Home Blog Page 2

“ฮิตาชิร่วมส่งใจ กู้ภัยน้ำท่วม” บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีแก่ผู้ประสบอุทกภัย

บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฮิตาชิที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยฟรี พร้อมส่วนลดอะไหล่ 50% ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการหลังการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ฮิตาชิ (ภายนอกประเทศญี่ปุ่น) ส่งแคมเปญ “ฮิตาชิร่วมส่งใจ กู้ภัยน้ำท่วม” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความเสียหาย โดยฮิตาชิมอบบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฮิตาชิที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยฟรี พร้อมส่วนลดค่าอะไหล่ 50% ทั้งสินค้าที่ยังคงอยู่ในประกัน และนอกประกันเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าทุกท่านได้กลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้เร็วที่สุด

นายสิทธิพงษ์ จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อาร์เซลิก ฮิตาชิ ตระหนักถึงผลกระทบต่อทรัพย์สินและความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิตประจำวันที่ผู้ประสบเหตุอุทกภัยต้องเผชิญจากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ฮิตาชิจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือประชาชนทุกท่านอย่างเต็มกำลังผ่านแคมเปญ “ฮิตาชิร่วมส่งใจ กู้ภัยน้ำท่วม” พร้อมทั้งขอร่วมส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้อย่างเร็วที่สุด

สำหรับแคมเปญ “ฮิตาชิร่วมส่งใจ กู้ภัยน้ำท่วม” เป็นการส่งมอบบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฮิตาชิที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50% พร้อมทั้งฟรีทั้งค่าบริการ และค่าเดินทาง สำหรับสินค้าที่เกิดความเสียหายจากภัยน้ำท่วมในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถติดต่อขอใช้บริการได้ ณ ศูนย์บริการในพื้นที่ของท่านในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย หนองคาย และนครพนม ในวันและเวลาทำการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 น. – 17.00 น. (วันหยุดทำการ: วันเสาร์-วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดพิเศษอื่นๆ ของบริษัท) ระยะเวลาตั้งแต่ 1 กันยายน 2567 – 31 ตุลาคม 2567 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Head Office Service Center โทร Call Center เบอร์ 02-335-5455

แคนนอน ขยายบริการให้เช่ากล้อง เลนส์  และอุปกรณ์เสริมแบบครบเซ็ต ‘Camera & Lens Rental Service’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพิ่มรุ่นใหม่ กับอัตราค่าเช่าเบาๆ เริ่มต้นที่ 100 บาท/วัน

แคนนอน  ขยายบริการให้เช่ากล้อง เลนส์  และอุปกรณ์เสริมแบบครบเซ็ต ‘Camera & Lens Rental Service ปี 2’  หลังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา  โดยเพิ่มรุ่นกล้อง เลนส์  และอุปกรณ์เสริมกว่า 74 รายการ กับอัตราค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 100บาท/วัน  พร้อมเพิ่มช่องทางในการค้นหารุ่นที่ต้องการเช่าได้จากเว็บไซต์แคนนอน ตอบโจทย์ช่างภาพมือทุกระดับ และครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพสูงระดับมืออาชีพ ด้วยกล้อง เลนส์ และอุปกรณ์เสริมแบบฟูลเซ็ต แต่ไม่พร้อมลงทุนในระยะยาว หรือต้องการทดลองใช้งานในระยะสั้นก่อนตัดสินใจลงทุน

โดยปีนี้ แคนนอน ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์กล้องรุ่นยอดนิยม รองรับงานถ่ายมืออาชีพทุกรูปแบบ รวมแล้วกว่า 74 รุ่น ซึ่งรวมถึงกล้อง EOS R ใหม่ล่าสุด เลนส์ RF และ EF กว่าอีก 36 รุ่น และอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย อัตราค่าเช่าเริ่มต้นที่ 100 บาท และลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการแล้ว จะยังได้ส่วนลดพิเศษค่ามัดจำอีกด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเลือกเช่าตามสเกลของงานแต่ละครั้ง ดังนี้

  • ค่าเช่ากล้องแคนนอนรายวัน เริ่มต้นที่วันละ 300 – 2,600 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นของกล้อง)
  • ค่าเช่าเลนส์แคนนอนรายวัน เริ่มต้นที่วันละ 100 – 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นของเลนส์)
  • ค่าเช่าอุปกรณ์เสริมแคนนอนรายวัน เริ่มต้นที่วันละ 200 – 300 บาท (ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์เสริม)

ผู้ที่สนใจใช้บริการ Camera & Lens Rental Service ของแคนนอน สามารถตรวจสอบรายการกล้อง เลนส์และอุปกรณ์เสริมทั้งหมด และราคาเช่าของแต่ละรุ่น  ตลอดจนเงื่อนไขในการเช่าได้ตั้งแต่วันนี้ โดยโทรสอบถาม Canon Call Center โทร. 02- 344-9999 หรือที่ Line Official @CanonThailand หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงก์:

https://th.canon/en/consumer/web/camera-rental-service

หัวเว่ย ประเทศไทย น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายอุปกรณ์เทคโนโลยีห้องเรียนอัจฉริยะ พร้อมนำโครงการดิจิทัลบัสสู่สุรินทร์ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าผสานความร่วมมือกับโครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินงานโครงการความร่วมมือด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาสุขภาพอนามัยที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน พร้อมทั้งสานต่อกิจกรรมโครงการ ”รถดิจิทัลบัสเพื่อสังคม” ในวโรกาสสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามงาน ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านชำปะโต อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งมอบองค์ความรู้และพัฒนาทักษะทางดิจิทัลแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

ทั้งนี้นายเอดิสัน สวี่ กรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และคณะ ได้ร่วมกราบบังคมทูลรายงานความก้าวหน้าโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งจัดให้มีการสาธิตการเรียนการสอนระบบห้องเรียนอัจฉริยะ (Smart Classroom) ผ่านระบบวีดีโอประชุมออนไลน์ (Huawei Cloud Meeting) ร่วมกับโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง พร้อมเชิญทอดพระเนตรการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนบนรถดิจิทัลบัส

โอกาสนี้ บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบห้องเรียนอัจฉริยะ (Smart Classroom) ประกอบด้วย แท็บเล็ตหัวเว่ยจำนวน 40 ชิ้น อุปกรณ์เราเตอร์หัวเว่ย 2 ชิ้น อุปกรณ์หน้าจออัจฉริยะ (IdeaHub) 1ชุด พร้อมระบบประชุมทางไกล (Huawei Cloud Meeting) แด่โครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสนับสนุนโครงการตามพระราชดำริ ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถิ่นทุรกันดารให้เข้าถึงโอกาสด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียม

โดยในปีนี้ หัวเว่ยได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในหลักสูตรบนดิจิทัลบัสให้เข้ากับโรงเรียนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบ 5G, IoT, Cloud, AI และวิธีป้องกันภัยต่อตนเองและคนรอบข้าง ให้ความรู้ประเภทของอาชญากรรมไซเบอร์ สร้างความตระหนักรู้ในการท่องโลกโซเชียล รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ต่อพลังงานสะอาด เทคโนโลยีหมุนเวียนและพลังงานสีเขียว ส่งเสริมการพัฒนาสู่ชุมชนอีกด้วย

“ที่หัวเว่ย เราเชื่อว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล โครงการรถดิจิทัลบัสเพื่อสังคมเป็นอีกหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างสังคมดิจิทัลที่ยั่งยืน โดยการนำความรู้และนวัตกรรมไปสู่ทุกชุมชนในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ” นายเอดิสัน สวี่ กล่าว

ภายหลังจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการสาธิตการเรียนการสอนห้องเรียนอัจฉริยะ (Smart Classroom) เสร็จสิ้น ทรงพระราชทานพระราชวโรกาส ทรงพระอักษรพู่กันจีน ลงนามเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการสนองงานด้านการศึกษาและการช่วยเหลือสังคม ร่วมกันใช้นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีเป็นสื่อในการสืบทอดหลักคุณธรรมผ่านปัญญาแห่งดิจิทัล เพื่อความเท่าเทียมในสังคมและนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้น้อมนำพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มาดำเนินงานโครงการส่งเสริมการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกสีเขียวที่ยั่งยืน สอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ยในการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมสังคมไทยตลอด 25 ปี

ทั้งนี้ในการดำเนินงานที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ร่วมกับโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี IdeaHub จำนวน 24 เครื่อง พร้อมระบบ Huawei Cloud Meeting สำหรับจัดการเรียนการสอนทางไกล (แบบสื่อสาร 2 ทาง) และสำหรับการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พร้อมทั้งสนับสนุนระบบกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ ตามโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และสุขศาลาโรงพยาบาลท้องถิ่น ทั่วประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากโครงการดังกล่าว หัวเว่ย ประเทศไทย ยังได้ดำเนินการฝึกอบรมเพื่อให้ประชาชนทั่วไปและเยาวชนได้มีความรู้ความเข้าใจทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Huawei ASEAN Academy, โครงการ ICT Academy และโครงการ Seeds for Future

Smart Bubble e-hydrofoil แท็กซี่พลังงานไฟฟ้า แล่นเหนือพื้นน้ำได้

เห็นรถไฟฟ้ากันมามากแล้ว Techhub อยากพามาดูเรือไฟฟ้ากันบ้างดีกว่าฮะ เผื่อในอนาคต เราอาจต้องใช้เรือแทนรถ (ว่าไปนั่น)

บริษัท SeaBubbles ในฝรั่งเศส เปิดตัว Smart Bubble แท็กซี่น้ำไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่งสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 7 คน พร้อมนักบิน 1 คน สามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 30 กม./ชม. และมีระยะการแล่นประมาณ 1.25 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

เทคโนโลยีไฮโดรฟอยล์ (Hydrofoil Technology) หรือปีกใต้น้ำ เป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้เพื่อยกเรือขึ้นเหนือผิวน้ำเมื่อเรือแล่นด้วยความเร็วที่กำหนด ทำให้ลดแรงเสียดทานระหว่างตัวเรือกับน้ำ ส่งผลให้เรือสามารถแล่นได้เร็วขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และลดแรงสั่นสะเทือนจากคลื่น ทำให้การเดินทางราบรื่นและสะดวกสบายมากขึ้น

เมื่อ Bubble เร่งความเร็วถึง 6 นอต (11 กม./ชม.) ตัวถังใยคอมโพสิตของมันจะถูกยกขึ้นจากน้ำบนฟอยล์คาร์บอนไฟเบอร์สามชิ้นที่กางออกโดยอัตโนมัติ หนึ่งชิ้นที่ด้านหน้าและสองชิ้นที่ด้านหลัง จากนั้นจะแล่นด้วยความเร็ว 12 นอต (22 กม./ชม.) โดยใช้เซ็นเซอร์ไจโรสโคปและระดับความสูงเพื่อวัดมุมเอียงและมุมกลิ้งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเรือมีความเสถียร คนเมาเรือ ต้องชอบสิ่งนี้แน่

สำหรับ แท็กซี่น้ำ หรือ ยานพาหนะทางน้ำสำหรับขนส่ง กำลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในปัจจุบัน ยังจำกัดเฉพาะคนบางกลุ่ม แต่ก็ถือว่า ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง เช่น เรื่องการจราจรบนถนน ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเป็นระบบไฟฟ้า ก็ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

ที่มา
newatlas

คู่แข่ง Neuralink ควบคุมบ้านผ่านความคิด ไม่ต้องฝั่งชิปในสมอง

Neuralink

Elon มีหนาว ๆ บ้างล่ะ…

Synchron บริษัทด้านเทคโนโลยีระบบประสาท ได้พัฒนา Brain-computer interface (BCI) ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้ด้วยความคิด จากผลทดสอบ ผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็นโรค ALS สามารถเปิดไฟ เลือกชมรายการทีวี และสั่งงานอื่นๆ ผ่าน Alexa ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ซึ่งอินเทอร์เฟซของ Synchron จะแปลงความคิดของเขาเป็นคำสั่งที่ส่งไปยัง Alexa ซึ่งติดตั้งอยู่บนแท็บเล็ต

ALS หรือ Amyotrophic Lateral Sclerosis เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่ทำให้เซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนเป็นอัมพาตในที่สุด

ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Synchron คือ BCI ของพวกเขาสามารถฝังได้โดยไม่ต้องผ่าตัดกะโหลกศีรษะ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า BCI ของ Neuralink ซึ่งต้องผ่าตัดกระโหลกและทำการฝังชิป นอกจากนี้ Synchron ยังมีผู้เข้าร่วมทดลองมากกว่า Neuralink นั่นแปลว่า มันมีความปลอดภัย และมีวิธีการที่ง่ายกว่า

Synchron ใช้วิธีการฝังชิปที่เรียกว่า “Stentrode” ซึ่งเป็นขดลวดที่สามารถขยายตัวเองได้พร้อมกับอิเล็กโทรดที่ฝังอยู่ โดยจะสอด Stentrode เข้าไปยังพื้นผิวของสมองผ่านทางหลอดเลือดดำตรงคอ ทำให้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ วิธีการนี้มีข้อดีคือมีความปลอดภัยสูงกว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลก และสามารถทำได้โดยคลินิกที่หลากหลายกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยกรรมสมอง

ทั้งนี้ Synchron ได้รับทุนสนับสนุนจากบุคคลสำคัญอย่าง Bill Gates และ Jeff Bezos ถึงแม้ว่าจะยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ BCI จะพร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาผู้ป่าวยที่เป็นอัมพาทครับ

ที่มา
newatlas

หุ่นยนต์ในอนาคต มีฟีเจอร์อะไรที่จำเป็นบ้าง มาทายกัน

หุ่นยนต์ในอนาคต

ต้องยอมรับว่า โลกแห่งอนาคตอันใกล้นี้ จะเต็มไปด้วย AI และหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้ในบริบทต่าง ๆ  มากมาย เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จะทำให้หุ่นยนต์มีความสามารถหลากหลายและพร้อมที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น

ยกตัวอย่าง Humanoids ของ Tesla ที่ตอนนี้ ได้ถูกนำไปใช้จริงในโรงงานผลิตรถยนต์ กับงานที่ต้องทำเป็นประจำ หรือทำซ้ำซาก ซึ่งสามารถทดแทนแรงงานคนบางส่วนได้  หรือหุ่นยนต์อย่าง iRonCub ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อติดเครื่องยนต์เจ็ท ไว้สำหรับทำภารกิจกู้ภัย 

นี่ยังไม่รวม หุ่นยนต์ดูดฝุ่นในบ้าน ไปจนถึงหุ่นยนต์แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม  ซึ่งความก้าวหน้าของ AI ทำให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว และในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจได้เห็นหุ่นยนต์ที่มีความสามารถทัดเทียม หรือแม้แต่เหนือกว่ามนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน

หุ่นยนต์ในอนาคต

ลองมาคิดกันเล่น ๆ นะว่า ในอนาคตหุ่นยนต์ในยุคนั้นจะมีอะไรล้ำ ๆ มากกว่าที่ตอนนี้ Techhub อยากชวนทุกคน มาลองจินตนาการ ถึงหุ่นยนต์ในอนาคตว่าจะมีส่วนเข้ามาช่วยอะไรเราได้บ้าง เช่น เป็นหุ่นยนต์รับใช้ หุ่นยนต์สำหรับเลี้ยงสัตว์ หุ่นยนต์ที่มีตาเลเซอร์เปิดกระป๋องเงาะ (จะเวอร์ไปไหน) หรือหุ่นยนต์อื่น ๆ ในแบบที่เราจะจินตนาการออก ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะตัวบุคคล (ฮั่นแน่ รู้นะคิดอะไรอยู่) 

หรือออกลองนึกไม่ออก ลองนึกสถานการณ์เล่น ๆ ก็ได้ว่า หากเราต้องเป็นหุ่นยนต์ที่ต้องติดเกาะอยู่คนเดียว เราจำเป็นต้องเป็นหุ่นยนต์ที่มีสกิลอะไรเพื่อเอาตัวรอดบ้าง อย่างตอนนี้ที่คิดได้ ก็น่าจะเป็นสกิลจำเป็น ไว้สำหรับผลิตไฟฟ้า กับทรัพยากรที่มีจำกัดละนะ (ไม่งั้นแบตหมดละแย่เลย)  

ใครมีจินตนาการล้ำ ๆ มาแชร์กันนะ Techhub มีให้ลุ้นรางวัลตั๋วหนังสำหรับชมหนังเรื่อง The Wild Robot” หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง พร้อมเสื้อยืด Techhub ลายเท่ ๆ กันไปเลย อย่ารอช้า รีบหน่อย ของรางวัลมีจำนวนจำกัด

สำหรับหนัง “The Wild Robot” หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง เป็นเรื่องราวการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่และการเดินทางของหุ่นยนต์ ROZZUM รุ่น 7134 หรือเรียกสั้น  ๆ ว่า “รอซ” ซึ่งเรืออับปางและติดอยู่บนเกาะร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ รอซต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ค่อย  ๆ สร้างความสัมพันธ์กับสัตว์บนเกาะ และกลายเป็นแม่บุญธรรมของลูกห่านกำพร้าตัวหนึ่ง

ในเวอร์ชั่นภาษาไทย ได้ นิโคล และทิกเกอร์ เทริโอ ผู้ให้เสียงพากย์ไทย “รอซ” และ “ไบรท์บิล” ใน The Wild Robot หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง ภาพยนตร์เข้าฉาย 17 ตุลาคม ในโรงภาพยนตร์

ใครอยากดูหนัง The Wild Robot หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง รอบพิเศษก่อนใคร

ติดตามกิจกรรมได้ใน Facebook Techhub 

สู้กลับ จีนใช้ดาวเทียม Starlink ตรวจจับเครื่องบินล่องหน

Starlink

หมดกัน F-22

เรารู้กันดีว่า เครื่องบินอย่าง F-22 หรือ F-35 มีความสามารถในการหลบเลี่ยงการตรวจจับจากเรดาห์ ทำให้มันกลายเป็นเหมือนเครื่องบินที่ล่องหนได้

แต่ตอนนี้ จีนสามารถพัฒนาเครื่องมือที่สามารถตรวจจับเครื่องบินล่องหนดังกล่าว โดยใช้ดาวเทียม Starlink ถือเป็นการตบหน้าอเมริกาอย่างแรง ที่สามารถใช้เทคโนโลยีในประเทศตัวเอง เพื่อตรวจจับเครื่องบินที่ผลิตในประเทศตัวเอง

ในการทดลองนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้โดรน DJI Phantom 4 Pro ซึ่งมีขนาดประมาณเหยี่ยวตัวนึง เพื่อจำลองเครื่องบินล่องหน ซึ่งตัวโดรนนี้มีพื้นที่สะท้อนเรดาร์ใกล้เคียงกับเครื่องบินรบล่องหนจริง แต่แทนที่จะใช้การปล่อยคลื่นเรดาร์จากภาคพื้นดินตามปกติ นักวิทยาศาสตร์ตรวจจับโดรนโดยการวิเคราะห์สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจากดาวเทียม Starlink ที่โคจรผ่านฟิลิปปินส์

วิธีการตรวจจับนี้ใช้หลักการกระเจิงไปข้างหน้า โดยวัตถุ เช่น เครื่องบินหรือโดรน จะรบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดาวเทียม ทำให้เกิดการรบกวนสัญญาณเล็กน้อย ซึ่งจะถูกจับและวิเคราะห์เพื่อระบุตำแหน่งของวัตถุ เทคนิคนี้ไม่จำเป็นต้องให้เรดาร์ปล่อยสัญญาณ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามตรวจจับหรือรบกวนได้ยาก

ด้วยดาวเทียมมากกว่า 6,000 ดวงในวงโคจร เครือข่ายดาวเทียม Starlink ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ซึ่งพวกมันปล่อยสัญญาณความถี่สูงเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กว้าง แม้ว่าสัญญาณเหล่านี้จะถูกเข้ารหัสและไม่สามารถใช้งานได้สำหรับลูกค้าในจีน แต่ทีมวิจัยก็สามารถสร้างเครื่องรับโดยใช้อุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปเพื่อจับและประมวลผลข้อมูล (แน่ะ เก่งซะจริง)

อย่างไรก็ตาม การทดลองของจีนแสดงให้เห็นว่าการใช้สัญญาณดาวเทียมจากบุคคลที่สาม เช่น สัญญาณจาก Starlink สามารถหลีกเลี่ยงคุณสมบัติการล่องหนเหล่านี้ได้ ทำให้สามารถตรวจจับเครื่องบินดังกล่าวได้โดยง่าย  ซึ่งถ้าหากจะหลีกเลี่ยงการตรวจจับ  ก็ต้องทำให้เครื่องบินไม่ปล่อยคลื่นรบกวนเลย ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ….

ที่มา
tomshardware

เซฟเก็บไว้เลย คอร์สเรียนสร้างเว็บฟรี เข้าใจพื้นฐาน ใช้งาน CSS ได้

เซฟเก็บไว้คอร์สเรียนฟรีสำหรับชาว IT เรียนรู้แนวคิดสากลของการพัฒนาเว็บ เข้าใจพื้นฐานของ CSS และรูปแบบคำสั่ง รวมถึงการสร้างหน้าเว็บในฐานะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับจูเนียร์

เรียนได้ยาว ๆ แบบไม่มีสะดุด อย่าลืมลงทะเบียนก่อนด้วยนะ มีหลักสูตรไหนน่าสนใจบ้างไปดูกัน 

HTML Essentials (Beginner)

หลักสูตรเรียนรู้ออกแบบ จัดโครงสร้าง และปรับแต่งหน้าเว็บโดยใช้ HTML ซึ่งเป็นภาษาพื้นฐานของเว็บ คุณจะเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของเทคโนโลยีการพัฒนาเว็บ

CSS Essentials (Beginner/Intermediate)

ปรับแต่งหน้าเว็บโดยใช้ CSS ได้ จะได้เรียนรู้แนวคิดพื้นฐานและขั้นสูง เพื่อปรับปรุงความน่าสนใจและการใช้งานของเว็บไซต์ของคุณ

ใครที่อยากเป็น Web Developer หรืออยากมีสกิลด้านนี้โดยเฉพาะ อย่าลืมเข้าไปเรียนกันนะ 

นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่ จิ้มลิ้งก์เลย >> techhub productivity  

#HTML #CSS #IT #เรียนฟรี #TechhubUpdate

ไปไกลแล้ว Google โชว์ความเจ๋ง DeepMind ใช้ AI สอนหุ่นยนต์ทำงานยาก

DeepMind ของ Google เปิดตัวระบบ AI รุ่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้หุ่นยนต์เรียนรู้และทำงานที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนไหวที่แม่นยำและชำนาญ

สอนหุ่นยนต์สามนิ้ว DEX-EE ให้ผูกเชือกรองเท้าและจัดการงานที่ซับซ้อนมากขึ้น แถมประสบความสำเร็จมากกว่า 98% 

AI จะควบคุมและสั่งงานได้จากระยะไกลเพื่อรวบรวมข้อมูล ฝึกฝนช่วยให้หุ่นยนต์เรียนรู้งานใหม่ ๆ ทดสอบหุ่นยนต์ในการจำลองสถานการณ์ขึ้นมาในหลายรูปแบบ

เพื่อทดสอบให้หุ่นยนต์ผูกเชือกรองเท้า ใส่เกียร์ เปลี่ยนชิ้นส่วนหุ่นยนต์ แขวนเสื้อ หรือทำความสะอาดห้องครัวได้สำเร็จ

โดยใช้ระบบ ALOHA Unleashed และ ระบบ DemoStart ควบคุมมือหุ่นยนต์ เพิ่มความท้าทายที่ซับซ้อนใส่นิ้ว ข้อต่อ และเซ็นเซอร์เพิ่มมากขึ้น

ในอนาคต Google จะพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสักวันหนึ่งหุ่นยนต์และ AI จะถูกเอาไปใช้ในงานอุตสาหกรรมหรือช่วยเหลือมนุษย์

 

ที่มา : interestingengineering  

 #หุ่นยนต์  #AI  #DeepMind #TechhubUpdate

เกิดเหตุไม่คาดคิด เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกัน คาดโดนรีโมตจากระยะไกล

เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมาเพจเจอร์ได้เกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องนาน 1 ชั่วโมงในตอนใต้ของทางเลบานอนที่ผู้คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ 

ได้มีวิดีโอวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ทันขณะที่ประชาชนกำลังซื้อของในร้านขายของ อุปกรณ์พกพาขนาดเล็กหรือเพจเจอร์ที่วางอยู่ข้างแคชเชียร์เกิดระเบิดขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิต 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 2,800 ราย

ล่าสุดนิวยอร์กไทมส์รายงานว่าอิสราเอลได้ซ่อนวัตถุระเบิดไว้ในเครื่องรับส่งวิทยุโกลด์อพอลโลที่ผลิตในไต้หวัน ก่อนที่จะนำเข้ามายังเลบานอนโดยวัตถุระเบิดดังกล่าวถูกฝังไว้ข้างๆ แบตเตอรี่พร้อมสวิตช์ที่สามารถสั่งให้จุดระเบิดได้จากระยะไกล

หลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมประเทศเลบานอนยังคงใช้เพจเจอร์อยู่?

ส่วนหนึ่งเพราะความขัดแย้งระหว่างฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอล ที่ต้องคำนึงเรื่องากรติดต่อสื่อสาร ติดตามตำแหน่ง การดักฟังต่าง ๆ หลายคนในประเทศจึงกลับมาใช้เพจเจอร์อีกครั้ง

ในขณะที่รัฐบาลอิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยบอกว่าเป็นข้อมูลเท็จ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงจากการระเบิดครั้งนี้

ถึงแม้ว่าจะกลับมาใช้เทคโนโลยีรุ่นเก่าแล้วแต่ก็ยังเกิดเหตุไม่คาดฝันที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก 

 

ที่มา : reuters

#เพจเจอร์  #TechhubUpdate

Hot Issue