Home Blog Page 15

ใครโดนบ้าง จอฟ้าหลังอัปเดต Windows 11 กระทบผู้ใช้งาน SSD ค่ายดัง

[แก้ไขอย่างไร] แม้ Windows กับ BSOD (Blue Screen of Death) จะเป็นของคู่กัน แต่ผู้ใช้หลายคนคงไม่อยากให้มาจับคู่กันในเครื่อง PC ของตัวเองแน่ ล่าสุดอัปเดต Windows 11 เกิดผิดพลาด (อีกแล้ว) ทำให้ผู้ใช้ SSD NVMe จาก Western Digital เกิด BSOD หรือจอฟ้า

รายงานจากเว็บบอร์ดใน Western Digital เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา พบผู้ใช้ WD Blue SN580 และ WD Black SN770 ส่วนมาก เกิดปัญหาจอฟ้าหลังอัปเดต Windows 11 24H2 คาดการณ์ว่าอาจเกิดจาก Host Memory Buffer กำหนดค่าไม่ถูกต้อง (จากแคช 64MB กลายเป็น 200MB) จนส่งผลให้ระบบทำงานไม่เสถียร

หลังพบปัญหาไม่นาน ล่าสุดมีผู้ใช้พบวิธีแก้ไขแล้ว โดยแก้ไขแคชให้กลับมาเป็นค่าเริ่มต้น 64MB นั้นเอง ซึ่งสามารถกดเข้า Safe Mode ของ Windows 11 จากนั้นก็เปิดเมนู Start พิมพ์ Regedit เพื่อเข้าสู่ Registry Editor (หรือกด Win + R แล้วพิมพ์ Regedit ก็ได้) เสร็จแล้วก็ทำตามขั้นตอนตามนี้

เปิด Registry Editor กด Copy คำสั่ง “HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\StorPort” ตามหลังคำว่า Computer เช่น Computer\HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\StorPort

กดคลิกที่คำสั่ง HMBAllocationPolicy แล้วจัดการเปลี่ยนค่า Value data เป็น 0 ต่อมาก็กด OK เพื่อ Save ค่าเป็นอันเสร็จ กด Restart คอมฯ ขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากไม่เจอคำสั่ง HMBAllocationPolicy ก็ทำการสร้างใหม่ด้วยการคลิกขวา เลือก New > DWORD (32-bit) Value จากนั้นก็ตั้งชื่อเป็น HMBAllocationPolicy

นอกจากการแก้ไขด้วย Registry Editor ก็ยังมีวิธี “คลาสสิค” คือการคืนค่าการอัปเดต Windows 11 จาก 24H2 ย้อนเป็น 23H2 เพื่อรอให้ทาง Microsoft จัดการแก้ไขตัวอัปเดตล่าสุดใหม่นั้นเอง

ที่มา : Tomshardware

เหลือเวลาหนึ่งปี Microsoft เลิกหนุน Windows 10 สิ้นสุด ต.ค. 2025

[นับถอยหลัง] แม้ตอนนี้ Windows 11 จะเปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว แต่ Windows 10 ก็ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยม ซึ่งหลายคนอาจจะชอบในความเสถียร หรือชินกับการใช้งานมานาน อย่างไรก็ตาม ทาง Microsoft ได้ประกาศยุติการสนับสนุน ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนตุลาคมปี 2025 หรืออีก 1 ปีข้างหน้านี้แล้ว

ตามกำหนดการคือวันที่ 14 ตุลาคม 2025 จะเป็นวันยุติการสนับสนุนหรืออัปเดต Windows 10 ซึ่งนั้นก็รวมถึง Patch ความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เคยมีอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ก็จะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน ฉะนั้นการใช้งาน Windows 10 ต่อไป ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยที่จะไม่ป้องกันพวกโปรแกรมอันตรายหรือมัลแวร์ตัวใหม่ ๆ อีกต่อไป

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนยังใช้งาน Windows 10 นั้น ก็ไม่พ้นเรื่อง TPM 2.0 ที่ Windows 11 บังคับใช้งานอย่างจริงจังแล้ว ปัญหาคือตัว TPM 2.0 เป็นชิปความปลอดภัยขนาดเล็ก ที่ติดตั้งอยู่บนเมนบอร์ดชิปเซ็ต Intel 100 ซีรีส์ และ AMD Ryzen ขึ้นไปเท่านั้น หากเครื่อง PC ใครเก่ากว่านี้ ก็จะไม่มีตัวชิปดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถใช้งาน Windows 11 ได้นั้นเอง เท่ากับว่าใครมีเครื่องคอมฯ เก่า ๆ ตั้งแต่ก่อนยุคซีพียู AMD Ryzen ก็หมดสิทธิ์ใช้งานเลย

มีข้อมูลน่าสนใจจากทาง Statcounter เผยตั้งแต่ช่วงเดือยกันยายน 2023 ถึง 2024 พบมีสัดส่วนผู้ใช้งาน Windows 10 มากถึง 62.79% ในขณะที่ Windows 11 อยู่ที่ 33.37% เท่านั้น บ่งบอกเลยว่ายังมีผู้ใช้ Windows 10 จำนวนมาก

ทางด้าน Microsoft เอง ก็อาจเห็นถึงข้อจำกัดในเรื่อง TPM 2.0 จึงได้ได้ประกาศโปรแกรม Extended Security Update (ESU) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ได้รับแพตช์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญได้นานถึง 3 หลังจากวันที่สิ้นสุดการสนับสนุน ทว่าโปรแกรมหรือสิทธิ์ดังกล่าว จะเน้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย

สุดท้ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ยังใช้งาน Windows 10 อยู่ ก็มีทางเลือกสองอย่างคือ อัปเกรดเครื่อง PC ให้ใช้งาน Windows 11 ได้ หรือใช้งาน Windows 10 ต่อไปแบบไม่ต้องอัปเดต โดยยอมรับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเอง หรืออีกวิธีคือติดตั้ง Windows 11 บนฮาร์ดแวร์ที่ไม่รองรับ แม้จะใช้งานได้ แต่ก็ต้องลุ้นการอัปเดตในอนาคต ที่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งทาง Microsoft จะลง “ดาบ” ตอนไหน

ที่มา : Techspot

Speed To Victory! เปิดตัว “realme 13 Series” ที่ทุกคนรอคอย อัพเกรดชิปเซ็ตตัวแรง ขึ้นแท่น Gaming Dominator แห่งปี! ในราคาเริ่มต้นเพียง 8,999 บาท

สัมผัสสมาร์ตโฟนที่ทรงพลังสุดขีด เร็วแรงเต็มสปีด เครื่องเย็นสุดขั้ว พร้อมคอลแลบ “PUBG MOBILE ” ฉลองเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่กับทัวร์นาเมนต์เกมออนไลน์ระดับประเทศ

เกมมิ่งสมาร์ตโฟนตัวแรงแห่งปี! วันนี้ realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เปิดตัว “realme 13 Series 5G” สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล Number Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมขึ้นแท่น ผู้นำด้านเกมมิ่งสมาร์ตโฟน (Gaming Dominator)” ด้วยการอัปเกรดประสิทธิภาพขั้นสุดระดับ อัลตร้าทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ULTRA POWER ด้วยซีพียูตัวท็อปของเซกเมนต์ ULTRA FAST ระบบชาร์จเร็วทันใจ ULTRA COOL ระบบระบายความร้อนใหม่ล่าสุด เมื่อผสานการทำงานจะมอบประสบการณ์สมาร์ตโฟนอันยอดเยี่ยม ทั้งการใช้งานแนวไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน และการเล่นเกมออนไลน์อันหนักหน่วง ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรง ลื่นไหลขั้นสุด และปราศจากปัญหาความร้อนกวนใจ การันตีด้วยสโลแกน Speed to Victory ที่พร้อมให้คุณเป็นผู้ชนะในทุกเกมการแข่งขันโดย “realme 13 Series 5G” นำเสนอ 2 รุ่น ทั้ง “realme 13+ 5G” และ “realme 13 5G”  

realme 13 Series 5G ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในการกำหนดนิยามกลุ่มผลิตภัณฑ์ Number Series ใหม่ภายใต้สโลแกน “Next-gen Power” โดยพัฒนาให้ realme 13 Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ทรงพลังพร้อมคุณสมบัติขั้นสูงและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในเซกเมนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเรียลมีในการนำเสนอประสบการณ์การใช้งานอันยอดเยี่ยมและเหนือล้ำเกินความคาดหวังของผู้ใช้งานรุ่นใหม่ทั่วโลก

realme 13+ 5G แชมป์เกมมิ่งโฟนคนใหม่แห่งวงการ

Dimensity 7300 Energy  ชิปเซ็ตตัวแรงสุดแห่งเซกเมนต์

realme 13+ 5G เป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรก ๆ ที่ใช้หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G ซึ่งมอบประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วยคะแนน AnTuTu อันน่าประทับใจกว่า 750,000 ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานได้ถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน จึงใช้พลังงานต่ำแต่ยังสามารถมอบประสบการณ์การเล่นเกมในอัตราเฟรมสูงได้อย่างเสถียรและราบรื่น มาพร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) ของเรียลมีที่ทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้เพิ่ม RAM สูงสุด 12GB + 14GB ที่ 26GB มอบความเร็วในการเปิดและเรียกการทำงานของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว 

ยกระดับการเล่นเกมด้วยโหมด GT Mode มอบเฟรมเรทเสถียร 90fps นาน 7 ชั่วโมง 

GT Mode ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์เกมมิ่งที่ราบรื่น ตอบโจทย์การแข่งขัน eSports ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยในปัจจุบัน GT Mode ใน realme 13+ 5G รองรับ 6 เกมหลัก ได้แก่ PUBG MOBILE, BGMI, Free Fire, MLBB, HOK(120FPS) และ COD ถือเป็นมือถือเครื่องแรกในเซกเมนต์ที่มีความสามารถนี้ โดย GT Mode สามารถคงอัตราเฟรมที่ 90fps ได้นานสูงสุด 7 ชั่วโมง (สำหรับเกม MLBB และ FreeFire) นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ GT Gaming ให้คุณสามารถปรับความถี่ CPU และ GPU ที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา และยังมี Game Filters ที่ช่วยเพิ่มคอนทราสต์ ความอิ่มตัวของสี ความคมชัด และมอบเอฟเฟ็กต์ภาพที่สวยงาม ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นศัตรูในระหว่างการเล่นเกม และยังมีโหมดอื่น ๆ ให้เลือกใช้งานตามลักษณะเกมได้อย่างไร้ขีดจำกัด

การระบายความร้อนแบบใหม่ด้วย Stainless Steel Vapor Cooling System และระบบชาร์จ 80W ที่เร็วที่สุดในเซกเมนต์

realme 13+ 5G มาพร้อมกับ Stainless Steel Vapor Cooling System มีพื้นที่ระบายความร้อนมากถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์และใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 37% โดยใช้เทคโนโลยีและวัสดุระบายความร้อนแบบเดียวกับรุ่นแฟล็กชิปอย่าง GT6 เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน eSports อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมาพร้อมคุณสมบัติการชาร์จไว 80W Ultra Charge อันน่าประทับใจ เมื่อชาร์จ 5 นาทีจะทำให้คุณเล่นเกมได้เต็มชั่วโมง มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ตอบโจทย์เกมเมอร์ตัวจริงที่ไม่ต้องการชาร์จมือถือบ่อย

จอแสดงผล OLED 120Hz พร้อมการออกแบบ Victory Speed Design

realme 13+5G มาพร้อมจอแสดงผล OLED E-sport 120Hz ที่ไม่เพียงมอบคุณภาพการแสดงผลที่สดใส แต่ยังไวต่อการทัชสกรีนด้วย Touch Sampling Rate แบบเทอร์โบชาร์จ 1200Hz มอบมุมมองกว้างด้วยพาแนลแบบ Pro-XDR และลำโพงคู่สเตอริโอ เพิ่มประสบการณ์การรับชมของคุณให้ดื่มด่ำล้ำลึกยิ่งขึ้น

ตัวเครื่องใช้การออกแบบ Victory Speed Design โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์เวิร์ด “Victory” และ “Speed” จากเกมแข่งรถ โดยนำแนวคิดนี้มาเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพเร็วแรงเข้าด้วยกัน และยังคงรักษางานออกแบบตัวเครื่องที่บางเฉียบด้วยความหนาเพียง 7.69 มม. น้ำหนักเพียง 185 กรัม นอกจากนี้ ยังมีความทนทานเป็นพิเศษ ด้วยระดับการป้องกันน้ำและฝุ่นที่ IP65 พร้อมการเสริมโครงสร้างทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ กรอบอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป โครงโลหะแบบชิ้นเดียว กระจกนิรภัย และการเคลือบผิวให้ทนทานต่อการสึกหรอและการกัดกร่อนสูง

เซนเซอร์กล้องตัวท็อป Sony LYT-600 OIS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล

ด้วยเซนเซอร์กล้อง Sony LYT-600 OIS ความละเอียด 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.95” พร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และรองรับวิดีโอ 4K ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกช็อตที่ถ่ายด้วย realme 13+5G จะสวยงาม สดใส สมจริง และด้วยคุณสมบัติ Light Fusion Engine ยังช่วยคุณภาพของไฟล์ภาพ ไม่ว่าจะเป็นฉากกลางคืนหรือภาพถ่าย HDR ก็ให้คุณภาพไฟล์ดีเยี่ยมอย่างน่าประทับใจ

ฟีเจอร์ AI สุดล้ำ

realme 13+5G นำเสนอฟีเจอร์ AI มากมายที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น อาทิ ฟีเจอร์ AI Clear Voice ซึ่งใช้เทคโนโลยีการจดจำเสียงด้วย AI ขั้นสูง ช่วยแยกแยะและขยายเสียงของมนุษย์ในระหว่างการคุยสาย จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง และยับมีคุณสมบัติ AI ต่าง ๆ อีกมากมายที่จะทำให้ realme 13+5G ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม

realme 13 5G ที่สุดของสเปกมือถือระดับ Upper Mid-range 

สร้างมาตรฐานใหม่ด้านประสิทธิภาพด้วยชิปเซ็ต Dimensity 6300 5G

realme 13 5G ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 5G ซึ่งมีคะแนนมาตรฐาน AnTuTu สูงถึง 460,000 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยแกนประมวลผล A76 อันทรงพลังซึ่งมีค่าโอเวอร์คล็อกสูงสุด 2.4GHz ซึ่งสูงกว่ามือถือคู่แข่งถึง 10% จึงมั่นใจได้ถึงการตอบสนองที่ฉับไวและการทำงานแบบมัลติทัสก์ได้อย่างง่ายดายราบรื่น

พร้อมชนทุกเกมด้วยฟีเจอร์เกมมิ่งขั้นสูงเหมือนรุ่นพี่

เช่นเดียวกับรุ่น realme 13+5G โดย realme 13 5G ยังมาพร้อม GT Mode เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่าด้วยการรักษาเฟรมเรตแบบนิ่ง ๆ ที่ 60fps ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การปรับแต่งพลังงาน การเปิดเกมได้อย่างรวดเร็ว ตัวแทร็กสัญญาณ Wi-Fi และฟิลเตอร์ต่าง ๆ พร้อมจอแสดงผลแบบ Eye Comfort 120Hz ความละเอียด FHD+ ที่ให้ภาพที่ราบรื่น ลดการเกิดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว และคุณภาพทัชสกรีนที่ตอบสนองไวเป็นพิเศษ มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ที่มีเวทีเสียงกว้าง ช่วยให้เกมเมอร์สามารถระบุตำแหน่งศัตรูในเกมอย่าง PUBG และ Call of Duty ได้อย่างแม่นยำ

ในส่วนของระบบระบายความร้อนยังใช้ Stainless Steel Vapor Cooling System เช่นเดียวกับ realme 13+5G โดยมีพื้นที่ระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในระดับราคาเดียวกันที่ 2,249 ตารางมิลลิเมตร จับคู่กับเทคโนโลยีการกระจายความร้อนแบบหมุนเวียนสองทิศทาง จึงถ่ายเทความร้อนออกจากซีพียูและส่วนประกอบสำคัญอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า

ชาร์จเร็ว SUPERVOOC 45W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh

realme 13 5G มีแบตเตอรี่สุดอึดขนาด 5,000mAh และระบบการชาร์จเร็ว 45W จึงใช้งานได้นานขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น พร้อมตอบโจทย์การเล่นเกมที่เข้มข้นได้ตลอดวัน โดยเมื่อชาร์จไฟเต็มจะสามารถเล่นเกม Free Fire ต่อเนื่องได้นานถึง 7 ชั่วโมง มอบพลังงานที่เหนือขีดจำกัดอย่างแท้จริง

นอกจากนี้  realme 13 5G ยังมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นที่ IP64 สามารถใช้งานได้ในทุกสภาวะ ภายใต้การออกแบบตัวเครื่องที่สวยงาม Victory Speed Design มอบภาพลักษณ์แห่งชัยชนะในทุกมุมมอง

ถูกใจสายถ่ายภาพด้วยกล้อง 50MP OIS 

 

ด้วยความละเอียดกล้อง 50MP OIS ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจับภาพช่วงเวลาประทับใจต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยคุณภาพระดับภาพยนตร์ โดยเป็นมือถือรุ่นแรก ๆ ในกลุ่มที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 2K พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) จับภาพวิดีโอคมชัดอย่างน่าทึ่งเทียบชั้นได้กับกล้องมืออาชีพในส่วนของการถ่ายภาพนิ่งยังเหมาะกับการถ่ายภาพทุกแนวเพราะมาพร้อมกับ OIS ระดับเรือธง ช่วยลดความเบลอจากการถือกล้อง ชดเชยความคมชัดเมื่อมือสั่นและให้ภาพที่มีความเสถียรอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าใช้ในการบันทึกช็อตเด็ดหรือการทำ vlog ก็ตาม

ราคาและการจำหน่าย

  • realme 13+ 5G นำเสนอสเปกความจุ 512/12GB ในราคา 13,999 บาท และ 256/12GB ในราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง
    • ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในรุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 6,699 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท และช่องทาง AIS รุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 7,799 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาท รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท
    • ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice รับฟรี realme Buds T01, realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 10,497 บาท
    • ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card (พิเศษ! ในช่วงพรีออเดอร์สำหรับความจุ 12+512GB Exclusive เฉพาะ Shopee เท่านั้น)

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

  • realme 13 5G นำเสนอสเปกความจุ 256/12GB ในราคา 8,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Speed Green และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง
    • ช่องทางโอเปอเรเตอร์ True และ Dtac ในราคาเริ่มต้นเพียง 5,499 บาท และ AIS ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,049 บาท พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทาง
    • ช่องทางตัวแทนจำหน่าย Banana, BKK, Kingkong, IT City, CSC, TG, Jaymart, Maxlink, Stamp และ Advice พร้อมรับฟรี realme Giftbox และประกันจอแตก 1 ปี รวมมูลค่า 7,898 บาทในทุกช่องทาง
    • ช่องทางอีคอมเมิร์ซ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop รับฟรีคูปองส่วนลด 1,000 บาท, realme Buds T01, realme Gift Box พร้อมประกันจอแตก 1 ปี และ PUBG VIP Item Code Card 

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันที่ 17 – 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป

realme 13 Series X PUBG MOBILE ฉลองเปิดตัวด้วย “Esports Championship Tournament”

เรียลมีผนึกกำลังกับ “PUBG MOBILE” เกมแบตเทิลรอยัลยอดฮิต จัดการแข่งขันเกมออนไลน์แห่งปี “Esports Championship Tournament” โดยกำหนดเดินสายเปิดสังเวียนพร้อมจัดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ตามมหาวิทยาลัยดัง 4 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (17 ตุลาคม) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (21 ตุลาคม) มหาวิทยาลัยบูรพา (29 ตุลาคม) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (5 พฤศจิกายน) เพื่อคัดเลือก 16 ทีมจากกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเพื่อเฟ้นหา TOP 4 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศออฟไลน์ สู่ผู้ชนะสุดท้ายเพื่อร่วมศึก “PMCC Thailand 2024” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 500,000 บาท ผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขันสามารถดูรายละเอียดการสมัครได้ที่โซเชียลมีเดีย realme Thailand ทุกช่องทาง (รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/realmeTH/posts/pfbid0SQgqoM9v9rV6JtKyj95cHR7TKKgJsvLEEuFTzWVDaZKRd5XvjxcU1r9FXvY4nuYnl)

สามารถสั่งจองสมาร์ตโฟนที่ทรงพลังสุดขีด เร็วแรงเต็มสปีด เครื่องเย็นสุดขั้ว ใน“realme 13 Series” ได้แล้ววันนี้ เพื่อเปิดประสบการณ์เกมมิ่งสุดล้ำที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย!

เหล่าเกมเมอร์เตรียมลุย! พบกับเกมมิ่งสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ “realme 13 Series” ร่วมคอลแลบกับ ‘PUBG MOBILE อย่างเป็นทางการ 17 ตุลาคมนี้!

เตรียมระเบิดศึก “Esports Championship Tournament”  ใน 4 มหาลัยดัง สัมผัสกับความ Speed to victory พร้อมกันทั่วประเทศ

เกมเมอร์พร้อมรึยัง? กับทัวร์นาเมนต์ครั้งสำคัญแห่งปี! เพราะ realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ประกาศวันเปิดตัว “realme 13 Series” สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล Number Series ที่มาพร้อมกับสโลแกน Speed to victory ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ และเพื่อให้สมศักดิ์ศรีของมือถือรุ่นท็อปที่ทุกคนเฝ้าจับตา เรียลมีผนึกกำลังกับ “PUBG MOBILE” เกมแบตเทิลรอยัลยอดฮิต จัดการแข่งขันเกมเดือดแห่งปี “Esports Championship Tournament” โดยจะเริ่มเดินสายเปิดศึกการแข่งขันพร้อมจัดงานเปิดตัว realme 13 Series สุดยิ่งใหญ่ในวันเดียวกัน โดยจะเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแนวไลฟ์สไตล์และการดวลสกิลสมกับความเป็น Gaming dominator ของสายเกมตัวจริง

“realme 13 Series” ชูรุ่นท็อปอย่าง realme 13+ 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตตัวแรง Mediatek Dimensity 7300 Energy 5G มาพร้อมฟีเจอร์เด่นอย่าง GT Mode เพื่อมอบประสบการณ์เกมมิ่งที่ราบรื่นขั้นสุด บอกลาภาพหน่วง-ภาพกระตุก ด้วยเฟรมเรตนิ่ง ๆ ที่ 90fps ตลอดเกม! โดยทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อนแบบใหม่ Stainless Steel Vapor Cooling System ช่วยให้เครื่องเย็นเร็วและไม่ทำให้เฟรมเรตตกในระหว่างที่กำลังสนุกกับเกมโปรดของคุณ แถมระบบชาร์จไวเอาใจคนรุ่นใหม่ 80W Ultra Charge ตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน บอกเลยว่าห้ามพลาดสมาร์ตโฟนรุ่นนี้!

ส่วนรุ่นน้องในซีรีส์อย่าง realme 13 5G มอบประสิทธิภาพแรงสูสีกับรุ่นพี่ด้วยซีพียู MediaTek Dimensity 6300 5G และยังมี GT Mode มาให้เช่นกัน โดยให้เฟรมเรตเสถียรแบบนิ่ง ๆ ที่ 60fps ในการเล่นเกม รวมถึงระบบ Stainless Steel Vapor Cooling System และชาร์จเร็วที่ 45W Fast Charge

ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมแบตเตอรี่ยักษ์ขนาด 5000mAh และจอแสดงผลประสิทธิภาพสูง 120Hz Eye Comfort Display เพื่อการแสดงผลคอนเทนต์ที่ลื่นไหลและถนอมสายตา รวมถึงฟีเจอร์อัจฉริยะที่ทำงานบนหน่วยการเรียนรู้ปัญญาประดิษฐ์ (Ai) อีกมากมาย เพื่อให้ “realme 13 Series” เป็นสมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่แท้จริง

น้อง ๆ นักศึกษาและผู้ที่สนใจเตรียมลับฝีมือลงแข่งขัน ชิงความเป็นหนึ่งในกิจกรรมครั้งสำคัญของเหล่าเกมเมอร์เมืองไทย “Esports Championship Tournament” ได้ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ 4 แห่ง โดยเปิดสนามแข่งแรกที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในวันที่ 17 ตุลาคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันที่ 21 ตุลาคม มหาวิทยาลัยบูรพาวันที่ 29 ตุลาคม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะสุดท้ายเพื่อร่วมศึก “PMCC Thailand 2024” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 500,000 บาท นอกจากนี้ ภายในงาน “Esports Championship Tournament” ยังมีกิจกรรมร่วมสนุกอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งกิจกรรมกระทบไหล่ทีมงาน PUBG MOBILE และ KOLs ชื่อดังในแวดวงเกม และกิจกรรมไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับโลกแห่งเกมได้อย่างเต็มที่

ผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขันใน “Esports Championship Tournament” สามารถดูรายละเอียดการสมัครได้ที่โซเชียลมีเดีย realme Thailand ทุกช่องทาง เพื่อมาร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์สุดมันส์และสัมผัสประสิทธิภาพของ “realme 13 Series” ด้วยตาของคุณเอง!

เร็วจนน่าตกใจ ซูเปอร์คอมพ์ xAI ลดเวลาคำนวณ 4 ปี เหลือ 19 วัน

xAI

เรารู้กันดีว่า Elon Musk เป็นคนที่อยากทำอะไร ก็ต้องทำให้สุด แม้จะมีคนวิจารณ์เยอะ แต่เขาก็สร้าง Tesla และ SpaceX จนกลายเป็นบริษัทชั้นนำในวงการได้ แถมยังมีบริษัทอื่น ๆ อีก เช่น Neuralink และ Twitter/X

ล่าสุด ทีม xAI ของเขายังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับ AI ได้สำเร็จภายในเวลาแค่ 19 วัน ซึ่งจากเดิม อาจต้องใช้เวลาสร้างมากถึง 4 ปี

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Elon สร้างด้วยการ์ดจอ Nvidia H200 Blackwell มากถึง 100,000 ตัว จนทำให้ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ถึงกับบอกว่านี่มันความเร็วแบบเหนือมนุษย์

ปกติแล้ว การสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี แบ่งเป็นวางแผน 3 ปี ติดตั้งและเตรียมการใช้งานอีก 1 ปี แต่ทีมของมัสก์ใช้เวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ ตั้งแต่เริ่มคิดยันใช้งานได้จริง! ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ xAI ยังเริ่มเทรน AI ได้ทันทีหลังจากเปิดเครื่องอีกด้วย สุดดดดจิ้งงง

ต้องยอมรับว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวงการ AI เลยก็ว่าได้ เพราะมันจะทำให้ xAI กลายเป็นคู่แข่งสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนา AI ด้วยพลังประมวลผลมหาศาล ทีมของมัสก์จะสามารถพัฒนาโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับโครงข่ายประสาทเทียม Deep learning และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ได้เร็วขึ้นอย่างมาก

xAI อาจช่วยผสานรวมกับธุรกิจอื่น ๆ ของ Elon Musk ไม่ว่าจะเป็น

  • xAI กับ Tesla อาจพัฒนา AI สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และระบบจัดการพลังงานในรถยนต์ไฟฟ้า
  • xAI กับ SpaceX อาจช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียม การวางแผนภารกิจอวกาศ การควบคุมยานอวกาศ และการสำรวจอวกาศ
  • xAI กับ Twitter/X อาจใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ตรวจจับเนื้อหาที่เป็นอันตราย และปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม
  • xAI กับ Neuralink อาจร่วมมือกับ Neuralink ในการพัฒนา AI ที่เชื่อมต่อกับสมองมนุษย์ เพื่อช่วยในการรักษาโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์

ที่มา

https://www.techspot.com/news/105149-elon-musk-xai-built-100000-gpu-supercluster-19.html

สงครามเริ่ม Google แบน uBlock Origin ส่วนขยายบล็อกโฆษณาชื่อดัง

uBlock Origin

หลังจากที่ Google ดึงเชิงเรื่องการเปลี่ยนมาใช้ Manifest V3 มานานหลายปี ในที่สุดก็ถึงเวลาเปลี่ยน ซึ่งหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้ใช้ Chrome จะต้องเลือกระหว่างการยอมรับเทคโนโลยีบล็อกโฆษณาแบบใหม่ของ Chrome ที่ด้อยประสิทธิภาพกว่า หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้เว็บเบราว์เซอร์อื่น ที่สามารถบล็อกโฆษณาได้เหมือนเดิม

ล่าสุด มีรายงานจากผู้ใช้ Chrome ว่า uBlock Origin ส่วนขยายบล็อกโฆษณาชื่อดังกำลังหายไปจาก Chrome Web Store เนื่องจากผิดแนวทางของ Chrome

สำหรับผู้ที่ติดตั้ง uBlock Origin ไว้แล้ว ตอนนี้ Chrome จะแสดงคำเตือนว่าส่วนขยายนี้กำลังจะล้าสมัย และ Google กำลังจะนำ Manifest V3 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 มาใช้งานแทน

แต่ Manifest V3 (ที่ Google อ้างว่า มีความปลอดภัยมากกว่า) นั้นมีข้อจำกัดบางอย่างในการเข้าถึงข้อมูลเบราว์เซอร์และเว็บ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สร้างปัญหาอย่างมากสำหรับตัวบล็อกโฆษณา และการเปลี่ยนแปลงนี้ น่าจะเป็นการบีบให้ผู้พัฒนาส่วนขยายอย่าง uBlock Origin ไม่สามารถนำแอปตัวเอง มาเผยแพร่บน Chrome Web Store ได้อีกต่อไป (นี่สินะ การผูกขาด) และนั่นก็ทำให้ผู้ใช้เหลือทางเลือกที่จำกัดมากขึ้น

ตอนนี้ ผู้ใช้ Chrome ยังคงสามารถใช้ uBlock Origin ได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2025 เนื่องจากนโยบายเรื่องการเปลี่ยนผ่าน หลังจากนั้น uBlock Origin น่าจะหยุดทำงาน และผู้ใช้จะต้องเปลี่ยนไปใช้ตัวบล็อกโฆษณาที่ใช้ Manifest V3 เช่น uBlock Origin Lite, AdGuard หรือตัวเลือกอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน (แต่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า)

ในขณะเดียวกัน นักพัฒนา uBlock ระบุว่าหากมีปัญหากับ Chrome สามารถหันไปใช้ Mozilla Firefox ได้ โดยจะสนับสนุนการใช้ Manifest V2 ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะยังทำให้การบล็อคโฆษณา มีประสิทธิภาพดีที่สุด

ที่มา
https://www.techspot.com/news/105130-google-purging-ad-blocking-extension-ublock-origin-chrome.html

อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีก่อนใคร ที่งาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024

สายเทคห้ามพลาด หากคุณกำลังมองหาวิธีทำธุรกิจของคุณให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาพบกันในงาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2024 งานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแห่งอาเซียน ระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2567 ณ ฮอลล์ 6 อิมแพ็คเมืองทองธานี

พร้อมพบกับโซลูชันเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์จากกว่า 350 แบรนด์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ โซลูชัน ERP หุ่นยนต์เสมือนจริงอัจฉริยะ โปรแกรมบริหารงานทรัพยากรบุคคล โซลูชัน AI เพื่อธุรกิจ ระบบ CRM ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาด้านไอที และอีกมากมายครอบคลุมทุกความต้องการ ด้านเทคโนโลยี

และสัมมนาโดยกูรูชั้นนำด้านเทคโนโลยีมากมายที่มาร่วมแชร์ไอเดียและ ให้คุณได้อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีก่อนใครเพื่อเตรียมตัวกับรับมือในปี 2025 กับ 3 เวทีครอบคลุมความรู้แบบ Content จัดเต็มได้แก่เวที Global Tech Conference เวที THE FUTURE OF AI และ เวที Technology Presentation โดยรวบรวมหัวข้อที่น่าสนใจได้ อาทิ

  • Martech Trends 2025 Innovations Shaping the Future of Marketing
  • The Future of Personalization: Tailoring Marketing Experiences to Meet Consumer Expectations
  • Essential Martech Landscape for Thailand
  • AI and Leadership Mindset เพื่อสร้าง Innovative Business + Brand
  • AI Implementation: Choosing the right path for your organization

และอีกมากมาย ..

งานนี้จึงเหมาะกับเจ้าของธุรกิจ ฝ่ายไอที ฝ่ายการตลาดและแบรนด์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีและอัปเดตเทรนด์ก่อนใคร!

คลิก! เพื่อดูโปรแกรมสัมมนา https://digitechasean.com/conferences/
คลิก! เพื่อลงทะเบียนร่วมงานฟรีได้ที่ https://evcnx.co/s4H9V
สอบถามข้อมูลโทร 02-833-6336 หรืออีเมล info@digitechasean.com

หมูเด้งสุดน่ารักมาแล้ว! พร้อมชวนแฟนๆ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ตามติดชีวิตแบบเรียลไทม์บน Shopee Live ที่นี่ที่เดียว

นาทีนี้ใครจะต้านความน่ารักน่าชังของ “น้องหมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่กลายเป็นหนึ่งในสัตว์ไอคอนิกจากประเทศไทย และเป็นที่พูดถึงทั่วทุกวงการ ด้วยกระแสที่โด่งดังและแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากทั่วโลก ช้อปปี้ ในฐานะอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจนักช้อปชาวไทย ไม่รอช้า ให้แฟนๆ ได้สัมผัสความน่ารักแบบสดๆ ได้ทุกที่ เสมือนยกสวนสัตว์มาไว้ตรงหน้า ผ่าน Shopee Live ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แฟนๆ จะได้ชมน้องหมูเด้งจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวแบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการ

ยิ่งกว่าความฟินกับไลฟ์สดน้องหมูเด้ง แฟนๆ ยังสามารถร่วมซื้อ GIFTING เริ่มต้นเพียง 5 บาท เพื่อสมทบทุนโครงการ “หมูเด้ง” ชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์

ชมแอนด์ช้อปกับน้องหมูเด้ง บน Shopee Live   ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2567  เวลา 8.00 น. – 18.00 น. ที่ https://shopee.co.th/live-moodeng  และเตรียมติดตามกิจกรรมและเซอร์ไพรส์ใหญ่จากน้องหมูเด้งที่จะมาพร้อมกับความสนุกสุดคิวท์ บนช้อปปี้ เร็วๆ นี้

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App Gallery

ครั้งแรกของโลก SpaceX ทำสำเร็จ ส่งจรวดกลับฐานเองได้

SpaceX ประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดทดสอบ Starship ซึ่งเป็นจรวดที่มีพลังมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ที่ในอนาคตจรวดลำนี้อาจถูกนำไปใช้ขนส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์และดาวอังคาร

จรวด Super Heavy ติดตั้งยานอวกาศ Starship ไม่มีมนุษย์ควบคุม ทดสอบปล่อยจรวด 30 นาที จากสถานี Starbase ของ SpaceX ในเมืองโบกาชิกา รัฐเท็กซัส

การทดสอบนี้เป็นครั้งที่ 5 โดยการพยายามเคลื่อนย้ายจรวดแรงสูง 232 ฟุต หรือ 71 เมตร กลับมาลงจอดได้สำเร็จ

หลังจากที่จรวดเผาผลาญเชื้อเพลิงเกือบหมดและหลุดออกจากยานอวกาศ จรวดเดินทางกลับมายังฐานที่ปล่อยได้อย่างสวยงาม 

ส่วนยานอวกาศ Starship ยังคงบินต่อไปโดยลำพัง โดยใช้เครื่องยนต์ 6 เครื่อง บนยาน ก่อนจะลงจอดเหนือมหาสมุทรอินเดียถือว่าจบภารกิจแบบสมบูรณ์

SpaceX จะกลับมาทดสอบอีกครั้ง บูสเตอร์ Super Heavy และยานอวกาศ Starship ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรับมือกับภารกิจต่อไปในอนาคต

เป้าหมายสูงสุดของ SpaceX คือการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อลดเวลาและต้นทุนในการส่งสินค้าหรือยานอวกาศไปนอกโลก รวมถึงตั้งเป้าสูงสุดเพื่อส่งมนุษย์กลุ่มแรกไปยังดาวอังคาร

ที่มา : SpaceX

#SpaceX  #SuperHeavy #TechhubUpdate

กระทบสุขภาพ นักวิทย์ฯ เตือนเอง คนชอบ เล่นมือถือก่อนนอน

เล่นมือถือก่อนนอน

หลับยาก มันแค่เริ่มต้น….

เรามักจะเคยได้ยินว่า หากเล่น Smartphone ก่อนนอน อาจทำให้นอนหลับยากเพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอ แต่พฤติกรรมการเล่นมือถือก่อนนอนที่ดูเหมือนจะไร้พิษภัย กลับแฝงไปด้วยอันตรายต่อสุขภาพมากมาย จนทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องออกมาเตือน

ผลการสำรวจจาก MattressNextDay เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่า ชาวอังกฤษกว่า 50 ล้านคน ยอมรับว่า มีพฤติกรรมที่นอนหลับไปพร้อมกับมือถือคู่ใจ และ 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขานั้นติด Smartphone มาก ก่อนนอน ต้องได้เล่น ทำให้เกิดเป็นความต่าง ๆ ตามมา

ภัยร้ายจาก “Smartphone ” ที่เราอาจคาดไม่ถึง

แสงสีฟ้า ตัวการรบกวนการนอน แสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ จะไปรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ ทำให้สมองเข้าใจผิดคิดว่ายังเป็นเวลากลางวัน ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัว นอนหลับยาก คุณภาพการนอนลดลง ในระยะยาวอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด

Smartphone แหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียชั้นยอด โดยจากการศึกษาพบว่า บนสมาร์ทโฟนอาจมีแบคทีเรียสะสมมากกว่าฝาชักโครกถึง 10 เท่า! และยิ่งน่ากังวลเมื่อแบบสอบถามระบุว่า 51% ของผู้ใช้ไม่เคยทำความสะอาดเลย ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง ตา จมูก ปาก ละผิวหนัง ทำให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ได้

Pseudomonas aeruginosa แบคทีเรียอันตรายที่พบได้ทั่วไปบนมือถือ แต่ที่น่าตกใจคือ มันยังเป็นแบคทีเรียที่พบในมูลของแมลงสาบอีกด้วย! ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การติดเชื้อที่ผิวหนัง การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เตียงนอนควรเป็นที่พักผ่อน ไม่ใช่แหล่งเพาะเชื้อโรค! ฉะนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุด หากชอบเล่น Smartphone บนที่นอน

+ ทำความสะอาดมือถือเป็นประจำ ด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือใช้เครื่องฆ่าเชื้อ UV
+ ซักปลอกหมอนบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
+ ลดการสัมผัสใบหน้า ขณะใช้มือถือ
+ งดใช้มือถือก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้สมองและดวงตาได้พักผ่อน

ที่มา
https://www.ladbible.com/news/health/using-phone-toilet-doctor-warning-tiktok-570296-20240116

Hot Issue