Home Blog Page 19

รวมพลคนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน GEN S.. Generation Sustainability

GEN S.. Generation Sustainability เวทีสำหรับทุกคนที่จะได้อัปเดตเทรนด์ สร้าง Sustainable Business และ Net Zero Lifestyles กู้โลกเดือด ไปด้วยกัน

พร้อมด้วยกว่า 30 วิทยากร ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมแชร์ความคิด สร้างไอเดีย สู่การลงมือทำ เพื่อก้าวข้ามความยากสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

🌐 ดูหัวข้อน่าสนใจ
https://gcsustainablelivingsymposium2024.com/th/

📲 ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน (ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย)
https://register.gcsustainablelivingsymposium2024.com/th/

Subscribe GC YouTube : https://www.youtube.com/@GC-mq2gt
เพื่อไม่พลาด Event ครั้งสำคัญ

 

#GENS #GENSGathering #GCSustainableLivingSymposium2024
#GENSStandingForSustainablity
#GCChemistryforBetterLiving
#TechhubUpdate

เดลล์ เทคโนโลยีส์ พร้อมขับเคลื่อนภาคโทรคมนาคม สู่ยุค AI

  • โปรแกรม Dell AI for Telecom ช่วยลดความซับซ้อนและเร่งการนำ AI มาใช้งาน สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร
  • เดลล์ ขยายความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อปฏิรูปการดำเนินงานของเครือข่ายโทรคมนาคมด้วยโซลูชัน AI ที่สร้างบน Dell AI Factory ร่วมกับ NVIDIA
  • เดลล์ ร่วมมือกับ Lintasarta และ SK Telecom เพื่อเร่งให้ภาคโทรคมนาคมนำ AI มาใช้งานรวมถึงสร้างนวัตกรรมได้รวดเร็ว

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัว Dell AI for Telecom โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อเร่งให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) นำ AI มาใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว

การศึกษาล่าสุดของ MeriTalk study สนับสนุนการจัดทำโดย เดลล์ เทคโนโลยีส์ พบว่า 48% ของผู้บริหารด้านโทรคมนาคม มองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้มากที่สุด ภายใน 5 ปีข้างหน้า แต่กระนั้น 68% รู้สึกว่าองค์กรของตัวเองยังต้องดิ้นรนเพื่อก้าวให้ทันเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้าที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว 

โปรแกรม Dell AI for Telecom นับเป็นส่วนหนึ่งของ Dell AI Factory ที่ช่วยตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ ด้วยการนำความเชี่ยวชาญด้าน AI ของเดลล์ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานและการบริการ พร้อมซอฟต์แวร์และซิลิคอนที่ครอบคลุมระบบนิเวศ AI ทั้งหมดมารวมไว้ด้วยกัน โดยโปรแกรมนี้จะพัฒนาและนำโซลูชัน AI มาใช้ภายในองค์กร เพื่อให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถใช้โซลูชัน AI เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย ปรับปรุงการให้บริการลูกค้าและสร้างคุณค่าจากเอจด์ เอ็นเตอร์ไพร์ซได้มากยิ่งขึ้น 

“การใช้ประโยชน์จากโอกาสมากมายที่ AI ได้แสดงให้เห็น กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่น่าสนใจมากที่สุดในการปฏิรูปเครือข่ายสู่คลาวด์” แดนนี่ อัลมาร์จี้ รองประธานฝ่าย Presales ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “Dell AI for Telecom นำความเชี่ยวชาญด้าน AI และระบบโครงสร้างพื้นฐานของเดลล์ มารวมไว้ด้วยกัน พร้อมด้วยพันธมิตรทั่วทั้งระบบนิเวศ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเครือข่ายติดตั้งโซลูชัน AI สำหรับใช้ภายในเครือข่ายและบนเครือข่าย ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสใหม่จากการทำรายได้ในส่วนเอดจ์”

เดลล์ ร่วมกับ NVIDIA ปฏิรูปเครือข่ายโทรคมนาคม ด้วยโซลูชัน AI

เดลล์ขยายความร่วมมือกับ NVIDIA ในประเด็นต่อไปนี้

  • ร่วมกันสร้างและตรวจสอบการทำงานของโซลูชัน AI เพื่อโทรคมนาคม สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ซึ่งเป็นโซลูชันที่สร้างและตรวจสอบการทำงานด้วย Dell AI Factory พร้อมกับ NVIDIA  โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge และ NVIDIA GPUs รวมถึงซอฟต์แวร์ AI ของผู้จำหน่ายรายอื่น โดยโซลูชันเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ให้บริการ CSPs นำ AI มาใช้ดังต่อไปนี้
    • เพิ่มประสิทธิภาพด้านการดูแลลูกค้า และปรับปรุงการบำรุงรักษาเครือข่ายด้วยแพลตฟอร์ม Amdoc amAIz
    • สร้างสคริปต์สำหรับคอลเซ็นเตอร์ และทำให้งานส่วนการดูแลลูกค้าดำเนินไปโดยอัตโนมัติด้วย Iternal
    • วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาด้านเครือข่ายด้วย Kinetica SQL-GPT
    • พัฒนาระบบ digital twins สำหรับเครือข่ายต่างๆ พร้อมดูแลรักษาเครือข่ายเชิงคาดการณ์ด้วย Synthefy
  • อำนวยความสะดวกในการนำ AI มาใช้ที่ปลายทาง (edge) ของเครือข่ายโทรคมนาคม ด้วยเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XR8000 ที่ปัจจุบันมาพร้อมกับ NVIDIA L4 Tensor Core GPUs  ทั้งนี้ PowerEdge XR8000 ได้รับการออกแบบมาเพื่อภาคโทรคมนาคมและกรณีการใช้งานที่เอดจ์โดยเฉพาะ โดยมาในรูปทรงที่กระทัดรัด เป็นดีไซน์แบบโมดูลาร์ สามารถปรับขยายได้ ช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งานและการบำรุงรักษา
  • ช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ในการออกแบบและปรับใช้บริการ CPUaaS (GPU-as-a-Service) เพื่อที่องค์กรเหล่านี้ จะสามารถมอบศักยภาพของ NVIDIA GPU แบบออนดีมานด์ ให้กับลูกค้าระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซได้ โดยโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานจะเพิ่มประสิทธิภาพของ AI เวิร์กโหลดในองค์กร จึงช่วยให้ผู้ให้บริการ CSPs สามารถปลดล็อกโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ และใช้เครือข่ายของตนนำเสนอเรื่องการฝึกฝน AI และการทำอนุมาน (inference) ได้ในระดับเดียวกับผู้ประกอบการเครือข่าย โดยช่วยลดความล่าช้า และทำได้ใกล้แหล่งข้อมูลมากขึ้น  

บริการ Dell Professional Services ช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ในเรื่องของกลยุทธ์ การติดตั้งและดำเนินงานด้วยโซลูชัน AI สำหรับกรณีการใช้งานในภาคโทรคมนาคม

ร่วมมือกับผู้ประกอบการเครือข่าย เพื่อการนำ AI และนวัตกรรมมาใช้ได้รวดเร็ว

เดลล์ ร่วมมือกับผู้ให้บริการ CSPs ในส่วนของ Dell Telecom Open Ecosystem Labs อยู่แล้ว ในการพัฒนาโซลูชัน AI โดยใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐาน Dell AI Factory พร้อมระบบนิเวศด้านพันธมิตร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า อีกทั้งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่าย

  • Lintasarta ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและสารสนเทศของอินโดนีเซีย กำลังนำเสนอบริการ GPU Merdeka ในลักษณะของ GPUaaS เพื่อให้บริการระบบโครงสร้าง AI รวมถึง NVIDIA GPUs พร้อมเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE9680 สำหรับธุรกิจระดับประเทศ
  • SK Telecom และ เดลล์ พร้อมด้วยพันธมิตรรายอื่นๆ กำลังร่วมมือกันพัฒนาเอเจนต์ AI chat สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ซึ่งการสร้างแพลตฟอร์ม AI สำหรับผู้ประกอบการเครือข่ายมือถือ (Mobile Network Operator (MNO) AI Platform) ทีมงานจะมุ่งที่การผสาน AI เข้ากับระบบสนับสนุนธุรกิจ (BSS – Business Support Systems) ที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ สร้างการเติบโตของรายได้ อีกทั้งช่วยตอบสนองและแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

“ในความร่วมมือกับ เดลล์ เทคโนโลยีส์ และ NVIDIA ทาง Lintasarta จะนำเสนอบริการ GPU-as-a-Service (Deka GPU) โดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน AI ของเดลล์ และ NVIDIA GPUs สำหรับธุรกิจระดับประเทศ เพื่อให้องค์กรเหล่านี้เข้าถึงความสามารถล้ำหน้าของ AI ที่ปรับให้เหมาะกับงานที่ต้องใช้พลังในการประมวลผลสูง” กิเดียน ซูแรนต้า ประธานบริหารด้านคลาวด์ Lintasarta กล่าว

“การสร้างแพลตฟอร์ม AI สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ นับเป็นก้าวสำคัญในการผสาน AI เข้ากับระบบสนับสนุนทางธุรกิจ (BSS) นอกจากนวัตกรรมดังกล่าวจะมุ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาคโทรคมนาคมแล้ว ยังช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้รวดเร็วเกินคาด อีกทั้งให้ประสิทธิภาพจากการช่วยลดภาระงานแบบเดิม และช่วยปรับปรุงมาตรฐานเพื่อให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่สามารถเข้าใจผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือได้ง่าย รองรับการเรียกใช้ API ที่มีการจัดการที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ปัญหา โดยการร่วมมือกับเดลล์ เทคโนโลยีส์ เรามุ่งที่การเร่งสร้างนวัตกรรมและนำ AI มาใช้งานเพื่อมอบคุณค่าและบริการชั้นเยี่ยมให้กับลูกค้าของเรา” ไห่ซัง ควอน หัวหน้า MNO AI Platform ของ SK Telecom กล่าว

“เครือข่ายโทรคมนาคม เป็นโครงสร้างสำคัญที่นำแอปพลิเคชัน AI มาให้กับผู้บริโภคและองค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซในวงกว้าง เดลล์ กำลังเร่งให้มีการนำ AI factories ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึง AI-RAN ในภาคโทรคมนาคม ด้วยชุดโซลูชันของ NVIDIA อีกทั้งช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารนำเทคโนโลยีเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานในเครือข่ายของตน และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า” รอนนีย์ วาสิสตา รองประธานอาวุโส ฝ่ายโทรคมนาคม NVIDIA กล่าว

“เราร่วมมือกับ เดลล์ เทคโนโลยีส์ โดยใช้ Dell AI Factory และแพลตฟอร์ม Amdoc’s amAIz เพื่อมอบโซลูชัน AI ที่จะปฏิรูปการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร และเร่งการนำ GenAI มาใช้งาน” แอนโธนี กูนทิลลีก ประธานกลุ่ม เทคโนโลยี และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ Amdocs กล่าว

การวางจำหน่าย

  • โซลูชัน AI ที่ใช้ร่วมกับโซลูชัน Amdocs, Iternal, Kinetica และ Synthefy พร้อมวางจำหน่ายแล้ว
  • เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XR8000 พร้อม NVIDIA L4 Tensor Core GPUs พร้อมจำหน่ายแล้วเช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ASUS เดินหน้าขึ้นแท่นผู้นำโน้ตบุ๊ก AI PC ในไทย วางจำหน่าย Zenbook S 14 สุดบางเบา ชูโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 200V ยกระดับงาน AI พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊ก AI PC รุ่นล่าสุดนี้ก่อนใคร

เอซุส (ประเทศไทย) เปิดตัว Zenbook S 14 (UX5406) โน้ตบุ๊ก ASUS AI PCs ล่าสุด ขนาด 14 นิ้ว บางเบา พกพาสะดวก ผสานประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงเข้ากับดีไซน์เรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโน้ตบุ๊กตระกูล Zenbook พร้อมแนะนำวัสดุตัวเครื่องพิเศษเฉพาะแบบใหม่ เซราลูมิเนียม (Ceraluminum™) ซึ่งเป็นการผสมผสานความสวยงามและสัมผัสของเซรามิกเข้ากับความแข็งแกร่งของอะลูมิเนียม ให้ความทนทาน ลดการเกิดรอยนิ้วมือ ตัวเครื่องมาในสีขาวอันหรูหรา (Scandinavian White) 

Zenbook S 14 นี้ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ใหม่ Intel® Core™ Ultra 7 (Series 2) พร้อมมาตรฐาน Intel Evo มาพร้อมเทคโนโลยีการประมวลผล AI ล่าสุด และการ์ดจอ Intel Arc™ โดยสามารถประมวลผล AI ด้วย NPU สูงสุด 47 TOPS ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบระบายความร้อนแบบ 3D vapor-chamber พร้อมค่า TDP สูงสุด 28 วัตต์ ทำงานขั้นสูงได้อย่างเงียบสงบที่สุด นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่มลัด Copilot บนแป้นคีย์บอร์ด สามารถใช้งานฟีเจอร์ Windows Copilot ที่ติดตั้งใน Windows 11 เป็นผู้ช่วยส่วนตัวใช้งานด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ใช้ยังสามารถดื่มด่ำกับหน้าจอคุณภาพดีที่สุด ASUS Lumina OLED ความละเอียด 3K 120Hz ที่มาพร้อมระบบเสียงลำโพง 4 ตัวอันทรงพลัง เพิ่มประสบการณ์ด้านความบันเทิงอย่างแท้จริง ทั้งมั่นใจในระบบความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบกล้อง AiSense IR รองรับ Windows Hello, Adaptive Lock ตรวจจับตัวตนของผู้ใช้ พร้อมจดจำใบหน้าเพื่อเข้าระบบโดยอัตโนมัติ

การผสานระหว่างศิลปะและเทคโนโลยี

Zenbook S 14 มาพร้อมวัสดุใหม่ เซราลูมีเนียมที่ทีมวิจัยและพัฒนาศึกษาค้นคว้านานกว่า 4 ปี เพื่อให้ได้วัสดุที่ทนทานและมีดีไซน์ทันสมัย โดย Zenbook S 14 ยังใช้เทคโนโลยี CNC ในการตัดวัสดุ ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเป็นพิเศษเพียง 1.1 ซม.และน้ำหนักเบาเพียง 1.2 กก. เป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานความสวยงามเข้ากับฟังก์ชันการทำงาน แม้เครื่องจะมีความบาง แต่ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง vapor-chamber ช่วยให้ทำงานได้อย่างลื่นไหลที่สุด นอกจากนี้การออกแบบตัวเครื่องยังได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ  พร้อมส่งเสริมความยั่งยืนด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

ยกระดับการใช้งาน AI

Zenbook S 14 พร้อมส่งมอบความสามารถของ AI ในอีกระดับ ในดีไซน์ตัวเครื่องพรีเมียม บางเบา รองรับการทำงานระดับสูงได้อย่างราบรื่นด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด Intel Core Ultra 7 (Series 2) ที่มาพร้อมการออกแบบชิปเซ็ตไว้ในซิลิกอนตัวเดียว (SoC) ซึ่งช่วยลดขนาดเมนบอร์ดได้กว่า 27% และช่วยลดระยะห่างระหว่างซีพียูและหน่วยความจำ ทำให้รับส่งข้อมูลได้รวดเร็ว รวมถึงช่วยให้การระบายความร้อนโดยรวมดียิ่งขึ้น พร้อม NPU ที่ให้การประมวลผล AI สูงสุด 47 TOPS รองรับการทำงานแอปพลิเคชัน AI อันหลากหลาย ได้แก่ Copilot ที่ช่วยโต้ตอบบทสนทนาได้ทันที เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการทำงาน, Live Caption ให้คำบรรยายอัตโนมัติ แปลงเสียงเป็นข้อความแบบเรียลไทม์ และซอฟแวร์ AI ใหม่ ASUS StoryCube ช่วยจัดการข้อมูลดิจิทัล ภาพถ่ายและวีดีโอ ด้วยการใช้ AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการไฟล์  อีกทั้งยังเลือกใช้ RAM LPDDR5X ซึ่งใช้พลังงานต่ำและมีความเร็วสูง โดย RAM ขนาด 32 GB มาพร้อมความจุ SSD 1TB 

Zenbook S 14 ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 72 Wh ให้ใช้งานได้ตลอดวัน พร้อมพอร์ทเชื่อมต่อได้แก่ Thunderbolt™ 4 สองพอร์ท, USB 3.2 Type-A, HDMI® และพอร์ต audio jack พร้อมด้วย WiFi 7 ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว 

เต็มอิ่มด้านความบันเทิง

หน้าจอคุณภาพสูง ASUS Lumina OLED พร้อมความละเอียด 3K (2880 x 1800) 120Hz อัตราส่วน 16:10 แสดงสีสวยสดใส พร้อมมาตรฐานสี Pantone® Validated และปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ผ่านการรองรับจาก TÜV Rheinland ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ทำลายดวงตาได้กว่า 70% พร้อม 100% DCI-P3 color gamut และ VESA Display HDR™ True Black 500 ให้ภาพสวยสมจริง มีชีวิตชีวา มาพร้อมลำโพง 4 ตัว ช่วยดึงเสียงเบส ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ดีที่สุด พร้อมระบบ smart amplifier และ ASUS Audio Booster ในระบบเสียงที่ได้รับการรับรองจาก Harman Kardon และดื่มด่ำกับเสียงหลากหลายมิติ Dolby Atmos®

Zenbook S 14 (UX5406) วางจำหน่ายแล้วในราคา 65,990 บาท มาพร้อม Windows 11 Home และเป็นโน้ตบุ๊กเอซุสรุ่นแรกที่มาพร้อม Office Home 2024 รองรับแอปพลิเคชันเพิ่มเติม ได้แก่ Outlook, OneNote และ Microsoft Access พร้อมด้วย Microsoft 365 Basic ฟรี 12 เดือน เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ขนาด 100 GB และ มาพร้อมการรับประกันบริการซ่อมถึงที่ 3 ปี (On-Site Service), ประกันระหว่างประเทศกว่า 80 ประเทศทั่วโลก 3 ปี และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก (Perfect Warranty)

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.facebook.com/ASUSTHAILAND 

Zenbook S 14 (UX5406): https://th.asus.click/4okcmx

ASUS Online Store: https://www.asus.com/th/store/  

ASUS Official Store บน Shopee: https://bit.ly/2UEpBCb 

ASUS Official Store บน Lazada: https://bit.ly/2UBBmcJ 

LINE MAN ย้ำภาพผู้นำฟู้ดเดลิเวอรี ชูจุดยืนใหม่ “ถูกสุดทุกวัน” ถูกจริงไม่ต้อง Subscribe

LINE MAN ย้ำภาพผู้นำฟู้ดเดลิเวอรี ทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เผย Positioning ใหม่ “ถูกสุดทุกวัน” ถูกจริงแบบไม่ต้อง Subscribe มอบส่วนลดสูงสุดถึง 3 ต่อ ‘ส่งฟรี 0 บาท – โปรเดือด – ลดหลายต่อ’ ให้คนไทยเข้าถึงร้านอร่อยทั่วไทยจากตัวจริงเรื่องอาหารในราคาที่ถูกที่สุด พร้อมปั้นน้อง ‘Moon’ คาแรคเตอร์ LINE MAN ที่ทุกคนคุ้นเคยสู่พรีเซนเตอร์ในชีวิตจริง 

คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า “ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี
ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเรามีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน มีไรเดอร์กว่า 100,000 คนกระจายให้บริการครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย เป็นฟู้ดเดลิเวอรีเจ้าเดียวในไทย
ที่ให้บริการลงลึกกว่า 328 อำเภอ เติบโตขึ้นกว่า 50% จากสองปีที่แล้ว และยังรุกขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะเราเป็นตัวจริงด้านอาหารที่รวบรวมร้านอาหารทุกระดับ ตั้งแต่สตรีทฟู้ดริมทาง ร้านเก่าแก่
ที่เป็นตำนาน เชนร้านอาหารขนาดใหญ่ ไปจนถึงร้านฮิตติดกระแสรวมกว่า 700,000 ร้าน

ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวังเรื่องการจับจ่าย แต่ยังคงมองหาความคุ้มค่าในการใช้จ่าย
ผ่านช่องทางออนไลน์ เราจึงวางจุดยืนของแบรนด์ใหม่ในรอบหลายปีภายใต้แนวคิด ‘ถูกสุดทุกวัน’ เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ดังกล่าว ให้คนไทยค้นพบร้านอร่อยมากที่สุดทั่วไทยบน LINE MAN ในราคา
ที่ถูกสุดทุกวัน พร้อมปรับให้ใช้ส่วนลดได้ 3 ต่อพร้อมกันในออร์เดอร์เดียว

เราทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท จัดเต็มทั้งคูปองส่วนลดและกิจกรรมสื่อสารการตลาด จับกระแส
มาสคอตพรีเซนเตอร์ พา ‘Moon’ คาแรคเตอร์ LINE MAN ที่ทุกคนคุ้นเคยจากเสื้อและกล่องของไรเดอร์ ให้มาโลดแล่นในชีวิตจริงในฐานะพรีเซนเตอร์และตัวแทนไรเดอร์ที่ส่งความอร่อยให้ลูกค้า และเพื่อสร้าง
การจดจำในใจของผู้บริโภค เราได้เตรียมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมสื่อโฆษณาออนไลน์ และออฟไลน์ในพื้นที่ย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ รวมถึงผนึกกำลังครั้งใหญ่กับบรรดาพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร
ชั้นนำที่ขนเหล่ามาสคอตประจำร้านมาปลุกกระแสถูกสุดทุกวันบน LINE MAN และคาดว่าในไตรมาส 4 จะมียอดขายเติบโตกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”

LINE MAN ถูกจริงแบบไม่ต้อง Subscribe มอบส่วนลดสูงสุด 3 ต่อในการสั่งเพียงครั้งเดียว!

  • ส่งฟรี 0 บาท: ฟรีค่าส่งในทุกการจัดส่ง*  
  • โปรเดือด: ส่วนลดค่าอาหารหลากหลายรูปแบบ* ไม่ว่าจะเป็น ซื้อ 1 แถม 1, Flash Deal หรือส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 60% โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘โปรเดือดทุกมื้อเด็ด’ ที่หน้าร้านค้า
  • ลดหลายต่อ: สามารถใช้ส่วนลดต่างๆ ได้พร้อมกันใน 1 ออร์เดอร์*
    • ต่อที่ 1: โปรโมชันราคาอาหารลดสูงสุด 60%* โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘โปรเดือดทุกมื้อเด็ด’ ที่หน้าร้านค้า
    • ต่อที่ 2: เก็บคูปองส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 100 บาท ที่หน้า ‘เก็บโค้ดลดเพิ่ม’ เพื่อใช้เป็น
      ส่วนลด* เมื่อสั่งขั้นต่ำครบตามที่กำหนด โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์
      ‘เก็บโค้ดลดเพิ่ม’ ที่หน้าร้านค้า
    • ต่อที่ 3: ส่วนลดค่าส่งสูงสุด 20 บาท* เมื่อซื้อครบ 150 บาทขึ้นไป ในระยะ
      5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตรในพื้นที่ตามที่กำหนด โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จาก
      สัญลักษณ์ ‘ส่งฟรี ร้านคุ้ม’ จำนวนกว่า 130,000 ร้าน หรือค่าส่งฟรี 0 บาท* 

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ “ถูกสุดทุกวัน” บนแพลตฟอร์ม LINE MAN ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/linemanth/

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

อัปเดตใหม่ Paint รองรับ Gen AI สำหรับเครื่องที่มี Copilot

[ฟีเจอร์ AI ใหม่] นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊กหรือ PC ที่รองรับการใช้งาน Copilot+ ได้ ล่าสุดทาง Microsoft เผยเตรียมอัปเดตฟีเจอร์ Generative AI ในโปรแกรมหรือแอปฯ วาดรูปยอดนิยมอย่าง Paint เร็ว ๆ นี้

แทรกรูปภาพ ลบวัตถุจากรูปภาพ หรือสร้างรูปภาพใหม่จากตัวอักษร (Text) นับเป็นฟีเจอร์ Generative AI ที่เห็นได้บ่อย ๆ ในปัจจุบัน โดยมีโปรแกรมดังอย่าง Adobe Photoshop ได้นำไปใช้แล้ว ส่วนฝั่ง Microsoft ก็เตรียมนำมาใช้กับ Paint ด้วย ซึ่งจะเปิดให้ใช้สำหรับเครื่อง PC ที่รองรับการใช้งาน Copilot+ โดยเฉพาะ และไม่ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานด้วย

สำหรับตัว Generative AI หรือ Gen AI บน Paint จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถลบวัตถุจากรูปภาพ หรือเพิ่มวัตถุตามคำอธิบายเป็นตัวอักษรได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องวาดหรือสร้างเองเหมือนก่อน (หรือหาไฟล์จากเน็ต) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผล NPU ด้วย ซึ่งจะมีในซีพียูใหม่ ๆ ทั้ง Qualcomm Snapdragon X , Intel Core Ultra 200 และ AMD Ryzen AI 300 ขึ้นไป

นอกจาก Gen AI บน Paint แล้ว ก็มีรายงานด้วยว่า Microsoft กำลังพยายามฟื้นคืนชีพฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหากิจกรรมใด ๆ เคยทำไว้บนเครื่อง PC ได้ ทว่ากลับมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยจำนวนมาก รวมไปถึงความเป็นส่วนตัวด้วย รอติดตามกันว่า หลังอัปเดต Paint แล้ว จะมีฟีเจอร์ดังกล่าวอัปเดตตามมาด้วยหรือไม่

ที่มา : Techspot

ใครเป็นเจ้าของ ภาพจาก AI จดลิขสิทธิ์ไม่ได้ ถูกขโมยใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

[กุมขมับ] งานนี้คงสร้างความสับสนกันทั่วหน้า หลังมีผู้ชนะการประกวดภาพ AI ออกมาโวย เผย “ผลงาน” ของตนเอง ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ภาพดังกล่าวจะถูกสร้างด้วย Midjourney ก็ตาม

Jason M. Allen เจ้าของผลงานภาพ AI อย่าง Théâtre d’Opéra Spatial ที่ชนะการประกวดภาพศิลปะดิจิทัลหรือ Colorado State Fair ประจำปี 2022 แต่ด้วยที่ตัวภาพถูกสร้างโดย Midjourney เครื่องมือ AI ชื่อดัง ทำให้มีศิลปินหลายคนไม่พอใจในผลงานดังกล่าว

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ ทางด้านนาย Allen ก็ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ชนะ ไม่ได้ทำผิดกฎอะไร และจะไม่ขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วย พร้อมกล่าวเสริมอย่างแสบ ๆ อีกว่า “ศิลปะมันตายแล้วเพื่อน มันจบแล้ว AI ชนะ ส่วนมนุษย์แพ้”

เรียกได้ว่าความมั่นใจมาเต็ม แต่อย่างไรก็ตาม ทางสื่อ Gizmodo เผยนาย Allen พยายามจดลิขสิทธิ์ภาพที่สร้างจาก AI ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 แล้ว แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เพราะถูกมองว่างานศิลปะที่สร้างโดย AI นั้น ไม่สามารถมีลิขสิทธิ์ได้ ผู้สร้างจะต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น ถึงจะเป็นส่วนสำคัญในการจดลิขสิทธิ์

นอกจากจะจดลิขสิทธิ์ไม่ได้แล้ว ซ้ำร้ายภาพ AI สุดรักก็ยังถูกขโมยไปใช้อีกด้วย โดยนาย Allen ได้ออกมาโวยกับทาง Colorado Public Radio พร้อมเผยอีกว่าตนเอง ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่มาขโมยผลงานได้เลย ได้แต่มองผลงานภาพของตน ถูกนำไปใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือเครดิตใด ๆ ทั้งนั้น จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ต่อศาลรัฐบาลกลางที่โคโลรา เพื่อพยายามจดลิขสิทธิ์อีกครั้ง

สำหรับภาพ Théâtre d’Opéra Spatial เผยมีการใช้ Photoshop ตกแต่งเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้นาย Allen ยังได้กล่าวโต้แย้งกับศาลด้วยว่า ตัวภาพมีการใส่ชุดคำสั่ง (Prompts) กับมีการปรับฉากและกำหนดโทนของภาพ จึงเทียบได้กับความพยายามสร้างสรรค์ผลงานโดยศิลปินเช่นกัน

ที่มา : Techspot

ผลทดสอบชัด ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด ไม่ได้ช่วยลดภาระงาน

[เพราะอะไร] ปัจจุบันมีเครื่องมือ AI หลายประเภท มีวิธีใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่มักมีคล้าย ๆ กันคือ “การช่วยลดภาระ” จากการทำงานต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีการใช้ AI ช่วยเขียนโปรแกรมด้วย ให้ผู้ใช้สามารถเขียนโค้ดได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และสะดวกกว่าเดิม ทว่าผลทดสอบล่าสุดกลับพบว่า ตัว AI ไม่ได้ช่วยอย่างที่หวังไว้

Uplevel บริษัทวิเคราะห์และแนะนำการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ เผยได้ติดตามนักพัฒนาซอฟต์แวร์ประมาณ 800 คน ลองใช้งาน GitHub Copilot เครื่องมือช่วยเขียนโปรแกรมอัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม จากนั้นก็สังเกตความเปลี่ยนแปลง

Matt Hoffman นักวิเคราะห์จาก Uplevel เผยมีความคาดหวังให้ AI ช่วยนักพัฒนาให้สามารถเขียนโค้ดหรือทำงานได้มากขึ้น และหวังให้ช่วยลดข้อบกพร่องตอนตรวจงานด้วย คือหลังเขียนโค้ดสร้างโปรแกรมเสร็จ ก็จะต้องมีการ ‘ตรวจสอบ’ ข้อผิดพลาดก่อนส่งงานด้วยนั้นเอง ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือ AI ช่วยตรวจสอบแทนได้แล้ว

แต่ในความเป็นจริงนั้น Matt Hoffman กลับพบว่านักพัฒนาที่ใช้ Copilot เกิดข้อบกพร่องในการเขียนโค้ดมากถึง 41% แทน และไม่พบด้วยว่าการใช้ AI สามารถช่วยลดภาระหรือสภาวะเหนื่อยล้า (Burnout) ได้อย่างจริงจัง

ในช่วงเริ่มต้น พบการเขียนโค้ดใหม่เกือบ 30% มาจากความช่วยเหลือโดย AI และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็มองได้อีกประการคือ นักพัฒนาเริ่มพึ่งพา AI มากเกินไปแล้ว

Ivan Gekht ซีอีโอ Gehtsoft USA บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในสหรัฐฯ เผยได้มีการทดสอบที่คล้ายกัน ก็พบผลลัพธ์น่าตกใจว่า การแก้ไขโค้ดที่สร้างโดย AI นั้น จะเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายการเขียนโค้ดใหม่หมดตั้งแต่ต้น กลับทำได้ง่ายกว่าการแก้ไขซะอีก

ทาง Ivan Gekht ได้กล่าวเสริมอีกว่า การเขียนโค้ดเพียงไม่กี่บรรทัด (ที่เหลือใช้ AI ช่วยเขียน) กับการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเต็มรูปแบบเลยนั้น มีความแตกต่างกันมาก คือการ ‘เขียนโค้ด’ ก็เหมือนกับการเขียนประโยค ในขณะที่ ‘การพัฒนา’ ก็เหมือนกับการเขียนนวนิยายเลย

แม้จะมีรายงานผลทดสอบที่ไม่ดีนัก แต่ก็ยังมีบริษัทที่เห็นประโยชน์ในเครื่องมือดังกล่าวอยู่ โดยมี Innovative Solutions ซึ่งทาง Travis Rehl ที่เป็น CTO ของบริษัทกล่าวออกมาเผยเลยว่า ตัว AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนามากขึ้น 2 -3 เท่า

โดยเพิ่มประสิทธิภาพจนถึงขั้นที่จบโปรเจ็กต์ของลูกค้าได้ภายใน 24 ชั่วโมงเลย จากแต่เดิมอาจต้องใช้เวลามากถึง 30 วัน Travis Rehl กล่าวเพิ่มเติม

ส่วนทางฝั่ง GitHub Copilot ยังไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการทดสอบเหล่านี้ แต่มีการชึ้ว่านักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดได้เร็วขึ้นถึง 55% โดยใช้เครื่องมือดังกล่าว

ที่มา : Techspot

รุ่นใหม่ กังหันลมพกพาได้ ชาร์จไฟเร็วถึง 75W

[ยันเช้ามืด] อีกหนึ่งพลังงานจากธรรมชาติ เอาใจสายแคมป์ปิ้งหรือรถบ้านกับ Shine 2.0 กังหันลมแบบพกพาภาคต่อ ชูให้พลังงานได้สูงถึง 50W ชาร์จโน้ตบุ๊กเต็มได้ใน 2 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จพลังงานได้ทั้งวัน

ดูเหมือนโซลูชันพลังงานแบบพกพาเริ่มมาแรง โดยย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ได้มีสตาร์ทอัพหน้าใหม่เปิดตัว Shine Portable Wind Turbine กังหันลมแบบพกพารุ่นแรก ล่าสุดได้เปิดตัวรุ่นสองแล้วอย่าง Shine 2.0 รอบนี้สามารถสร้างพลังงานจากแรงลมได้ตั้งแต่ 8 ถึง 28 ไมล์ต่อชั่วโมง ช่วยผลิตพลังงานได้สูงถึง 50W หรือหากมีแรงลมเบา ๆ ขั้นต่ำที่ 8 ไมล์ต่อชั่วโมง ก็ยังสามารถชาร์จไฟได้ 5W ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 11 ในการเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน

ทั้งนี้ตัว Shine 2.0 นอกจากใบพัดแล้ว ภายในก็มีแบตฯ ขนาด 12,000 mAh เป็น Powerbank แบบพกพาด้วยเช่นกัน โดยสามารถจ่ายไฟได้เร็วถึง 75W ผ่านพอร์ต USB-C (รุ่นก่อนหน้าใช้ Micro-USB)

อีกหนึ่งข้อดีของตัว Shine 2.0 คือสามารถชาร์จพลังงานได้ตลอดทั้งวัน ตราบใดที่มีแรงลมมากพอ ซึ่งตัวอุปกรณ์มีขาตั้งเสริม (ที่น่าจะขายแยก) สูง 1.8 เมตร ไว้ช่วยให้รับแรงลมได้ดีขึ้น โดยสามารถเช็คสถานะผ่านแอปฯ ได้ด้วย

ท้ายนี้ตัว Shine 2.0 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 571 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 19,000 บาท ซึ่งเป็นราคาวางจำหน่ายจริง แต่หากใครสนใจและไม่รีบ ก็สามารถสั่งจองได้ผ่าน Kickstarter ในราคา Early Bird เริ่มต้นที่ 356 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 11,800 บาทเท่านั้น คาดเริ่มจัดส่งได้ในเดือนเมษายน 2025 หรืออาจนานกว่านั้น

ที่มา : TheVerge

ติดป้ายล้ำสมัย FDA รับรอง Neuralink ฝังชิปช่วยฟื้นฟูการมองเห็น

[ใบเบิกทาง] ถือเป็นข่าวดีในวงการแพทย์ และเป็นความหวังใหม่ของผู้พิการทางสายตาด้วย หลัง Neuralink เผยทาง FDA (อย.สหรัฐฯ) ให้การรับรอง Blindsight หรือชิปฝังสมองเพื่อช่วยฟื้นฟูการมองเห็นแล้ว โดยการติดป้ายให้เป็นอุปกรณ์ล้ำสมัยแห่งยุค

Neuralink บริษัทสตาร์ทอัพผู้พัฒนาชิปฝังสมองของ Elon Musk ล่าสุดได้ทาง Food and Drug Administration หรือ FDA องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ ให้อุปกรณ์ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นอย่าง Blindsight ติดป้ายเป็นอุปกรณ์ล้ำสมัย ถือเป็นใบเบิกทางให้บริษัท สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่

สำหรับตัว Blindsight จัดเป็นอุปกรณ์ประเภท BCI หรือชิปฝังสมอง ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ซึ่งทาง Elon Musk กล่าวเลยว่า เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแม้แต่ผู้ที่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างหรือเส้นประสาทตา สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ส่วนประเด็นเรื่องการทดลองใช้งานกับมนุษย์นั้น ทาง Neuralink ยังไม่เผยรายละเอียด และทางด้าน FDA ก็ยังไม่แสดงความคิดเห็น แต่คงคล้ายกับกรณี Telepathy ที่เป็นชิปฝังสมองช่วยผู้ป่วยอัมพาต สามารถสื่อสารผ่านคอมฯ ได้ และมีการทดลองกับมนุษย์จริง ๆ แล้ว ทั้งนี้ทางบริษัทก็หวังให้ตัวอุปกรณ์สามารถช่วยผู้ป่วยที่พิการ กลับมาเคลื่อนไหวและสื่อสารได้อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงฟื้นฟูการมองเห็นด้วย

ปัจจุบัน Neuralink กำลังทดสอบชิปฝังสมองสำหรับผู้ป่วยอัมพาต โดยเบื้องต้นจะมีผู้ป่วย 3 รายเข้าร่วมทดสอบ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนตัว Blindsight ก็อาจใช้เวลาอีกเช่นกัน

ที่มา : Reuters

รีบสมัครก่อนเต็ม  คอร์สใหม่จากจุฬาฯ เขียนโปรแกรมภาษา Python

คอร์สใหม่จากจุฬา เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ใครที่สนใจรีบสมัครก่อนเต็ม Thinking Like a Programmer เป็นชุดวิชาที่มีเนื้อหาการเรียนการสอนเกี่ยวกับการฝึกและพัฒนาแนวความคิดเชิงคำนวณซึ่งเป็นพื้นฐานของการคิดแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน 

ฝึกการลำดับขั้นตอนรวมถึงการออกแบบผังงานในการแก้ไขปัญหาหรือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัปสกิลเขียนโปรแกรมภาษา Python เป็นเครื่องมือสื่อกลางการเรียนรู้ นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถฝึกทักษะดังกล่าวผ่านทางตัวอย่างและแบบฝึกหัดในบทเรียน เอาไปประยุกต์ใช้กับงานหรือในชีวิตประจำวันได้

เริ่มลงทะเบียน 4 ตุลาคม 2567

สิ้นสุดการเรียน 30 พฤศจิกายน 2567

Competing in a Data-Driven World: Understand and Know-How

ทางไปเรียน >> https://mooc.chula.ac.th/course-detail/122 

มีทั้งหมด 5 บทเรียน (มีใบเซอร์เมื่อผ่านเกณฑ์)

Part 0: Course Introduction

Part I: Data-Driven Organization

Part II: From Data to Insights to Actions

Part III: Transforming into a Data-Driven Organization

Part IV: Advanced Data Analytics and Use Cases

Part V: Big Data Analytics : Do and Don’t

นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่ จิ้มลิ้งก์เลย >> techhub productivity

#เขียนโปรแกรม #Programmer #TechhubUpdate

Hot Issue