Home Blog Page 1599

Chromecast ยอดขายกระฉูดบน Best Buy’s ดีลต่ำสุด 10 เหรียญพร้อมโปร Google Play Credit

ล่าสุดกับดีลใหม่ของ Google Chromecast อุปกรณ์สำหรับการสตรีมมิ่งได้เกิดขึ้นแล้ว กับโปรในเวลาจำกัดสุดเร้าใจ ในราคา 20USD เท่านั้น แต่ถ้าจะรับพร้อมเครดิต Google Play ก็จะอยู่ที่ราคา 29.99 USD โดยราคานี้ส่งผลให้อุปกรณ์นั้นมีราคาแค่ 9.99 USD เท่านั้น นับว่าเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งของปี 2014 ที่ใช้สำหรับการสตรีมมิ่งภาพ วีดีโอและอื่นๆ ผ่านทางหน้าจอ ด้วยการต่อเข้ากับพอร์ต HDMI บนทีวี ซึ่งรองรับการใช้งานบนสื่อต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Netflix, YouTube, HBO GO, Hulu Plus, Pandora, Crackle, ESPN, MLB.TV และ Google Play Movies & TV ซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปีที่ผ่านมาจาก Google Chromecast, Amazon Fire Stick และ the Roku.

Chromecast-price

อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานการทำงานบนฟังก์ชั่นทั่วไปไม่ต่างจากกันมาก โดยเฉพาะการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ต่างๆ บนหน้าจอทีวี แต่ที่สำคัญคือ การแข่งขันลดราคาบรรดาอุปกรณ์ Stick เหล่านี้มีให้เห็นกันอยู่ตลอดตั้งแต่การลดราคาของ Chromecast ปลายปีที่แล้ว จนมาถึงการทำโปรโมชั่นในปัจจุบันที่เหลือเพียง 20 กว่าเหรียญในต้นปี 2015 นี้ พร้อมกับยังได้เครดิต 20 USD จาก Google Play เมื่อพิจารณาดูจากการขายปลีกในช่วงแรกที่ 34.99 USD รับรองว่าหลายคนคงรีบควักกระเป๋าจ่ายแบบไม่ลังเลเลยทีเดียว แต่ยังมีออพชั่นที่ประหยัดลงไปอีกกับการใช้ Store Pickup เพื่อให้ผู้ซื้อไปรับที่ร้าน Best Buy’s ใกล้บ้านได้อีกด้วย โดยในเงื่อนไขนั้น ผู้ที่ตกลงซื้อ Purchase บนเว็บไซต์ Best Buy ในราคา 29.99 USD แล้ว ก็จะได้รับรหัสผ่านทางอีเมล์ ซึ่งจะนำมาใช้เครดิตในการแลกที่เว็บไซต์ Chromecast กับการช้อปปิ้งบรรดา Content ต่างๆ ที่ชื่นชอบเพื่อดูบนหน้าจอทีวีที่บ้านได้อีกด้วย

ที่มา : techtimes

eSkin สติ๊กเกอร์วัดไข้แบบดิจิตอลสุดน่ารัก เอาใจคุณหนูๆ

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว VivaLnk ได้เผยโฉมอุปกรณ์ทำลายสักดิจิตอลหรือเป็น Digital Tattoo ให้กับผู้ใช้ ซึ่งคนที่ใช้ Moto X สามารถ Unlock เพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์นี้ได้ โดยที่ทางบริษัทเองก็ได้พูดถึงเทคโลยีที่ได้เกิดขึ้นในงาน CES 2015 ที่ผ่านมาเช่นกัน และได้นำเอาสิ่งที่เรียกว่า Wrap off และ eSkin Thermomiter อันเป็นแนวความคิดที่คล้ายกับลายสักแบบดิจิตอล ที่ผู้ใช้สามารถติด eSkin สำหรับใช้ในการวัดอุณหภูมิร่างกายนั่นเอง

VivaLnk

สติ๊กเกอร์ออกแบบมาเป็นรูปหมีน่ารัก เพื่อไม่ให้ดุว่าแปลกจนเกินไป และยังดูน่ารักใช้ได้ดีกับเด็กๆ อีกด้วย โดย Sticker จะมีฟีเจอร์ NFC ในการตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายกับผู้ใช้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในกรณีที่เปิดใช้งาน (NFC) เมื่อนำมาใกล้กับ Sticker ก็จะสามารถอ่านข้อมูลได้ทันที ซึ่งเราเองคงเคยได้เห็นการวัดไข้หรืออุณหภูมิแบบเดิมๆ กันอย่างคุ้นเคยไปแล้ว ซึ่งต่างจากการวัดค่าจาก Sticker แบบนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่การตรวจสอบด้วยการใช้ eSkin นี้ จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการวัดอุณหภูมิไปสู่อุปกรณ์แบบสวมใส่หรือ Wearable อื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการเชื่อมโยงไปกับอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการตรวจหรือแสดงผลในแบบอื่นๆ มากขึ้น ดังนั้นตามที่ VivaLnk ระบุไว้ก็คือ Sticker จะมีอายุการใช้งานประมาณ 15 วัน แต่ผู้ใช้ล้างหรือทำความสะอาดได้ เพื่อให้สามารถยึดติดกับตัวคุณเองหรือเด็กๆ เพื่อตรวจสอบตามระยะช่วงเวลาที่ป่วยได้ดีขึ้นและคาดว่าจะวางตลาดเครื่องวัดแบบ eSkin ในช่วงกลางปี 2015 ซึ่งราคาน่าจะอยู่ที่ 15-20 USD ต่อแพ็คเกจ (3 ชิ้น)

ที่มา : ubergizmo

ดังเพราะ…ขยันเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ facebook ทุกอาทิตย์

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเลือกภาพสวยๆ ที่บ่งบอกถึงตัวเองเป็นรูปโปรไฟล์ facebook ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้กันนานมาก บางคนอาจไม่เคยเปลี่ยนเลยก็มี แต่สำหรับชายผู้นี้ นามว่า Scott Ross เขากลับทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทำคือ ขยันเปลี่ยนรูปทุกอาทิตย์ หนุ่มวิศกรทางด้านเสียงอาศัยอยู่ในเมือง Dallas ซึ่งตอนนี้เขากำลังเป็นคนดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เนื่องจาก Scott เลือกเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวละครแปลกๆ แล้วก็ถ่ายรูปตัวเองก่อนที่จะรีทัสด้วย Photoshop จากนั้นก็นำไปเป็นภาพโปรไฟล์ใน Facebook ซึ่งเขาเปลี่ยนอาทิตย์ละครั้ง

โดยคนที่นี้ภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ก็คือเพื่อนของเขาที่เห็นว่าเขาช่างสรรหาแต่ละภาพได้โดนใจ โดยเพื่อนเขาเอาไปโพสต์อวดในเว็บไซต์ Reddit มาดูกันสิว่าภาพที่ว่านะเป็นยังไง

1

 

2

 

3

 

4

 

5

 

6

 

7

 

8

เขาบอกว่า จริงๆ แล้วที่ทำไปก็เพราะเป็นการแข่งกันในกลุ่มเพื่อนว่าใครจะทำโปรไฟล์ได้สวยและโดนใจสุด แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าทุกคนรอดูเขาเปลี่ยนภาพโปรไฟล์แทน ลุ้นว่าอาทิตย์หน้าจะมาในรูปแบบไหน ซึ่ง arip เข้าใจว่าที่เขาดังนะส่วนหนึ่งมาจากใบหน้าอันหล่อเหล่าและรุปร่างที่สมส่วนจนสาวแท้เทียมเห็นต้องกรี๊ด เห็นข่าวนี้คงทำให้บางคนเกิดแรงบันดาลใจอยากทำโปรไฟล์สวยกับเขาบ้างเนอะ

เพิ่มความเร็วให้ Windows ในยามที่ RAM (ตัวดี) หายไป

เชื่อว่าหลายๆ คนอาจต้องเคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อคอมพ์ที่คุณใช้วันดีคืนดี เกิดช้าลงแบบดื้อๆ กับสาเหตุหนึ่งที่มักเจอกันบ่อยก็คือ แรมที่ติดตั้งอยู่นั้นเกิดเสียไปกระทันหันสักแถวหนึ่งแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งตามจริงแล้วโอกาสที่แรมจะเสียทีละแถวนั้น เป็นไปได้มากทีเดียว เพราะในบางกรณีแรมไม่ได้ผลิตมาที่เดียวกันหรือบางทีเกิด Error เฉพาะเม็ดแรมบางตัว ก็ทำให้เกิดความเสียหายได้ทั้งแถว แต่เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวจะทำอย่างไรในการเพิ่มความเร็ว ลองมาดูกันครับ

สิ่งแรกที่พอทำได้ก็คือ หากเรายังไม่มีเวลามากพอสำหรับการนำแรมไปเคลมหรือต้องใช้ทั้งแบบที่เสีย กรณีที่ยังบูตเข้าระบบและทำงานได้ ก็คงต้องเริ่มที่จัดการกับสิ่งต่างๆ รอบตัวก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์โปรแกรม การเปิดไฟล์หรือเปิดหน้าต่างของโปรแกรมให้น้อยลง คือใช้ให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นการเพิ่มความเร็วนั่นเอง

RAM-boost_1

สิ่งที่ควรทำอันดับต่อมา คือการปิดเอฟเฟกต์บางอย่างของวินโดวส์ลง เพราะบางคนก็ชอบความสวยงาม จึงเปิดกันแบบจัดเต็ม นั่นก็มีส่วนทำให้ใช้แรมมากขึ้นไปอีก หากเราลดบางอย่างลงไปได้ ก็สามารถทำให้ใช้งานในแบบที่ใช้แรมน้อยลงได้ดียิ่งขึ้น ด้วยวิธีการที่สะดวกสุดเลยก็คือ การปรับแต่งที่ Personalization

RAM-boost_2

เข้าไปที่ System and Security ในหน้า System ให้เลือก Advanced system settings ที่ด้านซ้ายของหน้าต่าง

RAM-boost_3

จากนั้นไปที่หน้าของ System Properties แล้วเลือก Advanced จากนั้นเลือก Settings ในหัวข้อ Performance

RAM-boost_4

ในหัวข้อนี้ให้เลือกรูปแบบการใช้งาน ด้วยการลดเอฟเฟกต์ให้มากที่สุด โดยเลือกในหัวข้อเหล่านี้

  • Let Windows choose what’s best for my computer : เป็นการทำงานในโหมดสมดุลของระบบและความสะดวกดีที่สุด
  • Adjust for best appearance : เลือกแบบเน้นความสวยงาม รวมถึงมีแอ็คชั่นต่างๆ
  • Adjust for best performance : ปิดเอฟเฟกต์บางส่วนลง เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี เพิ่มความเร็วได้มากขึ้น (เลือกในข้อนี้)
  • Custom : กำหนดตามที่ต้องการ (ข้อนี้ถ้ามั่นใจก็เลือกปรับเองได้)

RAM-boost_6

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการเพิ่มความเร็วในเบื้องต้นเท่านั้นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ ในกรณีที่แรมหายหรือเสียไปบางส่วน เพื่อเป็นการลดภาระในการทำงานและลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ ดังนั้นนอกจากการกำหนดในส่วนดังกล่าวแล้ว ก็ควรจะทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น

AV-Test เตือนภัย Malware รุกหนัก เตรียมระบบป้องกันให้ดี

หากเวลานี้เครื่องที่คุณใช้มีการเตือนเรื่องปัญหาจากการเชื่อมต่อบนพีซีถี่ขึ้น นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นอยู่คนเดียว เพราะจากรายงานของผู้เชี่ยวชาญในด้านระบบป้องกัน AV-Test กล่าวว่ามีการตรวจพบ Malware เพิ่มขึ้น 72% จากปีที่แล้ว 2014 ซึ่งปีที่แล้วมีมากถึง 143 ล้านปัญหา ที่มีการถูกบันทึกไว้โดย AV-Test ในช่วงทั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็น Malware ใหม่ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ นั่นหมายถึงว่าอาชญากรไซเบอร์จะมีการพัฒนาและฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความทะเยอทะยานในการทำงาน อันเป็นสิ่งที่ทำให้ Sony ตระหนักในภัยดังกล่าว ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่วันหยุด เช่นเดียวกับความเห็นของบริษัทที่ให้บริการด้านความปลอดภัยรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Malwarebute หรือ Kaspersky ก็ตาม จากการรายงานของ CNET

PC MALWARE

สิ่งที่น่าสนใจคือ เหล่าแฮกเกอร์เริ่มมีความสามารถมากขึ้นในการเข้าถึงโค๊ตและการสร้างกลลวงรูปแบบใหม่ให้กับ Anti-Virus บริษัทต่างๆ จึงต้องรีบปรับปรุงให้ทันกับภัยคุกคามต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงคำแนะนำที่เรามักเจอกันอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ การอัพเดต Anti-Virus ให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมเหล่านั้นสามารถระวังภัยให้ทุกครั้งที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจจากที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น ต้นกำเนิดสแปมเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา ที่ติดอันดับบน Chart นานถึง 180 วัน คิดเป็น 9.2% ส่วนที่ติดใน 5 อันดับต้นๆ ประกอบด้วย เวียดนาม (7.2%), อาร์เจนตินา (5.9%), สเปน (5.8%) และเยอรมัน (5.6%) ซึ่งตราบใดที่คุณยังไม่ได้ Shutdown และกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าแล้วล่ะก็ เราอยากจะใหเใช้เวลาสักไม่กี่นาทีในการเข้าไปตรวจสอบติดตั้งระบบป้องกันให้กับคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้ให้ปลอดภัยมากที่สุด
ที่มา : digitaltrends

Roll Back หรือ Uninstall เพื่อแก้ปัญหา Windows Update

Windows Upadte นั้นเป็นรูปแบบพื้นฐานที่หลายคนใช้กันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องของการเปิดอัพเดต กำหนดอัพเดต ตั้งการอัพเดตวินโดวส์ แต่ไม่ค่อยมีใครได้เคยพูดถึงว่า เมื่ออัพเดตแล้วเกิดผลกระทบทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ใช้จะทำอย่างไร ส่วนหนึ่งก็เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการใช้งานโดยส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีมีอยู่บ้างบางส่วนที่เกิดการความผิดปกติ หลังจากการ Update Windows แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องทำอย่างไร

Roll Back-Windows Update

การแก้ไขอาการผิดปกติหลังจากติดตั้ง Windows Update สามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ การทำ Roll Back หรือการ Uninstall นั่นเอง แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ใช้ต้องสังเกตเห็นความผิดปกติ ว่าเกิดจาก Windows Update ในช่วงใด เพื่อที่จะได้แก้ไขอย่างถูกต้อง ตรงตัว เพราะหากยกเลิกผิดไป ก็อาจทำให้เสียเวลาในการแก้ไขเพิ่มขึ้นนั่นเอง ลองมาดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง

Roll Back-Windows Update_2

Safe Mode
สิ่งแรกเลยคือการเข้าสู่ Safe Mode เสียก่อน เนื่องจากความเสียหายส่วนใหญ่ที่จะส่งผลโดยตรงต่อไฟล์ระบบ ควรเข้าสู่โหมดที่สามารถกลับมาแก้ไขได้ การเข้า Safe Mode เป็นจุดสำคัญในการแก้ไข อีกทั้งเป็นโหมดที่ช่วยให้การเปลี่ยนแปลง แก้ไขทำได้ง่ายขึ้น วิธีการไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ Restart เครื่อง จากนั้นกดปุ่ม F8 ขณะที่เครื่องกำลังบูตเข้าสู่วินโดวส์ หรือหากเป็น Windows 8 หรือ Windows 10 ให้กดปุ่ม Shift จากนั้นคลิกเลือก Restart จะเข้าสุู่ Booy Menu และเลือกเข้า Safe Mode ตามลำดับ

Roll Back-Windows Update_3

เมื่อเข้า Safe Mode ได้แล้ว ให้เข้าไปที่ Program and Feature จากนั้นคลิกที่ “View install updates” ทางด้านซ้ายมือของหน้าต่าง

Roll Back-Windows Update_4

เลื่อนเมาส์ดู Update Windows ที่คิดว่ามีปัญหา จากนั้นคลิก Uninstall เพื่อยกเลิกการติดตั้ง

Roll Back-Windows Update_5

ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการอัพเดตในช่วงใด อาจใช้วิธีเลือกดูวันที่มีการ Update หรือใส่เครื่องหมายลงในตัวอัพเดต “Install On” ด้วยการกำหนดเอาไว้ก่อน ระบบจะแจ้งช่วงเวลาการอัพเดตให้ได้ทราบ เพื่อจะได้เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ช่วงที่เกิดปัญหาได้ง่ายขึ้น

Roll Back-Windows Update_6

ส่วนทางเลือกอื่นนั้น สามารถใช้วิธีการ Restore ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องมีการสร้างไฟล์ Restore เอาไว้ล่วงหน้า ในช่วงที่ระบบทำงานได้ปกติ จากนั้นให้เข้าไปที่ Troubleshoot > Advanced option และเลือก System Restore เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ไขได้แล้ว แต่อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากสักเล็กน้อย

ที่มา : howtogeek

DisplayLink อวดเทคโนโลยีต่อจอ 5K ด้วยสาย USB เส้นเดียว

ในงาน CES 2015 แม้ลาไป แต่เทคโนโลยีที่จัดโชว์ต้องบอกว่าเหลือๆ เรียกว่าเอามาคุยกันแทบไม่หมด เช่นเดียวกับการนำเสนอของ DisplayLink กับผู้ผลิตที่ชำนาญในด้านของอุปกรณ์การเชื่อมต่อ ที่ได้จัดเอา USB graphic มาเดโมให้ได้เห็นถึงความสามารถในการเชื่อมต่อร่วมกับมอนิเตอร์ Dell UltraSharp 5K ด้วยการเชื่อมต่อผ่านสาย USB Cable เส้นเดียว แต่ให้ความละเอียดได้ถึง 5120 x 2889 pixels โดยโซลูชั่นใหม่นี้ สามารถขยายต่อจากโน๊ตบุ๊คออกไปยังจอต่างๆ รอบตัวได้ทันที ซึ่งในงาน CES 2015 นี้ ก็มีมาจัดโชว์ให้เห็นถึงความสามารถนี้อีกด้วย

DisplayLink

โดยที่ DisplayLink ได้นำเสนอการทดสอบใช้งาน การเชื่อมต่อเพื่อการแสดงผลความละเอียดสูง ซึ่งทางบริษัทได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญกับการทำงานของมอนิเตอร์คุณภาพสูงในปัจจุบัน อย่างเช่นความละเอียดระดับ 5K ขึ้นไป ที่ผู้ใช้จะเพิ่มขีดความสามารถของการแสดงผลได้ผ่านทาง พีซี โน๊ตบุ๊คหรือแท็ปเล็ต จากสาย USB เส้นเดียวเท่านั้น โดยเชื่อมต่อบนมาตรฐาน USB 3.0 ที่เทียบได้กับการทำงานบนสาย DisplayPort ในแบบ Dual เลยทีเดียว ซึ่ง DisplayLink แก้ปัญหาการเชื่อมต่อความละเอียด 5K เพื่อให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โมบายสามารถเชื่อมโยงเข้ากับมาตรฐาน Plug-and-Play ได้ผ่านทาง USB 3.0 รวมถึงการทำงานร่วมกับ Surface Pro III ผ่านทาง Docking station ไปยัง Dell 5K UltraSharp UP2715k ที่เป็นมอนิเตอร์ 27″ ที่เปิดการใช้งานด้วชิปเซ็ต DisplayLink 5K ล่าสุดอีกด้วย

คณิตคิดเร็ว สนุกจริง ห่างไกลอัลไซเมอร์

เช้าวันอาทิตย์หลังวันเด็กอันสดใส ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาแนะนำแอพฝึกสมอง คณิตคิดเร็ว สนุกจริง ห่างไกลอัลไซเมอร์

พร้อมตอบรับคำขวัญวันเด็ก 2558 ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ที่มอบคำขวัญวันเด็ก 2558 ให้คือ

“ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต”

แอพฯ เกมฝึกสมองบวกเลข เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี โดยแค่เข้าไปโหลดแอพฯ Pop Math Lite จาก App Store จากนั้นก็ติดตั้งใช้เวลาไม่นานก็ได้แอพหน้าตาน่ารัก

Pop1

วิธีการเล่นก็แสนง่าย เพราะแค่จับคู่เลขตัวเดียวซึ่งอยู่ในวงกลมกับตัวเลขที่บวกกันในวงกลมอีกลูก ดูซิว่าคำตอบว่าคู่ไหนที่เท่ากัน เช่น 7 ก็จะคู่กับ 5+2 เป็นต้น เกมนี้จะมี Level ให้เราฝ่าด่านเหมือนเกมทั่วไป พี่มิ้งค์ลองเล่นก็ชอบใจ จนอยากเอามาแนะนำ เพราะช่วงว่างๆ รอลูกค้าก็เอามาเล่นฝึกสมอง แก่ไปจะได้ไม่เป็นอัลไซเมอร์  เพราะทางการแพทย์เขาแนะนำให้หมั่นบริหารสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวา เพื่อฝึกทักษะความคิด ความจำให้ดีขึ้น ซึ่งการบวกเลขก็ถือเป็นอีกหนึ่งแบบทดสอบที่เขานิยมใช้กัน  ส่วนน้องๆ ก็ถือว่าติวเลขไปในตัวครับ

Gadget บุกวัด…โปรยทาน iPhone 6 ในงานบวช

Gadget บุกวัด…โปรยทาน iPhone 6 ในงานบวช ในขณะที่อีกวัดมีของที่ระลึกงานศพ เป็นแฟลชไดรฟ์ความจุ 8 G

ยุคนี้อะไรๆ ก็ต้อง Gadget คงเพราะความเป็นดิจิตอลมันแทรกซึมเข้าในชีวิตจนแยกแกะไม่ออก ไม่เว้นแม้แต่งานในเกี่ยวข้องกับงานวัดหรืองานศพ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ที่วัดราชบูรณะ  จ.พิษณุโลก ก็มีการโปรยทานในงานบวช เป็นเงินถึง 3 แสนบาท และแจกไอโฟน 6 จำนวน 5 เครื่อง แน่นอนว่าสร้างความคึกคักจนมีบรรดาชาวบ้านมาช่วยงานกันอย่างมากมาย ขณะที่บางคนก็เดินทางเข้ามาสอบถามกำหนดการการอุปสมบท ส่วนบางคนก็ได้หอบเต็นท์มากางนอนบริเวณลานวัดหน้าเจดีย์เลยทีเดียว

iPhone

รายงานข่าวแจ้งว่ามีประชาชนจำนวนมากกว่า 3,000 คนได้มารอกันที่วัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อรอรับการโปรยทานธนบัตรห่อเหรียญรวมมูลค่า 300,000 บาท และไอโฟน 6 จำนวน 5 เครื่อง ในงานปิดทองลูกนิมิตถวายวัด 9 วัด และงานอุปสมบทไวยาวัจกรวัดราชบูรณะ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารร่วม 100 นายมาคอยรักษาความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 11.00 น. นางจันทรา ภู่ศรี ชาวบ้าน ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ที่มาร่วมงานโปรยทานเงินแสนและไอโฟน 6 ที่วัดราชบูรณะ อ.เมืองพิษณุโลก และได้เงินโปรยทานมา 5 บาท เมื่อกลับออกมาแล้วกลับพบว่าถูกคนร้ายกรีดกระเป๋า ฉกทรัพย์สินเงินสด 1,300 บาท โทรศัพท์ 2 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม เอกสารไป เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยจึงได้นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพิษณุโลกในเวลาต่อมา

 

นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งที่กลายเป็นข่าวดังทางสื่อ แต่ที่ไม่เป็นข่าวก็มีตัวอย่างเช่นงานศพงานหนึ่งซึ่งจัดขึ้นช่วงเดียวกัน เจ้าภาพก็มีของที่ระลึกงานมอบให้กับแขกที่มาร่วมงานเป็นแฟลชไดรฟ์ความจุ 8 G แทนของที่ระลึกแบบเดิมที่คุ้นตาอย่างลูกอม ยาหมอง หรือหนังสือ นับเป็นความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ก็ไม่รู้ว่าในแฟลชไดรฟ์ทางเจ้าภาพจะมีการใส่อีบุ๊กหนังสือที่ระลึกในงานไว้ภายในด้วยหรือเปล่า

 

PIC-1

 

Livescribe สนับสนุน Android สำหรับใช้บน Smartpen Livescribe 3

เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับผู้ใช้งาน Android OS ที่สามารถดาวน์โหลดแอพฯ Livescribe+ ทั้งที่เป็น Android 4.4 Kitkat และ Lollipop 5.0 นอกเหนือจากการใช้งานบน iOS เดิม โดยที่ Smartpen Livescribe 3 นี้ เป็นปากกาสำหรับแปลงจากลายมือที่เราเขียน ให้กลายไปอยู่ในรูปแบบของตัวหนังสือดิจิตอลบนระบบคอมพิวเตอร์ พูดง่ายๆ ว่าให้เรา วาด เขียนหรือเซ็นลายเซ็นต่างๆ จากยนกระดาษ ระบบก็จะทำการบันทึกให้กลายเป็นดิจิตอลได้ทันทีผ่านทางระบบไร้สาย อย่างบลูทูธ

Livescribe-smartpen

ซึ่งตัว Smartpen Livescribe 3 นี้ จะคล้ายกับปากกาที่เราใช้กันทั่วไป มีหัวเป็นทังสเตน ปลายเป็นบอลลูกกลิ้ง มาพร้อมหมึกที่สามารถเขียนเอกสารได้ โดยในรุ่นโปร จะมาพร้อมกับหมึกอีก 2 ชุด พร้อมการใช้งาน Evernote Premium ในราคา 200 USD ซึ่งในเวอร์ชั่นแรก จะรองรับการทำงานเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ iOS เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPad ก็ตาม

Livescribe-smartpen_2

 

แต่ในปัจจุบันมีการเพิ่มการสนับสนุนระบบแอนดรอยด์ ทำให้ผู้ใช้สามารถระบบดังกล่าวนี้ สามารถใช้งานผ่านทางแอพ Livescribe+ แปลงลายลักษณ์อักษรด้วยลายมือทำเป็นรูปแบบดิจิตอลและบันทึกเสียง ด้วยการแตะตรง Audio Recordings ให้ไมโครโฟนทำงานและส่งไปยัง App เพื่อซิงก์กับตัวบันทึกที่เราจัดเก็บเอาไว้ ในส่วนของแอพ Livescribe+ ที่อยู่บน Android นี้ จะได้รับการออกแบบให้มี UI ในการปรับแต่งเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานได้มากขึ้นกว่าในซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นที่ผ่านมาอีกด้วย จัดว่าสามารถใช้งานได้เต็มสูบมากกว่า ที่สำคัญราคาของ Smartpen 3 นี้ อยู่ที่ประมาณ 139.90 ยูโร เท่านั้น

Hot Issue