Home Blog Page 3

Meta เอาจริง สร้างหุ่นยนต์ทำงานบ้าน ทำงานร่วมกับคน

Meta ได้ประกาศเปิดตัว PARTNR ซึ่งเป็นโปรแกรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ (HRI) 

โดยการวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ มนุษย์และหุ่นยนต์จะทำงานร่วมกันในบ้าน ซึ่งรวมถึงงานทั่วไป เช่น การทำความสะอาด การทำอาหาร และรับส่งอาหาร

หุ่นยนต์ทำงานบ้านอัตโนมัติเป็นความฝันที่มีมายาว จนถึงปัจจุบัน มีเพียงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเท่านั้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่มีหุ่นยนต์สำหรับใช้ในบ้านตัวอื่นๆ เอาชนะได้

เพราะข้อจำกัดที่หลายบริษัทไม่สามารถข้ามผ่านมันได้ เช่น ราคา ความน่าเชื่อถือ และฟังก์ชันการทำงานที่ถูกจำกัด

Meta จึงเริ่มโปรเจคสร้างมาตรฐานและชุดข้อมูลที่มีอยู่สร้างหุ่นยนต์ที่ใช้งานได้จริง

โดยนำชุดข้อมูลจากมากกว่า 100,000 งาน จำลองและสาธิตการทำงานของมนุษย์สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่เป็นรูปธรรม เริ่มทดสอบเป็นที่เรียบร้อยกับหุ่นยนต์ Spot ของ Boston Dynamics

นอกจากการฝึกให้หุ่นยนต์ทำงานบ้านทั่วไปแล้ว ยังเสริมให้มีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุอีกด้วย

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์ของ Meta เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในบ้านก็ได้

ที่มา : techcrunch  

 #หุ่นยนต์  #AI  #Meta #TechhubUpdate

เปิดตลาดหุ่นยนต์ Apple ผลิตโคมไฟสุดล้ำ โต้ตอบกับคนในบ้านได้

Apple เปิดตลาดหุ่นยนต์ สร้างโคมไฟสุดไฮเทคเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่

ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน Apple เผยข้อมูลกับ ELEGNT ว่าในบริษัทได้ตั้งทีมนักวิจัยด้านหุ่นยนต์ เพื่อสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้สำหรับใช้ในบ้านโดยเฉพาะ 

จึงได้ออกแบบโคมไฟหุ่นยนต์ที่สามารถสื่อสารหรือเข้าใจว่าเจ้าของบ้านว่าต้องการอะไร มันจะโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น การเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์จะต้องดูเป็นมิตรและดูไม่น่ากลัวเหมือนหุ่นยนต์ทั่วไป

หุ่นยนต์ตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับ Luxo ซึ่งเป็นสินค้าของ Pixar เป็นโคมไฟที่แสดงท่าทางและตอบสนองมนุษย์ได้ตลอดเวลาเมื่อถูกเรียกใช้งานโดยอาจจะเปิดตัวเร็ว ๆ เมื่อพัฒนาโคมไฟได้สำเร็จ

และในอนาคตวิศวกรของ Apple กำลังสำรวจหุ่นยนต์เคลื่อนที่ที่สามารถติดตามผู้ใช้ไปทั่วบริเวณบ้าน ในโครงการ “skunk-works” ที่จะเชื่อมกับ iPhone พัฒนาอุปกรณ์สำหรับในบ้านขั้นสูง ที่มาในรูปแบบแสดงจอภาพอัจฉริยะอีกด้วย

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของ Apple ที่มีความหลากหลายและตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม 

ที่มา : 9to5mac

#Apple #สมาร์ทโฮม #TechhubUpdate

โดรนสุดแกร่ง สู้กับอากาศติดลบขั้นสูง พร้อมลุยภารกิจขั้วโลกเหนือ

ก้าวผ่านขีดจำกัด สตาร์ทอัป UBIQ Aerospace ในนอร์เวย์เร่งผลิตโดรนสุดแกร่งสู้กับอากาศติดลบขั้นสูง ทดสอบแล้วที่กองกำลังพิเศษบริเวณขั้วโลกเหนือ

ผู้นำด้านนวัตกรรมระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) ประสบความสำเร็จในการสาธิตเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ D•ICE ล้ำสมัย การป้องกันน้ำแข็งอัตโนมัติให้กับใบพัดในงานทดลอง Arctic Warrior 

เพราะการใช้เทคโนโลยีในสภาพอากาศที่ติดลบถือว่าเป็นความเสี่ยงและยากสำหรับระบบอากาศยานไร้คนขับที่หลายคนยังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้

เทคโนโลยี D•ICE Ice Protection ออกแบบมาเพื่อรักษาการทำงานและความปลอดภัยในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด เพื่อทำงานได้นานกว่าโดรนทั่วไป ลดความเสี่ยงจากการทำภารกิจต่อเนื่องในอุณหภูมิติดลบ

ในอนาคต UBIQ จะนำโดรนไปทำภารกิจสำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลก เช่น การป้องกันประเทศ โลจิสติกส์ และพลังงาน ในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายและเข้าถึงยากโดยเฉพาะ


ที่มา
: ubiqaerospace  

#โดรน #TechhubUpdate

ก้อนจิ๋ว คริสตัลเก็บข้อมูล ทำได้ในระดับเทราไบต์

คริสตัลเก็บข้อมูล

ลองจินตนาการว่า เรามีก้อนคริสตัลขนาดเล็กมาก ๆ แต่สามารถบรรจุหนัง เพลง เอกสาร หรือข้อมูลอื่น ๆ มากมายในระดับ TB ได้ ซึ่งปกติต้องใช้ฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 1 ลูก ถึงจะทำได้

วิธีที่นักวิจัยใช้ คืออาศัยตำแหน่งอะตอมหายไปในคริสตัล (ที่เรียกว่า defect) เป็นช่องบันทึกสัญญาณ 0 หรือ 1 หมายความว่า ถ้าบริเวณนั้นมีประจุไฟฟ้า (Charge) ก็แทนค่าเป็น “1” ถ้าไม่มีประจุไฟฟ้า ก็แทนค่าเป็น “0” ทำให้เกิดเป็นหน่วยความจำขนาดจิ๋วจำนวนมหาศาลภายในคริสตัล

ลองนึกภาพโครงสร้างคริสตัลเหมือนตาข่ายสามมิติที่อะตอมแต่ละตัวถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเป็นแถว ๆ คล้ายลูกบาศก์ต่อกันเป็นแพตเทิร์น ถ้าในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งควรจะมีอะตอมอยู่ แต่กลับว่างเปล่าไม่มีอะตอมนั้นจริง ๆ เราก็เรียกจุดนั้นว่าตำแหน่งอะตอมหายไป ซึ่งนักวิจัยได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล

นักวิจัยนำธาตุหายาก (Rare-earth ions) อย่างแพรซีโอดีเมียมใส่เข้าไปในคริสตัลYttrium Oxide จากนั้นใช้แสงอัลตราไวโอเลต (UV) ฉายเพื่อกระตุ้นให้ปล่อยอิเล็กตรอนมาเกาะตามตำแหน่งที่อะตอมหายไป ผลลัพธ์คือได้จุดเล็ก ๆ ในผลึกที่เก็บข้อมูลได้เหมือนเม็ดความจำแต่ละเม็ด

หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาต่อไปจนใช้งานได้แพร่หลาย เราอาจมีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่จิ๋วลง แต่จุข้อมูลได้แบบมหาศาล ลดการใช้พื้นที่ และอาจทำให้เราสามารถเก็บ Big Data หรือไฟล์ต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ การเงิน เอกสารรัฐบาล หรือแม้แต่การใช้งานในโซเชียลมีเดียและ AI ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็ม

ที่มา
https://www.techspot.com/news/106793-scientists-use-crystals-cram-terabytes-data-millimeter-sized.html

ไปให้สุด จีนเปิดตัวตุ๊กตายางติด AI เชื่อเพิ่มยอดขายให้ปังขึ้น

มีลูกเล่นผู้ผลิตตุ๊กตายางจากประเทศจีน เปิดประสบการณ์การใช้งานของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ที่เสริมเทคโนโลยี AI หวังยอดขายจะพุ่งสูงขึ้นในปี 2025

หลิว เจียงเซีย ผู้ก่อตั้ง WMDoll กล่าวว่าการนำโมเดล AI เข้ามาทำให้ตุ๊กตาตอบสนองและโต้ตอบได้มากขึ้นคาดว่าจะทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 30%

โดยนำโมเดลปัญญาประดิษฐ์แบบโอเพนซอร์สมาใช้ เพิ่มโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รองรับบริการปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ เช่น ChatGPT มาเชื่อมต่อกับตุ๊กตายางรุ่นใหม่

ทำมาจากโครงโลหะภายนอกเป็นซิลิโคน หรือเทอร์โมพลาสติกอีลาสโตเมอร์ที่ใช้งานง่าย แนวคิดเปิดกว้างของอุตสาหกรรม ทำให้ WMDoll สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

นอกจากเทคโนโลยี AI ที่มากับตุ๊กตายางแล้วบริษัทยังต่อยอดฝังโมดูล AI ลงในซีรีส์ MetaBox เชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลต่างๆ เพื่อประมวลผลของเล่นแต่ละชิ้น

สำหรับราคาของตุ๊กตายางที่มาพร้อม AI คาดว่าจะเริ่มต้นที่ 1,500 เหรียญ หรือประมาณ 50,500 บาท มีใครสนใจซื้อบ้างไหมครับ 

 

ที่มา : scmp  

#AI #TechhubUpdate

ติดเซนเซอร์ ชุดนอนสุดไฮเทค ตรวจเช็คสุขภาพตอนหลับ

อยากมีไหมชุดนอนมีเซนเซอร์เช็คสุขภาพการหลับ

หลับได้ทุกที่เสื้อแจ็คเก็ตพัฟเฟอร์ที่ทำหน้าที่เป็นชุดนอน ผู้ใช้สามารถงีบหลับได้ทุกเวลา มาพร้อมข้อมูลไบโอเมตริกซ์ รวมถึงหูฟังที่พร้อมเล่นเพลงในความถี่เพื่อช่วยให้หลับได้ดีขึ้น

ปรับจากชุดนอนในฤดูหนาวของญี่ปุ่นมาปรับให้ทันสมัยขึ้น เสื้อผ้าปรับได้ทั้งหมดเพื่อให้พอดีกับรูปร่างทำให้รู้สึกสบายเมื่อกำลังจะนอนหลับ

ด้านในใช้วัสดุเส้นใยโฟโตอิเล็กทริก ทำให้มีน้ำหนักเบา แถมยังช่วยรักษาอุณหภูมิภายในให้อบอุ่นอยู่ตลอดเวลาเมื่อเจอสภาพอากาศที่หนาวจัด

ความพิเศษของเสื้อแจ็คเก็ตรุ่นนี้คือมาพร้อมกับระบบอัจฉริยะตรวจสอบสถานะการนอนหลับ ระดับความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ โดยจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อบันทึกการนอนหลับ

นอกจากชุดนอนดังกล่าวแล้วยังมีหมอนรองคอที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ในขณะนั่งได้อีกด้วย 

สำหรับคนที่อยากเห็นของจริงโอกาสมาถึงแล้ว บริษัทจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Expo 2025 Osaka ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2025 ถึง 13 ตุลาคม 2025 

ที่มา : designboom 

#TechhubUpdate

WD_BLACK™ SN7100 NVMe™ SSD ใหม่พร้อมวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย

ไดรฟ์ SSD NVMe PCIe Gen 4×4 DRAMless ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเกมเมอร์ด้วยประสิทธิภาพการทำงานและพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากขึ้น

WD_BLACK ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อสายเกมมิ่งโดยเฉพาะ พร้อมเปิดตัว WD_BLACK™ SN7100 NVMe™ SSD ไดรฟ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดรองรับความต้องการของเกมเมอร์จัดเต็มทั้งประสิทธิภาพและความจุที่น่าทึ่ง เพื่อให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มที่

WD_BLACK ต่อยอดความโดดเด่นในด้านความเร็วด้วยการเปิดตัว SSD PCIe® Gen 4×4 DRAMless NVMe ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เมนสตรีมเกมเมอร์ทั่วไปได้เพลิดเพลินกับเกมในปัจจุบันที่ขนาดไฟล์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความงดงามและสมจริงของฉากในเกม โดย SSD รุ่นนี้ใช้ชิป TLC 3D NAND รุ่นล่าสุดของเวสเทิร์น ดิจิตอล จึงทำให้มีความเร็วอ่านสูงสุดที่ 7,250MB/s และเขียนอยู่ที่ 6,900MB/s (สำหรับรุ่น 1-2TB) ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ SSD รุ่นก่อนหน้า

สำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติม WD_BLACK™ SSD NVMe™ SN7100 ตอบโจทย์ในเรื่องพื้นที่จัดเก็บที่เพียงพอต่อไลบรารีเกมที่มีอยู่และยังยังมีพื้นที่เหลือๆ สำหรับเกมใหม่ การอัปเดต และคอนเทนต์ต่างๆ ที่ดาวน์โหลดได้ SSD NVMe ประสิทธิภาพสูงนี้ได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้งานกับแล็ปท็อปและอุปกรณ์เล่นเกมแบบพกพา และยังคงรักษาระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานทได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่ทำงานด้วยอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังรองรับความทนทานได้สูงถึง 1,200TBW (รุ่น 2TB) ทำให้เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การสตรีมเกมเพลย์ การบันทึกความเร็ว การสร้างคอนเทนต์ด้วยเอนจิ้นเกมรุ่นล่าสุด และสำหรับเกมเมอร์ที่เขียนและลบข้อมูลจำนวนมากจากไดรฟ์บ่อยครั้ง

WD_BLACK™ SN7100 NVMe™ SSD มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ 500GB (ราคา 2,150 บาท), 1TB (ราคา 2,790 บาท) และ 2TB (ราคา 4,990 บาท)1 วางจำหน่ายแล้วที่ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการบน Lazada LAZMall และ Shopee

  1. 1GB=1 พันล้านไบต์ 1TB=1 ล้านล้านไบต์ ความจุพื้นที่จัดเก็บจริงของผู้ใช้น้อยกว่า
  2. ขึ้นอยู่กับความเร็วในการอ่าน เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น 1MB/s = 1 ล้านไบต์ต่อวินาที อิงตามการทดสอบภายใน ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขการใช้งาน ความจุของไดรฟ์ และปัจจัยอื่นๆ
  3. ค่า TBW (เทราไบต์ที่เขียน) คำนวณโดยใช้เวิร์กโหลดไคลเอนต์ของ JEDEC (JESD219) และแตกต่างกันไปตามความจุของผลิตภัณฑ์
  4. ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด WD_BLACK SN770 NVMe SSD ขนาด 1TB

ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รูปภาพที่แสดงอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริง

เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เผยองค์กรของไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์ มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 70%

บริษัท เช็ค พอยท์® ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด (NASDAQ: CHKP) ผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก เผยภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตอย่างเห็นได้ชัด โดยองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์โดยเฉลี่ย 3,180 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อองค์กรในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 – มกราคม 2568  ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1,843 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อองค์กร สถิติที่น่าตกใจนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งต้องดำเนินไปพร้อมๆ กับการเดินหน้าสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) ของประเทศ

มัลแวร์ธนาคารและฟิชชิ่งกำลังเพิ่มมากขึ้น

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เร่งด่วนที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ การหลอกลวงทางฟิชชิ่งและมัลแวร์ทางธนาคาร ซึ่งภัยคุกคามทั้งสองรูปแบบนี้มีอัตราการแพร่ระบาดสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ จากรายงานของเช็ค พอยท์ อินเทลลิเจ้นซ์ (Check Point Intelligence) พบว่าเหตุการณ์แรนซัมแวร์ในประเทศไทยคิดเป็น 6% ของการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 4% ขณะที่มัลแวร์ทางธนาคารคิดเป็น 9.5% เมื่อเทียบกับ 2.8% ทั่วโลก แนวโน้มที่น่ากังวลดังกล่าวสอดคล้องกับผลการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เผยให้เห็นว่า ลูกค้าของธนาคารไทยสูญเสียเงินมากกว่า 60 ล้านบาท จากการฉ้อโกงทางการเงินออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ยังใช้ประโยชน์จากโมเดล AI เช่น DeepSeek มากขึ้น โดยมีการนำไปใช้เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินการอันทุจริต เช่น การปลอมแปลงตัวตน การโจรกรรมทางการเงิน และการหลบเลี่ยงการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร การหลอกลวงในรูปแบบฟิชชิ่งโดยใช้เทคโนโลยี AI การใช้เสียงปลอมเพื่อหลอกลวง และการสร้างเนื้อหาลวงด้วย AI กำลังแพร่หลายอย่างมาก การโจมตีเหล่านี้มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การขโมยข้อมูลสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับการฉ้อโกง และสามารถสร้างแคมเปญสแปมจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพจนน่าตกใจ

การผลักดันคลาวด์ เฟิร์ส (Cloud-First) ของรัฐบาลไทยและความจำเป็นในการรับมือภัยไซเบอร์

การตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น ทำให้รัฐบาลไทยเดินหน้าอย่างแข็งขันในการส่งเสริมนโยบาย คลาวด์ เฟิร์ส เพื่อยกระดับแนวปราการป้องกันทางดิจิทัล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ หน่วยงานภาครัฐของไทยทั้งหมดกำลัง เตรียมเปลี่ยนระบบของตนไปเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบภายในปีนี้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งส่งเสริมให้ภาครัฐมีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้นและยกระดับขีดความสามารถในการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้เป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 25% และคาดว่าจะเติบโตถึง 17.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2572 อย่างไรก็ตาม ในขณะที่องค์กรต่างๆ กำลังเดินหน้าเร่งนำระบบคลาวด์มาใช้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนากลยุทธ์ด้านความปลอดภัยเพื่อให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้น โดยจะต้องมั่นใจให้ได้ด้วยว่ากลยุทธ์ดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดและมีความยืดหยุ่นในการนำไปใช้งานจริง

นายชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ เปิดเผยว่า “นโยบายคลาวด์ เฟิร์ส  (Cloud First Policy) ของรัฐบาลถือเป็นก้าวสำคัญสู่ระบบดิจิทัลให้ทันสมัย แต่หน่วยงานต่างๆ จะต้องตระหนักว่าการนำระบบคลาวด์มาใช้ไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อย ดังนั้นจึงต้องอาศัยแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และด้วยจำนวนภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามขั้นสูงและการตรวจสอบความปลอดภัยอัตโนมัติเพื่อให้ก้าวล้ำแซงหน้าการโจมตีที่มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา ทั้งนี้ อนาคตของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจต่างๆ จะสามารถบูรณาการมาตรการเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์ด้านคลาวด์ได้ดีเพียงใด สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่ามีการรักษาความปลอดภัยในทุกระดับชั้นของเส้นทางการก้าวสู่ยุคดิจิทัล”

เสริมแนวป้องกันให้แข็งแกร่งด้วยบริการจากเช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์

องค์กรธุรกิจอาจไม่สามารถจัดให้มีแนวทางรับมือเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม สำหรับองค์กรธุรกิจไทย ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียทางการเงิน ความเสียหายต่อชื่อเสียง และค่าปรับอันเนื่องมาจากกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการก้าวเดินที่ผิดพลาดเพียงก้าวเดียว เมื่อภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ยกระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น องค์กรต่างๆ จะต้องเสริมสร้างแนวป้องกันของตนให้มีความปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม การลงทุนเชิงรุกในด้านการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์            การตระหนักรู้ของพนักงาน และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามขั้นสูง ถือเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวแซงหน้าอาชญากรทางไซเบอร์อย่างชัดเจน

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ได้รับการยกย่องว่ามีอัตราการป้องกันภัยคุกคามระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมจากรายงาน Enterprise and Hybrid Mesh Firewall Security Report ประจำปี 2025 ของ Miercom เป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยแพลตฟอร์มอินฟินีตี้  (Infinity) ของเช็ค พอยท์มีอัตราการบล็อคมัลแวร์ Zero+1 day ที่โดดเด่นถึง 99.9% มีอัตราการป้องกันการฟิชชิ่ง 99.7% รวมทั้งมีประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยสูงสุดสำหรับกรณีการใช้งาน Security Services Edge และมีอัตราการบล็อคภัยคุกคามได้อย่างน่าประทับใจที่ 98% สำหรับช่องโหว่การบุกรุกเครือข่ายที่สำคัญและมีความร้ายแรงสูง

นอกจากนี้ บริษัท เช็ค พอยท์ยังเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI จำนวน 6 รายการ ซึ่งได้เปิดตัวในงานซีพีเอ็กซ์ เวียนนา (CPX Vienna) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ สำหรับนวัตกรรมใหม่ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยภายใต้แนวทาง Zero Trust รวมทั้งยกระดับการป้องกันภัยคุกคาม ลดความซับซ้อน และทำให้การดำเนินการด้านความปลอดภัยง่ายขึ้นกว่าเดิม

ขีดความสามารถใหม่ของแพลตฟอร์ม Infinity ประกอบด้วย:

  • Quantum Policy Insights: ปรับปรุงนโยบายด้านความปลอดภัยด้วยการแนะนำการปรับปรุงและการบังคับใช้ Zero Trust ซึ่งเป็นแนวคิดในการออกแบบระบบความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีหลักการ “ไม่เชื่อใครทั้งสิ้น”
  • Quantum Policy Auditor: ตรวจสอบความสอดคล้องตามกฎระเบียบด้วยการวิเคราะห์กฎความปลอดภัยนับพันรายการภายในไม่กี่วินาที
  • Infinity Identity: รวมศูนย์การจัดการข้อมูลประจำตัวบนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้ผสานรวมเข้ากับ Microsoft Defender, Microsoft Intune และ Harmony Endpoint เพื่อให้เกิดการครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น
  • Infinity Playblocks: เสริมสร้างให้เกิดการตอบสนองด้านความปลอดภัยโดยอัตโนมัติด้วยคู่มือใช้งานเบื้องต้นมากกว่า 100 รายการ ซึ่งรวมถึงการป้องกันภัยคุกคาม การแก้ปัญหาอัตโนมัติ การรายงาน และอื่นๆ อีกมากมาย
  • Infinity AIOps: ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อตรวจสอบเกตเวย์ คาดการณ์ความล้มเหลว และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐาน
  • Infinity AI Copilot: ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI ผ่านการแชท โดยเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกด้านความปลอดภัยตามบริบทแบบเรียลไทม์

“การนำแนวคิดที่เน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรกและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มาใช้ ทำให้องค์กรต่างๆ ของไทยสามารถปกป้องตนเองและยกระดับขีดความสามารถในการรับมือทางไซเบอร์โดยรวมของประเทศในโลกดิจิทัลได้เพิ่มมากขึ้น” นายชาญวิทย์กล่าว

นายชาญวิทย์ยังได้กล่าวถึงงาน ซีพีเอ็กซ์ เอแพค 2025 (CPX APAC 2025) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า  ซีพีเอ็กซ์ เอแพค 2025 (CPX APAC  2025) เป็นงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำระดับโลก ที่ออกแบบมาเพื่อให้เรียนรู้กลยุทธ์ล่าสุดในการจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจ และเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคตของความปลอดภัยทางไซเบอร์ ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับข้อมูลเชิงลึกพิเศษจากผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลก ค้นพบความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมที่ล้ำหน้า และสัมผัสกับการจัดแสดงล่าสุด ตั้งแต่ AI และความปลอดภัยของคลาวด์ไปจนถึงการปกป้องระดับเอ็นด์พอยต์

เกี่ยวกับบริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด 

บริษัท เช็คพอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ จำกัด (www.checkpoint.com) เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และพร้อมส่งมอบบริการผ่านระบบคลาวด์ชั้นนำ ซึ่งให้การปกป้ององค์กรมากกว่า 100,000 แห่งทั่วโลก โดยบริษัท เช็คพอยท์ใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี AI ในทุกที่เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความแม่นยำของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านทาง Infinity Platform ซึ่งมีอัตราการตรวจจับในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ช่วยให้สามารถคาดการณ์ภัยคุกคามได้ล่วงหน้าและมอบเวลาตอบสนองที่ชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมนี้ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ให้บริการผ่านระบบคลาวด์ ได้แก่ Check Point Harmony เพื่อรักษาความปลอดภัยพื้นที่ทำงาน Check Point CloudGuard เพื่อรักษาความปลอดภัยระบบคลาวด์ Check Point Quantum เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และ Check Point Infinity Platform Services สำหรับการดำเนินการและบริการด้านความปลอดภัยภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างกัน

 

ติดตามบริษัท เช็คพอยท์ ได้ทาง:

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำจัดงาน Innovation Day เปิดตัว MasterPacT MTZ Active เบรกเกอร์ขุมพลังดิจิทัล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำทีมโดย นายเผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ (กลาง) รองประธานฝ่ายธุรกิจ เพาเวอร์ โพรดักส์ ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และเมียนมา  ได้จัดงาน Innovation Day เปิดตัว MasterPacT MTZ Active เซอร์กิตเบรกเกอร์มาพร้อมขุมพลังแห่ง IoT รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า ยกระดับความปลอดภัยและความยั่งยืน มาพร้อม Energy Reduction Maintenance Setting (ERMS) ภายในตัว ช่วยปกป้องอันตรายจากประกายไฟ ที่อาจเกิดกับเจ้าหน้าที่บำรุงรักษา และด้วยการออกแบบที่ใช้งานง่ายของชุดควบคุม ช่วยให้การตั้งค่าฟังก์ชั่นการป้องกันทั้งหมดสะดวกขึ้น รวมถึงเรื่องของกระแสไฟฟ้า การทดเวลา และการแจ้งเตือน อีกทั้งตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านการคิดค้นนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค งานนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงาน และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยงานมีขึ้น ณ  QUARTIER CineArt, ชั้น 4, ศูนย์การค้า EmQuartier เมื่อเร็วๆ นี้

อัปเดต 2025 5 เทคโนโลยีที่น่าจับตา พร้อมโชว์ในงานคอมมาร์ต

คอมมาร์ต

คอมมาร์ต ถือเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ใหญ่ของคนที่รักเทคโนโลยีและฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ที่มักจะจัดเต็มด้วยสินค้ารุ่นใหม่ ๆ พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม

ในรอบนี้ก็เช่นเดียวกัน หลายค่ายผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต่างเตรียมขนเทคโนโลยีล่าสุดมาโชว์กัน ซึ่งจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการในปีนี้ และนี่คือ 5 ไฮไลต์ที่คาดว่าจะมาแรงในงาน Commart ครั้งนี้ครับ

1. AI PC จัดเต็ม ประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม

นวัตกรรม AI เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกแบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น ทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ในปีนี้เราจะได้เห็นคอมพิวเตอร์ที่มีระบบ AI ประมวลผลภายในเครื่องแบบจัดเต็ม สามารถช่วยเรียนรู้และจัดการทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด อาทิ จัดสรรพลังงานให้เหมาะสม ปรับการทำงานของ CPU/GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยใช้พลังงานต่ำกว่าเดิม รวมถึงชิปมีชิปที่มีหน่วยประมวล AI โดยเฉพาะ (NPU) เข้ามา ซึ่งจะทำให้การทำงานด้าน AI ในซอฟต์แวร์ต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ร่วมถึงยังมีผู้เล่นในเทคโนโลยีชิปหน้าใหม่อย่าง Snapdragon เพื่อให้ผู้ใช้อย่างเรา มีตัวเลือกมากขึ้นอีกด้วยครับ

2.RTX 50 Series จัดเต็มประสิทธิภาพด้าน AI ทรงพลัง ราคาเข้าถึงง่าย

RTX 50 Series มีการอัปเกรดประสิทธิภาพขึ้นอีกระดับ ทั้งในด้านการประมวลผล 3D และการประมวลผล AI ที่เร่งความแรงได้มากกว่ารุ่นก่อน ๆ ทำให้การเล่นเกม การเรนเดอร์งานกราฟิก รวมถึงการสตรีมมิ่งทำได้อย่างลื่นไหลและคมชัดยิ่งขึ้น มีกระบวนการผลิตที่เล็กลง จะทำให้ได้ความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์มากขึ้น ส่งผลให้มี ประสิทธิภาพสูง ขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ใช้พลังงานลดลง นอกจากนี้ ยังมี Ray Tracing และ Tensor Core รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำการจำลองแสงเงาและเงาสะท้อน ทำได้เรียบเนียนและลื่นไหลกว่า ที่สำคัญคือราคายังถูกลงกว่ารุ่นก่อน ๆ ส่งผลให้ RTX 50 Series เป็นที่ต้องการสูงมากในตอนนี้ และคาดว่าจะมี RTX 5080 มาขายใน Commart เช่นกัน ไปรอคว้ากันได้

3.CPU เจเนอเรชันใหม่ สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง ด้วยเทคโนโลยี X3D

ในหมู่เกมเมอร์คงคุ้นเคยกับเทคโนโลยี 3D V-Cache หรือ X3D เป็นเทคโนโลยีที่ทาง AMD พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณหน่วยความจำแคช (Cache) บนตัว CPU ให้มากกว่าเดิม โดยใช้การวางชั้นแคชในรูปแบบสามมิติ (3D Stacked) ซ้อนกันในแนวดิ่ง แตกต่างจากการวางแคชแบบปกติที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ที่เพิ่มประสิทธิภาพของ CPU เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการเล่นเกม ซึ่งจะทำให้เฟรมเรตพุ่งสูงขึ้นและเสถียรกว่าเดิม ในงาน CES 2025 ที่ผ่านมา AMD ได้เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ที่ใช้ X3D คือ Ryzen 9950X3D, 9900X3D แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 8% คาดว่าจะวางขายจริงในช่วงกลางปีนี้ ส่วนในงาน Commart ครั้งนี้ เรามีโอกาศที่จะได้เห็นชิปที่เปิดตัวไปก่อนหน้าอย่าง Ryzen 7 9800 X3D ที่ตอนนี้เหล่าเกมเมอร์พยายามแย่งกันซื้อจนขาดตลาด

4.ยุคแห่ง Desktop PC พกพา Mini ITX มาแรง

ในยุคที่การทำคอนเทนต์และสตรีมมิ่งแพร่หลายมากขึ้น หลายคนเริ่มมองหาเครื่อง PC ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่สะดวกต่อการจัดวางและเคลื่อนย้าย Mini ITX จึงกลายเป็นกระแสที่กำลังมาแรง เคส PC ขนาดย่อส่วนประเภทนี้ ได้รับความนิยมจากเหล่า Content Creator และเกมเมอร์ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ แต่ไม่อยากจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบของโน้ตบุ๊ก เพราะข้อดีคืออัปเกรดง่ายแถมราคาต่อสเปกคุ้มค่ามากกว่า นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกใช้การ์ดจอรุ่นใหญ่ CPU เจนใหม่ได้สบาย ๆ เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานความเล็กกะทัดรัด เข้ากับความแรงระดับ Desktop PC ครับ ซึ่งข้อมูลตามเทรนด์ ก็จะเป็นการถือกระเป๋าใบใหญ่ ๆ คล้ายกับกระเป๋าเดินทาง ที่ในนั้นจะมีคอมเครื่องเล็ก ๆ บวกกับจอขนาดพกพา และอุปกรณ์ไร้สายอื่น ๆ

5.จอภาพเทคโนโลยีสูงขึ้น แต่ราคาถูกลง High Refresh Rate / 4K / Ultrawide

เทรนด์จอภาพที่มี Refresh Rate สูง และความละเอียดระดับ 4K หรือ Ultrawide ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเกมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ต้องการคุณภาพการแสดงผลสุดคมชัด ข่าวดีคือเทคโนโลยีเหล่านี้เริ่มมีราคาที่เอื้อมถึงง่ายขึ้น ทั้งจอ 240Hz ไปจนถึง 360Hz ซึ่งช่วยลด Input Lag และทำให้ภาพเคลื่อนไหวสมูทกว่าเดิม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเกม eSports ส่วนจอ Curved หรือจอแบบ Mini-LED/QD-OLED ก็เริ่มเข้ามาในตลาดกว้างด้วยราคาที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าเรามากขึ้น งานนี้ก็เป็นโอกาสดีสำหรับคนที่ต้องการจอแสดงผลที่คุ้มค่า ในราคาเข้าถึงง่ายขึ้น

Commart ครั้งนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับคนที่ต้องการอัปเกรดเครื่อง PC หรือมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI PC ประสิทธิภาพสูง, การ์ดจอ RTX 50 Series รุ่นใหม่ล่าสุด, CPU เจนใหม่สายเกมเมอร์ X3D, เคส Mini ITX ขนาดกะทัดรัด หรือจอ Refresh Rate สูงในราคาที่จับต้องได้ อย่าลืมมาเจอกันได้ในงาน Commart นี้ 6-9 มีนาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

ที่มา งานแถลงข่าว Commart

Hot Issue