Home Blog Page 35

จับตา! บัดเจ็ตโฟนสายแกร่งแห่งปี “realme Note 60” ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยบอดี้ ArmorShell™

ใครบอกว่ามือถือราคาประหยัดต้องพังง่าย! วันนี้ realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก จะเปลี่ยนความคิดของคุณด้วยบัดเจ็ตโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล NOTE Series ที่ทุกคนจับตามอง กับ “realme Note 60” ชูจุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งจากกลไกการปกป้องสมาร์ตโฟนรอบด้านแบบ 360° ในชื่อ ArmorShell™ Protection ครั้งแรกในสมาร์ตโฟน realme ผ่านการอัปเกรดองค์ประกอบบอดี้ทั้ง 8 ด้าน อาทิ การใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแข็งแกร่งสูง กระจกเสริมแรง ฟิล์มแผงวงจรดูดซับแรงกระแทก ฯลฯ เพื่อสร้างบัดเจ็ตโฟนที่ทนทานต่อการบิดงอ ตกกระแทก รอยขีดข่วน และการใช้งานหนักทุกรูปแบบ แถมมาพร้อมคุณสมบัติ IP64 ที่ช่วยกันน้ำกันฝุ่นจากการใช้งานประจำวันได้อย่างมั่นใจ

“realme Note 60” ยังเป็นหนึ่งในบัดเจ็ตโฟนเพียงไม่กี่รุ่นในโลกที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบัน TÜV Rheinland High Reliability Certification แห่งเยอรมนี โดยผ่านการทดสอบสุดโหดมาแล้วมากมาย เช่น การทดสอบกดปุ่มกว่าหนึ่งล้านครั้ง การทดสอบเสียบและถอดสาย USB มากถึง 40,000 ครั้ง ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปถึงเท่าตัว และการทดสอบส่วนประกอบอื่น ๆ รวมทั้งหมดกว่า 320 รายการ จึงมั่นใจได้ถึงความแข็งแรงทนทานด้วยมาตรฐานระดับสากล

“realme Note 60” ไม่ได้มีดีแค่ความแกร่ง แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงและประสิทธิภาพเกินราคาอีกมากมาย ทั้งโปรเซสเซอร์ UNISOC T612 แบบ Octa-Core ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับราคาเดียวกัน ตอบโจทย์การทำงานมัลติทัสก์และประสบการณ์การเล่นเกมที่ยอดเยี่ยม จอแสดงผล 90Hz Eye Comfort ที่ให้ภาพที่ลื่นไหลสบายตา แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ที่ให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานที่สม่ำเสมอแม้ว่าจะชาร์จไปแล้วกว่า 1,000 รอบก็ตาม รวมถึง AI Boost Engine ที่จะทำให้ “Note 60” ทำงานได้อย่างลื่นไหลแม้หลังจากใช้งานไปนานถึง 48 เดือน และฟีเจอร์สุดล้ำอื่น ๆ ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อบัดเจ็ตโฟนของคุณไปอย่างสิ้นเชิง

แฟน ๆเรียลมีสามารถติดตามรายละเอียดราคา realme Note 60 ได้ในวันที่ 5 กันยายนผ่านช่องทางเพจ realme TH (https://www.facebook.com/realmeTH) งานนี้สาวกเรียลมีห้ามพลาด

ติดตามรายละเอียดรวมถึงข่าวสารกิจกรรมต่าง ๆ จาก realme Thailand ผ่านช่องทาง

Facebook: (https://www.facebook.com/realmeTH)

Instagram: (https://www.instagram.com/realme_thailand)

Tiktok: (https://www.tiktok.com/@realme_thailand)

Twitter: (https://twitter.com/realmeTH)

Youtube: (https://www.youtube.com/@realmeThailandTH)

TikTok ยกระดับ Creator Economy ด้วย LIVE Entertainment ดันครีเอเตอร์คว้าท็อปสาม TikTok LIVE Icon จากแคมเปญ TikTok LIVE Community Fest 2024

TikTok แพลตฟอร์มแห่งความบันเทิงชั้นนำระดับโลก มุ่งมั่นในการส่งเสริม Creator Economy และคอมมูนิตี้ครีเอเตอร์ที่สร้างสรรค์และมีชีวิตชีวา สนับสนุนให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างฐานผู้ติดตามของตนเองและต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ผ่านการไลฟ์สตรีมมิงบน TikTok LIVE โดยที่ผ่านมาได้สร้างปรากฎการณ์การไลฟ์สตรีมมิง ผ่านกิจกรรม TikTok LIVE Community Fest 2024  การแข่งขันไลฟ์ระดับโลกเพื่อยกระดับความบันเทิงแบบไลฟ์สตรีมมิงสู่จุดสูงสุดใหม่ ด้วยโซลูชันไลฟ์อันทรงพลังและคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งที่เชื่อมต่อครีเอเตอร์กับผู้ชมจากทั่วโลก ซึ่งครีเอเตอร์จากประเทศไทยสามารถสร้างความสำเร็จติด Top 3 ในการแข่งขัน TikTok LIVE Icon ครั้งแรกของโลก

Creator Economy นับเป็นระบบเศรษฐกิจสำคัญในยุคดิจิทัลที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่าง ครีเอเตอร์ แพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ชม แบรนด์และเอเจนซี ผ่านการแลกเปลี่ยนคอนเทนต์ สินค้าและบริการ สู่การสร้างรายได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์  ซึ่ง Goldman Sachs กลุ่มธนาคารระดับโลก วิเคราะห์ว่า Creator Economy จะมีมูลค่ากว่า 250,000 ล้านดอลลาร์ (8.75 ล้านล้านบาท) และอาจสูงถึง 480,000 ล้านดอลลาร์ (16.8 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2570 โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของระบบเศรษฐกิจนี้คือ ไลฟ์สตรีมมิง (LIVE Streaming) ที่ได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง

คุณจิรัฐติกาล สุทธิวรรณารัตน์, TikTok LIVE Operations Thailand กล่าวว่า TikTok มองเห็นถึงศักยภาพของคอมมูนิตี้ครีเอเตอร์ในประเทศไทยว่าสามารถโด่งดังได้ในระดับสากล โดยไม่เพียงแค่ครีเอเตอร์สายไลฟ์สตรีมมิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคอนเทนต์ครีเอเตอร์อีกจำนวนมากในหลากหลายวงการ เราจึงมุ่งมั่นให้การสนับสนุนพวกเขา ผ่านการนำเสนอพื้นที่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับแนวหน้าให้พวกเขาเฉิดฉายบนเวทีอันยิ่งใหญ่ ส่งเสริมพรสวรรค์และความคิดสร้างสร้างสรรค์ด้วยเครื่องมือบนแพลตฟอร์มที่ช่วยให้พวกเขาถูกค้นพบโดยผู้ชมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เราได้เดินหน้าเปิดตัวแคมเปญต่างๆ มากมาย รวมถึง TikTok LIVE Community Fest ที่เราได้จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่สามเพื่อมอบโอกาสให้กับครีเอเตอร์ได้เชื่อมโยงกับผู้ติดตามจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งโอกาสในการสร้างความสำเร็จให้แก่ครีเอเตอร์ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเราอยู่แล้ว และครีเอเตอร์หน้าใหม่ๆ ให้ได้เติบโต รวมถึงต่อยอดพัฒนา Creator Economy ให้มีความยั่งยืน”

TikTok LIVE Community Fest คืออะไร?

TikTok LIVE Community Fest มหกรรมความบันเทิงไลฟ์สตรีมมิงบนแพลตฟอร์ม เป็นหมุดหมายใหม่แห่งวงการ LIVE Entertainment สามารถเชื่อมโยงผู้ชมและครีเอเตอร์จากทั่วโลกให้เข้ามามีส่วนร่วมซึ่งกันและกันในคอมมูนิตี้ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์กับผู้ติดตามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการสนับสนุนและมอบของขวัญบนไลฟ์สตรีมมิงเพื่อส่งกำลังใจให้เหล่าครีเอเตอร์ไปถึงฝั่งฝัน โดยในปีนี้มีไฮไลท์พิเศษคือการมอบรางวัลผู้ชนะ TikTok LIVE Icon คนแรกของโลก ที่ใช้เกณฑ์การตัดสินจากการมีส่วนร่วมของคอมมูนิตี้ผู้ชมนั่นคือ ‘Popularity Points’ หรือคะแนนความนิยม โดยครีเอเตอร์แต่ละคนจะถูกจัดอันดับตามคะแนนความนิยมที่ได้รับจากผู้ชม ผ่านการส่งของขวัญและการโหวตเพื่อเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบและไลฟ์อย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับวงการไลฟ์สตรีมมิงไทยที่ครีเอเตอร์ไทยถึงสองท่านสามารถคว้าอันดับ 2 และ 3 จากแคมเปญระดับโลกนี้พร้อมรับป้าย TikTok LIVE Icon มาครอบครอง ซึ่งไม่ได้เพียงแค่สะท้อนความสำเร็จของครีเอเตอร์เท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าความสามารถของครีเอเตอร์ไทยและพลังแห่งคอมมูนิตี้ของคนไทยนั้นไม่แพ้ชาติใดในโลก นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งในหมู่คอมมูนิตี้ครีเอเตอร์ไทย

จากแคมเปญดังกล่าวครีเอเตอร์ไทยผู้ติดอันดับ 2 ของโลกได้แก่ ณิชกานต์ ไตรศักดิ์วัฒนา หรือคุณเนย (@noeyynck) อดีตพนักงานประจำสายการเงินที่ใช้ TikTok ในเวลาว่าง จนเริ่มมีฐานแฟนคลับและผันตัวมาเป็นครีเอเตอร์เต็มตัว ได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มแฟนคลับให้เข้าร่วม LIVE Community Fest 2024 จนประสบความสำเร็จและคว้าป้าย TikTok LIVE Icon มาครองได้ ได้แบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ว่า “TikTok ช่วยเชื่อมโยงเรากับผู้คนใหม่ๆ ได้เยอะมาก ผู้ชมทั้งในไทยและต่างชาติก็น่ารักและมีส่วนร่วมในไลฟ์ของเรา ทำให้เป็นพื้นที่ในการใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ฟีเจอร์ที่ชอบคือ ‘ฟีเจอร์ PK’ ที่ทำให้ห้องไลฟ์สนุกสนานมากขึ้น ตอนที่รู้ว่าติดท็อป 3 รู้สึกภูมิใจมาก และยกให้เป็นชัยชนะของทุกคนที่มีส่วนร่วม TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ให้การสนับสนุนดีมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้เราไลฟ์ต่อไป”

ทางด้านครีเอเตอร์ผู้ติดอันดับ 3 ของแคมเปญอย่าง ชณิดา บุตรจินดา หรือคุณพลอย (@ploychanisdaa) ครีเอเตอร์ผู้ที่เดิมทีประกอบธุรกิจส่วนตัวไปพร้อมกับทำงานในบทบาทอินฟลูเอนเซอร์ และได้เข้าสู่วงการไลฟ์บน TikTok โดยแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ติดตาม ได้เผยประสบการณ์และมุมมองของตนว่า “TikTok เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับไลฟ์สตรีมมิง ด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและคอมมูนิตี้ที่จริงใจมากๆ ทำให้เรารู้สึกเป็นตัวเอง แม้ตอนแรกจะกังวลกับความท้าทายของแคมเปญ แต่เราเชื่อมั่นในความจริงใจและพลังบวกของเรา เน้นสร้างช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันมากกว่าการกดดันเรื่องของขวัญ ผลคือเราได้อันดับ 3 ได้สานสัมพันธ์กับผู้ชมและครีเอเตอร์อื่นๆ แบบเกินคาด และยังได้รับคำชมเรื่องคุณภาพการไลฟ์จากการใช้กล้องเสริมและฟีเจอร์ TikTok LIVE Studio”

คอมมูนิตี้แห่งการมีส่วนร่วมต่อยอดสู่ความสำเร็จระดับโลก

ในระบบเศรษฐกิจ Creator Economy ความคิดสร้างสรรค์ พรสวรรค์ และความชื่นชมในครีเอเตอร์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ครีเอเตอร์แต่ละคนประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมีส่วนร่วมกับคอมมูนิตี้ผู้ชม ซึ่งบน TikTok เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกันกับครีเอเตอร์ผู้ชนะรางวัล TikTok LIVE Icon จากแคมเปญ TikTok LIVE Community Fest 2024 ที่ทั้งสองได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถที่พวกเขามี ความทุ่มเท และการมีส่วนร่วมของคอมมูนิตี้อันแข็งแกร่งของบนแพลตฟอร์มสามารถต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้ในระดับโลก โดยคุณเนยได้กล่าวเสริมว่า “TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนความสำเร็จให้กับทุกๆ คน ขอแค่มีความมุ่งมั่น ความพยายาม คว้าทุกโอกาส และเชื่อมั่นในตัวเอง ในส่วนของการไลฟ์นั้น อย่าไปโฟกัสแค่เรื่องยอดคนดูหรือยอดของขวัญ แต่อยากให้นำเสนอความเป็นตัวของตัวเองและให้ความสำคัญกับคนดูทุกคนที่เข้ามาอย่างเท่าเทียมกัน สร้างโอกาสให้ทุกๆ คนได้มีส่วนร่วม แล้วเราจะได้เห็นถึงพลังของคอมมูนิตี้ผู้ชมที่ช่วยส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว”

ทางด้านคุณพลอย กล่าวเพิ่มเติมว่า “พลอยมักจะทำการบ้านก่อนไลฟ์เสมอ ถึงแม้ในการไลฟ์จะดูเป็นธรรมชาติแต่ก็มีการวางแผนมาก่อนว่าแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา ว่าจะใช้เทคนิคแบบไหน หรือเพลงแบบไหน เพื่อเอนเตอร์แทนผู้ชมให้สนุกกับเราตลอดเวลา รวมถึงศึกษาเทรนด์การไลฟ์จากหลากหลายประเทศและนำมาประยุกต์ใช้ในไลฟ์ของตัวเอง ซึ่งวิธีการนี้ก็ช่วยยกระดับการไลฟ์ของเราได้มาก นอกจากนี้เรายังมีการซ้อมใช้ effect ต่างๆ ที่มีใน TikTok LIVE และเลือกใส่คอสตูมที่สวยงามและน่าสนใจ จะช่วยสร้างบทสนทนาระหว่างการไลฟ์ได้ดี ในส่วนของการมีส่วนร่วมกับคนดูก็สำคัญ แนะนำให้คอยส่งสายตาให้กล้องเพื่อให้คนดูรู้สึกว่าได้รับการสบตา เหมือนสนทนากันจริงๆ และสัมผัสถึงพลังบวกจากเรา”

จึงกล่าวได้ว่า TikTok LIVE Community Fest ไม่เพียงแต่เป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับครีเอเตอร์รุ่นต่อไป แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพของ TikTok ในการสร้างโอกาสให้กับครีเอเตอร์ไทยและภูมิภาคอื่นๆ ในการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพบนแพลตฟอร์ม พร้อมทั้งเฉิดฉายไปในระดับโลก สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการเสริมพลังให้กับครีเอเตอร์และยกระดับ Creator Economy ด้วยการมอบเครื่องมือด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขาถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น รวมถึงพื้นที่ปลอดภัยในการเป็นตัวของตัวเอง และคอมมูนิตี้อันแข็งแกร่งที่ส่งเสริมการเติบโตให้แก่กัน

Fun Fact!: ครีเอเตอร์ชาวไทยที่ได้สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลก

  • Do Like A Duck ครีเอเตอร์ชาวไทยได้รับชัยชนะรางวัล Grand Gagnant ในแคมเปญระดับโลกจากการประกวด #TikTokShortFilm ซึ่งจัดขึ้นโดย TikTok ภายใต้พันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Festival de Cannes ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประกวดกว่า 70,000 ราย และร่วมรับรางวัลที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส
  • ครีเอเตอร์ไทยสายคอนเทนต์กีฬา 2 ท่าน จากช่อง ขอบสนาม (@khobsanam) และ วาทะลูกหนัง (@watalooknungquotes) ที่ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในท็อป 15 ครีเอเตอร์ จากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในการรับชมฟุตบอลลีกดังที่บาร์เซโลนา ภายใต้ความร่วมมือของ TikTok และ LALIGA ในโครงการ LALIGA Adventure
  • ครีเอเตอร์ไทยสายบิวตี้และแฟชั่นอย่าง บิว วราภรณ์ (@bewvaraporn) ได้เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทยไปร่วมงาน Met Gala Creator Watch Party งานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นเพื่อให้เหล่าครีเอเตอร์คนพิเศษมาร่วมรับชมบรรยากาศภายในงาน Met Gala 2024

อาวุธอัจฉริยะ สหรัฐลงทุน 3 หมื่นล้าน ซื้อโดรนพลีชีพทำลายรถถัง

[Kamikaze] ย้อนกลับไป 1 ปีก่อน ทาง AeroVironment บริษัทรับเหมาด้านกลาโหมของสหรัฐฯ ได้เปิดตัว Switchblade 300 Block 20 โดรนกามิกาเซ่ สามารถพุ่งชนเป้าหมายแบบพลีชีพ รุนแรงระดับทำลายรถถังได้เลย ล่าสุดทางกองทัพสหรัฐฯ ได้จัดหาโดรนรุ่นดังกล่าวแล้ว

จุดเด่นของ Switchblade คือขีปนาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง สามารถบินวนเวียนอยู่เหนือสนามรบได้นานถึง 40 นาที พร้อมส่งสัญญาณวิดีโอกลับไปยังกองกำลัง ก่อนจะพุ่งชนเป้าหมายแบบพลีชีพ ซึ่งผู้ใช้สามารถอยู่หลังกำบัง แล้วยิงจากจุดที่ปลอดภัยได้นั้นเอง และด้วยความสามารถดังกล่าว ทางกองทัพสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงถึง 990 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว ๆ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดหาโดรนรุ่นดังกล่าวในจำนวนมาก เสริมขีดความสามารถในการรบภาคพื้นดินยิ่งขึ้น

แม้จะไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่นอนได้ แต่ก็มีข้อมูลว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้สั่งซื้อโดรน Switchblade สองรุ่น ทั้ง 300 และ 600 Series คาดเตรียมส่งมอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยตัว Switchblade 300 จะมีขนาดเล็กกว่า แต่สามารถบินล่องหนได้ไกลถึง 30 กม. เป็นเวลา 20 นาที

ส่วน Switchblade 600 สามารถบินได้นานถึง 40 นาที มีระยะยิงไกลถึง 40 กม. มาพร้อมหัวรบต่อต้านรถถังหรือ Javelin เพิ่มความสามารถในการทำลายล้างได้

ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกล้องอิเล็กโทรออปติกและอินฟราเรด ช่วยให้ผู้ใช้หรือควบคุมมองเห็นภาพจากมุมสูง โดยใช้ลาดตระเวน ก่อนบังคับให้ตัวโดรนพุ่งชนเป้าหมายตามแผนหรือหากจำเป็น น่าจับตาว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กับกองทัพทั่วโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป

ที่มา : Techspot

อัปเดตใหม่ Google เพิ่ม Gemini ช่วยจดข้อความตอนประชุม

[มาเป็น Text] มาอีกหนึ่งบริการ AI ที่สามารถถอดเสียงเป็นข้อความได้แบบ Realtime แล้ว ล่าสุดทาง Google เผย Gemini สามารถบันทึกข้อความในวิดีโอคอลผ่านแอปฯ Meet ได้แล้ว

Google เตรียมอัปเดตบริการ AI ของตัวเองอย่าง Gemini ลงในแอปฯ วิดีโอคอลอย่าง Meet ช่วยให้ถอดข้อความเสียงได้แบบทีละคำ พร้อมประเด็นสำคัญจากการพูดคุยได้อีกด้วย โดยช่วยสรุปลงใน Google Doc เพื่อให้แชร์ผ่าน Google Drive หรือผู้อื่น (ที่เข้าร่วมประชุม) ได้ง่ายขึ้น

สำหรับใครที่ใช้บริการ Google Workspace จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้งาน Gemini ซึ่งจะมีทั้งใน Gemini Enterprise, Gemini Education Premium และ AI Meetings & Messaging อย่างไรก็ตาม ตัวฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะภาษาอังกฤษ และการใช้ผ่าน PC เท่านั้น

ที่มา : Engadget

แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ก่อตั้งแอปดัง Telegram ถูกจับคาสนามบินฝรั่งเศส

[12 กระทง] ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อน มีข่าวใหญ่ว่า Pavel Durov ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแอปฯ ดังอย่าง Telegram ถูกจับกุมคาสนามบินที่ฝรั่งเศส ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่เผยเบื้องหลังการเข้าจับกุมแล้ว

อัยการสาธารณรัฐ Laure Beccuau ของฝรั่งเศส ได้ระบุรายละเอียดข้อกล่าวหาทั้งหมด 12 กระทงของนาย Pavel Durov เผยหลัก ๆ มีทั้งการฟอกเงิน การค้ายาเสพติด การฉ้อโกง การครอบครองสื่อลามกเด็ก และการดำเนินการแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่พบว่ามีการอนุญาตให้ทำธุรกรรมผิดกฎหมายด้วย

Pavel Durov ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแอปฯ ดังอย่าง Telegram

อย่างไรก็ตาม Telegram มีการเผยว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายของสหภาพยุโรปแล้ว อีกทั้งยังมีการประท้วงจากบุคคลดังทั้ง Elon Musk ที่ได้โพสต์ #FreePavel บน X (Twitter เก่า) และยังมี Edward Snowden อดีตนักวิเคราะห์ข่าวกรองของสหรัฐฯ (ปัจจุบันกลายเป็นพลเมืองของรัสเซียแล้ว) กล่าวด้วยว่าแอปฯ นี้ ได้รับความนิยมอย่างมากในรัสเซียและยูเครน

ทางด้าน Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้โพสต์ตอบกลับบน X ถึงประเด็นเข้าจับกุมซีอีโอ Telegram เพราะ’ เรื่องการเมือง’ ด้วยว่า ฝรั่งเศสมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งต่อสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออกทั้งการสื่อสาร นวัตกรรม และจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป

ที่มา : Engadget

สุดเจ๋ง เปลี่ยนพลาสติกเป็น กราฟีน วัสดุที่แข็งแกร่งกว่าเพชร

กราฟีน

นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการใหม่ในการเปลี่ยนไมโครพลาสติกให้กลายเป็นกราฟีน วัสดุที่แข็งแกร่งและใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ วิธีนี้ไม่เพียงแต่นำแก้ปัญหาขยะพลาสติกแบบยั่งยืน แต่ยังผลิตวัสดุที่มีประโยชน์อย่างมากอีกด้วย

ไมโครพลาสติก เป็นชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่มักพบในสิ่งแวดล้อมและกำลังสร้างปัญหารุนแรง เป็นคุกคามร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำรวมถึงมนุษย์ด้วย มันสามารถดูดซับสารมลพิษในน้ำ เมื่อสัตว์กินเผลอกินเข้าไป มันก็จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และจะทำให้ระบบนิเวศทะเลเสียหาย

ทีมวิจัยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Atmospheric Pressure Microwave Plasma (APMP) synthesis เพื่อเปลี่ยนไมโครพลาสติกจากขวดพลาสติกเหลือใช้ให้เป็นกราฟีน กราฟีนที่ได้นั้นไม่เพียงแต่แข็งกว่าเพชรเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงกว่าเหล็กถึง 200 เท่าและเบากว่าอะลูมิเนียมถึง 5 เท่า ทำให้สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมได้หลาก

ที่กราฟีนแข็งกว่าเพชรเนื่องจากโครงสร้างอะตอมที่เป็นเอกลักษณ์ กราฟีนประกอบด้วยชั้นอะตอมของคาร์บอนที่เรียงตัวเป็นรูปหกเหลี่ยมคล้ายรังผึ้ง การจัดเรียงนี้ทำให้เกิดพันธะเคมีที่แข็งแรงมากระหว่างอะตอมคาร์บอน ทำให้กราฟีนมีความแข็งแรงต้านทานแรงดึงสูงมาก

การนำเอากราฟีนไปใช้ ก็ เราสามารถนำไปใช้กับเหล็ก หรือโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อช่วยให้มันแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญมันมีน้ำหนักเบามาก หากเทียบกับความแข็งแรงที่มี ซึ่งการนำเอาไมโครพลาสติกมาสร้าง ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาได้แบบยั่งยืนเลยทีเดียวครับ

ที่มา
thebrighterside

ใช้ง่ายขึ้น YouTube เพิ่มฟีเจอร์ สแกน QR Code แทนกดลิ้งก์

ทำได้ฟรีดูดีกว่าเดิม YouTube เพิ่มฟีเจอร์แชร์ช่องของตัวเองผ่าน QR Code หลังคนไม่กล้ากดลิ้งก์เพราะกลัวเป็นลิ้งก์ปลอมจากมิจฉาชีพ

หน้าตาของรหัส QR จะเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการใส่ทั้งรูปของช่องและโลโก้ YouTube ไว้ในที่เดียว โดยที่เราไม่ต้องเอาลิ้งก์ไปทำในเว็บไซต์อื่นให้ยุ่งยากและไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

เปิดให้ใช้งานแล้วผ่านสมาร์ทโฟน Android หรือ iOS ส่วนในเว็บไซต์อาจจะต้องรอพัฒนาในอนาคต

วิธีการบันทึก QR Code ให้เข้าไปที่ 

  1. เข้าบัญชีช่องตัวเองผ่านสมาร์ทโฟน 

2. ไปที่ช่องของตัวเองที่อยู่มุมล่างขวา

3. หรือหัวข้อแชร์ช่อง >> คิวอาร์โค้ด

4. กดบันทึกไปยังอัลบั้มในเครื่อง

การแชร์ในรูปแบบ QR Code ใช้ได้ทั้งช่องตัวเองและช่องที่เราอยากจะแชร์ให้เพื่อนก็สามารถทำได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ตอนนี้ YouTube กำลังทดสอบอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่นโหมด Sleep Timer ตั้งเวลาหยุดเล่นอัตโนมัติ

อ่านเพิ่มเติม >> techhub  

 

ที่มา : 9to5google

#QRCode  #YouTube #TechhubUpdate

เรียนฟรี Google เปิดคอร์สสอนสร้างแอป ด้วย Gemini and Imagen 

Google ใจดีเปิดคอร์สสอนฟรี สร้างแอปพลิเคชัน AI จากโมเดล Gemini และ Imagen ที่สามารถเอามาปรับใช้ในการทำงานได้จริง

เรียนรู้การจดจำภาพ การประมวลผล การสร้างภาพโดยใช้โมเดลของ Google การปรับใช้แอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม AI Vertex

เป็นหลักสูตรออนไลน์ผ่านเว็บ Google Cloud Skills Boost ไม่มีวันหมดอายุ เมื่อเรียนจบจะได้สัญลักษณ์เครื่องหมายรับรองหน้าโปรไฟล์

Introduction to Building Real-World AI Applications with Gemini and Imagen

ทางไปเรียน >> cloudskillsboost 

บทเรียนที่น่าสนใจ (1 ชั่วโมง 15 นาที)

Build an AI Image Recognition app using Gemini on Vertex AI

Build an AI Image Generator app using Imagen on Vertex AI

Build an AI Image Generator app using Imagen on Vertex AI

Build a Multi-Modal GenAI Application: Challenge Lab

ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบเซอร์แต่รับรองว่าได้ความรู้กลับไปแน่นอน นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่

จิ้มลิ้งก์เลย >> techhub productivity  

 

#Google  #Imagen #Gemini #TechhubUpdate

โปร่งใสไหม Google ใช้ AI Ask คัดคำถาม ช่วย CEO ตอบพนักงานง่ายขึ้น

Google เพิ่งนำระบบ AI ใหม่ชื่อว่า Ask มาใช้ในการเลือกคำถามสำหรับการประชุมใหญ่ของบริษัท แต่พนักงานรู้สึกว่า ทำไมคำถามมันดูซอฟท์ลงไปเยอะเลย ตอบได้ง่าย ๆ ไม่เจ็บตัว

ก่อนหน้านี้ พนักงานสามารถตั้งคำถามและโหวตคำถามที่อยากให้ตอบในการประชุม TGIF รายเดือนของบริษัทผ่านเครื่องมือภายในที่ชื่อว่า Dory ซึ่งผู้บริหารระดับสูง รวมถึง CEO Sundar Pichai ก็มักจะตอบคำถามที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด

แต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Google แทนที่ Dory ด้วยระบบ AI ใหม่ที่ชื่อว่า Ask ซึ่งจะรวบรวมและสรุปคำถามหลาย ๆ คำถามเข้าด้วยกัน แม้ว่าพนักงานจะยังคงเห็นคำถามต้นฉบับได้ แต่พวกเขาสามารถโหวตได้เฉพาะคำถามที่ถูกสรุปโดย AI เท่านั้น (นี่มัน….) และผู้บริหารจะตอบคำถามเหล่านี้เท่านั้น ทำให้พนักงาน Google หลายคนแอบบ่นอุบว่า การสรุปเหล่านี้มักจะตัดประเด็นแหลมคมของคำถามออกไป ทำให้ผู้บริหารตอบได้สบายใจขึ้น

เรื่องนี้เหมือนจะกลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อโฆษกของ Google ชี้แจงว่าเครื่องมือ Ask ใหม่ไม่ได้ทำให้คำถามซอฟต์ลง แต่เป็นการสรุปเพื่อหลีกเลี่ยงการถามซ้ำและเพิ่มประสิทธิภาพ และเครื่องมือนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง ซึ่งบริษัทจะรับฟังความคิดเห็นของพนักงานและปรับ AI ใหม่

พนักงานอีกคนหนึ่งกล่าวว่า คำถามที่ถูกปรับใหม่โดย Ask ทำให้การประชุม TGIF ที่เคยมีชีวิตชีวาน่าเบื่อลง พนักงานบางคนบอกว่าการประชุมเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลายคนบอกว่าพวกเขาแทบจะไม่เข้าร่วมหรือถามคำถามเลย

สำหรับการประชุม TGIF ถือเป็นประชุมใหญ่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปร่งใส ที่ Google และผู้บริหารและพนักงานสามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทิศทางของบริษัท เดิมทีมีการจัดขึ้นทุกสัปดาห์ แต่ต่อมาลดลงเหลือทุกสองสัปดาห์ และในปี 2019 CEO Pichai ได้ลดการประชุมลงเหลือเดือนละครั้ง

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่า Ask มีส่วนช่วยในการทำคำถามให้ซอฟต์ลงจริง ๆ ผลเสียที่ตามมาก็น่าจะเป็นเรื่องความโปร่งใส และยังลดคุณค่าและความสำคัญในการประชุมนี้ลง ผลเสียใหญ่ที่สุด คือปิดกั้นการแก้ไขปัญอื่น ๆ

ที่มา
fortune

เทคโนโลยีพิสูจน์และยืนยันตัวตนออนไลน์ ทางเลือกที่ทำให้คนไทยปลอดภัยไปอีกขั้น

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา การทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้กลายเป็นเรื่องปกติ Digital ID หรือ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้คนไทยสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านบริการดิจิทัลต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ รวดเร็วยิ่งขึ้น รู้ว่าเรากำลังทำธุรกรรมอยู่กับใคร ด้วยกระบวนการ ทั้งการพิสูจน์และยืนยันตัวตน มีส่วนช่วยในการลดการใช้เอกสารซ้ำซ้อน และเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งจะทำให้คนไทย สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลของรัฐและบริการดิจิทัลอื่น ๆ  ได้ง่ายขึ้น 

ตอนนี้มีหลายประเทศได้คิดค้นและพัฒนาระบบ Digital ID โดยผนวกกับบริการเพื่อให้ประชาชนในประเทศได้ใช้งาน ที่จะส่งผลต่อการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านดิจิทัล แต่ระบบการทำงานของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการทำงานของหน่วยงานรัฐ และจุดประสงค์ในการนำ Digital ID ไปใช้ ยกตัวอย่าง

เอสโตเนีย ประเทศเล็ก ๆ ในยุโรปเหนือ ที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยการนำ Digital ID มาใช้อย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นต้นแบบที่หลายประเทศทั่วโลกต่างต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น

  • e-Residency เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถสมัครเป็น “e-Resident” เพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐบาลเอสโตเนียและเปิดให้โอกาสให้เข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
  • X-Road ระบบเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้ราบรื่นและปลอดภัย
  • i-Voting  ระบบลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มความสะดวกและความโปร่งใสในการเลือกตั้ง

(อ้างอิง: เอสโตเนีย (1)  https://shorturl.at/rjcji (2) https://shorturl.at/r6J4R)

ออสเตรเลีย ที่เพิ่งผ่านร่างกฎหมายการนำ Digital ID มาใช้ เพื่อช่วยให้คนในออสเตรเลียสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย โดยไม่ต้องพึ่งพาเอกสารแบบกระดาษเหมือนเดิม 

(อ้างอิง : ออสเตรเลีย https://shorturl.at/lyaqw)

สำหรับ ประเทศไทย ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ  Digital ID  ถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงข้อมูลประจำตัวของเรากับบริการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างปลอดภัย สามารถพิสูจน์และยืนยันได้ว่าเรากำลังทำธุรกรรมออนไลน์อยู่กับใคร  เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ลดความยุ่งยากในการใช้เอกสารที่สำคัญยังมีประโยชน์มากมาย ทั้ง

เพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐ ลดขั้นตอน ลดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบริการภาครัฐ ประชาชนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านบริการดิจิทัล หรือ e-Service จากรัฐเอง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นภาษี การขอใบอนุญาต หรือการลงทะเบียนต่าง ๆ

ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล  Digital ID จะสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ กระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจดิจิทัลอื่น ๆ ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทย

ยกระดับคุณภาพชีวิต ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยเฉพาะสำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลหรือผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังช่วยลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

เพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยให้กับข้อมูล ระบบ Digital ID ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง จะช่วยป้องกันการปลอมแปลงเอกสารและการทุจริตคอร์รัปชัน และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่าน Digital ID สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ 

เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต โดย Digital ID จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต เช่น เทคโนโลยี Blockchain ตลอดจน Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ปัจจุบันก็มีบริการจากภาครัฐและเอกชน ที่เชื่อมต่อระบบ Digital ID และเปิดให้บริการประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

บริการภาครัฐ

  • ยื่นภาษีออนไลน์  ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีอื่นๆ ได้ง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร 
  • ขอใบรับรองต่างๆ  ขอใบรับรองทะเบียนราษฎร, ใบรับรองการขึ้นทะเบียนบ้าน, และใบรับรองอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานเขต แค่ทำผ่านแอปพลิเคชัน ThaID ของกรมการปกครอง 
  • ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ โครงการภาครัฐ, ลงทะเบียนเรียน, และลงทะเบียนอบรมใบขับขี่ออนไลน์  ได้สะดวกและรวดเร็ว รวมถึงตรวจสอบสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของตนเอง เช่น สิทธิบัตรทอง, สิทธิประกันสังคม, เช็คเครดิตบูโร และอื่น ๆ ได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองแค่ปลายนิ้ว ได้ที่แอปพลิเคชัน ทางรัฐ นั่นเอง

บริการภาคเอกชน 

  • เปิดบัญชีธนาคาร ออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปสาขา
  • สมัครบริการโทรศัพท์มือถือ  หรือขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายๆ
  • ทำธุรกรรมออนไลน์อื่น ๆ โดยสามารถยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ การจองตั๋วเครื่องบิน หรือการจองโรงแรม 

จากบริการดิจิทัลที่หลากหลาย และพร้อมให้เราได้ใช้งานง่ายแค่มี Digital ID นี้ ทำให้วันนี้ คนไทยลงทะเบียนและมี Digital ID ผ่านบริการของ ThaID และ แอปพลิเคชันทางรัฐ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 48 ล้านคนเลย 

และในอนาคตหน่วยงานภาครัฐ ต่างๆ โดยเฉพาะ ETDA หรือสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงาน Regulator  ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม และกำกับดูแลธุรกิจบริการ Digital ID ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ที่ไม่เพียงทำหน้าที่ในการตรวจประเมินและออกใบอนุญาตให้กับเหล่าธุรกิจผู้ให้บริการ Digital ID ภายใต้กฎหมาย Digital ID เท่านั้น แต่เพื่อให้ประเทศเกิดการเชื่อมต่อและใช้งาน Digital ID ในวงกว้างมากขึ้น เขาก็กำลังจะผนวกรวมบริการดิจิทัลจากทั้งภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ เข้ามาเชื่อมต่อใช้งาน Digital ID มากขึ้นเรื่อย ๆ  เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศทางดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการดิจิทัลได้อย่างครอบคลุม มั่นใจและปลอดภัยขึ้น

เห็นอย่างนี้แล้ว ใครยังไม่ได้ลงทะเบียน Digital ID ก็รีบไปลงทะเบียนเลย  อย่างที่บอกว่า มันจะทำให้เราเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น  โดยการลงทะเบียน Digital ID สามารถลงทะเบียนได้ผ่านแอปพลิเคชัน ThaID  โดยในแอปจะมีข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของเราอยู่ทั้งหมด ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส และอื่น ๆ ซึ่งเป็นเอกสารดิจิทัลที่สามารถใช้ยืนยันตัวได้จริงกับหน่วยงานรัฐ

และเมื่อลงทะเบียนเสร็จ แอปดังกล่าวยังสามารถเชื่อมโยงไปกับแอป “ทางรัฐ” ที่จะรวมบริการเกือบทุกอย่างของทางรัฐไว้ในนั้น (ก็ตามชื่อเลย)  ทั้ง

  1. ลงทะเบียนรับเงิน Digital Waller 10,000 บาท
  2. ลงทะเบียนโครงการ One Family One Soft Power 
  3. ดูข้อมูลทะเบียนรถ ดูใบสั่ง หรืออบรมใบขับขี่ออนไลน์
  4. ดูสวัสดิการต่าง ๆ ทั้งประกันสังคม กองทุน เบี้ยยังชีพ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ 
  5. การเข้าถึงสาธารณูปโภคต่าง ๆ และการจ่ายค่าสาธารณูปโภค
  6. หางาน ข้อมูลงาน ลงทะเบียนอาสาต่าง ๆ


ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของบริการดีๆ ที่เป็นผลมาจากการใช้ Digital ID ที่จะเข้ามาเชื่อมข้อมูลส่วนบุคคลของเรา กับบริการภาครัฐที่มีในแอปทางรัฐ แบบที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยื่นเอกสารในการยืนยันตัวตน โดยเราสามารถลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้โดยตรง หรือจะลงทะเบียนผ่าน “ThaID” แล้วซิงค์ข้อมูลมาก็ได้ และภายในแอป ก็จะซิงค์ข้อมูลคร่าว ๆ ไว้ให้หมดแล้ว ทำให้เราไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำซ้อนครับ 

Digital ID กุญแจสู่โลกดิจิทัลที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเดิม

สำหรับประเทศไทย มีการปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอยู่ตลอด โดยภาครัฐได้พัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐให้อยู่ในรูปแบบ e-service มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ e-service ของภาครัฐได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ที่สำคัญภาครัฐเอง ก็ยังคงกระตุ้นให้เกิดการลงทะเบียนใช้งาน Digital ID อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถเชื่อมต่อบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก อย่างล่าสุด ก็ได้มีการกระตุ้นให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ และลงทะเบียนผ่าน ThaID  เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งก็ทำให้ยอดการใช้งาน Digita ID เพิ่มขึ้นจำนวนมาก นับเป็นหนึ่งสัญญาณที่สำคัญของประเทศในการปรับตัวเข้าสู่การทำธุรกรรมที่มั่นใจขึ้นด้วย Digital ID 

จะเห็นได้ว่า ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Digital ID คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นจริง ๆ  ไม่ว่าจะทำธุรกรรมกับรัฐหรือเอกชน ก็ไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารอีกต่อไป แถมยังปลอดภัยหายห่วง ไม่ต้องกลัวข้อมูลหลุด 

หาก ไม่อยากพลาดเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับ Digital ID แบบนี้ กดติดตามได้ ที่เพจ MEiD มีไอดี หรือ ที่เพจ ETDA Thailand แล้วคุณจะชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล

แหล่งข้อมูล
https://e-estonia.com/solutions/x-road-interoperability-services/x-road/
https://e-estonia.com/solutions/estonian-e-identity/e-residency/
https://e-estonia.com/solutions/e-governance/e-democracy/
https://www.bangkokbankinnohub.com/th/benefits-of-digital-id-for-various-stakeholders/
https://sevenpeakssoftware.com/th/blog/what-is-digital-id

Hot Issue