Home Blog Page 34

ไอเดียใหม่ สร้างบ้านราคาประหยัด ขึ้นรูปดินด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

เปิดโครงการบ้านราคาประหยัดสร้างจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้ซื้อเครื่องพิมพ์ 3 มิติ Crane WASP เพื่อพิมพ์บ้านราคาประหยัดในโคลอมเบียโดยใช้ดินและทรัพยากรในท้องถิ่นเป็นส่วนผสมหลัก

เพื่อเแก้ไขการขาดแคลนที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่ามีจำนวนประมาณ 3.7 ล้านครัวเรือน รวมถึงโครงสร้างบ้านที่ด้อยคุณภาพ

การใช้ดินจากส่วนผสมจากแหล่งท้องถิ่นจะช่วยลดต้นทุน ประหยัดค่าขนส่ง จึงทำให้บ้านที่สร้างเสร็จจะมีราคาอยู่ประมาณ  1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 34,000 บาท เท่านั้น

Crane WASP เป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติขนาดใหญ่สร้างบ้านโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดินและขยะทางการเกษตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้คอนกรีต

ข้อดีของเครื่องพิมพ์ 3 มิติรุ่นนี้คือเคลื่อนย้ายได้ง่ายและเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ โดยไม่ต้องง้อเครื่องจักรขนาดใหญ่และใช้พลังงานไม่เยอะ

เหมาะกับที่อยู่อาศัยในโคลอมเบียส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชนบท เช่น ป่า ทะเลทราย และภูเขา

โดยมีแผนจะเร่งดำเนินการผลิตให้เร็วขึ้นเพื่อกระชับเวลาส่งมอบให้ประชาชนได้เร็วขึ้น

ที่มา : interestingengineering  

#เครื่องพิมพ์3มิติ #TechhubUpdate

ขนย้ายง่าย เตานิวเคลียร์ แบบใหม่ ไม่ต้องใช้น้ำสักหยด

เตานิวเคลียร์

ภายในปี 2029 จะมีการเปิดตัวเตาปฏิกรณ์ หรือ เตานิวเคลียร์ขนาดกะทัดรัดที่สามารถทำงานได้ถึง 8 ปีโดยไม่ต้องใช้น้ำสักหยด โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล Saskatchewan และบริษัท Westinghouse โดยมีเป้าหมายในการสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กที่เรียกว่า eVinci ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 5 เมกะวัตต์ ผลิตความร้อนสูงถึง 13 เมกะวัตต์ สามารถทำงานได้ 2 โหมด ทั้งความร้อนและไฟฟ้า

จุดเด่นของเตา eVinci สามารถเคลื่อนย้ายและติดตั้งได้ง่าย ใช้พื้นที่น้อย และไม่ต้องใช้น้ำในการหล่อเย็น แตกต่างจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ หลังจากใช้งานไปประมาณ 8 ปี ก็สามารถถอดออกและแทนที่ด้วยเครื่องใหม่ได้

ต้องยอมรับว่า eVinci เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีอนาคตที่สดใสในการตอบสนองความต้องการพลังงานในอนาคต นอกจากจะผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศได้มากถึง 55,000 ตันต่อปี รอดูเลยว่า เตานี้จะช่วยโลกได้อย่างไร

ที่มา
thebrighterside

บราซิลเอาจริง สั่งแบน ห้ามใช้ X แอปกระจายข่าวปลอม 

บราซิลแบนแอป X เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล

ศาลฎีกาบราซิล Alexandre de Moraes ได้สั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของประเทศปิดกั้นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X โดยสาเหตุมาจากการที่เจ้าของบริษัทอย่าง Elon Musk ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งตัวแทนทางกฎหมายสำหรับคัดกรองข่าวเฟคนิวส์ 

ที่รัฐบาลบราซิลเห็นว่าเป็นอันตรายต่อกระบวนการประชาธิปไตย จึงอยากให้ระงับการเเผยแพร่เนื้อหาผิดกฎหมายของประเทศ หรือระงับผู้ใช้บัญชีดังกล่าว

ศาลได้กำหนดเส้นตายให้บริษัทโทรคมนาคมและค่ายยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีลบ X ออกจากร้านแอปและแพลตฟอร์มต่างๆ 

โดย Apple และ Google มีเวลา 5 วันในการลบแอป ส่วนหน่วยงานโทรคมนาคมของบราซิลอย่าง Anatel ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามภายในเพียง 24 ชั่วโมง 

ส่วนใครที่ใช้ VPN แอบเล่นก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายเช่นกัน จะถูกสั่งปรับสูงสุด 8,900 ดอลลาร์

เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าปัญหาระหว่างบราซิลกับแอป X จะจบลงอย่างไร เพื่อหาทางออกให้กับประชาชนในอนาคต

 

ที่มา : engadget  

#X #TechhubUpdate

ไม่เห็นด้วย เรียกร้อง Google เลิกหนุน พัฒนาเทคโนโลยีให้กองทัพ

DeepMind

พนักงาน DeepMind ของ Google กว่า 200 คน ส่งอีเมลเรียกร้องให้บริษัทหยุดให้บริการเทคโนโลยี AI แก่กองทัพ เพราะมีความกังวล เกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายหรือเกี่ยวข้องกับสงคราม ซึ่งมันขัดต่อหลักการในการสร้าง AI ของ Google ขึ้นมาตั้งแต่แรก

ประเด็นที่มีปัญหา มาจาก Project Nimbus ซึ่ง Google ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI แก่กองทัพอิสราเอล สิ่งนี้ส่งผลกระทบการวางตัวของ Google ในฐานะผู้นำด้านจริยธรรมและ AI ที่มีความรับผิดชอบ

อีเมลดังกล่าว ยังได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนภายในเกี่ยวกับการใช้บริการของ Google ในกองทัพและผู้ผลิตอาวุธ รวมถึงการยุติการใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาโดย DeepMind สำหรับการใช้งานทางทหาร อย่างไรก็ตาม 3 เดือนหลังจากส่งอีเมล ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ จาก Google

แม้ว่า Google จะปฏิเสธความเชื่อมโยงระหว่าง Project Nimbus กับงานทางทหาร แต่มีแหล่งข่าวที่ระบุว่าคำแถลงการของบริษัทนั้นคลุมเครือและไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจุดยืนที่แท้จริงของ Google ในเรื่องนี้

โดยหาก Google เกี่ยวกับข้องกับ Project Nimbus จริง .. แล้วทำไมพนักงาน Deepmind ต้องเดือดร้อน ? แน่นอนว่ามันผิดหลักจริยธรรมและเหตุผลแรกในการสร้าง AI .. จะคิดยังไงให้ AI ที่เราตั้งใจสร้าง มีส่วนใช้ในการสังหารคน…. ก็คงไม่เห็นด้วยแหละนะ

และในอนาคต มันก็จะมีเรื่องปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีก ทั้งเรื่องของการสูญเสียความเชื่อมั่น ประเด็นทางกฏหมายระหว่างประเทศ และอาจจะมีส่วน ช่วยเร่งการเกิดขึ้นของอาวุธ AI ให้เร็วขึ้น ซึ่งหลายคนไม่อยากให้เป็น..

ที่มา
techspot

พบวิธีใหม่ คืนชีพ ขยะพลาสติก เอากลับมาใช้ใหม่ง่ายขึ้น

ขยะพลาสติก

Techhub พาไปดู นักวิจัยจาก UC Berkeley ค้นพบวิธีในการรีไซเคิล ขยะพลาติก ใหม่ โดยทำเป็นไอและใช้มันสร้างพลาสติกใหม่ได้ วิธีดังกล่าวใช้ต้นทุนถูกมาก หากเทียบกับการรีไซเคิลทั่วไป

โดยนักวิจัย สามารถเปลี่ยนพลาสติกโพลีเอทิลีน (ถุงใช้ครั้งเดียว) และโพลีโพรพิลีน (พลาสติกแข็ง) ที่เป็นพลาสติกส่วนใหญ่ในกองขยะ ให้กลายเป็นโพรพิลีนและก๊าซไฮโดรคาร์บอนอื่น ๆ ซึ่งก๊าซเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีได้อีก

วิธีการคือ พวกเขาใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา 2 ชนิด ซึ่งจะทำงานร่วมกันแบบเป็นขั้นตอนคือ

ตัวเร่งปฏิกิริยาตัวแรก ทำหน้าที่เหมือน “กรรไกรโมเลกุล” ตัดสายโซ่ยาวๆ ของพลาสติก (ซึ่งก็คือพอลิเมอร์) ให้กลายเป็นท่อนสั้น ๆ แต่ละท่อนจะมี “ปลายเปิด” ที่พร้อมทำปฏิกิริยาต่อ

ตัวเร่งปฏิกิริยาตัวที่สอง ทำหน้าที่คล้าย “ซิป” ที่ค่อย ๆ รูดสายโซ่พลาสติกที่ถูกตัดแล้วออกทีละโมเลกุล โดยอาศัยก๊าซเอทิลีนเป็นตัวช่วยดึงโมเลกุลออกจากกัน

ผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการนี้คือโมเลกุลโพรพิลีนและโพรพีน ซึ่งเป็น “ชิ้นส่วน” สำคัญที่สามารถนำไปสร้างพลาสติกชนิดใหม่ๆ ได้อีก

นอกจากนี้ ยังได้ก๊าซไอโซบิวทิลีน เป็นผลพลอยได้ที่มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเคมีเพื่อผลิตวัสดุอื่น ๆ เช่น ยางสังเคราะห์ หรือแม้แต่น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน

ที่ผ่านมา การรีไซเคิลพลาสติกมีต้นทุนสูงกว่าการผลิตพลาสติกใหม่จากวัตถุดิบปิโตรเลียม ทำให้พลาสติกรีไซเคิลไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ และเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างยั่งยืน แต่วิธีดังกล่าว จะช่วยให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่พลาสติกไม่ต้องกลายเป็นขยะในหลุมฝังกลบอีกต่อไป ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

ที่มา
https://www.techspot.com/news/104521-researchers-unlock-cheap-way-vaporize-plastic-use-make.html

ตัวใหม่ หุ่นยนต์พ่อบ้าน NEO พร้อมใช้งานจริงปลายปีนี้

NEO

1X Technologies เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์สองขาตัวใหม่ชื่อ Neo ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานในบ้านโดยเฉพาะ เป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีหน้าตานะ แต่แม้จะดูแปลกตา แต่ Neo มีขนาดเล็กและเบากว่าหุ่นยนต์อื่น ๆ ทำให้ปลอดภัยกว่าหากเกิดการเดินชน หรือเกิดอุบัติเหตุ

NEO สามารถเดิน วิ่ง ปีนป่าย สามารถสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวมันได้ ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ข้อมูลที่เก็บเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพตัวเองได้ หากจำเป็น เจ้าของสามารถควบคุมระบบการมองเห็นและการเคลื่อนไหวของ Neo จากระยะไกลได้ตลอดเวลา

NEO มีขนาดเล็กและเบากว่าหุ่น Optimus ของ Tesla และ Digit ของ Agility มาก หุ่นตัวนี้สูงเพียง 1.65 เมตร หนัก 30 กิโลกรัม และสามารถยกของหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม ในขณะที่หุ่นยนต์ของ Tesla และ Agility มีน้ำหนักมากกว่าสองเท่า คือ 56.5 ถึง 63.5 กิโลกรัม แต่สามารถยกของหนักได้พอๆ กัน

โดยรวม Neo ถือเป็นการพัฒนาการที่น่าสนใจในวงการหุ่นยนต์ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเทคโนโลยีนี้กำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้คนในอนาคต ซึ่ง NEO ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นพ่อบ้านโดยเฉพาะ มันอาจจะเข้าใจมนุษย์มากกว่า และมันกำลังจะถูกนำไปอยู่ในบ้านใครสักคน ภายในปลายปีนี้ เพื่อทดลองใช้งานจริง

คิดยังไงกัน อยากใช้ไหม ส่วนตัวนีแบบ ภาพ i-Robot ลอยมา (ใครทันหนังเรื่องนี้ ไม่เด็กละนะ ฮ่า ๆ)

ที่มา
techspot

Thailand ICT Awards (TICTA) ครั้งที่ 20 ประกาศผลงานเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นแห่งปี 2024

สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ประกาศรางวัลเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นแห่งปี 2024  ในการประกวด Thailand ICT Awards (TICTA) ครั้งที่ 20 มอบรางวัลให้แก่ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 11 ผลงาน และรองชนะเลิศ 24 ผลงาน ปลดล็อกศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัลไทยสู่เวทีเอเชียแปซิฟิก

นายบุญรักษ์  สรัคคานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย ประธานในพิธี  เปิดเผยว่า ‘โครงการประกวดผลงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งชาติที่สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทยและองค์กรภาครัฐ ได้ร่วมผลักดันให้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะคัดเลือกและสนับสนุนผลงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไทย เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศร่วมประกวดระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) Awards ด้วยความตระหนักถึงการยกระดับการพัฒนาผลงานเทคโนโลยีดิจิทัลไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีนานาชาติ การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการสร้างประสบการณ์สำคัญโดยการเปิดโอกาสนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันเพื่อเป็นแรงผลักดันสู่การพัฒนาทางด้านเทคโนโลดิจทัลในอนาคตต่อไป

“โครงการ TICTA2024  จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Unlocking Potential and Shaping the Future” ปลดล๊อคขีดความสามารถผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลไทยให้เกิดการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างอนาคตด้วยผลงานนวัตกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย ขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านในดำเนินโครงการ Thailand ICT Awards ในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงการ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การดำเนินโครงการในปีนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และนักเรียน นักศึกษา โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมสมัครจำนวน 250 ผลงาน โดยมีผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ 11 ผลงาน และรางวัลรองชนะเลิศ 24 ผลงาน”

ผลการประกวด Thailand ICT Awards 2024            

  1. หมวด Consumer
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท เค.จี. แอนด์ แพทริค จำกัด และ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์​มหาวิทยาลัย​ ชื่อผลงาน ว่าง: ตลาด​ข้อมูล
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อผลงาน CERO: Personal Carbon Wallet
  1. หมวด Inclusion and Community Services
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท ทรูอาย จำกัด ชื่อผลงาน TrueEye: Preventive Health Hero
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท สไมล์ ไมเกรน จำกัด ชื่อผลงาน แอปพลิเคชัน Smile Migraine
  1. หมวด Industrial
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท อินเทลเล็คท์ เน็ตเวิร์ค เว็บ จำกัด ชื่อผลงาน WiPLUX
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท ไอครีเอทีฟซิสเตมส์ จำกัด ชื่อผลงาน High performance Autonomous UAV eVTOL Vilverin VL340
  • รางวัลรองชนะลิศ บริษัท ไอคิวบ์ จำกัด ชื่อผลงาน Manufacturing Data Management Platform
  1. หมวด Business Services
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท สาติ จำกัด ชื่อผลงาน ระบบบันทึกสรุปทางการแพทย์ รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Chart sum)
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท รีไซโคเอ็กซ์ จำกัด ชื่อผลงาน Recycoex applications
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท โปรเฟสชั่นแนล ซิสเต็มส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ชื่อผลงาน ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ProDOC e-Saraban
  1. หมวด Public Sector and Government
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท โดซี่ เฮลธ์ จำกัด ชื่อผลงาน AI Medication Solution
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด ชื่อผลงาน ปรับเป็นพินัย
  1. หมวด Student Project

สาขาย่อย Junior Student

  • รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ชื่อผลงาน G steps
  • รางวัลรองชนะเลิศ ศูนย์หุ่นยนต์ โรโบมายด์ ชื่อผลงาน ORAL-C : Gingivitis Detection
  • รางวัลรองชนะเลิศ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ชื่อผลงาน BuddyBear
  • รางวัลรองชนะเลิศ โรงเรียนปรินส์รอยส์แยลส์วิทยาลัย ชื่อผลงาน เครื่องมือการกายภาพบำบัด

กล้ามเนื้อส่วนเล็กสำหรับเด็ก ด้วยการตรวจจับการเคลื่อนไหวโดยปัญญาประดิษฐ์ และหลักการ

เกมมิฟิเคชัน

สาขาย่อย Senior Student           

  • รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ชื่อผลงาน BrailleY: Seeing with Your Fingers ระบบช่วยผู้พิการทางการมองเห็น ให้เข้าถึงการศึกษาผ่าน EIBraille box ด้วย AI-Driven Assistance
  • รางวัลรองชนะเลิศ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ชื่อผลงาน ThirdEye : Guiding Independence Device for the Visually Impaired
  • รางวัลรองชนะเลิศ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ชื่อผลงาน KidneyScope: Retinal Imaging Analysis for Kidney Disease Risk Assessment | เครื่องมือการคัดกรองโรคไตวายเรื้อรังผ่านการตรวจจอประสาทตาภายในดวงตาด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์)

สาขาย่อย Tertiary Student          

  • รางวัลชนะเลิศ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชื่อผลงาน ALISA: Leveraging Machine Learning Model for Generative UI Prompt Generator for Senior Citizens
  • รางวัลรองชนะเลิศ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชื่อผลงาน WU BOT CARE อุปกรณ์ติดตามและตรวจจับสัญญาณการร้องขอความช่วยเหลือของผู้สูงอายุผ่านสัญญาณการขยับมือโดยอาศัยปัญญาประดิษฐ์
  • รางวัลรองชนะเลิศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ชื่อผลงาน Zero-Shot AI-Generated  Text Detection In Thai Language
  • รางวัลรองชนะเลิศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ชื่อผลงาน Self care แอพบันทึกอาการโรค NCDs ด้วยตัวเอง
  1. หมวดCross Category: Research and Development
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท ทรูอาย จำกัด ชื่อผลงาน TrueEye: Preventive Health Hero
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท โคดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อผลงาน REDBLU (เรดบลู) ระบบโกยหินทรายอัตโนมัติ
  • รางวัลรองชนะเลิศ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ชื่อผลงาน SAIWAT (Saving And Intelligent softWare for Automatic measurement Technology)
  1. 8. Cross Category: Start Up
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท ราวิส เทคโนโลยี จำกัด ชื่อผลงาน CLINS SUITE
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท โดซี่ เฮลธ์ จำกัด ชื่อผลงาน AI Medication Solution
  1. 9. Technology Award: Artificial Intelligence
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท ทรูอาย จำกัด ชื่อผลงาน TrueEye: Preventive Health Hero
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อผลงาน CERO: Personal Carbon Wallet
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท สาติ จำกัด ชื่อผลงาน ระบบบันทึกสรุปทางการแพทย์ รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Chart sum)
  1. Technology Award: Big Data Analytics     
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท ภูเก็ตอินโนเวทีฟ เดเวลลอปเม้นท์ จำกัด ชื่อผลงาน Smart Law แพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อทนายความ
  1. Technology Award: Internet of Things
  • รางวัลชนะเลิศ บริษัท อินเทลเล็คท์ เน็ตเวิร์ค เว็บ จำกัด ชื่อผลงาน WiPLUX
  • รางวัลรองชนะเลิศ บริษัท ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย จำกัด ชื่อผลงาน ProWam by FarmConnect_Asia
  • รางวัลรองชนะเลิศ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ชื่อผลงาน ระบบติดตามภายในอาคาร UNAI

โซล่าเซลล์แบบใหม่ เป็นได้มากกว่าผลิตไฟฟ้า

ทุกวันนี้การใช้งานโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าจากแสงแดด ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีและใช้งานจริงมานานกว่า 10 ปี แต่สำหรับประเทศไทยความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ แต่เป็นการประยุกต์ใช้งานที่มากไปอีกขั้น

Techhub Insight พาไปบุกโรงงานต้นแบบเซลล์แสงอาทิตย์ NECTEC Pilot Plant คุยกับ “ดร.กอบศักดิ์ ศรีประภา” นักวิจัยกลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ผู้ที่คลุกคลีกับเทคโนโลยีโซล่าเซลล์มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก

 


: เส้นทางของการพัฒนา

นักวิจัยเล่าว่า จุดเริ่มต้นของการพัฒนาโซล่าเซลล์คือการเอาไปใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับยานอวกาศ รวมถึงดาวเทียม จนเริ่มมีการใช้งานแพร่หลายมากขึ้นในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง 

มาจนถึงการพัฒนาโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) โซล่าเซลล์แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และขยายเข้ามาสู่ตัวเมือง อย่างหลังคาโซลาร์ (Solar Rooftop) ที่ทำให้เห็นการใช้งานโซล่าเซลล์ที่ใกล้ตัวมากขึ้น มีอายุการใช้งานนานที่มากกว่า 25-30 ปี ขณะที่ประสิทธิภาพในการแปลงแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้าทำได้ดีขึ้น 

ดร.กอบศักดิ์ เล่าว่า ในยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยีโซล่าเซลล์ในไทย โจทย์แรก สวทช. เคยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซล่าเซลล์ชนิดฟิล์มบาง (Thin-film silicon) แต่ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีจำกัด และประสิทธิภาพ ทำให้หันมามุ่งเน้นที่เทคโนโลยีผลึกซิลิคอน (Crystalline silicon) แทน 

จนมาถึงปัจจุบัน การวิจัยโซล่าเซลล์ในไทย หันมามุ่งเน้นการใช้งานจริงโดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นและพัฒนาตัวแผงเซลล์เพื่อใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ ได้หลากหลายขึ้น อย่างเช่นแผงสี Colour PV ซึ่งพัฒนาในส่วนโครงสร้างการประกอบแผง แทนการพัฒนาตัวเซลล์เพราะต้นทุนในการนำเข้าถูกกว่าการผลิตเองในประเทศ เพราะการลงทุนผลิตแผงโซล่าเซลล์ขึ้นมาเองตั้งแต่ต้นน้ำ อาจยังไม่ใช่คำตอบ

“การพัฒนาเซลล์ น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับประเทศไทยที่จะพัฒนาได้ดีกว่า ถูกกว่าจีนที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีตลาดรองรับ แต่ถ้าเป็นเรื่องการประยุกต์ใช้งานไทยมีโอกาส มีช่องทางในการแข่งขันได้ แล้วพอเราจดสิทธิบัตร ได้รับการคุ้มครองทางทรัพย์สินปัญญา จะเป็นแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับจีนได้ในอนาคต”

ดร.กอบศักดิ์ ยกตัวอย่าง แผงสี Colour PV ที่ทีมวิจัยพัฒนาเวอร์ชั่นแรกตั้งแต่ปี 2555 ซึ่ง ณ ตอนนั้นมั่นใจว่าโครงสร้างที่พั​ฒนาขึ้นมายังไม่มีใครทำมาก่อน ที่ตอนนี้เริ่มเห็นแผงโครงสร้างที่คล้ายกับงานที่ไทยพัฒนาแล้วในต่างประเทศ 

: โซล่าเซลล์ในแปลงปลูกพืช

งานวิจัยแผงสี Colour PV เริ่มต้นในปี 2554-2555 จากความตั้งใจในการพัฒนาตัวแผงเซลล์รูปแบบใหม่ที่เน้นไปที่ความสวยงาม และการใช้งานที่มากขึ้น 

จากตัวเซลล์ที่มีสีค่อนข้างเข้มช่วยให้ดูดกลืนแสงได้ดีที่สุด ถูกนำมาปรับชั้นโครงสร้างให้มีสี มองเห็นได้จากด้านหน้าและด้านหลัง สามารถทำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย อย่างการปลูกพืช (Agrivoltaics) ที่นอกจากความสวยงามแล้ว การที่แผงโซล่าเซลล์ยอมให้คลื่นแสงในย่านความถี่ที่พืชต้องการผ่านได้ จะช่วยลดความร้อนที่ตกกระทบที่พืชโดยตรง การลดความร้อนในแปลงปลูก ช่วยให้พืชลดความเครียดได้

นักวิจัย อธิบายว่า โดยทั่วไปพืชต้องการแสง แต่ไม่ได้ต้องการความร้อนมากเท่าไหร่ แต่โดยธรรมชาติแสงมักจะมาพร้อมกับความร้อน ในขณะที่ Colour PV ที่ยอมให้แสงผ่านได้ สามารถลดอุณภูมิของใบพืชได้อย่างน้อย 4-5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ

“Colour PV ในเวอร์ชั่นล่าสุด เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างทีมวิจัยและบริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย ซึ่งการได้มาตรฐาน มอก. จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจ ขณะที่ผู้ผลิตเองก็กล้าที่จะรับประกันแผงนาน 25 ปี ไม่ต่างจากแผงโซล่าเซลล์ทั่วไป”

“T-Green® Multi Solar (See-Through type) is being installed under the Financing Programe to Demonstrate Decarbonization Technology for Realizing Co-Innovation of MOE Japan.” และเป็นการศึกษาร่วมกันระหว่างบริษัท Kaneka ประเทศญี่ปุ่นและทีมงานวิจัยของ สวทช.

: เทรนด์โซล่าเซลล์ในอาคาร

เทรนด์ที่กำลังมาแรงของการใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ที่ปฏิเสธไม่ได้ ณ ตอนนี้ คือ Building-integrated photovoltaics (BIPV) หรือการเอาแผงโซล่าเซลล์ไปเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร ในลักษณะติดตั้งแทนกระจกหน้าต่าง หรือติดตั้งร่วมกับพนังอาคาร ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด

BIPV ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการประยุกต์ใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งงานวิจัยยังคงเดินหน้า โดยการทดลองนำแผงสี Colour PV ติดตั้งขนานกับกำแพง วางในทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ตั้งฉากกับพื้น 90 องศา เพื่อเก็บข้อมูลไฟฟ้าที่ผลิตได้ และประเมินความแตกต่างจากการใช้งานโซล่าเซลล์ทั่วไป

รวมถึงการใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือติดตั้งร่วมกับอาคาร สิ่งปลูกสร้าง (BIPV) ซึ่งทีมวิจัยได้ร่วมมือกับทางบริษัท Kaneka ประเทศญี่ปุ่น ในการเก็บข้อมูลการผลิตไฟฟ้าของแผง Coloful PV ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับแผงที่ทางบริษัท Kaneka พัฒนาสร้าง โดยได้ติดตั้งร่วมกับอาคารทดสอบประสิทธิภาพของแผงโซลาเซลล์ BIPV แบบที่ติดตั้งแทนกระจก หรือผนังอาคาร โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบเก็บข้อมูลในระยะยาว ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก “T-Green® Multi Solar (See-Through type) is being installed under the Financing Programe to Demonstrate Decarbonization Technology for Realizing Co-Innovation of MOE Japan.”

ดร.กอบศักดิ์ บอกว่า ในอนาคตการใช้งาน BIPV จะเป็นที่นิยมมากขึ้น ในเมืองซึ่งมีพื้นที่จำกัดการพัฒนาให้ติดตั้งในตัวอาคาร สิ่งปลูกสร้าง นอกเหนือจากหลังคานับเป็นอีกเจนเนอร์เรชั่นหนึ่งของการใช้งานโซล่าเซลล์ ในขณะที่ค่าไฟมีแต่แนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโซล่ากลับสวนทางถูกลงกว่าปัจจุบัน

“เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน มูลค่าการลงทุนของโซล่าฟาร์มอยู่ที่เมกะวัตต์ละ 40-45 ล้านบาท แต่ถ้าปัจจุบันต้นทุนลดลงมากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ความแตกต่างของต้นทุนจะเป็นตัวผลักดันให้มีการใช้งานโซล่าเซลล์ที่มากขึ้น และใกล้ตัวเรามากขึ้น”

แม้ตอนนี้จะมีการติดตั้งและใช้งานโซล่าเซลล์ที่หลากหลาย แต่นักวิจัยย้ำว่า อย่ามองแค่เรื่องของงบประมาณเป็นที่ตั้ง เพราะราคาของระบบที่ถูกเกินไปอาจต้องแลกกับประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าที่ต่ำ และการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ในอนาคต

 

vivo แจ้งเกิด V40 Series 5G ยกระดับภาพพอร์ตเทรตด้วยกล้องเลนส์ ZEISS ในทุกรุ่นย่อย ชูฟีเจอร์ทนน้ำระดับ IP68 ราคาเริ่มต้น 15,999 บาท

vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก พร้อมพา vivo fans ชาวไทยแจ้งเกิดไปกับประสบการณ์พอร์ตเทรตระดับโปร ภายใต้คอนเซปต์ ‘พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน’ ประกาศเปิดตัว 2 สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล V Series ได้แก่ vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ vivo ชูจุดเด่นเทคโนโลยี vivo ZEISS Co-engineered และ Aura Light Portrait บนกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ที่ได้มาตรฐาน ZEISS Optics ครบทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาพร้อมฟีเจอร์ระดับมืออาชีพที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพสวย ๆ ได้อย่างง่ายดายและแต่งเติมความคิดสร้างสรรค์ลงบนภาพถ่ายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังจัดเต็มประสิทธิภาพการทำงานด้วยขุมพลังระดับแนวหน้า ได้แก่ Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 ในรุ่น V40 5G และ MediaTek Dimensity 9200+ ในรุ่น V40 Pro 5G พร้อมแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 5500mAh เพื่อการใช้งานยาวนานตลอดวัน เสริมความคงทนด้วยมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 เป็นครั้งแรกบน V Series สามารถสามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที นำเสนอบนดีไซน์โฉบเฉี่ยวและโมดูลกล้องใหม่ Gemini Ring ในราคาเริ่มเต้นเพียง 15,999 บาท

พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน กับ ZEISS All Main Camera

vivo สานต่อความก้าวหน้าด้านพอร์ตเทรตบนสมาร์ตโฟนด้วยการเปิดตัว V40 Series 5G ที่มาพร้อมการยกระดับเลนส์กล้องมาตรฐาน ZEISS Optics ความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซลในทุกกล้อง ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เสริมด้วยเซนเซอร์คุณภาพสูง เทคโนโลยี Aura Light Portrait อันเป็นเอกลักษณ์ของ vivo V Series และนวัตกรรมการถ่ายภาพที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง vivo ZEISS Co-engineered ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสในทั้ง 2 รุ่น พร้อมอัปเกรดนวัตกรรมและฟีเจอร์การถ่ายภาพระดับเทพให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตมีความสนุกสนานและเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น

ครั้งนี้ vivo นำเสนอฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพบุคคลใหม่ล่าสุด ZEISS Multifocal Portrait เป็นครั้งแรกบนสมาร์ตโฟน V Series ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ระยะโฟกัสได้หลากหลาย ตั้งแต่ 24 มม. 35 มม. 50 มม. ไปจนถึง 85 มม. และ 100 มม. (เฉพาะบน V40 Pro 5G) ทำให้ไม่ว่าระยะไหน ก็แจ้งเกิดได้ทุกคน ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานทั่วไปที่รักการถ่ายภาพ ครีเอเตอร์ที่ต้องการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ลงบนภาพถ่าย และช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการความสมบูรณ์แบบทุกรายละเอียด

จัดเต็มสเปกระดับท็อป เพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด

นอกจากประสบการณ์พอร์ตเทรตที่ทรงพลังขึ้นแล้ว vivo V40 Series 5G ยังมาพร้อมการอัปเกรดประสิทธิภาพให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ถึงประสบการณ์การทำงานอันยอดเยี่ยมและลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นด้านการเชื่อมต่อ เกมมิ่ง มัลติมีเดีย หรือจอแสดงผล

vivo V40 Series 5G ทรงพลังด้วยชิปเซ็ตระดับแนวหน้าของวงการอย่าง Qualcomm Snapdragon® 7 Gen 3 ในรุ่น V40 5G และ MediaTek Dimensity 9200+ ในรุ่น V40 Pro 5G โดยสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอโค้ง 3D Curved Screen ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว คมชัดระดับ 1.5K ใช้งานไหลลื่นด้วย Refresh Rate 120Hz และยาวนานยิ่งขึ้นด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจ 5500mAh ที่ใช้เทคโนโลยี BlueVolt ทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลงถึง 16.5% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปที่มีความจุเท่ากัน เสริมด้วยระบบชาร์จไว 80W FlashCharge ไม่หวั่นแม้ต้องใช้งานเต็มที่ตลอดทั้งวัน​ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ V Series ที่มาพร้อมมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่นระดับเรือธง IP68 สามารถทนน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุดถึง 30 นาที ทำให้สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์

ยกระดับดีไซน์ใหม่ พร้อมโมดูลกล้อง Gemini Ring

vivo V40 Series 5G นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานเหนือระดับบนดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยตามแบบฉบับสมาร์ตโฟน V Series ด้วยขอบตัวเครื่องบางเพียง 7.58 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 190 กรัม เสริมความพิเศษด้วยดีไซน์โมดูลกล้องรูปแบบใหม่ Gemini Ring’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องด้านหลังด้วยรูปทรงโค้งมนที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวกับการออกแบบโดยรวม นำเสนอใน 3 ตัวเลือกสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของธรรมชาติ ได้แก่

  • สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) ที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับวัสดุกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
  • ‘สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) ที่เปรียบได้กับสีของท้องฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว มอบความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา
  • ‘สีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach)ที่คล้ายกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ในยามเช้า มอบพลังบวกผ่านความรู้สึกสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่

โดยรุ่น V40 5G พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วทั้ง 3 เฉดสี ในขณะที่รุ่น V40 Pro 5G จะวางจำหน่ายเพียงสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) เท่านั้น

รายละเอียดการวางจำหน่าย

vivo V40 Series 5G แจ้งเกิดในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมให้ผู้ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดย V40 5G วางจำหน่ายใน 2 รุ่นความจุ ได้แก่ 12GB + 256GB ในราคา 15,999 บาท และ 12GB + 512GB ในราคา 17,999 บาท ในขณะที่ V40 Pro 5G วางจำหน่ายในรุ่นความจุ 12GB + 512GB ในราคา 24,999 บาท พิเศษสำหรับ vivo fans ที่สั่งซื้อภายในวันที่ 2 กันยายน – 30 กันยายน 2567 จะได้สิทธิ์รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 12,298 บาท ประกอบด้วย

  • หูฟัง vivo TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท เฉพาะผู้ที่ซื้อรุ่น V40 Pro 5G)
  • V40 Series 5G Premium Gift Box (มูลค่ารวม 10,499 บาท) ภายในประกอบด้วย เคสใส 1 ชิ้น ตัวยึดกับเคสสีพีช 1 ชิ้น สายคล้องข้อมือแบบเชือกสีดำ 1 ชิ้น กระเป๋าใส่เหรียญสีดำ 1 ใบ และ E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก

พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรูปแบบ Walk-In ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567 ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา รับเพิ่มทันทีหูฟัง vivo TWS 3e สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 5G และส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 Pro 5G

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของสมาร์ตโฟน V40 Series 5G และอัปเดทเทรนด์ข่าวสารวงการเทคโนโลยีได้ที่เฟซบุ๊ก vivo Thailand และเว็บไซต์  https://vivo.com/th/

#vivoV40Series5G #พอร์ตเทรตเปิดเกิดทุกคน

ทรูมันนี่ ร่วมกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ เพิ่มโอกาสลงทุน ในกองทุนพันธบัตรรัฐบาล ผ่านแอปทรูมันนี่

มั่นใจปลอดภัย ได้ผลตอบแทนคาดหวังสูงกว่าเงินฝากประจำ

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนภายใต้บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด สร้างโอกาสการเข้าถึงการลงทุนท่ามกลางตลาดผันผวนผ่าน “กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund)” ที่มีผลตอบแทนประมาณการที่แน่นอนสูงกว่าเงินฝากประจำ และสามารถลงทุนได้ทั้งระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี พร้อมอัปเดตกองทุนใหม่ ๆ ทุกสัปดาห์ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ด้วยขั้นตอนการลงทุน ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สามารถส่งคำสั่งซื้อ-ขายได้ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง

ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง หลายคนอาจกำลังมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนประมาณการที่แน่นอนและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่ง “กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund)” ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัย เพราะเป็นกองทุนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด พร้อมประมาณการผลตอบแทนคาดหวังสูงกว่าเงินฝากประจำ รวมถึงวิธีการและรูปแบบการลงทุนนั้น ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย คล้ายกับการฝากเงินประจำที่ต้องลงทุนตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะมอบผลตอบแทนที่แน่นอน แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นที่มูลค่าอาจผันผวนตามภาวะตลาด

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันทรูมันนี่ กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการเงินที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ ไม่เพียงแค่บริการชำระเงิน ออมเงิน แต่ครอบคลุมไปถึงบริการด้านการลงทุน  ซึ่งการเปิดช่องทางให้ซื้อกองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund) ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง ทรูมันนี่ จะช่วยมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และทำให้การลงทุนนั้นเป็นไปได้ ได้ทุกคน โดย ทรูมันนี่ ได้มีการร่วมมือกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด ในการร่วมคัดสรรกองทุนพันธบัตรรัฐบาลจาก บลจ. ชั้นนำมารวมไว้บน ทรูมันนี่ อาทิ บลจ. ไทยพาณิชย์ บลจ. ยูโอบี ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์และสร้างทางเลือกในการลงทุนให้ผู้ใช้ โดยเรามุ่งหวังว่า  บริการนี้จะเป็นอีกทางเลือกให้ผู้ใช้สร้างความมั่นคงทางการเงิน ตอกย้ำพันธกิจของเราในการช่วยให้คนไทยเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้นทั้งในด้านการใช้จ่าย ออม และลงทุน”

กองทุนพันธบัตรรัฐบาล (Term Fund) บน ทรูมันนี่ แบ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งประมาณการผลตอบแทนคาดหวังสูงสุด 2.10% ต่อปี ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุน และค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขายจะเทียบเท่ากับการซื้อตรงกับ บลจ. โดยกองทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ หรือผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในช่วงอายุของกองทุน ที่สามารถลงทุนได้  จนครบกำหนดอายุโครงการ โดยสามารถเปิดบัญชีลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่าน ทรูมันนี่   ไม่ต้องใช้เอกสารอื่น ๆ ให้ยุ่งยาก และเริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อกองทุนได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และมีการอัปเดตกองทุนใหม่ ๆ ทุกสัปดาห์

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truemoney.com/invest-termfund/

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงตามระยะเวลาการลงทุนที่กองทุนกำหนดได้

ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

  • การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงการลงทุน

Hot Issue