน้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งนักอ่าน นักเขียน สำนักพิมพ์ได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

กวิตา พุกสาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตอรี่ล็อก จำกัด เผยตลาดอีบุ๊กทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2561-2565 มีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 7.63 แสนล้านบาท เป็น1.07 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ.2565 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7.1% ต่อปี ส่วนในประเทศไทยก็มีอัตราการเติบโตสูงเช่นกันโดยมีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 2,960 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 เป็น 5,705 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2565 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 14% ต่อปี*  โดยเฉพาะในปี 2565 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เผยว่า ตลาดอีบุ๊กเติบโตจากปี 2564 ถึง 20% อีกทั้งสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่าในช่วงที่ผ่านมา นักอ่านไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านจากหนังสือกระดาษมาสู่อีบุ๊กรวดเร็วที่สุดในโลกโดยมีสัดส่วนสูงถึง 42%  ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของนักอ่านทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสมหาศาลที่รออยู่

กวิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อตอบรับกระแสการเติบโตของตลาดอีบุ๊กและพฤติกรรมผู้บริโภค
ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Storylog จึงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มอีบุ๊กให้ก้าวทันยุคสมัย
แม้ก่อนหน้านี้จะมีแพล็ตฟอร์มอีบุ๊กอย่าง Ookbee ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนไป รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ก็เริ่มมีความล้าสมัย จึงมีแนวคิดพัฒนาแพล็ตฟอร์มอีบุ๊กใหม่
ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมมองหาชื่อใหม่ที่สื่อถึงสิ่งที่สามารถพกพา เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งเปรียบเหมือนอีบุ๊กที่อยู่กับ
นักอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งต้องการชื่อที่มีความเป็นไทย น่ารัก อบอุ่น เข้าใจง่าย จึงนึกถึง “ปิ่นโต”
ซึ่งสื่อถึงความอบอุ่น ความห่วงใยในครอบครัว นอกจากนี้ “ปิ่นโต” ยังมีหลายชั้นซึ่งสื่อถึงความหลากหลาย
ของเนื้อหาที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของนักอ่าน จึงเป็นที่มาของแพลตฟอร์ม “ปิ่นโต อีบุ๊ก
ร้านหนังสือหิ้วได้” ที่พร้อมไปกับนักอ่านยุคดิจิทัลทุกที่

ด้าน เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์ กรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท สตอรี่ล็อก จำกัด กล่าวเสริมว่า Storylog เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคอนเทนต์ออนไลน์ชั้นนำที่เริ่มจากการเป็นสตาร์ตอัป แต่หลังดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 10 จึงคิดว่าไม่น่าใช่สตาร์ตอัปแล้ว แต่เติบโตเป็นองค์กรเต็มตัวจึงเริ่มมองภาพใหญ่และความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมโดยมองไปที่การสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ที่ช่วยให้นักเขียนและสำนักพิมพ์มีรายได้ที่มั่นคง มีอิสระในการทำงาน สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพเศรษฐกิจมากนัก จึงตั้งเป้าสร้าง Ecosystem การอ่านดิจิทัลที่ครบวงจร เชื่อมโยงแพลตฟอร์มการอ่านทั้งหมดในเครือให้ทำงานร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้มีแพลตฟอร์มในความดูแล ได้แก่ Fictionlog ให้บริการนิยายรายตอนที่โดดเด่นในเรื่องนิยายแปล และธัญวลัย ที่มีชื่อเสียงในตลาดนิยายออนไลน์ที่มี User-generated Content เป็นจุดขายหลัก เมื่อแพลตฟอร์มนิยายรายตอนเติบโตเต็มที่แล้ว จึงอยากให้นักเขียนสามารถพัฒนาผลงานจากนิยายรายตอนมารวบรวมอยู่ในรูปแบบอีบุ๊ก จึงพัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นใหม่ในชื่อปิ่นโต อีบุ๊กเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้อ่านและสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้นให้กับนักเขียน

ในขณะที่ ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อุ๊คบี กรุ๊ป กล่าวเสริมถึงการส่งต่อแพล็ตฟอร์ม Ookbee มาที่ปิ่นโต อีบุ๊กว่า Ookbee group มีธุรกิจในเครือที่หลากหลาย แต่ธุรกิจที่เป็นรายได้หลักไม่ว่าจะเป็นธัญวลัย Fictionlog จนมาถึง ปิ่นโต อีบุ๊ก มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดแนวคิดในการโอนย้ายธุรกิจที่เป็นแพลตฟอร์มการอ่านในเครือ Ookbee มาที่ Storylog ทั้งหมด เพื่อรวมเป็นยูนิตเดียว เพื่อความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร และให้ผู้ใช้บริการทั้งเว็บไซต์และ
แอปพลิเคชัน Ookbee สามารถโอนย้ายบัญชีมาที่ปิ่นโต อีบุ๊กได้ ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า “ปิ่นโต อีบุ๊ก”
จะเป็นบ้านหลังใหม่ที่จะมอบประสบการณ์การซื้อ-ขาย-อ่านอีบุ๊ก และสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับ
ผู้ใช้ Ookbee ได้แบบไร้รอยต่อ 

  • ตั้งเป้าสร้าง Ecosystem แข็งแกร่ง ปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลง สร้างรากฐานที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

กวิตา กล่าวเพิ่มเติมถึงหลักแนวคิดในการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จว่า อันดับแรก คือ การสร้างความสมดุลในระบบ Ecosystem ทั้งนักอ่าน นักเขียน และสำนักพิมพ์ สร้างมูลค่าให้กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายและตรงใจผู้อ่านทุกกลุ่ม สร้างรายได้ สร้างโอกาส
และเพิ่มการมองเห็นให้นักเขียนทุกคน ซึ่งปิ่นโตให้ความสำคัญอย่างมาก อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ  การรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตอย่างรวดเร็วกับการสร้างรากฐานที่เข้มแข็ง โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและกลยุทธ์ให้ทันกับความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับการสร้างระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

  • ชู 4 จุดแข็ง เอาใจนักอ่าน เน้นสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจ

กวิตา กล่าวถึงจุดแข็งที่ทำให้ปิ่นโต อีบุ๊กโดดเด่นและแตกต่างจากแพลตฟอร์มทั่วไปว่ามี 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ให้นักอ่านรู้สึกคุ้นเคยและสบายใจ เหมือนกำลังเดินเลือกหนังสืออยู่ในร้านโปรด 2. คัดสรรคอนเทนต์ที่โดนใจเพื่อทุกคน ด้วยการใช้ทั้งอัลกอริทึม
และทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการคัดสรรและนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจ พร้อมบทความแนะนำหนังสือ
ที่หลากหลายแนวตรงใจผู้อ่านทุกกลุ่ม 3. เอาใจนักอ่านด้วยส่วนลด ที่คุ้มค่าทั้งด้านราคาและการ
ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบโค้ดคูปอง Coin Back และระบบสมาชิกที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับ
นักอ่านตัวยงเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อซ้ำและเกิดความภักดีต่อแบรนด์ 4. ดูแลพาร์ตเนอร์ทั้งนักเขียน
และสำนักพิมพ์อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการวางแผนการลงงาน การจัดทำไฟล์งาน และการวางแผนการตลาดที่ตรงตามโจทย์ของพาร์ตเนอร์โดยทีม Content Partnerships มืออาชีพที่จะคอยดูแล
อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความสะดวกและประโยชน์สูงสุดและเติบโตไปด้วยกัน  

กวิตา เปิดเผยว่า ปัจจุบัน 5 อันดับแรก หมวดหนังสือขายดีในปิ่นโต อีบุ๊ก ได้แก่ 1. นิยายวาย
2. นิยายรักโรแมนติก 3. การ์ตูนแอ็คชั่น ผจญภัย 4. การ์ตูนรักโรแมนติก และ 5. จิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง โดยพบว่านิยายรักจีนโบราณและนิยายวายย้อนยุค เป็นหมวดที่สร้างยอดขายมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมของเนื้อหาย้อนยุค โดยส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาจากประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตนิยายออนไลน์รายใหญ่ของโลก ส่วนหมวดการ์ตูนก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าจับตา โดยมียอดขายถึง 15%
ของยอดขายทั้งหมดในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับหนังสือแนวจิตวิทยาและการพัฒนาตนเองและหนังสือธุรกิจและการลงทุน ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเทียบกับปี
ที่ผ่านมา 

กวิตา กล่าวเสริมถึงความสำเร็จของปิ่นโต อีบุ๊ก โดยเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์ทั้งสำนักพิมพ์และนักเขียนอิสระกว่า 10,000 ราย พร้อมคลังอีบุ๊กนับแสนเล่ม นอกจากนี้ ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า และยอดขายเติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีแรกที่เปิดตัว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของทั้งนักอ่านและพาร์ทเนอร์ที่มีต่อแพลตฟอร์ม

“ปิ่นโต อีบุ๊ก มุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่นักอ่านและนักเขียนนึกถึงเป็นอันดับแรก ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เอื้อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทั้งนักอ่าน นักเขียน และสำนักพิมพ์ ผ่านวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นความคุ้มค่าและการเติบโตร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจคอนเทนต์ไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืน” กวิตา กล่าวปิดท้าย

*ที่มาข้อมูล https://knowledgeportal.okmd.or.th/article/65f3e0725dcfe

เปิดตัว HUAWEI Sound Joy 2 จับมือเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกับ TikTok Shop แพลตฟอร์มยอดฮิตมอบดีลพิเศษเอาใจคนรุ่นใหม่ให้สนุกกับเสียงเพลงแบบม่วนใจ๋ม่วนจอยก่อนใคร 31 สิงหาคมนี้!!

(จากซ้ายไปขาว) Mr. Louie Hu Chief Marketing Officer & Head of Sales HUAWEI SEA Consumer Business Group, คุณกชกร จิตพนอรักษ์ Head of Electronics, E Commerce, TikTok Shop Thailand และคุณวรุฒ สิริเกษมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) จับมือร่วมกับ TikTok Shop ประกาศการเปิดตัววางจำหน่าย HUAWEI Sound Joy 2 ลำโพงเสียงกระหึ่มด้วยลำโพง 4 ดอกดังสะใจ ป้องกันละอองนํ้าและฝุ่น IP67 ใช้ไปงาน ๆ ต่อเนื่อง 26 ชั่วโมง พร้อมจัดโปรโมชันเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน TikTok Shop ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เวลา 20.00 น. ถึง 7 กันยายน 2567 เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์หัวเว่ยมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย HUAWEI Sound Joy 2 ลำโพงอัจฉริยะที่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ประเภท “8” ในกรอบธุรกิจ “1+8+N” ของหัวเว่ย และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสมาร์ทโฮมอีโคซิสเต็มที่หัวเว่ยเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเสียงมาโดยตลอดควบคู่กับการเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับพฤติกรรมการเสพความบันเทิงของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับการช่องทางอีคอมเมิร์ซ

การจับมือร่วมกับ TikTok Shop ที่ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับ HUAWEI Sound Joy 2 โดยมีจุดมุ่งหมายที่เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความบันเทิงของคนรุ่นใหม่ สร้างความเป็นคอมมูนิตี้เชื่อมโยงผ่านเสียงเพลง และสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ส่งมอบข้อเสนอสุดพิเศษและประสบการณ์การสั่งซื้อให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายและเข้าถึงสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพครบจบในแอปเดียว

คุณกชกร จิตพนอรักษ์ Head of Electronics, E Commerce, TikTok Shop Thailand กล่าวว่า “ความร่วมมือกับทางหัวเว่ยเพื่อเปิดตัวและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HUAWEI Sound Joy 2 แบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นที่แรกกับ TikTok Shop ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาสำคัญก่อนเข้าสู่เทศกาล Mega Sales 9.9 ที่นอกจากจะเป็นช่วงที่มีโอกาสในการขายมากที่สุดแล้ว ช่วงสัปดาห์แรกในการเปิดตัวสินค้ามักจะเป็นช่วงที่ผู้ซื้อมีความต้องการในตัวผลิตภัณฑ์มากที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกจัดจำ หน่ายเฉพาะที่ TikTok Shop ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจจากแบรนด์ชั้นนำ ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่าง HUAWEI ที่มีต่อ TikTok Shop สอดคล้องกับสำ รวจจาก Kantar ที่พบว่า 89%[1] ([4]) ของผู้ใช้ TikTok ตัดสินใจซื้อสินค้าในช่วง Mega Sales และในปีนี้มีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า[2] ([4]) ทำ ให้เรายิ่งมั่นใจว่า HUAWEI Sound Joy 2 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากอีโคซิสเต็มส์ของเรา นอกจากนี้การเปิดตัว HUAWEI Sound Joy 2 คือหนึ่งในไมล์สโตนสำคัญหลังจาก HUAWEI ได้เข้าร่วม TikTok Shop Mall โดยกระแสตอบรับผลิตภัณฑ์ HUAWEI บนแพลตฟอร์มได้สร้างความมั่นใจให้แบรนด์ในการทำ การตลาดร่วมกับ TikTok Shop อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเข้าร่วม

เมกะแคมเปญ การเปิดตัวนาฬิกา Watch Fit 3 ตลอดจนร่วมมือกับท็อปครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม ฯลฯ สะท้อนให้เห็น

ถึงจุดแข็งของ TikTok Shop ในการเป็น One-Stop Shopping แพลตฟอร์มที่มอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าทึ่งให้กับแบรนด์ได้อย่างแท้จริง”

HUAWEI Sound Joy 2 ลำโพงอัจฉริยะมาพร้อมเทคโนโลยี HUAWEI Sound ให้พลังเสียงระดับพรีเมียม โดยหัวเว่ยเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีเสียงในปี 2008 จากความรู้ทางเทคนิคเพื่อสร้างทีมเสียงที่มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,000 คน จากศูนย์วิจัยพัฒนา R&D ที่ครอบคลุม 7 แห่งทั่วโลก ซึ่งหัวเว่ยได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงหูฟังแบบเอียร์บัด ลำโพงมือถือ ลำโพงสำหรับบ้าน และลำโพงรถยนต์

HUAWEI Sound 4 ลำโพง ครอบคลุมทุกอย่างความถี่

HUAWEI Sound Joy 2 ใช้เทคนิคการแบ่งความถี่ของ HUAWEI Sound 4 ลำโพงเพื่อสร้างพลังเสียงในทุกวิถีทาง ตั้งแต่สถาปัตยกรรมอะคูสติกและส่วนประกอบของลําโพง ไปจนถึงอัลกอริทึมคุณสมบัติและการปรับเสียงขับเคลื่อนชุดลําโพงสี่ชุด ได้แก่ ลำโพงความถี่เต็ม 20 วัตต์ 1 ตัว ลำโพงทวีตเตอร์ 10 วัตต์ 1 ตัว และ พาสซีฟเรดิเอเตอร์ 2 ตัวให้เสียงเบสที่ดังขึ้นถึง 50 Hz และทวีตเตอร์จะทะยานขึ้นไปถึงเสียงแหลมถึง 20 kHz สั่นด้วยแอมพลิจูดสูงสุด 16 มม. เพื่อให้เสียงดังขึ้นโดยไม่รบกวนส่วนประกอบอื่น ๆ

ใช้งานได้ต่อเนื่อง 26 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 40W SuperCharge บนความจุ 8800mAh การกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP67

คลื่นเสียงสามารถทะลุผ่านตาข่ายได้โดยไม่สูญเสียรายละเอียดใด ๆ ตามที่ได้รับการยืนยันจากการทดสอบ และความสามารถในการกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP67 ทําให้สามารถใช้ลําโพงได้โดยไม่ต้องกังวลในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและฝนตก แบตเตอรี่ 8800 mAh ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เล่นเพลงได้นานถึง 26 ชั่วโมง[3] มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C และรองรับการชาร์จเร็ว 40W SuperCharge[4]

เขย่าเพื่อลิงก์ถึงกัน เพื่อเพิ่มพลังเสียงพร้อมกัน 2 ตัวในเวลาเดียว

การเขย่าลําโพง HUAWEI Sound Joy 2 สองตัวจะเชื่อมต่อกันและสร้างเอฟเฟ็กต์เสียงสเตอริโอที่สมจริง โดยเขย่าลําโพงสองตัวพร้อมกันหรือภายใน 5 นาทีเพื่อจับคู่และตั้งค่ากลุ่มสเตอริโอ จากนั้นเสียงกริ่งบนลําโพงจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและหมุน เมื่อตั้งค่าสําเร็จแล้ว คุณจะได้ยินข้อความเสียง และไฟแสดงสถานะทั้งหมดจะดับลง นอกจากนี้การเขย่าลําโพง HUAWEI Sound Joy 2 สามตัวขึ้นไปพร้อมกัน หรือกดปุ่ม Switch ค้างไว้จะทําให้สามารถเล่น Super Combo และซิงค์การเล่นระหว่างลําโพงทั้งสองตัวได้ คุณสามารถเชื่อมต่อลําโพงได้สูงสุด 100 ตัว[5]เพื่อสร้างซูเปอร์คอมโบ และสร้างระบบเสียงขนาดใหญ่สําหรับงานปาร์ตี้หรือกิจกรรมกลางแจ้ง

ดีลพิเศษก่อนใครที่ TikTok Shop

HUAWEI Sound Joy 2 วางจำหน่ายก่อนใครที่ TikTok Shop ในราคาพิเศษเพียง 3,990 บาท จากราคาปกติ 4,990 บาท พร้อมแถมฟรี! ร่ม (สีส้ม) มูลค่า 490 บาท สำหรับ 150 ออเดอร์แรก ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2567 ถึง 7 กันยายน 2567

ติดตามรายละเอียดโปรโมชัน อัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:

Website: http://consumer.huawei.com/th

Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH

LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH

[1] อ้างอิงข้อมูลจาก TikTok commissioned study conducted by Kantar Profile on shopping during shopping seasons among TikTok users and non-users in TH, 2024

[2] อ้างอิงข้อมูลจาก TikTok commissioned study conducted by Kantar Profile on shopping during shopping seasons among TikTok users and non-users in TH, 2024

[3] ข้อมูลมาจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของหัวเว่ย ซึ่งดำเนินการในขณะที่อุปกรณ์เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ (วงแหวนไฟปิดอยู่ ระดับเสียงเริ่มต้น แหล่งกำเนิดเสียงเฉพาะ) ประสิทธิภาพที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับเสียงของลำโพง ประเภทของเสียง เอฟเฟกต์แสง เอฟเฟกต์เสียง การรบกวนสิ่งแวดล้อม คุณสมบัติ/โหมดที่เปิดใช้งาน และพฤติกรรมการใช้งาน หากไม่มีการดำเนินการใดๆ หรือไม่มีการเล่นเสียงภายใน 30 นาที ลำโพงจะปิดโดยอัตโนมัติ ในกรณีนี้ คุณต้องเปิดเครื่องอีกครั้ง

[4] อุปกรณ์นี้รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็ว 40W ตามมาตรฐาน SCP 2.0 และ PD 3.0 ขอแนะนำให้คุณใช้สายชาร์จเดิมในการชาร์จอุปกรณ์ ข้อมูลจำเพาะการชาร์จที่รองรับคือ 5 V/2 A, 9 V/2 A และ 10 V/4 A

[5] ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของหัวเว่ย

Hot Issue