Home Blog Page 27

ทุบสถิติ HaLow อุปกรณ์ส่งสัญญาณแบบใหม่ กระจาย Wi-Fi ได้ 15.9 กิโลเมตร

HaLow

บริษัทชื่อว่า Morse Micro ผู้พัฒนาชิปสำหรับ Wi-Fi ที่ชื่อว่า HaLow สร้างสถิติใหม่ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ระยะไกลถึง 9.9 ไมล์ หรือประมาณ 15.9 กิโลเมตร

ระยะนี้ ได้ทุบสถิติเดิมที่เคยทำไว้ 1.8 ไมล์ หรือ 2.8 กิโลเมตรอย่างราบคาบ การทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติ Joshua Tree ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีสัญญาณรบกวนต่ำ เพราะต้องการทดขีดจำกัดของ Wi-Fi โดยเฉพาะครับ

ผลการทดสอบพบว่า แม้จะอยู่ในระยะทางไกลถึง 15.9 กิโลเมตร แต่ระบบก็ยังมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลประมาณ 2 Mbps ซึ่งเหนือกว่าขีดจำกัดของ Wi-Fi ทั่วไปอย่างมาก

ทีนี้ จะเอาไปทำอะไร ? Wi-Fi ระยะไกลนี้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบ peer-to-peer เช่น กล้องติดตัวและวิทยุสื่อสารสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังใช้ในการทำฟาร์มและเหมืองแร่ ซึ่งไม่จำเป็นใช้ SIM อีกต่อไป ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

การพัฒนานับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างหนึ่งนะ เพราะหากสามารถพัฒนาให้สัญญาณมันแรงมากกว่านี้ ก็คงสามารถเอาประโยชน์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับใน Smart City ครับ

ที่มา
techspot

โดนใช้ไฟขุดคริปโต เจ้าของบ้าน Airbnb ออกกฏ พักแล้วห้ามขุดเหรียญ

ใช้ไฟขุดคริปโต

เอาคุ้มเลยนะ

เจ้าของบ้าน Airbnb ในสหรัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มกฎ “ห้ามขุดคริปโตฯ” หลังจากแขกคนหนึ่ง เข้าพักแล้วขุดคริปโต ทำให้มีบิลค่าไฟมากถึง $1500 (ประมาณ 49,000 บาท) แม้ว่าผู้เช่าจะดูแลบ้านอย่างดี แต่เขาก็ได้เงินจากการขุดคริปโตไปมากถึง 100,000 ดอลลาร์

เจ้าของบ้านได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายนอกบ้านและพบว่าผู้เข้าพักได้นำคอมพิวเตอร์ประมาณ 10 เครื่อง เข้ามาในบ้าน เจ้าของบ้านได้ส่งข้อความไปสอบถาม ซึ่งต่อมาได้ยอมรับว่า ทำเงินได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์จากการขุดคริปโตฯ ระหว่างที่พักอยู่

ปกติแล้ว เวลาที่เราจองห้องพักหรือโรงแรม ส่วนใหญ่แล้วค่าไฟหรือค่าน้ำ ก็จะถูกรวมไว้ในค่าใช้จ่ายรวมอยู่แล้ว ไม่ได้มีการมาคิดแยกเพิ่มถูก แม้ว่าเราจะเปิดแอร์ทั้งคืนทั้งวัน ก็ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม แต่เคสข้างต้นนี่ ก็เกินไปหน่อยนึงนะ

ทั้งนี้ เรารู้กันอยู่แล้วว่า การขุดคริปโตฯ ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและไฟฟ้าปริมาณมหาศาล รายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า “โรงงาน” ขุดคริปโตฯ 137 แห่ง ใช้พลังงานคิดเป็น 0.6% ถึง 2.3% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.8 พันล้านถึง 30 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

แต่ในเคสนี้ ยังดีที่ผู้เข้าพัก ยินดีที่จะจ่ายเงินค่าไฟคืนให้กับเจ้าของบ้าน แต่ถึงอย่างงั้น ก็จำเป็นต้องเพิ่มกฏเข้าไป เพราะอาจจะมีคนทำเลียนแบบ และไม่ยินดีจะจ่ายเงินให้ด้วย

ที่มา
extremetech

ดีลล่ม วงในเผย PlayStation 6 เกือบได้ใช้ชิป Intel

[ดีลล่ม] ปัจจุบันยังไม่ทราบว่า PS5 Pro ใช้ชิป AMD รุ่นไหน แต่ก่อนหน้านี้เราเกือบได้เห็น PS6 ที่ใช้ชิปจาก Intel แล้ว ทว่าสุดท้าย AMD ยังได้ไปต่อ

แหล่งข่าวไม่ระบุชื่อ เผยสองปีก่อน Intel เคยยื่นข้อเสนอกับทาวง Sony ในการออกแบบชิปประมวลผลบน PlayStation 6 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายทาง AMD ได้เป็นผู้ออกแบบชิปติดกันเป็นครั้งที่ 3 โดยใช้เซมิคอนดักเตอร์จาก TSMC เช่นเคย

อย่างไรก็ตาม ทางด้าน Reuters เผยอีกว่า ช่วงแรก Sony มีความสนใจที่จะใช้ชิป Intel สำหรับ PlayStation 6 หลัง Intel ได้ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 โดยการประชุมกินเวลาไปหลายเดือน บ่งบอกเลยว่า Sony ให้ความสนใจอย่างจริงจัง

ทว่าสุดท้ายทาง Sony กับ Intel ไม่สามารถตกลงเรื่องผลกำไรได้ จนในที่สุดทาง AMD ได้ข้อเสนอไปแทน แม้จะเสนอราคาที่สูงกว่าก็ตาม

ส่วนนี้วิเคราะห์ได้ว่า ปัญหาจริง ๆ อาจเป็นเรื่องของ ‘ความเข้ากันได้’ จากตัวชิปประมวลผล ซึ่งต้องยอมรับว่า AMD ได้เปรียบในส่วนนี้ เพราะมีประสบการณ์มานานทั้งฝั่ง PlayStation และ Xbox การใช้ชิป Intel อาจต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่มาเพื่อรองรับ จนอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าในที่ท้ายที่สุด

ปัจจุบัน AMD ได้พัฒนาชิปให้กับกลุ่มเครื่องเล่นเกมคอนโซลหลายรุ่น จนทำกำไรได้อย่างมหาศาล ถึงขั้นที่เคยได้ PS4 ช่วยกู้สถานการณ์ตอนบริษัทเกือบล้มละลายมาแล้วด้วย หลังขายได้มากกว่า 117 ล้านเครื่อง

ที่มา : Techspot

ค่าไฟพุ่ง คนขับ Cybertruck โวย ชาร์จแบตนาน และอาจไม่คุ้ม

[แพงและนาน] ในตอนนี้ Cybertruck กระบะไฟฟ้าสุดล้ำจาก Tesla คงวิ่งโลดแล่นอยู่ทั่วสหรัฐฯ แล้ว หลังรอคอยกันมานาน อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้บางรายออกมาบ่นถึงการชาร์จไฟ เผยใช้เวลานานหากชาร์จเต็ม 100% และมีค่าไฟถูกกว่าน้ำมันแค่เล็กน้อย

utechpia.dev ผู้ใช้ Instagram เผยคลิปการชาร์จไฟ Cybertruck ตั้งแต่ 0 – 100% พบใช้เวลากว่า 90 นาที หรือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง นับเป็นข้อเสียหลักของรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ในขณะที่รถยนต์ไฮโดรเจนบางคัน ใช้เวลาเติมเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย David Nguyen (@utechpia.dev)

นอกจากนี้ยังมีค่าไฟประมาณ 73 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 2,500 บาทกันเลย ซึ่งถูกกว่าการเติมน้ำมันแบบเต็มถังเพียงเล็กน้อย ใด ๆ ก็ตาม ปัญหาจริง ๆ คือการใช้เวลาเติมแบบ 100% จาก 10% หรือ 20% ที่ยังนานเกินไป

สำหรับ Cybertruck ตัว Top ตามสเปกคือวิ่งได้ถึง 800 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทว่ามี YouTube รายหนึ่ง เผยวิ่งจริงได้ประมาณ 80%

ที่มา : Supercarblondie

เดินป่าแบบล้ำ กางเกงติดมอเตอร์ ช่วยเพิ่มแรงได้ 40%

[Power Up] ขึ้นเขาลงเขาแบบล้ำ ๆ พบกับ Arc’tryx MO/GO กางเกงเดินป่าแบบ Exoskeleton เผยช่วยเพิ่มแรงขาของผู้ส่วมใส่ได้ถึง 40% และช่วยให้รู้สึกตัวเบาขึ้นด้วย

ปัจจุบันเทคโนโลยีประเภท Exoskeleton ที่มีการใช้โครงเสริมแรงภายนอก ถูกใช้บ่อยครั้งในทางการแพทย์ ซึ่งได้รับความนิยมมาหลายปีแล้ว แต่ในฝั่งผู้ใช้ทั่วไปพบเห็นไม่บ่อยนัก ล่าสุดทาง Arc’teryx และ Skip บริษัทย่อยจาก Google เปิดตัว Arc’tryx MO/GO ชูเป็นกางเกงเดินป่า ที่มาพร้อมพลับขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ตัวแรกของโลก

สำหรับตัว Arc’tryx MO/GO (ย่อมาจาก “Mountain Goat”) เผยมาพร้อมโครงคาร์บอนไฟเบอร์สั่งทำพิเศษ เสริมแรงด้วยมอเตอร์ที่ควบคุมด้วย AI อีกที ช่วยผสานหัวเข่าไปยังกล้ามเนื้อขาของผู้สวมใส่ จนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้สามารถปีนป่ายหรือเดินป่าได้ดีขึ้นถึง 40%

นอกจากจะช่วยให้เดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผู้ส่วมใส่รู้สึกตัวเบาขึ้นด้วย โดยเบาขึ้นประมาณ 13 กก. แม้ว่าจะมีชุดแบตฯ หนัก 3 กก. ที่รอบเอวหรือขอบกางเกงอยู่ก็ตาม ซึ่งตัวแบตฯ ก็ใช้งานได้ประมาณ 3 ชั่วโมง และจะชาร์จใหม่โดยอัตโนมัติ ขณะที่ผู้สวมใส่กำลังเดินลงเขา

ส่วนการควบคุมด้วย AI นั้น เผยจะมีการประมวลผลแบบ Realtime โดยจะปรับการทำงานให้เข้ากับพื้นที่ภูมิประเทศและลักษณะการเดินของผู้สวมใส่ ซึ่งตัวผู้ใช้สามารถเปิด ‘โหมดความช่วยเหลืออัตโนมัติ’ ได้ โดยการแตะปุ่มที่ตัวกางเกง

ท้ายนี้ตัวกางเกง MO/GO เปิดราคาอยู่ที่ราว ๆ 5,000 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 166,300 บาท คาดวางจำหน่ายในช่วงปีหน้า แต่ทั้งนี้ตัวกางเกาสามารถเช่าใช้งานได้ในป่าทางตะวันตกของสหรัฐฯ และแคนาดา โดยเปิดให้เช่าเดินป่าได้ 8 ชั่วโมงที่ 80 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 2,700 บาทต่อครั้ง

ที่มา : Odditycentral , squamish

เกาหลีเริ่มแล้ว ใช้กล้องวงจรปิด ติด AI คาดการณ์อาชญากรรมล่วงหน้า

[จับล่วงหน้า] ราวกับเรื่องย่อในหนังแนว Sci-Fi ที่มีธีมตำรวจไล่ล่าคนร้าย (ในโลกอนาคต) แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วที่ประเทศเกาหลีใต้ เผยมีการใช้ AI ช่วยคาดการณ์เหตุอาชญากรรมล่วงหน้า ผ่านกล้องวงจรปิดแบบ Realtime เป็นการป้องกันก่อนเกิดเหตุ

สถาบันวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมของเกาหลีใต้เปิดตัว “Dejaview” ระบบวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจจับเหตุอาชญากรรมล่วงหน้าได้ เผยใช้การพิจารณาจากทั้ง วัน เวลา สถานที่ บันทึกเหตุการณ์ในอดีต และตัวแปรต่าง ๆ เพื่อนำมาประเมินถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจริง

ทางด้าน TechXplore เผยตัว Dejaview มีหลักการทำงานสำคัญ 2 อย่าง อย่างแรกคือ การใช้ข้อมูลอาชญากรรมที่เคยเกิดขึ้น เช่น พื้นที่ห่างไกลในตอนกลางคืน ก็จะมีการตรวจจับเป็นพิเศษ โดยมีการใช้ข้อมูลปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ที่คล้ายคลึงกับเหตุอาชญากรรมในอดีต ในเวลาเดียวกัน

เมื่อตัดสินให้เป็นพื้นที่ความเสี่ยงสูง ทางเจ้าหน้าก็จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น คอยสังเกตกล้องวงจรปิดในช่วงเวลานี้ พร้อมเตรียมทีมรอล่วงหน้า เพื่อให้ระงับเหตุได้ก่อนอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม

อย่างที่สองคือ การคาดการณ์บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง คอยสังเกตว่าจะมีแนวโน้มก่อเหตุซ้ำหรือไม่ ซึ่งจะมีการใช้ระบบวิเคราะห์พฤติกรรม พร้อมติดตามรูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างเจาะจง เรียกได้คนเหล่านี้แม้จะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่หากอยู่ในที่สาธารณะ ก็จะถูก AI จับตามองทันที

สำหรับเบื้องหลังของ Dejaview นั้น เผยมีการให้ AI เทรนข้อมูลจากคลิปกล้องวงจรปิดกว่า 32,000 คลิป ที่บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จนสามารถวิเคราะห์เหตุอาชญากรรมล่วงหน้า ที่มาจากเหตุการณ์คล้ายกันได้นั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ตัวระบบถูกวิจารณ์เรื่องความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันมีการติดตั้งระบบดังกล่าวตามที่สาธารณะ เช่น สนามบิน โรงไฟฟ้า โรงงานต่าง ๆ และอาจนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ภายในสิ้นปี 2025 นี้

นอกจากเกาหลีใต้ ยังมีอีกประเทศอย่างอาร์เจนตินา ที่ได้มีการติดตั้งระบบ AI ช่วยตรวจจับเหตุอาชญากรรมด้วยเช่นกัน ทว่าอาร์เจนตินาไม่ได้เอาแค่ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเท่านั้น แต่รวมไปถึงโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแม้แต่ Dark Web ด้วย

ที่มา : Techspot

ฟีเจอร์ยอดฮิต Nvidia ยืนยันเอง ไม่มี AI ไม่มีกราฟิกคอม

[ของมันต้องมี] จุดเด่นของชิปกราฟิกสำหรับเล่นเกมของ Nvidia คงหนีไม่พ้น DLSS เทคโนโลยีอัปสเกล (Upscaling) ที่ช่วยปรับปรุงความละเอียดของเกม ไปพร้อม ๆ กับดันค่าเฟรมเรต (fps) ให้สูงขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบันกลายเป็นฟีเจอร์ยอดฮิต จนล่าสุดทางซีอีโออย่าง Jensen Huang ออกมาเผยเลยว่า ไม่มี AI ไม่มีกราฟิกคอมฯ

ย้อนกลับไปสัปดาห์ก่อน ในงาน Goldman Sachs Communacopia + Technology Conference ที่จัดขึ้นในซานฟรานซิสโก Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้ออกมาเน้นย้ำถึงเรื่อง AI ว่า “เราไม่สามารถทำกราฟิกคอมฯ ได้อีกต่อไป หากไม่มีปัญญาประดิษฐ์”

ทางด้าน Jensen Huang ได้ยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยประมวลผลพิกเซล จนได้ทั้งความเสถียรและคุณภาพ พร้อมเน้นย้ำถึงฟีเจอร์ DLSS ซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ของเทคโนโลยีกราฟิกกันเลย

สืบเนื่องจากเทคโนโลยีกราฟิกเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น แต่ก็ใช้ทรัพยากรมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย เพื่อลดภาระดังกล่าว และช่วยให้รองรับได้หลากหลายแพลตฟอร์ม อาทิ คอนโซลพกพา ไปจนถึงเครื่อง PC

ปัจจุบัน DLSS มีคู่แข่งที่ให้ประสิทธิภาพคล้าย ๆ กันแล้วอย่าง FSR (FidelityFX Super Resolution) จาก AMD กับมี XeSS จาก Intel มี Auto Super Resolution จาก Microsoft และล่าสุด PSSR ของ PlayStation 5 Pro ซึ่งต่างก็เป็นเทคโนโลยี AI อัปสเกลเช่นกัน

โดยสรุปจึงกล่าวได้ว่า Jensen Huang เผย AI มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาชิปกราฟฟิกอย่างก้าวกระโดด ฉะนั้นหากไม่มี AI ก็คงไม่สามารถออกฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ ของเทคโนโลยีกราฟิกได้แล้วนั้นเอง

ที่มา : Techspot

7 เทคนิคจัดข้อมูลลงตาราง ฉบับมือใหม่ หัดใช้ Google Sheet

รวมเทคนิคใช้งาน Google Sheet โปรแกรมตารางคำนวณจากค่ายกูเกิล ที่ขึ้นชื่อว่าใช้งานง่าย แชร์และแก้ไขข้อมูลบนออนไลน์ได้จากทุกที่ กับเทคนิคที่ช่วยจัดการข้อมูลลงในตาราง สำหรับมือใหม่ให้ใช้งานได้อย่างโปร แถมยังช่วยประหยัดเวลาการทำงานไปได้เยอะ จะมีเทคนิคอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. สร้าง Sheet ใหม่อย่างรวดเร็วบน URL

ประหยัดเวลาในการสร้างไลฟ์ใหม่ ได้แบบง่ายๆ แค่พิมพ์คำสั่งลงในช่อง URL เช่นพิมพ์ sheet.new เพื่อสร้างไฟล์ ใหม่บน Google Sheet และพิมพ์ doc.new สร้างไฟล์ Google Docs ได้เลยทันนี้ เทคนิคนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการสร้างไฟล์ใหม่ได้ทันใจกว่าเดิม

2. Clean Data ใน Sheet

ไม่อยากเสียเวลาวุ่นวายกับการจัดการข้อมูล ที่มีจำนวนมาก ให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และนำไปใช้ต่อได้ทันที ลองใช้วิธีนี้ คลิกที่เมนู ข้อมูล > เลือก คำแนะนำในการล้างข้อมูล จะมีแทบเมนูขึ้นมา ให้เราตัดและคัดกรองข้อมูลแบบรวดเร็วได้ทันทีเลย ไม่ว่าจะเป็น เอารายการที่ซ้ำออก, ตัดการเว้นวรรค, แปลงค่าชนิดข้อมูล และอื่นๆ วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลา Clean Data ให้พร้อมใช้งานมากขึ้น

3. แยกข้อมูลข้อความลงในคอลัมน์ ได้อย่างรวดเร็ว

บางครั้งข้อมูลในตารางที่ได้มา อาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เช่น จุลภาค เว้นวรรค หรือจุด ซึ่งขั้นตอนในการแยกข้อมูลมักใช้เวลาไม่น้อย ลองใช้วิธีคลุมดำข้อมูลที่ต้องการแยก > ข้อมูล > แบ่งข้อความเป็นคอลัมน์ จะมีแทบเมนูตัวคั่น : ให้เลือกว่าจะทำการแยกประเภทไหน แค่นี้ก็เลือกตามที่ต้องการได้เลย

4. สร้าง Quickly Filter กรองข้อมูล

ถ้าต้องการที่จะจัดเรียงกรองข้อมูลทั้งหมดให้เป็นแต่ละหัวข้อ แยกประเภทชนิดข้อมูลกัน เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการกรอง และสรุปข้อมูลในตารางได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองคลิกไปที่เมนู ข้อมูล > เลือก เพิ่มตัวกรอกข้อมูล เพื่อเพิ่ม Filter ตรงชื่อตาราง หรือ เพิ่มตัวควบคุมตัวกรอง จะได้แทบเมนู Pivot ขึ้นมาให้ใช้งาน


5. Visualize Data สรุปข้อมูลในตารางอย่างรวดเร็ว

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าใน Google Sheet มีฟังก์ชั่น Visualize ที่ช่วยสรุปก้อนข้อมูลในตารางที่ต้องการว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง ช่วยแบ่งข้อมูลให้เป็นสัดส่วนมากสุด – น้อยสุด และสรุปทำเป็นกราฟในอย่างรวดเร็ว ถ้าต้องการสรุปข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วแนะนำวิธีนี้เลย คลิกที่เมนู ข้อมูล > เลือกใช้ฟังก์ชั่นสถิติของคอลัมน์ ลองไปใช้งานกันดูได้

6. สร้าง Drop Down เมนูอย่างรวดเร็ว

ถ้ามีชุดข้อมูลซ้ำๆ ที่ต้องการใช้เป็นตัวเลือก ลองสร้างกล่อง Drop Down แบบง่ายๆ แค่ใช้ฟังก์ชั่นตรวจสอบข้อมูลในการสร้างที่กรอกข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว คลิกที่เมนู ข้อมูล > การตรวจสอบข้อมูล เลือกเกณฑ์ข้อมูลแบบเลื่อนลง กรอกข้อมูลที่เราต้องการเลือกในช่องได้ด้านล่าง แค่นี้ก็เอาข้อมูลไปใช้ได้เลย

7. แปลข้อมูลเป็น กราฟ ชนิดต่างๆ

หากต้องการนำข้อมูลในตารางมาสรุปเป็นกราฟ หรือแผนภูมิรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจและง่ายต่อการพรีเซ้นต์ Google Sheet มีฟังก์ชั่นที่ช่วยจัดเรียงข้อมูลที่ต้องการให้มีรูปแบบที่ดูง่ายและสวยขึ้น แค่คลิกที่ข้อมูลที่ต้องการ > แทรก > แผนภูมิ แทบเครื่องมือการสร้างแผนภูมิก็จะขึ้นมาให้เลือกข้อมูลในตาราง เพื่อสร้างเป็นกราฟชนิดต่างๆ ได้ทันที

ทั้ง 7 เทคนิคนี้เชื่อว่าจะช่วยให้การใช้งาน Google Sheet ทำได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ ไปลองใช้งานกันดูครับ

จ่ายแพงขึ้น Disney+ Hotstar ร่อนอีเมล ยกเลิกแพ็กเกจราคาเบา 

Disney+ Hotstar ประเทศไทยปรับแผนใหม่ ยกเลิกแพ็กเกจราคา Basic จากเดิมต้องจ่าย 99 บาทต่อเดือนหรือ 799 บาทต่อปี กลับต่อจ่ายในราคาที่แพงขึ้น

ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ผู้ที่ใช้แพ็กเกจมือถือจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ และเปลี่ยนชื่อเป็น “Disney+ Hotstar แพ็กเกจมาตรฐานซึ่งจะมีผลในรอบบิลถัดไป

โดยค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก Disney+ Hotstar แพ็กเกจมาตรฐานจะเปลี่ยนเป็น 199 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาแต่ที่ค่อนข้างสูงหลายคนอาจจะรับมือไม่ทัน

แพ็กเกจมาตรฐาน ราคา 199 บาทต่อเดือน หรือ 1,590 บาทต่อปี

แพ็กเกจพรีเมียม ราคา 289 บาทต่อเดือน หรือ 2,290 บาทต่อปี

เมื่อราคาเพิ่มขึ้น Disney+ Hotstar จึงขยายฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถสตรีมพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ ใช้งานกับทีวีได้และคุณภาพของวิดีโอสูงขึ้น

นอกจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ปรับให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ทางแพลตฟอร์มเองอาจจะเพิ่มซีรีส์หรือหนังที่น่าสนใจมาดึงดูดผู้ใช้งานต่อไป

อ่านเพิ่มเติม >> help.hotstar  

#Disney+Hotstar  #TechhubUpdate

อังกฤษเริ่มแล้ว ใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า หนุนธุรกิจขนส่ง ช่วยลดมลพิษ

Prodrive Advanced Technology ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและวิศวกรรม ผลิตรถพลังงานไฟฟ้าต้นแบบ เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งาน Cenex Expo 2024

รถขนส่งระยะสั้นไซส์มินิ ใช้เวลาผลิตเพียง 1 ปี เป้าหมายเพื่อนำเอารถไปใช้งานได้จริงโดยเริ่มจากประเทศอังกฤษเป็นอันดับแรก และวางแผนที่จะสร้างรถขนส่งจำนวน 10,000 คัน ภายในปี 2030

รถสี่ล้อเป็นยานพาหนะที่น้ำหนักเบาและมีขนาดกะทัดรัด พัฒนาจากรถขนส่งในปัจจุบันให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

มีพื้นที่บรรทุกของประมาณ 60% ที่รับน้ำหนักได้สูงสุด 300 กก. สามารถวางของซ้อนกันได้ติดตั้งลิฟต์พาเลทในตัวเพื่อให้สามารถยกของขึ้นได้อัตโนมัติหรือใช้แค่คนขับคอยควบคุม 

นอกจากจะเป็นตัวช่วยใหม่ของธุรกิจขนส่ง ยังช่วยโลกลดมลพิษในการเดินทางได้อีกด้วย เพราะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 20 กิโลวัตต์ เดินทางได้สูงสุด 160 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

โครงการนี้เป็นหนึ่งใน 10 โครงการที่ได้รับทุนจากรัฐบาลอังกฤษ คาดว่าจะเคาะราคาอยู่ที่ประมาณ 25,000 ปอนด์ และจะเริ่มผลิตในปี 2028 ต่อไป

 

ที่มา : elmmobility 

#พลังงานไฟฟ้า #TechhubUpdate

Hot Issue