Home Blog Page 1582

ฉลาดสุดๆ! Google Translate แค่ส่องกล้องก็แปลภาษาได้ทันที

อย่างที่เคยลงข่าวไปเมื่อปลายปีว่า Google Translate จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่  แปลข้อความจากภาพ  เพียงแค่เปิดกล้องในมือถือจ่อไปที่ข้อความที่คุณต้องการแปล  Google Translate ก็สามารถแปลให้ได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทอีกด้วย!

Start Menu หรือ Start Screen ชอบแบบไหน สลับเปลี่ยนกันได้

การมี Start Screen มาใช้แทน Start Menu ที่หายไปตั้งแต่ Windows 8 เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มปรับตัวกันได้หรือบางคนที่ใช้จอทัชสกรีน อาจจะเริ่มติดใจใน Start Screen มากขึ้น เพราะจิ้มสะดวกมากขึ้น แต่พอมา Windows 10 ก็เริ่มมี Start Menu กลับมาให้ ก็ทำเอาปรับตัวกันแทบไม่ทัน แต่ในส่วนนี้ บอกได้เลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Start Screen หรือ Start Menu ก็เลือกปรับได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการสลับสับเปลี่ยนแค่ปลายนิ้ว

Start Menu Windows 10_0

ในกรณีที่เป็น Windows 8 แล้วติดตั้งโปรแกรม Start Menu ลงไปก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเวลานั้นต้องการใช้สิ่งใดมากที่สุด

Start Menu Windows 10_1

สำหรับ Windows 8 หรือ Windows 10 เริ่มแรกให้คลิกขวาไปที่แถบ Desktop Menu ด้านล่าง ตรงที่ว่างๆ จุดใดก็ได้ จากนั้นเลือกที่ Properties

Start Menu Windows 10_3

ต่อมาเมื่อหน้าต่าง Taskbar and Start Menu properties ปรากฏขึ้น ให้เลือกไปที่แท็บ Start Menu จากนั้นใส่เครื่องหมายที่หน้า Use the Start Menu instead of the startscreenจากนั้นให้คลิกที่ Apply และ Ok

Start Menu Windows 10_4

ระบบจะให้ Sign out เพื่อยืนยันการแก้ไขหรือ Change settings เพื่อรีเฟรชระบบใหม่อีกครั้ง ด้วยการคลิกที่ Sign out and change settings

Start Menu Windows 10_5

เพียงเท่านี้เมื่อระบบ Windows 8 หรือ Windows 10 บูทเข้ามาใหม่หรือกดปุ่ม Windows ก็จะเปลี่ยนจากหน้า Start screen มาเป็นการใช้งาน Start Menu แทน ในทางกลับกัน หากต้องการให้กลับมาใช้เป็น Start screen อีกครั้ง ก็เอาเครื่องหมายที่ใส่เอาไว้หน้ากล่องออกเท่านั้น

Google Maps เพิ่มใหม่อีก 5 ฟีเจอร์ อย่าลืมอัพเดตกันนะ!

Google Maps เป็นหนึ่งในแอพฯ ที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เรียกว่าคนหลายล้านคนทั่วโลก ใช้เป็นเครื่องมือในการนำทางเพื่อค้นหาสถานที่ใหม่ๆ และพาไปยังสถานที่เหล่านั้น เป็นผลให้ต้องอัพเดต Google Maps และมีการเร่งปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้รองรับกับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการอัพเดตในแต่ละครั้ง จะส่งผลต่อผู้ใช้งานมากมาย แต่ในบางการเปลี่ยนแปลง ก็ทำให้เกิดฟีดแบ็คที่มีทั้งดีและไม่ดีตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

Google Maps Update

ซึ่งล่าสุดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา Google ได้ทำการ Update เพื่อปรับปรุงแอพใหม่อีกครั้ง สำหรับ Google Maps ทั้งบน Android และ iPhone ในกรณีนี้เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นในหลายส่วน แต่ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนโฉมของระบบใหม่ให้ปวดหัวกันอีกต่อไป

แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงจากการ Update ในครั้งนี้ ประกอบ 5 ฟีเจอร์ใหม่ดังนี้

1.ปรับเงื่อนไขการคัดกรองสำหรับการค้นหา ร้านอาหารและภัตรคาร : ผู้ใช้ Google Maps จะสามารถค้นหาร้านอาหารแบบเจาะลึกด้วยการค้นจากอาหาร

2.ดูข้อมูลสภาพอากาศในเมืองต่างๆ ทั่วโลกในได้ทันที : เป็นฟีเจอร์ที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเดินทางหรือค้นหาข้อมูลจากสถานที่ปลายทาง

3.ปักหมุดจากจุดเริ่มต้นและปลายทาง เพื่อบอกทิศทางและนำทาง : ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนเส้นทางในการนำทางได้ง่ายขึ้น

4.เพิ่มเส้นทางการเดินทางลงใน Calendar : เมื่อคุณมีการเพิ่มตารางการพบปะหรืออีเวนท์อื่นๆ ลงไปในตาราง เส้นทางการเดินทางก็จะถูกกำหนดลงไปใน Calendar ทันที

5.แบ่งปันเส้นทาง : เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับ Google Maps ในเวอร์ชั่น Android ที่ทำให้ผู้ใช้แบ่งปันเส้นทางให้กับผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น

ที่มา : ฺBGR

Seagate SEVEN External HDD โฉมใหม่ บาง…เกินไปไหม

นับว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Seagate ได้ออกผลิตภัณฑ์แบบที่เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นมาให้ผู้ใช้ในตลาด ด้วย External HDD หรือเป็นแบบ Portable ที่ใช้สำหรับการแบ็คอัพ สำรองไฟล์หรือโอนย้ายข้อมูลได้สนุกมือยิ่งขึ้น เพราะขนาดที่บางเฉียบเพียง 7.6mm และมาพร้อมความจุ 500GB รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 3.0 ความเร็วสูง กับดีไซน์ที่ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อ SEVEN

Seagate SEVEN-body

โดยที่ทาง Seagate ได้ออกแบบ SEVEN นี้ในแบบของ Ultrathin ซึ่งเมื่อมองจากภายนอกเรียกว่าเหมือนกับคุณเอาบอดี้ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ หรือฮาร์ดดิสก์ภายในโน๊ตบุ๊คมาใช้ เพียงแต่มีตัวครอบแบบบางๆ เหมือนเป็นเคสใส่เข้าไป แต่ยังคงสัดส่วนให้เห็นเป็นฮาร์ดดิสก์อยู่ครบ ด้วยความหนาประมาณ 7mm ซึ่งบางกว่ามาตรฐานของฮาร์ดดิสก์ต่อภายในโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ 9.5mm ดังนั้นหากดูกันจริงๆ แล้วฮาร์ดดิสก์ตัวจริงที่อยู่ในบอดี้ของ SEVEN จะบางเพียง 5mm เท่านั้น โดยที่โครงสร้างของฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้จะเป็นอลูมิเนียมแข็ง ซึ่งพาร์ทที่ใช้นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเป็น External HDD จึงทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี ซึ่งรวมถึงการตกหล่นในระยะที่ปลอดภัยได้อีกด้วย

Seagate SEVEN-spec

โดย External HDD จากทาง Seagate SEVEN นี้มีการเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 สนับสนุนการทำงานร่วมกับ WIndows และ Mac รวมถึงใส่ซอฟต์แวร์ช่วยในการ Backup file มาให้อีกด้วย มีรุ่นที่วางจำหน่ายตั้งแต่ 500GB ในราคา 100 USD ซึ่งเป็นราคาใน UK และ Australia จะเห็นได้ว่าราคานั้นพอที่จะซื้อฮาร์ดดิสก์แบบปกติในความจุที่มากกว่า 2 เท่าได้เลยทีเดียว แต่บางขนาดนี้ สวยแบบนี้ ใครจะอดใจไหว

ที่มา : cnet

โดราเอมอน ขึ้นแท่นการ์ตูนยอดฮิต แห่งปี 2557

โดราเอมอน ก้านกล้วยขึ้นแท่นการ์ตูนยอดฮิต

d1

พูดถึงโดราเอมอนแล้ว ทุกคนต้องรู้จัก หลายคนก็หลงรักแบบหัวปักหัวปรำ รวมถึงพี่มิ้งค์ คอมทูเดย์ ก็หนึ่งในสาวกคนรักโดราเอมอน ล่าสุดจากการเปิดเผยผลการสารวจสำหรับผู้ประกอบการดิจิทอลคอนเทนต์ พฤติกรรมผู้บริโภคดิจิตอลคอนเทนต์ ประจำปี 2557 โดย สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พบก้านกล้วยขึ้นแท่นการ์ตูนยอดฮิตฝีมือคนไทย ในขณะที่การ์ตูนต่างประเทศที่คนไทยนิยมดู คือโดราเอมอน ตามมาด้วยทอมแอนด์เจอร์รี่่ และโคนัน

11

ในขณะที่ตัวการ์ตูนที่คนชอบมากที่สุดก็ยังคงตกเป็นของโดราเอม่อน ตามด้วยโคนัน งานนี้ต้องบอกว่าสาวกคงปลื่มใจที่ตัวการ์ตูนในดวงใจยังครองแชมป์อันดับ 1

 

2

 

 

ปิดท้ายกับตัวอย่าง STAND BY ME: โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป ที่เพิ่งฉายเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าซึ้งกันน้ำตาไหลกันทั้งโรงหนังเลยแหละ ว่าแต่ไปดูกันหรือยังครับ

 

ไอเดียบรรเจิด! “Be my eyes” แอพที่จะทำให้คุณช่วยคนตาบอดมองเห็น

นอกจากแอพ Read for the Blind ที่เราสามารถอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังแล้ว  ตอนนี้มีแอพตัวใหม่ที่จะทำให้คนตาดีอย่างเราสามารถช่วยเหลือคนตาบอดได้อีกทาง  แถมเป็นประโยชน์มากๆ  จนสมิตอดไม่ได้ที่จะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้

Google Maps เพิ่มฟีเจอร์แนะนำเส้นทางด้วยเสียงใน 20 เมืองของอินเดีย

สำหรับแอพฯ Google Maps นั้น นับเป็นเครื่องมือนำทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบันและมีพัฒนาการสำหรับผู้ใช้ Android และ iOS ล่าสุด ประกาศเพิ่มฟีเจอร์สำหรับแนะนำการเดินทางใน 20 เมืองของอินเดียในเดือนมกราคมนี้ โดยผู้ใช้สามารถเปิดการทำงานให้สามารถมองเห็นและได้ยินคำแนะนำเมื่ออยู่ใน Navigation mode

Google Maps

โดยในบรรดา 20 เมือง ไม่ว่าจะเป็น Ahmedabad, Bangalore, Bhopal, Chandigarh, Chennai, Coimbatore, Delhi, Hyderabad, Indore, Jaipur, Kolkata, Lucknow, Mumbai, Mysore, Nagpur, Pune, Surat, Thiruvananthapuram, Vadodara and Visakhapatnam ผู้ใช้จะได้ยินการแนะนำช่องทางในการเดินทาง รวมถึงเส้นทางหลักสำคัญในเมือง รวมถึงทางด่วน Mumbai-Pune อีกด้วย นอกจากนี้ Google ยังได้เปิดการทำงานแบบ Turn-by-Turn และมีเสียงนำทางเป็นภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับภาษาฮินดี ที่สามารถปรับค่าได้จาก Preferred Language แล้วเลือก Settings > Language and input แล้วเลือกเป็น Hindi หรือจะเป็นภาษาอังกฤษ (India) Language ก็ได้ โดยผู้ใช้จะได้ยินภาษาอังกฤษ แต่เป็นสำเนียงอินเดียนั้่นเอง

โดยที่ Google คาดว่าการเพิ่มฟีเจอร์ในการเดินทางดังกล่าวนี้ จะช่วยเพิ่มประโยชน์ในการเดินทางแต่ละวัน โดยคาดว่าจะเป็นช่องทางในการแนะนำ ช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้น ด้วยภาษาอังกฤษและฮินดี ที่สามารถเดินทางไปทั่วประเทศในขณะเดียวกัน ยังมีการปรับปรุงให้อุปกรณ์ที่ใช้ Google Maps สำหรับ Android และ iOS ทำได้ง่ายกว่า ซึ่งในการอัพเดตล่าสุดบน Android ในเวอร์ชั่น 9.3 จะให้ผู้ใช้เลือกแบ่งปันเส้นทางในการเดินทางผ่าน SMS และ Email ในลิสต์เมนูรายการแนะนำ เพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการเดินทาง เช่นเดียวกันกับ iOS v.4.2.0 จะเพิ่มการคัดกรองในการค้นหาร้านอาหารแบบต่างๆ รวมถึงเพิ่มเส้นทางในการขนส่งสาธารณะและข้อมูลสภาพอากาศในเมืองต่างๆ ทั่วโลก พร้อมการปักหมุด ในการเริ่มต้นและปลายทาง เพื่อการเดินทางแบบง่ายที่สุดอีกด้วย

ที่มา : gadgets.ndtv

พีซีขนาดเล็ก Mini PC สเปกแรงกลับมาใหม่ คืนลมหายใจให้เครื่องเดสก์ทอป

ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินที่ใครๆ ก็ต่างพูดถึงยุคสิ้นสุดของพีซีเดสก์ทอปขนาดใหญ่ที่ใช้กันตามบ้าน ซึ่งก็อยู่ในความคิดของใครบางคน (ไม่นับรวมเกมเมอร์หรือมืออาชีพในงานเฉพาะทาง ตัดต่อวีดีโอ ปรับแต่งภาพ) เพราะถ้าจะว่ากันไปแล้วการมาของโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพ บอดี้ที่เล็กและการเคลื่อนย้ายที่สะดวกกว่า เข้าถึงได้ทุกคน นั่นก็ทำให้พีซีนั้นกลายเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของการใช้งานในบ้าน ยิ่งปัจจุบันแท็ปเล็ตก็มีความสามารถมากขึ้น แถมยังประหยัดไฟใช้งานได้นานอีกด้วย พกพาใส่กระเป๋าไปได้สบาย ก็ยิ่งทำให้พีซีแทบจะไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ในแง่ของผู้ใช้ทั่วไป

PC Pint-size

แต่หลังจากงาน CES 2015 ที่เพิ่งผ่านไปนี้ แสดงให้เห็นถึงคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป ได้ถูกปลุกชีพกลับมาอีกครั้ง แต่กลับมาในรูปแบบของพีซีขนาดเล็กจากหลายค่ายผลิต ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะได้รู้จักกับพีซีในมาตรฐาน mATX หรือ Mini-iTX ในแบบ Form factor กันไปบ้างแล้ว แต่สำหรับพีซีในยุคถัดไปนี้ต้องเรียกว่าพลิกโฉมการใช้งานอย่างเห็นได้ชัด ด้วยพีซีเดสก์ทอปที่เล็กบาง แต่ให้ประสิทธิภาพที่รองรับการทำงานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

NUC หรือ Next Unit of Computing
Intel ก็ได้เผยถึงการพัฒนาของ NUC ในงาน CES 2015 นี้ ด้วยการเปิดตัวชุดประมวลผลใหม่ที่เป็น Broadwell Processor ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในแพลตฟอร์ม Next Unit of Computing นี้ ซึ่งเป็นซีพียูในรุ่น 5th Generation ไม่ว่าจะเป็น Intel Core i3 หรือ Core i5 ก็ตาม โดยจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของ NUC นั้นสูงขึ้น รองรับการทำงานได้หลายรูปแบบ ภายใต้ขนาดของที่เล็กลงกว่าพีซีปกติหลายเท่า โดยจะเป็นการจำหน่ายผ่านทาง Intel

PC Pint-size_1

ซึ่งซีพียูรุ่นใหม่ที่จะนำมาใช้กับ NUC จะช่วยให้ Intel ปรับปรุงขนาดเครื่องให้เล็กลงไปได้อีก เพราะออกแบบฮาร์ดแวร์ภายในให้มีขนาดเล็กลง ด้วยบอดี้ของ NUC ที่เหลือเพียง 4.5″ ทั้งความกว้างและยาว ก็ทำให้สามารถจัดวางในพื้นที่จำกัดได้ อีกทั้งไม่ได้ใหญ่ไปกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ รวมถึงแอปเปิลทีวีด้วยเช่นกัน รวมถึงในด้านของประสิทธิภาพที่มีทั้งเวอร์ชั่นเน้นประหยัดพลังงาน ก็มี Core i3 ให้เลือกใช้ แต่ถ้าต้องการพลังในการทำงานที่สูงขึ้น ตัวเลือกอย่าง Intel Core i5 และ Core i7 ก็ตอบโจทย์ความต้องการได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นวีดีโอหรือปรับแต่งภาพก็ตาม

หากมองการเปลี่ยนแปลงของ NUC ในช่วง 2-3 ปีทีผ่านมา อาจมองได้ว่ามีการปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่เรื่องประสิทธิภาพนั้นปัจจุบันเหนือกว่าเดิมไม่น้อยกว่า 60% ที่สำคัญเวลานี้ยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนบางสิ่งอย่างที่อยู่ภายในเครื่องได้ ไม่ว่าจะเป็นฝาครอบมาตรฐานที่เพิ่มฟีเจอร์ NFC เข้าไปหรือใส่ Wireless Charge หรือจะเปลี่ยนกราฟฟิกการ์ดได้อีกด้วย แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าในปี 2015 น่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยทีเดียว

พีซีในรูปแบบ Stick เล็กถูกใจพอหรือยัง?
นอกจาก NUC แล้ว ใครที่มีพื้นที่จำกัดจริงๆ หรืออยากจะยกพีซีไปใช้ที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่อยากแบกพีซีทั้งเครื่องเล็กหรือเครื่องใหญ่ให้วุ่นวาย เพียงแค่มี Wall mount หรือมอนิเตอร์ที่ติดผนังหรือที่สามารถวางบนโต๊ะที่ทำงานได้จริงๆ ไม่ว่จะเป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องพักผ่อนสำหรับดูวีดีโอ มีตัวเลือกที่ดีกว่าด้วยอุปกรณืขนาดเล็กที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับจอทีวี ให้กลายเป็นเครื่องพีซีที่พร้อมทำงานได้

PC Pint-size_2

โดยสิ่งนี้เรียกว่า Compute Stick ที่ทาง Intel เปิดตัวไปไม่นานนี้ในงาน Intel Developer Forum พฤศจิกายนปีที่แล้ว แม้ดูว่ายังไม่ค่อยมีรายละเอียดมากนัก แต่เท่าที่ทราบคือ พร้อมจะวางตลาดในช่วง มีนาคมที่จะถึงนี้ กับสนนราคาประมาณ 149USD ซึ่งมาพร้อม Windows 8.1 และ Storage 32GB SSD โดยที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ เข้ากับจอภาพผ่านทาง HDMI ได้ทันทีในราคาที่สบายกระเป๋ากว่าแท็ปเล็ตแน่นอน ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของขนาด การระบายความร้อนที่เหมาะสมและการทำงานในแบบที่มีหลายๆ คอร์ น่าจะทำให้ Compute Stick ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ รวมถึงที่เป็นเครื่องพีซีขนาดจิ๋วได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยพอร์ต HDMI บนจอภาพที่รองรับนั่นเอง

ไม่ใช่แค่ Intel เท่านั้นที่ผลักดันพีซีขนาดเล็ก
หลายๆ คนอาจจะมองว่าจะมีแต่ Intel เท่านั้นหรือที่หันมาจับตลาดพีซีขนาดจิ๋วพวกนี้ ความจริงยังมีอีกหลายค่ายที่พยายามเริ่มต้นกับการแข่งขันในครั้งนี้ เพียงแต่ด้วยความพร้อมที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้เรามองเห็นว่า Intel ได้ก้าวเข้ามาก่อนใครเพื่อน สำหรับ HP เองก็เช่นกัน ที่เริ่มนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มาให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกันและสามารถเลือกซื้อหาผ่านช่องทางต่างๆ ได้ง่ายกว่าอีกด้วย ด้วยการเปิดตัว The Pavillion Mini และ Stream Mini ด้วยการนำทั้ง 2 รุ่นนี้มาใช้เป็นพีซีในระดับเมนสตรีม แต่ที่น่าสังเกตคือ HP เลือกใช้ซีพียูใน 2nd และ 3rd Gen. แทนที่จะใช้ 5th gen แบบเดียวกับที่ Intel นำมาใช้นั่นเอง

PC Pint-size_3

ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไม HP ถึงออกแบบพีซีทั้ง 2 รุ่นมีบอดี้ใหญ่กว่า NUC เพราะไม่ได้ถูกมองว่าหน่วยประมวลผลอาจไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันด้วย อย่างไรก็ดีล่าสุด HP ก็ได้ลดราคาในส่วนของ Stream Mini ลงอีกครั้ง เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้ที่ต้องการระบบพีซีขนาดเล็กในการใช้งาน ซึ่งหากมองในภาพลักษณ์เวลานี้ คงต้องบอกว่า HP เป็นค่ายหนึ่งที่โดดเด่นในเรื่องของพีซีขนาดเล็กในปัจจุบันนี้เลยทีเดียว

PC Pint-size_4

แม้ว่าในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น NUC หรือพีซีขนาดเล็กอื่นใดก็ตามในท้องตลาด อาจไม่ได้เป็นคำตอบเดียวของการทำงานเครื่องพีซี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทางเลือกในการใช้งานของคนที่ต้องการพีซีขนาดเล็ก ที่ใช้พื้นที่น้อย พกพาสะดวก มีความเรียบง่าย ทั้งการต่อพ่วง การทำงาน การเชื่อมต่อและรองรับซอฟต์แวร์พื้นฐาน ในราคาสบายกระเป๋า ที่ในอดีตเราแทบจะไม่สามารถมองหาได้ในท้องตลาด แต่เวลานี้นอกจากจะมีให้ใช้แล้ว ยังมีเลือกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ที่ว่าความต้องการของคุณอยู่ในจุดใด

ที่มา : digitaltrends

มาแล้ว Adobe Lightroom เวอร์ชั่นโมบายสำหรับชาว Android โดยเฉพาะ

Adobe ได้นำซอฟต์แวร์ Lightroom มาให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนสำหรับการปรับแต่งและแก้ไขภาพ ในรูปแบบของแอพ ซึ่งเรียกว่า Adobe lightroom Mobile โดยเป็นฟรีแอพที่มีอยู่ใน iPhone และ iPad โดยที่ยังไม่มีใครได้รู้ว่าจะพัฒนาให้ผู้ใช้ Android ได้สัมผัสอีกเมื่อใด

Adobe Lightroom Android

มาถึงเวลานี้ Adobe Lightroom Mobile ให้ผู้ใช้ได้สามารถจัดการกับรูปภาพของตัวเองในเวอร์ชั่นพีซี มาอยู่ในรูปแบบของมือถือ Lightroom เป็นแอพสำหรับปรับแต่งภาพต่างๆ เหล่านั้น สำหรับใช้ในการแชร์ไปยัง Social Network ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมฟังก์ชั่นที่ให้คุณสามารถเชื่อมต่อและซิงก์ รวมถึงอัพเดตให้อัตโนมัติสำหรับแคตตาลอก Lightroom บนเครื่องพีซีที่ใช้ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อผ่านทางบริการ Adobe’s Creative Cloud อย่างไรก็ดี เพื่อให้รองรับการใช้ประโยชน์จาก Adobe Lightroom Mobile จะต้องอาศัย Creative Cloud หรือ Subscribe Photoshop Photography Plan ซึ่งทางบริษัทมีแบบ Trial ให้ทดลองใช้งาน 30 วันสำหรับผู้ใช้ Android กล่าวได้ว่าแอพฯ นี้ใส่ฟังก์ชั่นที่จำเป็นและมีการใช้งานมากที่สุดแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องพีซีมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือพื้นฐาน ไฮไลต์ แสง เงา Composure และอื่นๆ ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในแอพสำหรับ Android นี้

โดยที่ซอฟต์แวร์ Adobe Lightroom Mobile นี้ ต้องการทรัพยากรขั้นต่ำคือ Quad-core CPU, Processor ARM v7 ความเร็ว 1.7GHz หน่วยความจำ 1GB และ Storage 8GB ขึ้นไป ระบบปฏิบัติการ Jelly Bean หรือในเวอร์ชั่นถัดมา โดยแอพนี้มีขนาด 19MB ดาวน์โหลดได้จาก Google Play

ที่มา : gadgets.ndtv

7 เทรนด์ไอทีประจำปี 2015 จากมุมมองเลอโนโว

7 เทรนด์ไอทีประจำปี 2015 จากมุมมองเลอโนโว

safe_image

ช่วงต้นปีแบบนี้ก็มีกูรูในวงการออกมาชี้เทรนด์ว่าปีนี้ เราจะเดินกันไปทางไหน ล่าสุดคุณจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เลอโนโว ประเทศไทย ก็ได้ออกมาพูดถึง 7 เทรนด์ไอทีประจำปี 2015 ว่าจะไปในทิศทางใด

ปี 2014 คืออีกหนึ่งปีที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากเป็นปีที่มีดีไวซ์และเก็ดเจ็ทต่างๆออกมามากมายเพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้คนทั้งสำหรับเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ดีไวซ์รุ่นใหม่ที่ออกมาเปลี่ยนวิธีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีแบบเดิมๆออกไปช่วยให้ดีไวซ์มีศักยภาพมากขึ้นทั้งแท็บเล็ตที่มีโปรเจ็คเตอร์ในตัวที่ทำให้ทุกที่เป็นโรงหนังขนานย่อมได้ง่ายๆ, อย่างแท็บเล็ตและอัลตร้าโมบายคุณสมบัติครบครัน,หรือแม้กระทั่งเวิร์คสเตชั่นที่ถูกนำมาใส่ลูกเล่นเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ปี 2014 เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับวงการคอมพิวเตอร์ไอที

และในปีนี้วงการคอมพิวเตอร์และไอทีจะน่าสนใจมากขึ้นกว่าปีก่อนเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ก่อกำเนิดขึ้นมากมายซึ่งทยอยกันนำลงสู่ตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้งานกันต่อไปนี้คือตัวอย่างของเทรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราน่าจะได้เห็นกันในปี 2015

1. ใช้งานได้ทุกที่ในยุคดิจิตอล
ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีไม่ว่าจะเป็นโปรเซสเซอร์หรือกราฟฟิคต่างๆสำหรับเดสก์ท๊อปจะหันมาผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานแบตเตอร์รี่น้อยและมีระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบขึ้นจะเน้นให้ความคล่องตัว พกพาไปได้ทุกที่

ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไอทีที่พกพาได้ชนิดต่างๆเริ่มมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์เดสก์
ท็อปและส่งผู้ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตนต้องการมากกว่าการมองหาอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพทางคอมพิวเตอร์อันครบครัน เทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีต่างๆได้คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและลูกเล่นใหม่ๆมากกว่าแค่การผลิตอุปกรณ์ที่เน้นประสิทธิภาพด้านการแสดงผล รายงานจาก IDC ระบุว่า บริษัทในประเทศไทยริ่มหันมาให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ที่ให้ความคล่องตัว พกพาได้สะดวกในทุกที่ และเชื่อว่าภายในปี 2015 บริษัทชั้นนำของไทยกว่าครึ่งจะเน้นนโยบายในการซื้ออุปกรณ์ที่ให้ความคล่องตัวด้านการใช้งาน

2. อุปกรณ์ไร้สายลดความยุ่งยาก
อุปกรณ์เสริมสำหรับฮาร์ดแวร์ถูกผลิตเพื่อช่วยลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อและใช้งานอุปกรณ์ไอทีต่างๆUSB 3.1 จะช่วยให้ลดความยุ่งยากในการเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลหลายๆสายให้รวมอยู่ในสายเดียวโดยมีคุณสมบัติอาทิการเชื่อมต่อDisplayPort พร้อมจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไปในตัวที่ชาร์จดีไวซ์แบบไร้สายเพื่อชาร์จแบตเตอร์รี่ให้อุปกรณ์และเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไร้สายก็มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวในปี 2015 เช่นกัน
ในปีนี้ผู้บริโภคมีแน้วโน้มที่จะมองหาอุปกรณ์ที่เป็นแบบมัลติโหมดเพื่อการใช้งานที่ครบครันในเครื่องเดียวGartner คาดการณ์ว่าอุปกรณ์ลูกผสมหรือทู-อิน-วันดีไวซ์มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยจำนวนอุปกรณ์อัลตร้าโมบายในตลาดระดับพรีเมี่ยมจะอยู่ที่ราว 22 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 และเพิ่สูงถึง 32 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2018

3. แท็บเล็ตจะกลายเป็นแก็ดเจ็ตคู่ใจสำหรับคนทำงาน
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้เข้ามาสู่ในยุคที่อุปกรณ์ไร้สายเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการทำงานแท็บเล็ตจึงกลายเป็นแก็ดเจ็ทแถวหน้าที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่บ่อยๆโดยในปัจจุบันมีแท็บเล็ตหลายต่อหลายรุ่นที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแล็ปท็อปชนิดอัลตร้า-โมบายล์

ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไอทีที่มีชื่อเสียงด้านความเสถียรของผลิตภัณฑ์และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆสำหรับคนทำงานจะโดดเด่นขึ้นมาจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดเพราะผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวของเขาจะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานสำหรับธุรกิจ

4. การกลับมาของคอมพิวเตอร์พีซี
บางคนอาจจะคิดว่าการเติบโตแท็บเล็ตจะทำให้ความนิยมของคอมพิวเตอร์พีซีลดลงแต่สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการใช้งานนอกสถานที่คอมพิวเตอร์พีซียังคงเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องประสิทธิภาพสถาบันการ์ทเนอร์ได้กล่าวไว้ว่าตลาดคอมพิวเตอร์พีซีได้ฟื้นกลับขึ้นมาในปี201415 ซึ่งก็เราเชื่อว่าแนวโน้มการเติบโตของคอมพิวเตอร์พีซีจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกในอนาคต

5. ผู้บริโภคจะทดลองใช้อุปกรณ์หลายหลากขนาดและรูปแบบ
เมื่อก่อน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไอทีจะมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเรือธงยี่ห้อละ 1 เครื่อง แต่ในสมัยนี้ ผู้ผลิตรายใหญ่แต่ละรายเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยเสนอสมาร์ทโฟนเรือธงหลากหลายรุ่น หลากหลายขนาด และ หลากหลายรูปแบบให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร เพราะรู้ว่าการไม่เสนอทางเลือกให้ลูกค้าจะทำให้ตนเป็นรองในสนามแข่งขัน เทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟน แต่ในตลาดคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, แล็ปท็อป, ผลิตภัณฑ์ไฮบริด และแท็บเล็ตยังมาตัวเลือกใหม่ๆให้ผู้บริโภคอีกด้วย ฉะนั้นผู้บริโภคจึงจะหันไปหาผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไอทีที่มีชื่อเสียงด้านความเสถียรของผลิตภัณฑ์และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ

สถาบันไอดีซีคาดการณ์ว่าจำนวนการส่งออกของแฟ็บเล็ตจะสูงขึ้นมากในปี 2015 นี้ แต่ผู้บริโภคจะยังคงชั่งใจในเรื่องขนาดและรูปแบบที่เหมาะกับตนเองอยู่ เพราะรูปแบบที่เป็นที่นิยมนั้นเริ่มล้าสมัยแล้ว

6. ผู้ประกอบการจะมุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
ในปี2557ที่ผ่านมามีวิกฤตทางด้านความปลอดภัยหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้บริโภคพากันอกสั่นขวัญแขวนไม่ว่าจะเป็นฮาร์ตบลีด (Heartbleed) หรือเชลล์ช็อค (Shellshock) ปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดปัญหาน่าปวดหัวสำหรับแผนกไอทีเหล่านี้คือเทรนด์BYOD ผลสำรวจล่าสุดของสถาบันการ์ทเนอร์เผยว่า¼ ของผู้ใช้ที่นำเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาทำงานนั้นได้รับผลกระทบจนทำให้คอมพิวเตอร์ของตนมีปัญหาแต่คนที่ราบงานเรื่องนี้ให้ทางผู้ใหญ่รับทราบมีเพียง27%เท่านั้น

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เทรนด์CYOD ได้ก่อตัวขึ้นมาเพราะมีผลบวกสำหรับความปลอดภัยอีกทั้งผู้บริโภคยังได้มีทางเลือกอีกด้วยเทรนด์CYOD นั้นจะยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี2015 นี้โดยภาคธุรกิจจะหันไปหาผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไอทีให้เป็นผู้สังเกตการณ์ข้อมูลภายในองค์กรเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้กับระบบรักษาความปลอดภัยและยังง่ายต่อการใช้งานอีกด้วย
7. ไอทีจะมีความสิ่งที่สำคัญมากขึ้น
ทุกวันนี้ แอพพลิเคชั่นต่างๆได้กลายเป็นหัวใจหลักของสมาร์ทโฟน จำนวนแอพพลิเคชั่นที่ผู้บริโภคใช้งานนั้นค่อนข้างที่จะคงที่ จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือด แอพพลิเคชั่นที่สามารถตอบสนองการใช้งานมากที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งจากสถานการณ์นี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้อุปกรณ์ไอทีเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นและมีประโยชน์เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้จำนวนของผู้บริโภคที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นสามารถเข้าดูข้อมูลต่างๆเพื่อช่วยให้ในการใช้ชีวิตประจำวันให้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็คตารางการออกกำลังกาย หรือ เวลานัดหมายประจำสัปดาห์

ด้วยแอพพลิเคชั่นที่มีจำนวนมาก การเลือกแอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุดนั้นถือเป็นเรื่องยากสำหรับผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นที่เริ่มเปิดตัวแอพที่เหมาะสมกับตลาดเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม ซึ่งหมายความว่าเร็วๆนี้คุณอาจจะได้เห็นการแอพพลิเคชั่นที่สามารถประเมินผลยอดขายมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ธุรกิจรุ่นใหม่ๆ หรือแอพพลิเคชั่นสำหรับแฟชั่นในสมาร์ทโฟนหรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นระบบ GPS บนแท็บเล็ตสำหรับผู้ปกครองอีกด้วย ปีนี้ไอทีจะเป็นคำตอบในการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้นสำหรับคุณ

สรุปได้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในในยุคสมัยใหม่ของอุปกรณ์แก็ดเจ็ต ผู้บริโภคคาดหวังมากกว่าความคล่องตัวและความสะดวกสบายจากอุปกรณ์ไอที เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวผู้ผลิตควรให้ความสำคัญในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคและนำมาเป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีฟีเจอร์ดึงดูดผู้บริโภคและให้ประโยชน์อย่างแท้จริง ต้องบอกว่า 2558 จะเป็นปีสำหรับการกลับมาของการทำงานอุปกรณ์ไอทีที่มีการทำงานอย่างเสถียรภาพและปลอดภัย ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในปี 2558 นั้นจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีครบครันของปัจจัยดังกล่าว

Hot Issue