ศาลฎีกาบราซิล Alexandre de Moraes ได้สั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของประเทศปิดกั้นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X โดยสาเหตุมาจากการที่เจ้าของบริษัทอย่าง Elon Musk ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งตัวแทนทางกฎหมายสำหรับคัดกรองข่าวเฟคนิวส์
พนักงาน DeepMind ของ Google กว่า 200 คน ส่งอีเมลเรียกร้องให้บริษัทหยุดให้บริการเทคโนโลยี AI แก่กองทัพ เพราะมีความกังวล เกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายหรือเกี่ยวข้องกับสงคราม ซึ่งมันขัดต่อหลักการในการสร้าง AI ของ Google ขึ้นมาตั้งแต่แรก
ประเด็นที่มีปัญหา มาจาก Project Nimbus ซึ่ง Google ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI แก่กองทัพอิสราเอล สิ่งนี้ส่งผลกระทบการวางตัวของ Google ในฐานะผู้นำด้านจริยธรรมและ AI ที่มีความรับผิดชอบ
อีเมลดังกล่าว ยังได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนภายในเกี่ยวกับการใช้บริการของ Google ในกองทัพและผู้ผลิตอาวุธ รวมถึงการยุติการใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาโดย DeepMind สำหรับการใช้งานทางทหาร อย่างไรก็ตาม 3 เดือนหลังจากส่งอีเมล ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ จาก Google
แม้ว่า Google จะปฏิเสธความเชื่อมโยงระหว่าง Project Nimbus กับงานทางทหาร แต่มีแหล่งข่าวที่ระบุว่าคำแถลงการของบริษัทนั้นคลุมเครือและไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจุดยืนที่แท้จริงของ Google ในเรื่องนี้
โดยหาก Google เกี่ยวกับข้องกับ Project Nimbus จริง .. แล้วทำไมพนักงาน Deepmind ต้องเดือดร้อน ? แน่นอนว่ามันผิดหลักจริยธรรมและเหตุผลแรกในการสร้าง AI .. จะคิดยังไงให้ AI ที่เราตั้งใจสร้าง มีส่วนใช้ในการสังหารคน…. ก็คงไม่เห็นด้วยแหละนะ
รวมถึงการใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือติดตั้งร่วมกับอาคาร สิ่งปลูกสร้าง (BIPV) ซึ่งทีมวิจัยได้ร่วมมือกับทางบริษัท Kaneka ประเทศญี่ปุ่น ในการเก็บข้อมูลการผลิตไฟฟ้าของแผง Coloful PV ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับแผงที่ทางบริษัท Kaneka พัฒนาสร้าง โดยได้ติดตั้งร่วมกับอาคารทดสอบประสิทธิภาพของแผงโซลาเซลล์ BIPV แบบที่ติดตั้งแทนกระจก หรือผนังอาคาร โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบเก็บข้อมูลในระยะยาว ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก “T-Green® Multi Solar (See-Through type) is being installed under the Financing Programe to Demonstrate Decarbonization Technology for Realizing Co-Innovation of MOE Japan.”
vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก พร้อมพา vivo fans ชาวไทยแจ้งเกิดไปกับประสบการณ์พอร์ตเทรตระดับโปร ภายใต้คอนเซปต์ ‘พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน’ ประกาศเปิดตัว 2 สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล V Series ได้แก่ vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ vivo ชูจุดเด่นเทคโนโลยี vivo ZEISS Co-engineered และ Aura Light Portrait บนกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ที่ได้มาตรฐาน ZEISS Optics ครบทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาพร้อมฟีเจอร์ระดับมืออาชีพที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพสวย ๆ ได้อย่างง่ายดายและแต่งเติมความคิดสร้างสรรค์ลงบนภาพถ่ายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังจัดเต็มประสิทธิภาพการทำงานด้วยขุมพลังระดับแนวหน้า ได้แก่ Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 ในรุ่น V40 5G และ MediaTek Dimensity 9200+ ในรุ่น V40 Pro 5G พร้อมแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 5500mAh เพื่อการใช้งานยาวนานตลอดวัน เสริมความคงทนด้วยมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 เป็นครั้งแรกบน V Series สามารถสามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที นำเสนอบนดีไซน์โฉบเฉี่ยวและโมดูลกล้องใหม่ Gemini Ring ในราคาเริ่มเต้นเพียง 15,999 บาท
พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน กับ ZEISS All Main Camera
vivo สานต่อความก้าวหน้าด้านพอร์ตเทรตบนสมาร์ตโฟนด้วยการเปิดตัว V40 Series 5G ที่มาพร้อมการยกระดับเลนส์กล้องมาตรฐาน ZEISS Optics ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลในทุกกล้อง ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เสริมด้วยเซนเซอร์คุณภาพสูง เทคโนโลยี Aura Light Portrait อันเป็นเอกลักษณ์ของ vivo V Series และนวัตกรรมการถ่ายภาพที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง vivo ZEISS Co-engineered ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสในทั้ง 2 รุ่น พร้อมอัปเกรดนวัตกรรมและฟีเจอร์การถ่ายภาพระดับเทพให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตมีความสนุกสนานและเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น
ครั้งนี้ vivo นำเสนอฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพบุคคลใหม่ล่าสุด ZEISS Multifocal Portrait เป็นครั้งแรกบนสมาร์ตโฟน V Series ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ระยะโฟกัสได้หลากหลาย ตั้งแต่ 24 มม. 35 มม. 50 มม. ไปจนถึง 85 มม. และ 100 มม. (เฉพาะบน V40 Pro 5G) ทำให้ไม่ว่าระยะไหน ก็แจ้งเกิดได้ทุกคน ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานทั่วไปที่รักการถ่ายภาพ ครีเอเตอร์ที่ต้องการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ลงบนภาพถ่าย และช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการความสมบูรณ์แบบทุกรายละเอียด
นอกจากประสบการณ์พอร์ตเทรตที่ทรงพลังขึ้นแล้ว vivo V40 Series 5G ยังมาพร้อมการอัปเกรดประสิทธิภาพให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ถึงประสบการณ์การทำงานอันยอดเยี่ยมและลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นด้านการเชื่อมต่อ เกมมิ่ง มัลติมีเดีย หรือจอแสดงผล
vivo V40 Series 5G ทรงพลังด้วยชิปเซ็ตระดับแนวหน้าของวงการอย่าง Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 ในรุ่น V40 5G และ MediaTek Dimensity 9200+ ในรุ่น V40 Pro 5G โดยสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอโค้ง 3D Curved Screen ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว คมชัดระดับ 1.5K ใช้งานไหลลื่นด้วย Refresh Rate 120Hz และยาวนานยิ่งขึ้นด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจ 5500mAh ที่ใช้เทคโนโลยี BlueVolt ทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลงถึง 16.5% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปที่มีความจุเท่ากัน เสริมด้วยระบบชาร์จไว 80W FlashCharge ไม่หวั่นแม้ต้องใช้งานเต็มที่ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ V Series ที่มาพร้อมมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับเรือธง IP68 สามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุดถึง 30 นาที ทำให้สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์
ยกระดับดีไซน์ใหม่ พร้อมโมดูลกล้อง Gemini Ring
vivo V40 Series 5G นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานเหนือระดับบนดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยตามแบบฉบับสมาร์ตโฟน V Series ด้วยขอบตัวเครื่องบางเพียง 7.58 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 190 กรัม เสริมความพิเศษด้วยดีไซน์โมดูลกล้องรูปแบบใหม่ ‘Gemini Ring’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องด้านหลังด้วยรูปทรงโค้งมนที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวกับการออกแบบโดยรวม นำเสนอใน 3 ตัวเลือกสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของธรรมชาติ ได้แก่
‘สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver)’ ที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับวัสดุกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรูปแบบ Walk-In ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567 ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา รับเพิ่มทันทีหูฟัง vivo TWS 3e สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 5G และส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 Pro 5G
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของสมาร์ตโฟน V40 Series 5G และอัปเดทเทรนด์ข่าวสารวงการเทคโนโลยีได้ที่เฟซบุ๊ก vivo Thailand และเว็บไซต์ https://vivo.com/th/