Home Blog Page 28

4 เทคนิค ตั้งค่าส่ง Gmail แบบมือโปร ไม่ได้โม้ แต่ใช้เป็น

ใครใช้ Gmail บ่อยๆ ต้องรู้ เทคนิคที่จะช่วย ตั้งค่าส่ง Gmail ให้เป็นเรื่องง่าย และใช้ได้ชำนาญมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยให้ประหยัดเวลาได้ จะมีเคล็ดลับอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. ส่งเมลแบบลับสุดยอด

 

ใครต้องการส่งอีเมลที่เป็นความลับ และมีความสำคัญมากๆ แนะนำให้เราฟังก์ชั่นนี้เลย หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเราสามารถกำหนดความสำคัญของอีเมลที่ส่งไปยังผู้รับได้ ว่าจะให้มีระยะเวลาเปิดอ่านกี่วัน โดยกำหนดค่าได้ตั้งแต่ก่อนส่งอีเมล แถมเมลที่ถูกส่งไปอีกฝ่ายจะทำได้แค่อ่านอย่างเดียว ไม่สามารถคัดลอก หรือทำซ้ำได้เลย

2. สร้าง Template ส่งเมล 

 
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่จำเป็นต้องเส่งเมลซ้ำๆ อยู่ทุกวัน เพราะมันช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้มาก ด้วยการสร้างเทมเพลตที่ต้องส่งประจำเอาไว้ใช้งานได้เลย ก่อนอื่นต้องเข้าไปเปิดการใช้งานที่ฟังก์ชั่น การตั้งค่า > ขั้นสูง > เทมเพลต (เลือกเปิดการใช้งาน) จากนั้นให้ไปสร้างอีเมลที่ต้องการทำซ้ำบ่อยๆ และเลือกบันทึกร่างจดหมายเอาไว้เป็นเทมเพลตได้เลย

3. ตั้งค่าการตอบกลับแบบอัตโนมัติ

 

ในช่วงเวลาเลือกงาน หรือวันที่ลางาน วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลที่ต้องเดินทาง ไม่มีแม้แต่เวลามานั่งเช็คอีเมลหรือตอบกลับอีเมลได้ทุกฉบับ ให้เข้าไปที่ ตั้งค่า > ทั่วไป > เลื่อนลงมาหัวข้อ “การช่วยเหลือตอบกลับอัตโนมัติ” เปิดการใช้งาน กำหนดวันที่เริ่ม – วันสุดท้าย ของข้อความ พร้อมทั้งกำหนดข้อความต้องการตอบกลับให้เรียบร้อย จากนั้น กดบันทึกการเปลี่ยนแปลงได้เลย

4. เพิ่ม Accont ส่งเมลเพิ่มเติม

 

เทคนิคที่จะช่วยให้ประหยัดเวลาส่งเมล สำหรับคนที่มีอีเมลอื่น หรือต้องส่งข้อความหลายบัญชี เพราะใน Gmail เค้ามีฟังก์ชั่นสามารถเพิ่มบัญชีอื่นๆ ในการส่งอีเมลในบัญชีเดียวกันได้ ด้วยการเพิ่มรายชื่อเมลที่เราต้องการ วิธีจะทำให้เราไม่ต้องสลับหน้าจอ และเลือก Account ที่ต้องการส่งได้เลย

วิธีเปิดการใช้งาน ให้ไปที่ฟังก์ชั่น > การตั้งค่า > บัญชีและการนำเข้า > ส่งอีเมลในชื่อ > เพิ่มที่อยู่อีเมลอื่นอีก จากนั้นเราก็กรอกอีเมลที่ต้องการจะเพิ่มเข้าไปได้เลย ทีนี้เวลาส่งเมลในบัญชีเดียวกันก็จะมีตัวเลือก Account อีเมลที่ต้องการส่งเพิ่มขึ้นมาทันที

เทคนิคนี้เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยใช้มาก่อน ไปลองตั้งค่าใช้งานกันดูได้ครับ มันช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะ

เห็นชัดขึ้น เช็คพื้นที่น้ำท่วมเชียงราย ผ่านดาวเทียมความละเอียดสูง

พื้นที่น้ำท่วมยังรอการช่วยเหลือ GISTDA เผยภาพจากดาวเทียม Pléiades (เปลยาด) เช็คพื้นที่น้ำท่วมในเชียงรายให้ทุกคนเห็นภาพได้ชัดขึ้น 

ภาพถ่ายจากดาวเทียมวันที่ 13 กันยายน 2567 แสดงให้เห็นถึงพื้นที่น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม บ้านเรือนประชาชน และเส้นทางการจราจร

แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการไหลผ่านของน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง แต่ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศของบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ทางน้ำมีความคดเคี้ยว และบางจุดมีลักษณะเป็นคอขวด จึงทำให้น้ำอาจระบายได้ช้า

GISTDA ได้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียม Pléiades และ PlanetScope ที่มีความละเอียดสูง (ที่ได้รับการสนับสนุนภาพภายใต้ Disaster Charter) มาเป็นตัวช่วยและส่งข้อมูลภาพจากดาวเทียมดังกล่าวให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเพื่อวางแผน ติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป

สำหรับคนไทยสามารถเข้าไปเช็คพื้นที่น้ำท่วมได้ผ่านเว็บไซต์ disaster.gistda เป็นเทคโนโลยีดาวเทียมแจ้งเตือนพื้นที่ภัยพิบัติ

อ่านเพิ่มเติม >>  techhub  

ที่มา : GISTDA

#น้ำท่วม #แม่สาย #เชียงราย #TechhubUpdate

ไต้หวันทำได้ หุ่นยนต์รีไซเคิลพลาสติก สร้างของใหม่จากกองขยะ

พัฒนาจนใช้ได้จริง สตาร์ทอัป Miniwiz จากไต้หวันออกแบบหุ่นยนต์ไซส์มินิ มาเป็นตัวช่วยสร้างสิ่งของใหม่ ๆ จากขยะรีไซเคิล

miniTRASHPRESSO ถูกออกแบบมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เป็นระบบโมดูลาร์ที่สามารถอัปไซเคิลขยะได้ภายใน 5 นาทีในขณะที่ใช้พลังงานเพียง 4 กิโลวัตต์ เท่านั้น 

ด้วยความที่เป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กจึงทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายและเอาไปจัดแสดงตามที่ต่าง ๆ ได้สะดวก 

เจ้าของไอเดียจึงร่วมกับ ROBIN ซึ่งเป็นระบบเก็บขยะ AIIOT ตรวจสอบขยะได้ตั้งแต่วินาทีที่ถูกทิ้งจนไปถึงขั้นตอนของการผลิตสิ่งของเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ 

แขนกลของหุ่นยนต์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางขนส่งวัสดุระหว่างขั้นตอนการอัปไซเคิลได้อีกด้วย miniTRASHPRESSO สามารถใช้งานได้กับโพลีเมอร์หลายชนิด และเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาผลิตของชิ้นใหม่ได้เอง

ล่าสุดทางผู้ผลิตได้เปิดเวิร์กช็อปปลอดขยะในไทเปโดวยนำเอา ฝาขวดพลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหาร อุปกรณ์ใช้ครั้งเดียว และของเล่นที่ไม่ใช้แล้ว มาสู่กระบวนการรีไซเคิล

เพื่อทำให้ขยะพลาสติกออกมาเป็นรูปแบบนิ่มและขึ้นรูปจากหุ่นยนต์เป็นแว่นกันแดดภายในเวลา 2 ชั่วโมง

เป้าหมายของการเวิร์กช็อปครั้งนี้เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงขยะที่เป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก

 

ที่มา : miniwiz  

#TechhubUpdate

แพลตฟอร์มใหม่ ป้องกัน Windows ล่ม ซ้ำรอยเหตุการณ์ CrowdStrike

CrowdStrike

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ Windows ล่มอีก ไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ภายใน Windows เพื่อควบคุมการทำงานของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสโดยเฉพาะ โดยแพลตฟอร์มนี้จะลดการเข้าถึงแกนหลักของระบบ (kernel) ของโปรแกรมเหล่านี้

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้หารือกับผู้ผลิตโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหลายรายในการประชุมเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้จะเป็นการประชุมแบบปิด แต่ไมโครซอฟท์ก็ได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่นี้ ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้มากขึ้น

โดยการจัดขึ้นเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา Windows ล่มในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเกิดจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดของ CrowdStrike โปรแกรมแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ จำนวนมาก สามารถเข้าถึง kernel ของ Windows ได้ ซึ่งการเข้าถึงนี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของโปรแกรม แต่ก็อาจทำให้ระบบทั้งหมดล่มได้หากเกิดข้อผิดพลาด

แพลตฟอร์มใหม่ของไมโครซอฟท์มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงนี้ โดยจำกัดการเข้าถึง kernel ของโปรแกรมแอนตี้ไวรัส และเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบและควบคุมการทำงานของโปรแกรมเหล่านี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพของ Windows โดยรวม

ในตอนนี้ ยังบอกไม่ได้ว่า แพลตฟอร์มใหม่นี้ชื่ออะไร และจะพร้อมใช้งานเมื่อใด เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและหารือกับผู้ผลิตโปรแกรมแอนตี้ไวรัสต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ไมโครซอฟท์ตั้งใจที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซอฟต์แวร์อัปเดตทำให้ Windows ล่มซ้ำอีก ดังนั้นเราอาจคาดหวังได้ว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำหนดการและรายละเอียดของโปรเจคออกมาในอนาคตอันใกล้ครับ

ที่มา
https://www.pcmag.com/news/microsoft-eyes-new-windows-security-layer-to-prevent-crowdstrike-repeat

How To วิธี ปิดฟีเจอร์ล็อกหน้าจอ อัตโนมัติ

สำหรับ Windows 10 และ 11 จะถูกตั้งค่า Default ไว้ว่า หากเราเปิดคอมแล้วไม่ได้ใช้สักพัก หน้าจอจะเข้าสู่โหมดล็อค เพื่อปกป้องข้อมูลและป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาให้ใช้คอมเรา

แต่สำหรับคนที่ใช้งานคอมคนเดียว เวลาเดินไปทำอะไร ไปกินข้าว หรือแค่เดินออกไปซื้อของข้างนอก หากใครไม่อยากจะให้คอมมันล็อคหน้าจอบ่อย ๆ หรือให้ดีก็ไม่ต้องล็อคเลยจะดีกว่า Techhub เลยจะแชร์วิธีการ ปิดฟีเจอร์ล็อกหน้าจอ อัตโนมัติ

1.ปรับเปลี่ยน ตัวเลือกการล็อคอิน

โดยเราสามารถปรับ sign-in requirement ว่าจะให้ล็อกอิน หรือไม่ล็อกอินก็ได้ โดยไปที่

1.1 กดปุ่ม Windows + I เพื่อเข้าหน้า Setting จากนั้นให้เลือกที่หัวข้อ Accounts และเลือกที่ Sign-in options

1.2 ในหัวข้อ Additional settings ให้กดปิดเป็น off และกด Never ตามรูปภาพ

2.กดปิด Sleep Mode และ Screen Saver

ตามค่าเริ่มต้น Windows จะล็อกตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดสลีป แต่เราสามารถหยุด Windows ไม่ให้เข้าสู่โหมดสลีปโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน วิธีนี้จะทำให้ Windows ไม่ล็อกตัวเองนะ วิธีการคือ

1.กดปุ่ม Windows + I จากนั้นเลือกที่หัวข้อ System

2.เลือก Power & Battery และเลือกที่ Screen and sleep

3.ในหัวข้อที่เขียนว่า Sleep ให้เปลี่ยนเป็น Never ทั้งหมด เท่านี้ ระบบก็จะเข้าไม่หน้า Sleep แล้วนะ

แต่อย่าลืมนะ ว่า หากใช้งาน Never ในโหมด Sleep ถ้าเป็นโน้ตบุ๊ก มันจะทำให้ประหยัดแบตได้น้อยลงนะครับ ดังนั้น ดูเรื่องการใช้งานกันดี ๆ นะ

กราฟิกทะลุจอ เปิดเบื้องหลัง ThinkVision 27 3D จอ Monitor มุมมอง 3D แบบไร้แว่น

[ทะลุจอ] จาก 2D ที่เห็นมิติได้ไม่ครบ สู่การทำงานในมุมมอง 3D เสมือนจริง โดยไม่ต้องสวมแว่นตา VR/AR แต่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าผ่านจอ Monitor ได้โดยตรง พบกับ Lenovo ThinkVision 27 3D จอ Monitor แนวใหม่ ที่สามารถสร้างมุมมอง 3D แบบทะลุจอได้ด้วยตัวเอง มาพร้อมมาตรฐานการแสดงผลแม่นยำสูงทั้ง Adobe RGB กับ DCI-P3 ถึง 99% และความละเอียด 4K ในขนาด 27 นิ้ว ช่วยให้สร้างงาน 3D Models ได้แม่นยำทั้งสีและพื้นผิว สร้างได้อย่างไร และใช้งานจริงได้ดีแค่ไหน มาไขคำตอบนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ

รายละเอียดตัวจอ Lenovo ThinkVision 27 3D

  • แบรนด์ : ThinkVision
  • ความละเอียดสูงสุด : 3840 x 2160
  • อัตราการรีเฟรช : 60 Hz
  • แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ 3 มิติ : 3D Explorer
  • จำนวนผู้ชมสำหรับ 3 มิติ : 1
  • องศาของมุมมอง 3 มิติ : แนวนอน: +/- 20° แนวตั้ง: +/- 20°
  • ระยะการรับชม 3 มิติที่เหมาะสมที่สุด : 70 cm – 90 cm
  • ระยะการรับชม 3 มิติ : 60 cm – 100 cm
  • ความละเอียดของ 3 มิติ : 1920 x 2160
  • สลับระหว่าง 2 มิติ/3 มิติได้ : ใช่
  • ขนาดหน้าจอ : 27″
  • ความสว่าง : 310 cd/㎡ (ทั่วไป)
  • อัตราส่วนภาพ : 16:9
  • อัตราส่วนความคมชัด : 1200:1
  • ไฟเรืองแสง : WLED
  • เวลาตอบสนอง : 4 มิลลิวินาที (โหมดเอ็กซ์ตรีม), 6 มิลลิวินาที (โหมดปกติ)
  • ประเภทแผงหน้าจอ : In-Plane Switching
  • องศาของมุมมอง : 178° / 178°
  • ขาตั้ง : ยก เอียง หมุน หมุนรอบแกน
  • ความต้องการด้านพลังงาน : 100 – 240 VAC,50 – 60 Hz
  • อุปกรณ์เสริมที่มีให้ : HDMI cable (1.8 m), DP cable (1.8m), USB-C to USB-A cable (1.8m), USB-C to USB-C Gen 2 cable (1.5m)
  • ความแม่นยำในการปรับเทียบสี : ค่าเฉลี่ย Delta E < 1
  • ความครอบคลุมของสี : 100% sRGB , 99% Adobe RGB , 99% DCI-P3 , 100% BT.709
  • ความลึกของสี : 8-bit
  • การรองรับสีสัน : 16.7 ล้าน
  • ขนาดไม่รวมแพ็คเกจ : 222.7 mm x 568 mm x 614.8 mm / 8.77″ x 22.36″ x 24.20″
  • การถนอมสายตา : ใช่
  • ขนาดของตัวจอเท่านั้น : 72.3 mm x 390 mm x 614.8 mm / 2.85″ x 15.35″ x 24.20″
  • ปรับความสูงได้ : ใช่
  • ลำโพงในตัว : Yes (5 W x 2)
  • พอร์ต Kensington Lock : ใช่
  • Near Edgeless : NearEdgeless 3 ด้าน
  • การใช้พลังงาน : 44W typ. / 246W max.
  • ซอฟต์แวร์/ไดร์เวอร์ : 3D Explorer (ดาวน์โหลดได้จาก Lenovo Accessories and Display Manager – ThinkColour)
  • การรองรับ Thin Client (Tiny) : ใช่
  • USB Type-C : Yes
  • น้ำหนักของตัวจอเท่านั้น : 6.6 kg, 14.6 lb
  • น้ำหนักแบบรวมแพ็คเกจ : 12.4 kg, 27.3 lb
  • น้ำหนักแบบไม่รวมแพ็คเกจ : 8.9 kg, 19.6 lb
  • Power Consumption : ทั่วไป 44W / สูงสุด 246W
  • ประเภทการเชื่อมต่อ : 1 x USB Type-C, 2 x HDMI 2.1, 1 x DP 1.4, 1 x อีเธอร์เน็ต, 1 x USB 3.1 Gen1 (อัปสตรีม, โดย USB Type-C), 4 x USB 3.2 Gen 1 Type-A (ดาวน์สตรีม, รวม 1 x BC), 1 x USB 3.2 Gen 1 Type-C (ดาวน์สตรีม, 15W PD), 1 x สัญญาณเสียงออก (3.5 มม.)

ชุดทำงาน 3D Explorer

จากสเปกข้างต้น ไล่ตั้งแต่ค่าความครอบคลุมของสีทั้ง 100% sRGB , 99% Adobe RGB , 99% DCI-P3 และ 100% BT.709 ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกเลยว่าตัวจอ ให้ความเที่ยงตรงของสีได้อย่างแม่นยำมาก ถือเป็นจอในฝันของเหล่า Creator สายออกแบบเลย และความแม่นยำนี้ก็ส่งต่อไปยังการแสดงผล 3 มิติด้วย ที่ตัวจอ Lenovo ThinkVision 27 3D สามารถแสดงผล 3D แบบ “ทะลุจอ” ได้นั้นเอง ทำให้เห็นภาพโมเดล 3D ที่ไม่ผิดเพี้ยน เห็นเนื้องานตรงกัน

เซ็นเซอร์ Eye-Tracking

สำหรับกลไกในการแสดงผล 3D ของตัวจอ หลัก ๆ เลยก็มีเซ็นเซอร์ Eye-Tracking ติดตามดวงตาผู้ใช้พร้อมด้วย AI ช่วยประมวลผล ทำให้รับชมภาพ 3D แบบทะลุจอได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งจะแสดงผลแบบ 3D ให้โดยอัตโนมัติ หากตัวจอพบการเปิดใช้งานระบบ “3D Explorer” ผ่านชุดซอฟต์แวร์ 3D ที่รองรับ หรือคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ตัวเซ็นเซอร์ จะขยับตามการเคลื่อนไหวของดวงตาผู้ใช้แบบ Realtime เห็นได้จากภาพตัวอย่างการแสดงผล 3D นี้ ที่มีความไวในการตรวจจับได้อย่างไหลลื่นทีเดียว และเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ ตัวผู้ใช้ก็ควรนั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม ระยะห่างกำลังพอดี ให้ตัวเซ็นเซอร์สามารถ ‘ยิงภาพ’ ส่งมายังดวงตาผู้ใช้ได้แบบแม่นยำ และให้เห็นภาพ 3D ได้แบบไม่ปวดหัว

หากตัวจอเปิดใช้งาน 3D Explorer บริเวณมุมขวาล่างของตัวจอ จะมีไฟ LED โลโก้เฉพาะ บ่งบอกเลยว่าตัวจอกำลังแสดงผลเป็น 3D อยู่นะ ช่วยให้ยืนยันว่าเราได้เปิดใช้งานคอนเทนต์ 3D ที่ถูกต้อง

แผงหน้าจอ In-Plane Switching แบบ 4K

แผงหน้าจอ In-Plane Switching หรือตัวย่อที่คุ้นเคยกันดีอย่าง IPS นั้นเอง ซึ่งเป็นพาแนลจอที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน ทว่ากับตัว Lenovo ThinkVision 27 3D มีความแตกต่างออกไป อย่างแรกเลยคือสเปกตัวจอที่สูงเอาการ ทั้งความละเอียด 4K และมีค่ามาตรฐานการแสดงผลสีที่สูงมาก ช่วยเอื้อต่อการแสดงผลแบบ 3D ได้เป็นอย่างดี และจุดสำคัญอีกอย่างคือ ตัวจอมี ชิปประมวลผล 3D ในตัวด้วย พอทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ Eye-Tracking ก็เกิดเป็นการแสดง 3D ด้วยตาเปล่าแบบไม่ต้องเพิ่งแว่นได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม การแสดงผล 3D นั้น จะรองรับผู้ใช้เพียงคนเดียว เพราะตัวเซ็นเซอร์ Eye-Tracking ไม่สามารถ Track ผู้ใช้หลาย ๆ คนได้ รวมไปถึงการถ่ายภาพเช่นกัน มองผ่านกล้องก็ไม่เห็น แต่กับตัวผู้ใช้จะมองเห็นองค์ประกอบของ 3D Model ที่มีความชัดลึก เสมือนลอยอยู่ตรงหน้า จนอยากเอามือเอื้อมไปสัมผัส นับเป็นประสบการณ์ที่จอ Monitor ทั่วไปให้ไม่ได้

อีกหนึ่งเบื้องหลังสำคัญ ก่อนแสดงผล 3D นั้น ตัวจอจะแสดงผล 3D แบบ Side-by-side ก่อน หากกด Alt + Q เป็นปุ่มลัด ตัวจอจะทำการแปลงให้แสดงผลเป็น 3D ทะลุจอได้ทันที แต่มีเงื่อนไขว่าต้องแสดงผลแบบ Full Screen ก่อน พร้อมเปิดโหมด stereoscopic 3D ซึ่งมีในเกม PC บางเกมเท่านั้น หลังเปิดใช้งาน ก็จะมองเห็นมิติการแสดงผลที่มากกว่าเดิม เช่น เห็นตัวละคร สิ่งแวดล้อม และองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมได้ใกล้ชิดมากขึ้น เหมือนหลุดไปอยู่ในเกมแล้วครึ่งก้าว ทว่าอาจต้องใช้ความเคยชินสักหน่อย ถึงจะเล่นเกมในโหมดนี้ได้เป็นเวลานาน

ตัวอย่างการเปิดโหมด stereoscopic 3D ในเกม Tomb Raider (หรือภาค Rise of the Tomb Raider)

หากมีไฟล์วิดีโอหรือวืดีโอจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ตัวคลิปถูกแปลงเป็น Side-by-side แล้ว ก็สามารถนำมาแปลงเป็นมุมมอง 3D ผ่านตัวจอได้อีกเช่นกัน

ชุดซอฟต์แวร์ 3D Space + Thinkpad

เพื่อให้ใช้งานตัวจอ Lenovo ThinkVision 27 3D ได้แบบ 100% อย่างแรกต้องมีโน๊ตบุ๊ค Lenovo พร้อมด้วยสเปกระดับ Workstation อย่างในที่นี้คือ Lenovo Thinkpad P1 ซึ่งมาพร้อมทั้งซีพียู AMD Ryzen 7 PRO และการ์ดจอ Nvidia RTX A2000 ช่วยประมวลผลหรือเรนเดอร์งานกราฟิก 2D/3D ได้อย่างลื่นไหล

สามารถเชื่อมต่อตัวจอได้ด้วยสาย USB-C เพียงเส้นเดียว

เมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้ว ก็จัดการติดตั้งตัวซอฟต์แวร์ 3D Explorer ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมการแสดงผล 3D ของตัวจอเลยก็ว่าได้ โดยส่วนนี้เองคือตัวช่วยทำให้ตัวจอทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์สร้างงาน 3D อื่น ๆ ได้ เช่น 3DS MAX , acute3D , creo และ Office365 หรือจะลองใช้งานไฟล์ 3D ตัวอย่าง เพื่อทดสอบตัวจอก่อน ว่าระบบซอฟต์แวร์ 3D ทำงานได้อย่างถูกต้อง

เช่นลองดูโมเดลรถแข่ง F1 หากคนนอกเห็น ก็จะเห็นเป็นภาพโมเดลลาง ๆ แต่หากผู้ใช้เห็น ก็จะเห็นเป็นโมเดล 3D ลอยออกหน้าจอชัดเจนตามนี้เลย

หากเปิดโหมด 3D Spec ตัวซอฟต์แวร์จะแสดงผลเป็น 3D ทันที ซึ่งหากลอง Capture หน้าจอ ก็จะเห็นเป็นหน้า 3D แบบ Side-by-side ตามภาพ แต่ของจริงคือเห็น UI ต่าง ๆ ลอยออกจอแล้ว

Lenovo ThinkVision 27 3D เหมาะกับใคร

ถ้าตอบว่าเหมาะกับสายออกแบบ ก็มีคำถามต่อว่าเหมาะยังไง และแค่ไหน รวมไปถึงการใช้งานด้านอื่นด้วย เช่น การดูหนัง การเรียนรู้ ว่าหากมีการแสดงผลแบบ 3D แล้ว มันจะให้ความแตกต่างกับจอ 2D ทั่วไปอย่างไรบ้าง

สำหรับตัวซอฟต์แวร์ 3D Explorer สามารถรองรับโปรแกรมสร้างโมเดล 3D ได้หลายตัว รวมไปถึง SDK สำหรับนักพัฒนาเพื่อสร้างแอปฯ 3 มิติด้วย ซึ่งทาง Lenovo เผยจะอัปเดตให้รองรับได้มากขึ้นในอนาคต 

ลองใช้งาน Blender โปรแกรมสร้างโมเดล 3D ยอดนิยม โดยหลังสร้างงานเสร็จแล้ว แต่อยากรู้ว่าตัวโมเดลมีจุดไหนยังไม่สมบูรณ์ ก็จัดการ Save งานในรูปแบบไฟล์ .3ds หรือไฟล์อื่น ๆ ที่ 3D Explorer รองรับ เพื่อไปเปิดในมุม 3D ของตัวจอภายหลัง

ตัวอย่างการนำไฟล์ตัวอย่างจาก Blender มาเปิดผ่านโหมด 3D Master ใน 3D Explorer ก็จะได้เป็นหน้าโมเดลตัวอย่างในมุมมอง 3D เสมือนจริง ที่เห็นได้แบบ 360 องศา หรือ 3D เต็มรูปแบบยิ่งกว่าเดิม คือหากเป็นจอ 2D นักออกแบบอาจตกหล่นจุดสำคัญแบบไม่รู้ตัว แต่พอเห็นการแสดงผลแบบใหม่นี้ ที่เห็นจุดอับ หรือเหลี่ยมมุมต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิม ช่วยให้เห็นปรับแก้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา Export ไปแล้ว หรือสั่ง 3D Print ไปแล้ว แต่ต้องกลับมาแก้งานให้เสียงบเสียอารมณ์อีกรอบ

หากมีประชุมทางไกลหรือเรียนออนไลน์ ก็สามารถเปลี่ยนการนำเสนอเป็นภาพ 3D เพื่อให้เนื้อหาที่ครอบคลุมมากขึ้น เห็นภาพรวมแบบ Realtime ได้หลายมิติกว่าเคย ซึ่งเห็นร่วมกันทุกคนในคราวเดียว ทั้งนี้หากเป็นมุมมอง 3D ก็อาจช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจยิ่งขึ้น มากกว่าการแสดงเนื้อหาแบบ 2D เหมือนก่อนด้วย

สรุป

โดยสรุปแล้ว Lenovo ThinkVision 27 3D คือจอ Monitor ที่เฉพาะทาง คือต้องเป็นผู้ใช้ที่นำไปทำงาน 3D จริง ๆ เท่านั้น หากเอามาใช้งานด้านบันเทิงอย่างเดียว บอกตามตรงเลยว่าไม่คุ้ม แต่หากใช้งานในสายอาชีพ เช่น ฝ่ายวิศวกรรมเครื่องกล ที่ต้องออกแบบงาน 3D บ่อย ๆ หรือสถาปนิกที่ต้องออกแบบโมเดลบ้านหลาย ๆ หลัง งานเหล่านี้เองจะช่วยสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล จนมากกว่าค่าตัว 89,990 บาท ของตัวจอได้ในที่สุด

ส่วนประสิทธิภาพการแสดงผล 3D เป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้อย่างให้ผู้ที่สนใจจริง ๆ ไปลองทดสอบด้วยตัวเอง ถ้าเอาจากความรู้สึกที่ผู้เขียนลองมาแล้วนั้น ก็บอกได้ว่า “ของจริง” แต่อาจต้องรอให้ตัวจอรองรับซอฟต์แวร์ 3D ให้ได้มากกว่านี้ก่อน ถึงจะใช้งานตัวจอได้คุ้มกว่านี้ครับ

สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ สามารถไปดูเพิ่มเติมได้ที่ https://techtoday.lenovo.com/th/th/thinkvision

ทดสอบแล้ว เครื่องดึงน้ำจากอากาศ ผลิตได้ 2-3 ลิตร ต่อวัน

เครื่องดึงน้ำจากอากาศ

นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัย King Abdullah University of Science and Technology ในซาอุดิอาระเบีย ได้ค้นพบวิธีดึงน้ำจากอากาศแบบ Passive ซึ่งช่วยให้ผลิตน้ำได้ 2-3 ลิตรต่อวัน

นักวิจัยได้สร้างอุปกรณ์ที่มีท่อเล็กๆ จำนวนมาก ตั้งเรียงกันเป็นแนวตั้ง ภายในท่อพวกนี้มีสารละลายเกลืออยู่ (น้ำเกลือนั่นแหละ)

น้ำเกลือจะดูดความชื้นจากอากาศเข้ามา พอมันดูดน้ำจากอากาศเข้ามาเรื่อย ๆ น้ำเกลือก็จะไหลขึ้นไปด้านบนของท่อ และในท่อ อาจจะมีกลไกที่ช่วยแยกน้ำจืดที่ดูดซับมาออกจากน้ำเกลือ (ในบทความไม่ได้อธิบายไว้)

พอน้ำถึงส่วนบนของท่อ เราก็จะเอาส่วนที่เป็นน้ำจืดที่ดูดมาจากอากาศออกมาใช้งานได้ ส่วนน้ำเกลือที่เหลือก็จะไหลกลับลงไปด้านล่างเพื่อดูดความชื้นต่อไปเรื่อย ๆ เป็นกระบวนการแบบ Passive ที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากมาย

นักวิจัยเล่าว่า แรงบันดาลใจเริ่มต้นในการวิจัยนี้ มาจากการสังเกตกระบวนการทางธรรมชาติ โดยเฉพาะวิธีที่พืชลำเลียงน้ำจากรากไปยังใบผ่านโครงสร้างเฉพาะ

ในขณะทดลอง อุปกรณ์ที่ใช้มีขนาดเท่าโต๊ะทำงานเล็ก ๆ นะ แต่ผลิตน้ำได้มากถึง 2-3 ลิตรต่อวันในหน้าร้อน และ 1-3 ลิตรในหน้าหนาว แถมยังเอามารดน้ำต้นไม้ในทะเลทราย หรือปลูกผักได้ด้วย

ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเอาออกมาใช้จริงนะ แต่การทดลองก็ผ่านฉลุย ออกแบบก็ใช้งานง่าย คงอีกไม่นานเกินรอครับ

ที่มา
thecooldown

นวัตกรรมสุดเจ๋ง แก้หม้อแปลงระเบิด

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ หม้อแปลงไฟฟ้าเหมือนระเบิดเวลาที่อยู่ใกล้ตัว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อไหร่ที่หม้อแปลงไฟฟ้าจะระเบิด จนเกิดอุบัติเหตุไฟใหม้ตามมา

Techhub insight พาไปคุยกับนักวิจัยไทยที่ค้นพบวิธีป้องกันไฟไหม้หม้อแปลงไฟฟ้า แบบที่ไม่มีใครคิดมาก่อน กับ “ดร.บุญญาวัณย์ อยู่สุข” หัวหน้าทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนวัตกรรมสุดเจ๋ง ENPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย ที่กำลังมาแทนที่น้ำมันจากปิโตรเลียมที่ลุกติดไฟง่าย ช่วยลดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ตามมา

: ต้นตอหม้อแปลงระเบิด

เหตุการณ์ไฟไหม้จากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนหนึ่งมาจากความเสื่อมของอุปกรณ์ภายในรวมถึงการใช้ไฟเกิน จนทำให้เกิดความร้อน อีกหนึ่งปัจจัยคือน้ำมันในหม้อแปลง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวหล่อเย็น เมื่อโดนความร้อนสะสมเป็นเวลานาน อาจเกิดลุกติดไฟทำให้ระเบิดออกมา และสร้างความเสียหายให้พื้นที่โดยรอบ อย่างเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่สำเพ็ง ในปี 2565 ที่เคยสร้างความเสียหายหนักจากเหตุการณ์ไฟไหม้ลุกลามในพื้นที่ชุมชน

“ตัวหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดไม่ได้อันตราย สิ่งที่อันตรายมากๆ คืออัคคีภัย ตัวน้ำมันที่อยู่ในหม้อแปลงที่เราเรียกว่าน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า เมื่อมีการระเบิดน้ำมันที่อยู่ในหม้อแปลงไฟฟ้าจะเกิดการลุกติดไฟ พอระเบิดปุ๊ป ตัวน้ำมันที่ติดไฟก็จะกระจายไปที่บ้านเรือนของประชาชน ทำให้ไฟลามไปที่บ้านเรือนของประชาชนด้วย” นักวิจัยอธิบายถึงสาเหตุของเหตุการณ์ไฟไหม้ และยอมรับว่า ทุกวันนี้หม้อแปลงไฟฟ้ายังคงติดตั้งอยู่ทั่วไปตามท้องถนน ยิ่งในสังคมเมืองที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งเห็นปริมาณของหม้อแปลงไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ 

ยิ่งในตอนนี้ประเทศไทยส่งเสริมนโยบายการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ยิ่งทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย


: น
วัตกรรมคือทางออก

ในมุมของนักวิจัย สิ่งที่ทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ หรือ ENTEC ทำได้ คือการทดลองปรับคุณภาพของน้ำมันปาล์มเพื่อใช้แทนน้ำมันในหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกขั้น 

นักวิจัย เล่าว่า นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นใช้ชื่อว่าชื่อ ENPAT หรือน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีส่วนผสมจากปาล์มน้ำมัน มีอุณหภูมิจุดติดไฟสูงถึง 2 เท่า ทำให้การติดไฟเกิดขึ้นได้ยากกว่า น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าทั่วไปที่ติดไฟได้ภายใต้อุณหภูมิไม่สูงมากนัก ประมาณ 150-170 องศาเซลเซียล ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่ายกว่า

“ปกติน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าใช้ไปสักพักจะเสื่อมอายุการใช้งาน ต้องเอาออกมาเพื่อกำจัดในรูปของสารพิษ ในขณะที่ปาล์มน้ำมันย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และการเสื่อมสภาพของ ENPAT ยังเอาไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลได้ด้วย เรียกได้ว่ามีการใช้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ ขณะที่ในอนาคตความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น” นักวิจัยอธิบาย

: อนาคตน้ำมันชีวภาพ 

ปาล์มน้ำมันไทย เป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจของไทย ที่มีการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากอินโดเนเซีย และมาเลเซีย ไทยอยู่ในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยมานานมาก แต่เกษตรกรยังคงประสบปัญหาความผันผวนของราคามาโดยตลอด

นักวิจัยเล่าว่า งานวิจัยนี้เริ่มพัฒนาต้นแบบในห้องปฏิบัติการมาตั้งแต่ปี 2563 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลกำหนด 8 ผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมี (Oleochemical) ที่เป็นเป้าหมาย หลังจากประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากการไฟฟ้าเอาน้ำมันปาล์มดิบมาเผาและผลิตไฟฟ้าเพื่อพยุงราคาของปาล์ม

“ปาล์มน้ำมันที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ครึ่งหนึ่งเราใช้เป็นน้ำมันบริโภค อีกครึ่งหนึ่งเป็นไบโอดีเซล หากที่อนาคตมีการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว ส่วนที่จะเป็นน้ำมันไบโอดีเซลคาดว่าจะเหลือค่อนข้างมากเพราะปริมาณการใช้ลดลง ไทยจำเป็นต้องหาแนวทางในการแปรรูปน้ำมันปาล์มดิบ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้ได้ ” นักวิจัยกล่าว

น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ จึงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เป้าหมาย รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมที่จะให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ในประเทศ

 


ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากหลายๆ หน่วยงาน ที่เป็นหน่วยงานหลักในอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิต รวมถึงความร่วมมือจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้ามาร่วมโครงการเพื่อผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพฉบับแรกของประเทศด้วย

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ 8 หน่วยงานพันธมิตร ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ ENPAT เพื่อทดสอบการใช้งานจริง โดยปล่อยประแสไฟฟ้าให้กับอาคารสำนักงาน และบ้านเรือน ที่เกาะเสม็ด จ.ชลบุรี ซึ่งนับเป็นการนำร่องติดตั้งใช้งานจริงในหม้อแปลงไฟฟ้าเครื่องแรกของประเทศ และมีแผนดำเนินการติดตั้งอีก 8 เครื่อง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมถึงกรุงเทพด้วย 

นักวิจัยเชื่อว่าในอนาคตจะสามารถผลักดันผลงานวิจัย ENPAT เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ผลิตเชิงอุตสาหกรรม โดยอาศัยแรงสนับสนุนโยบายของรัฐ และความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของคนไทย สนับสนุนเกษตรกรชาวไทย ผลิตมาเพื่อคนไทยใช้งานได้จริง

 

ใหญ่สุดในอาเซียน Dahua เปิดโชว์รูม AIoT ขนาด 260 ตารางเมตร โชว์เทคโนโลยีปฏิวัติเมือง

Dahua

หากพูดถึง Dahua หลายคนอาจนึกภาพว่าเป็นแบรนด์ จอมอนิเตอร์ใช่ไหม แต่จริง ๆ แล้ว บริษัทนี้ทำเยอะกว่านั้นมาก โดยมีโซลูชั่นอัจฉริยะต่าง ๆ ที่เป็นสเกลระดับประเทศกันเลยทีเดียว จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันครับ

เริ่มต้นที่ Smart City จะเน้นโชว์นวัตกรรมที่เน้นเมืองปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้น การโชว์นวัตกรรม จะเน้นอิงความปลอดภัยของพลเมือง โดยใช้กล้องวงจรปิดคุณภาพสูง ร่วมกับ AI ในการตรวจจับผู้กระทำความผิด และทำให้สามารถตามตัวได้ไวขึ้น หรือแม้แต่จะนำไปใช้ในเชิงการค้นหาคนหาย ก็ทำให้ได้ง่าย

การจราจร อัจฉริยะ หรือ Smart Traffic อันนี้น่าสนใจนะ เอาจับพวกฝ่าไฟแดง ซึ่งจะช่วยให้ลดอุบัติเหตุ ในการจราจรในเมือง ทั้งยานพาหนะ รถจักรยานยนต์ และคนเดินถนน โดยการจับภาพการละเมิดกฎจราจรเหล่านี้ได้แม่นยำ

สามารถการตรวจจับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้หมด โดยเน้นที่การตรวจจับการใช้เข็มขัดนิรภัยและการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ รวมถึงการใช้หมวกกันน็อค การบรรทุกเกินพิกัด และการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

ส่วนอาคารอัจฉริยะ Smart Building ด้าหัวมีกล้องจดจำใบหน้าสามารถตรวจจับการสัญจรของรถยนต์และคนเดินเท้าได้โดยไม่รู้สึกตัว  และใช้กล้องตรวจจับพื้นที่จอดรถและระบบนำทางเพื่อดูแลพื้นที่จอดรถและนำทางพื้นที่ที่เหลืออย่างมีประสิทธิภาพ

อันสุดท้าย ร้านค้าอัจฉริยะ หรือ Smart Retail เป็นการโชว์นวัตกรรม ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ทั้งเรื่องของการชำระเงินที่สะดวกขึ้น ใช้ AI และ IoT เพื่อเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อจัดการสินค้าคงคลังที่แม่นยำ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อีกด้วย  โดยในอนาคต เรากำลังจะมีร้านค้าที่อาจจะไม่ต้องมีแคขเชียร์อีกต่อไป

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นแค่บางส่วนเท่านั้นนะครับ ถ้าหากใครหรือบริษัทใด ต้องการใช้โซลูชั่นต่าง ๆ ที่ทันสมัย ลองเข้าไปที่ออฟฟิศของด้าหัวได้เลย

ให้ Google ทำนายกัน Flood Hub ใช้ทำนายน้ำท่วม ดูล่วงหน้าถึง 7 วัน

ใครที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้ ลองมาดูเครื่องมือ AI นี้จาก Google กันดูครับ

Google Flood Hub เป็นเครื่องมือที่ใช้ AI ในการพยากรณ์และเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้า ซึ่งพัฒนาโดย Google โดยมีจุดเด่นมากมายคือ

– พยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ใช้ AI และข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น พยากรณ์อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และแบบจำลองทางอุทกวิทยา เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมล่วงหน้า และคาดการณ์ว่า ระดับน้ำจะลดลงเมื่อใด

– สามารถแสดงข้อมูลปริมาณน้ำและพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยจะบอกระดับน้ำที่คาดการณ์ไว้ในแต่ละพื้นที่ และแสดงแผนที่แสดงพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

– การใช้งาน ครอบคลุมพื้นที่ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

เครื่องมือนี้ จะมีส่วนช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วม โดยมีโอกาสเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หรือช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการน้ำและให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ โดยเฉพาะกับพื้นที่ ที่ต้องรับมวลน้ำจากแนวแม่น้ำต่าง ๆ ก็จะมีเวลาเตรียมตัวรับมือได้เร็วขึ้นด้วย

หากใครต้องการเข้าไปดู กดเข้าไปที่ลิงก์นี้ได้เลย > https://sites.research.google/floods/l/16.829838042423997/99.20948629139592/5.225306920183661
.

Hot Issue