Home Blog Page 14

ไม่มีข้อแม้ Elon Musk เดินหน้า ใช้ข้อมูลแอป X เทรนด์ AI

[Bsky ยินดีต้อนรับ] จากข่าวก่อนหน้าที่เคยบอกว่า “ปีนี้เป็นปืทองของ Elon Musk” ล่าสุดก็ปลดร่างทองอีกครั้ง หากแต่เป็นในแง่ลบ หลัง X (หรือ Twitter เก่า) ได้อัปเดตข้อกำหนดการให้บริการใหม่ เปิดโอกาสให้บุคคลที่ 3 สามารถนำข้อมูลจากโพสต์ของผู้ใช้ ไปฝึก AI ได้’ มีผลบังคับใช้ 15 พฤศจิกายน 2024 นี้

เป็นที่ทราบกันดีว่า Elon Musk มีอีกบริษัทที่พยายามดันเป็นพิเศษอยู่คือ xAI โดยมี Grok แชตบอต AI เป็นตัวชูโรง คำถามคือ Elon Musk จะใช้ข้อมูลจากไหนมาเทรนหรือฝึกบริการ AI ดังกล่าว คำตอบก็คงไม่พ้น X แพลตฟอร์มโซเชียลของตัวเอง และล่าสุดข้อสงสัยดังกล่าวได้กระจ่างแล้ว

หลังใน Terms of Service หรือข้อกำหนดการให้บริการของ X ได้มีการอัปเดตใหม่ โดยในหัวข้อ Content on the Services เผยการโพสต์หรือทวีต แสดงเนื้อหาบนหรือผ่านทางบริการของแพลตฟอร์ม ถือว่าผู้ใช้ให้สิทธิ์ในการอนุญาตแก่แพลตฟอร์มแล้ว ซึ่งอนุญาตในที่นี้นั้น ได้รวมไปถึงการอนุญาตให้สิทธิ์นำข้อมูลไปฝึก AI ได้ด้วย ซึ่งไม่เฉพาะ xAI ของ Elon Musk เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจ หรือก็คือบุคคลที่สามที่เป็นเจ้าของบริการ AI รายอื่น ๆ นำข้อมูลไปได้เช่นกัน

แน่นอนว่าข้อกำหนดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้ที่เป็นนักวาดหรือกราฟิกดีไซน์ แสดงความไม่พอใจเป็นจำนวนมาก จนแห่ปิดบัญชี ไล่ลบทวีตผลงาน จนถึงขนาด X ล่มไปชั่วขณะ มีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า พบการเปิดบัญชีในแพลตฟอร์มโซเชียลใหม่อย่าง Bluesky เป็นจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นผู้ใช้ที่ย้ายมาจาก X หลังมีอัปเดตข้อกำหนดการให้บริการใหม่นั้นเอง

จนเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พบผู้ใช้ Bluesky เพิ่มขึ้นถึง 500,000 บัญชี แถมภายในวันเดียว สำหรับ Bluesky นั้น เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียประเภท ‘ไมโครบล็อก’ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจาก X และ Threads ของ Meta ซึ่งเจ้าของคือ Jack Dorsey หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter หรือ X ในปัจจุบันนั้นเอง ซึ่งเริ่มพัฒนามาตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2021 ก่อนที่ Elon Musk จะเข้าซื้อในวันที่ 28 ตุลาคม 2022

ที่มา : Techcrunch

GC จับมือทุกภาคส่วน รวมพลังครั้งสำคัญ ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

GC จับมือทุกภาคส่วน รวมพลังครั้งสำคัญ ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิดยั่งยืนไม่ยาก   

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิดยั่งยืนไม่ยากเปิดเวทีครั้งที่ 5 รวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือ GEN S (Generation Sustainability) จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ GC ครอบคลุมทั้งเคมีภัณฑ์เคลือบผิว    ที่ยั่งยืน ไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพ และการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทย (Sustainable Aviation Fuels: SAF) ตลอดจนสร้างโอกาสการเติบโตของประเทศผ่าน allnex ตอบสนองเทรนด์อนาคต สู่การเป็น Specialty Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษ งานนี้จัดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 พารากอนฮอลล์   ชั้น 5 สยาม พารากอน

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า “GC มีเป้าหมายในการเป็นองค์กรต้นแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตพร้อมสร้างสมดุุลด้านความยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และในปี 2564 GC ได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ผ่านการกำหนดแผนงาน การวัดผลและการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับข้อตกลงสำคัญหลายประการจากการประชุมผู้นำระดับโลกในหลายๆ เวที ผู้นำทั่วโลกต่างก็หยิบยกประเด็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาความยั่งยืน” 

ที่ผ่านมา GC ดำเนินการตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ มีการใช้หลัก 5R ใช้พลังงานหมุนเวียน นำเทคโนโลยีและ Digitalization เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน รวมถึงแผนการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน  ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่ Net Zero ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย นอกจากนี้ GC ยังมีความร่วมมือครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกและดูแลป่า ทั้งป่าบก ป่าชายเลน ป่าชุมชน จนมาถึงการศึกษาการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง

งาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาความร่วมมือ เพื่อบรรเทาปัญหาโลกเดือด และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ พร้อมชวนทุกคนมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles รวมถึงจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  โดยนำเสนอเคมีภัณฑ์เคลือบผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลายอุตสาหกรรม  ตั้งแต่สีเคลือบผิวรถยนต์ สีพ่นตู้   คอนเทนเนอร์ สีเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Coating Resins จาก allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ลดการปล่อยของเสียในกระบวนการผลิต จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น  และยังมีผลิตภัณฑ์ไบโอเคมิคอล ไบโอพลาสติก หรือ พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น แคปซูลกาแฟ  บรรจุภัณฑ์ และเส้นใยสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ

นอกจากนี้ GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ ด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568  โดยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน ISSC Plus และ ISSC Corsia ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง Value Chain

เรามองเห็นอนาคตที่ชัดเจนว่า ภาคการผลิตจะเปลี่ยนกระบวนการไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่เป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกันนายณะรงค์ศักดิ์กล่าว

งาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING คือ ก้าวสำคัญในการปลุกพลังสร้างสรรค์และผสานพลังกับ GEN S ทุกคนเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและโลกใบนี้ให้ยั่งยืนอย่างแท้จริง 

จุฬาฯ เปิดคอร์สสอน Canva ฝึกใช้ AI ช่วยออกแบบ

ที่ว่างยังเหลือ…อัปสกิลให้เก่งขึ้น จุฬาเปิดสอนคอร์สเรียนการสร้างผลงานจากโปรแกรม Canva ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI มาทำให้ผลงานของเราสะดุดตาและดูดียิ่งขึ้น

เน้นการสร้างใช้เครื่องมือ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ให้ออกมามีประสิทธิภาพกว่าเดิม และนำเอาต่อยอดได้จริง

ทุกคนสามารถเรียนได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อเรียนจบแล้วคะแนน 60% ขึ้นไป ขอรับ Certificate of Completion ได้ สิ้นสุดการเรียน 30 พฤศจิกายน 2567

ลงทะเบียนและเริ่มเรียนได้เลย (มีจำนวนจำกัด)
>> https://mooc.chula.ac.th/course-detail/208

⭐ สร้างสรรค์ไม่รู้จบกับ Canva ศิลปะการใช้ AI ในการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์

มีทั้งหมด 13 บทเรียน มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกัน

– Magic Studio
– ตั้งค่าหน้ากระดาษ
– Background Remover
– Magic Animate
– Magic Morph
– Magic Write
– Translate
– Sharing Design
– Magic Expand
– Magic Edit
– Magic Grab
– Magic Eraser
– Conclusion

นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่ จิ้มลิ้งก์เลย >> https://www.techhub.in.th/category/productivity/

ONNEX by SCG Smart Living เปิดบ้านโชว์ศักยภาพความพร้อม ส่งแผนรุกตลาดโซลาร์ ตั้งเป้าสู่ความเป็นผู้นำด้วย “EPC+” BUSINESS MODEL

ONNEX by SCG Smart Living เปิดบ้านโชว์ศักยภาพความพร้อมในงานระบบโซลาร์ ส่งแผน EPC+ BUSINESS MODEL รุกตลาดโซลาร์ ตั้งเป้าสู่ความเป็นผู้นำ มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่มพันธมิตรสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจต่างๆ และนักลงทุน คาดภายใน 5 ปี ปั้นธุรกิจ ขยายกำลังการผลิตติดตั้งโตขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง  กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living เน้นนวัตกรรมและบริการด้านระบบโซลาร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มต้นจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองภายในโรงงานต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากสุดถึง 40% ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน จึงมีความพร้อมที่จะตอบรับความต้องการในตลาดโซลาร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการติดตั้งระบบโซลาร์ในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ถูกลง  ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ายังคงมีราคาสูง

นายดุสิต ชัยรัตน์ Smart Home Living Solution Director ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งด้วยนโยบายจากภาครัฐและจากความต้องการของลูกค้าในการใช้พลังงานสะอาด  อีกทั้งในระยะหลังมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้นจากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมีความผันผวนต่ำในระยะยาว ทาง ONNEX by SCG Smart Living ได้จัดให้มีบริการ EPC (Engineering Procurement and Construction) ทั้งด้านการออกแบบทางวิศวกรรม  การขออนุญาตโครงการ รวมถึงการติดตั้งโครงสร้างระบบแบบครบวงจรอยู่แล้ว เพื่อขยายตลาดให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงได้เตรียมกลยุทธ์ EPC+ Business Model ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เกี่ยวข้องแต่ละกลุ่มในระบบโซลาร์ ที่จะช่วยสร้าง ecosystem ให้แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจโซลาร์ให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ส่งผลดีให้กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อลดภาวะโลกร้อนและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ  โดยคาดว่า EPC+ Business Model จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งในระบบพลังงานโซลาร์รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี

สำหรับ EPC+ Business Model เบื้องต้นมี 5 รูปแบบ คือ

  • EPC+F (Finance)

เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าพื้นฐานมาติดตั้งระบบโซลาร์ นอกจากธุรกิจจะได้ใช้พลังงานสะอาดแล้ว ผู้ประกอบการยังได้ประโยชน์จากส่วนลดค่าไฟสูงสุดถึง 40% ซึ่งแผน EPC+F นี้ ทางผู้ประกอบการไม่ต้องลงทุนเอง แต่ทาง ONNEX จะดำเนินการหาผู้ลงทุนให้

  • EPC+D (Project Development)

เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ สถาบัน กองทุน ที่สนใจลงทุนในโครงการโซลาร์ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทีมงานจัดทำโครงการ หรือไม่สามารถหาโครงการที่เหมาะสมได้ ทาง ONNEX จะทำหน้าที่คัดสรรโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุน ขนาดโครงการ ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีผลประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ลงทุน

  • EPC+O&M (Operations & Maintenance)

เหมาะสำหรับเจ้าของโครงการที่ติดตั้งโซลาร์ในหลายโครงการ และเริ่มมีปัญหาในการบริหารจัดการแบบองค์รวม (Centralized monitoring & maintenance) ทาง ONNEX มีบริการตั้งแต่ Efficiency Audit, การทำ Centralized Dashboard ตลอดจนการดูแลระบบให้สามารถผลิตไฟได้ตามเป้าหมาย โดยมี Performance Warranty ในกรณีที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางแผนไว้

  • EPC+Alliance

รูปแบบความร่วมมือกับพันธมิตร EPC ด้วยกัน โดยมีแนวคิดที่จะช่วยให้ในกลุ่มพันธมิตรสามารถมีศักยภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีที่สุดในระบบการจัดซื้อ (Cost effectiveness) โดยทาง ONNEX มีแผนงานเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาแผงและอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบโซลาร์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว โดย EPC+Alliance ได้เริ่มดำเนินการและเปิดรับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสนใจร่วมกันอยู่ในขณะนี้

  • EPC+Authorized Referral เหมาะสำหรับตัวแทนอิสระ ที่มีเครือข่ายลูกค้าที่มีศักยภาพในธุรกิจโซลาร์ สามารถเข้ามาเป็น Authorized Referral ได้ เพื่อร่วมธุรกิจและรับผลตอบแทนจากโครงการ

ด้านนายสุชาติ นอกพุดซา Associate Director – Solar Roof ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกรูปแบบ (Solar Roof, Solar Floating, Solar Farm และ Solar Carport) ที่ผ่านมา สามารถผลิตพลังงานสะอาดไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ (MWp) และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกถึง 400–600 เมกะวัตต์ (MWp) โดยพื้นที่โซลาร์ฟาร์มขนาด 47.5 ไร่ ที่จังหวัดสระบุรี ถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่นำเสนอแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานโรงไฟฟ้าเสมือนจริง (Virtual Power Plant) ภายใต้แนวคิด Smart Utilization –  Smart Investment –  Smart Flexibility  และ Smart Monitoring  ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับรู้ปริมาณการผลิตโซลาร์และการนำพลังงานสะอาดไปใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่มีความสำคัญอย่างมากในการผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในโรงงานต่างๆ ในพื้นที่ โดยในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ทาง ONNEX by SCG Smart Living เคย Develop ได้สูงสุดจะอยู่ที่ IRR 34% และระยะเวลาคืนทุนภายใน 3 ปี

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ONNEX Solar หรือสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแผน EPC+ Business Model สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.onnexbyscg.com/th/product/solar-solutions   และไลน์ @SCGSolarRoof หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 02-586-2222

Coursera ยกระดับศักยภาพด้านดิจิทัลของคนไทย เพิ่มหลักสูตร AI และฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับพันธมิตรมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำ

  • เส้นทางการศึกษาระดับปริญญาใหม่ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 8 หลักสูตร และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง GenAI กว่า 20 รายการ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนและสถาบันการศึกษาไทยตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจในอนาคต

Coursera Inc. แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ชั้นนำ ประกาศเปิดตัวเส้นทางการศึกษาระดับปริญญาแบบใหม่, ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 8 หลักสูตร, ใบรับรองความรู้ด้าน GenAI 20 หลักสูตร รวมไปถึงความเชี่ยวชาญพิเศษและเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในงาน Coursera Connect ประจำปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพฯ วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568 การพัฒนาในครั้งนี้สนับสนุนนโยบายเกี่ยวกับ AI ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม (MHESI) ของประเทศไทย โดยส่งเสริม ‘การศึกษา 6.0’ ผลักดันให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ บูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูงและถ่ายทอดทักษะที่สำคัญ เพื่อเตรียมนักศึกษาให้พร้อมสำหรับความต้องการของยุคดิจิทัล

Coursera ยังได้ต้อนรับพันธมิตรมหาวิทยาลัยชื่อดัง 4 รายอย่างเป็นทางการ อาทิ Saïd Business School – มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ IMD Business School รวมไปถึงบริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรม 5 บริษัท ได้แก่ Airbus Beyond, Amazon และ Xbox การร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ผู้เรียนในไทยสามารถเข้าถึงเนื้อหาคุณภาพสูงที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

คุณรากาฟ กุปตา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Coursera กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคของเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น มุ่งเน้นไปที่การสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลและปลูกฝังแนวคิดการเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต Coursera มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์นี้โดยมอบทักษะที่จำเป็น เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศนียบัตรและใบรับรองที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกซึ่งจำเป็นต่อการเติบโตในตลาดงานที่มีการแข่งขันสูงให้แก่ผู้เรียนและสถาบันต่าง ๆ โดยเป้าหมายของเราคือการส่งเสริมบุคลากรที่มีความสามารถเพื่อร่วมพัฒนาและกำหนดทิศทางอนาคตด้านดิจิทัลของประเทศไทย”

โดยประกาศใหม่จาก Coursera ในประเทศไทย ประกอบไปด้วย:

    • เส้นทางการเรียนปริญญาหลักสูตรใหม่จาก University of London (UoL): โปรแกรม International Foundation Programme (IFP) ในสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์จะช่วยมอบทักษะพื้นฐานในวิชาคณิตศาสตร์ สถิติ และการเขียนโปรแกรม เปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะมีประสบการณ์การศึกษาหรือการทำงานมาก่อนหรือไม่ก็ตาม และเมื่อเรียนจบแล้วสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีแบบออนไลน์ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จาก University of London ได้โดยตรง

 

  • ประกาศนียบัตรวิชาชีพใหม่ 8 หลักสูตร ที่จะช่วยให้ผู้เรียนชาวไทยเรียนรู้หรือต่อยอดในสายอาชีพที่มีความต้องการสูง:
  • หลักสูตรความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแบบใหม่จาก IBM และ Microsoft มอบทักษะ GenAI ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับบทบาทของแต่ละอาชีพ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำ AI มาใช้ในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้:
    • ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ IBM ครอบคลุมอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นักวิเคราะห์ BI, ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักวิทยาศาสตร์ทางข้อมูล, การบริหารทรัพยากรมนุษย์, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยจะเน้นที่การใช้ศักยภาพของ GenAI ในหน้าที่งานต่าง ๆ
    • ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้าน Copilot ของ Microsoft ที่จะสอนการผสมผสาน AI ให้เข้ากับงานประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักสูตรต่างๆ เช่น Microsoft Copilot สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, การขาย และการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • การพัฒนาของ Coursera Coach ที่ใช้ AI เพื่อมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นส่วนตัวและโต้ตอบได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มผลลัพธ์การเรียนรู้ได้ดียิ่งกว่าเดิม:
    • ระหว่างนักเรียนและครูในประเทศไทย โดย Coach จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเสมือน โดยให้คำแนะนำส่วนบุคคล คำตอบ และสรุปวิดีโอบรรยายเป็นภาษาท้องถิ่น
    • Coach for career guidance: ภายในสิ้นปี Coach จะช่วยให้ผู้เรียนสำรวจเส้นทางอาชีพและระบุทักษะที่สามารถถ่ายทอดได้ไปยังเส้นทางการเรียนรู้หรืออาชีพอื่นได้ พร้อมทั้งแนะนำเส้นทางการเรียนรู้ที่ปรับแต่งตามประสบการณ์และเป้าหมายของผู้เรียน
    • Coach for interactive instruction: ปัจจุบันผู้สอนสามารถใช้ Coach เพื่อสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ที่สมจริง โดยเริ่มจากบทสนทนาแบบ Socratic หรือการเรียนรู้ด้วยการตั้งคำถามด้วยการโต้ตอบแบบข้อความ ผู้สอนสามารถระบุวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ สไตล์การสอน และเกณฑ์การประเมินได้ ผ่านการใช้แนวทางการสอนและเนื้อหาหลักสูตรที่ดีที่สุดของ Coursera โดยมี Google Gemini เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ตัวแรกที่ขับเคลื่อนฟีเจอร์นี้\
  • เพิ่มหลักสูตรเนื้อหาภาษาไทยถึงสองเท่า: ปัจจุบันมีหลักสูตรที่แปลเป็นภาษาไทยกว่า 4,700 หลักสูตร สำหรับผู้เรียนรายบุคคลและภายในองค์กร โดยจำนวนหลักสูตรภาษาไทยเพิ่มขึ้นจาก 2,000 หลักสูตรเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
  • ความร่วมมือใหม่ครั้งใหม่กับ PWC ประเทศไทย, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ธนาคารกสิกรไทย, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ และเซ็นทรัล รีเทล

คุณวรวัจน์ สุวคนธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนา “ทักษะการเรียนรู้” สำหรับทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับทักษะของพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ผ่านแพลตฟอร์ม Coursera ตั้งแต่ปี 2561 ธนาคารไทยพาณิชย์ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Coursera เพื่อสร้างหลักสูตรภาษาไทย ขยายโอกาสการเรียนรู้ให้กว้างไกลออกไปนอกแพลตฟอร์ม และยกระดับการศึกษาในประเทศไทยผ่านโครงการ CSR ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้เรียนกว่า 4,000 คน และเร็วๆ นี้ SCB Academy จะเปิดตัวโปรแกรมการเรียนรู้แบบครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผสมผสานเวิร์กช็อปแบบโต้ตอบและจัดกิจกรรมในสถานที่จริงตามหลักสูตร “Learning How to Learn” ของ Coursera ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมทักษะที่จำเป็นให้กับผู้สอน นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับดร. บาร์บารา โอ๊คลีย์ เพื่อแปลหลักสูตร “Accelerate Your Learning with ChatGPT” เป็นภาษาไทยภายในปี 2568 โดยใช้ประโยชน์จาก AI เชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการศึกษาของไทย

ทุบสถิติ!! HONOR Magic V3 ยอดจองวันแรกเพิ่มขึ้น 6 เท่า จากรุ่นก่อน เผยกระแสตอบรับดีเกินคาด ทะยานสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ของสมาร์ตโฟนจอพับ

HONOR Magic V3 สร้างความฮือฮาหลังเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา และเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 15 – 23 ตุลาคม 2567 โดยในวันแรกทำลายสถิติมียอดสั่งจองพุ่งทะลุเป้าเพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบจากรุ่นก่อนหน้า HONOR Magic V2 นับเป็นความสำเร็จครั้งใหม่สู่แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำในตลาดไทย และเป็นการยืนยันกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้ใช้สู่สุดยอดนวัตกรรมสมาร์ตโฟนจอพับที่ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาโดยตลอด และราคาเปิดตัวที่น่าสนใจ ประกอบกับการจัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า 

HONOR Magic V3 สมาร์ตโฟนจอพับระดับแฟลกชิป ดีไซน์พรีเมียมที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ มาพร้อมกับสโลแกน “พับที่บางกว่า ทนทานกว่า” ด้วยดีไซน์บางเฉียบและทนทานที่สุดในโลก บางเพียง 9.2 มิลลิเมตร เมื่อพับ และ 4.35 มิลลิเมตร เมื่อกางออก ผสานแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนที่บางแต่ให้ความจุ 5150mAh รองรับการชาร์จด้วยสายแบบ HONOR SuperCharge 66W และการชาร์จแบบไร้สาย 50W พร้อมเสริมพลังด้วย HONOR AI อัจฉริยะ และหลากหลายฟีเจอร์เหนือชั้นที่เปลี่ยนให้ทุกการใช้งานล้ำกว่าที่เคย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานครอบคลุมทุกด้าน ตลอดจนยกระดับการถ่ายภาพด้วยกล้องหลักที่บางที่สุดในสมาร์ตโฟนจอพับกับความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อม Harcourt Filter ที่ทำให้ทุกคนถ่ายภาพได้แบบมืออาชีพ 

HONOR ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจและการสนับสนุนที่อบอุ่นจากผู้ใช้ ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้การจัดจำหน่ายสินค้าหมดภายในช่วง 3 วันแรก เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ลูกค้าที่ต้องการพรีออเดอร์
ยังสามารถสั่งจองสินค้าเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง และจะได้รับสินค้าในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป โดยเราจะทำการจัดส่งตามลำดับการจอง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าทุกท่านโดยเร็วที่สุด

HONOR Magic V3 มีให้เลือก 2 สีทั้ง สีเขียว และ สีดำ ในราคา 54,990 บาท สำหรับการสั่งซื้อช่องทางออฟไลน์ สามารถนำมือถือรุ่นใดหรือยี่ห้อใดก็ได้มาแลก รับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท* สำหรับสั่งซื้อกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายช่องทางออนไลน์ รับฟรี! HONOR Pad 9 และ HONOR Choice Pencil มูลค่ารวม 10,990 บาท พิเศษสำหรับการสั่งซื้อสินค้าพรีออเดอร์ทุกช่องทาง แถมฟรีประกันหน้าจอแตก 1 ปี* และประกัน VVIP นาน 1 ปี รับประกันเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันทีไม่ต้องรอซ่อม เฉพาะกรณีพบปัญหาจากตัวเครื่องเท่านั้น มูลค่ารวม 30,000 บาท เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป สามารถซื้อได้ที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

พิเศษสุด! ผู้สนใจสามารถมาทดลองใช้และสัมผัสสมาร์ตโฟนเครื่องจริง HONOR Magic V3 ได้ที่งานมหกรรม
มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ Thailand Mobile Expo 2024 จัดขึ้นวันที่ 24 – 27 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมพบกับโปรโมชั่นน่าสนใจอีกมากมายภายในงาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.honor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

Crescendo Lab ตอกย้ำความสำเร็จเสริมทัพธุรกิจในไทย รุกกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลแบบ Hyper-personalization ดันยอด Open rate ใน LINE เพิ่มสูง 3 เท่า

ภาพสำนักงานใหญ่ Crescendo Lab ประจำไต้หวัน

ปัจจุบันโฆษณาทางการตลาดได้ถูกเผยแพร่สู่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก จากรายงานของ Neilson พบว่าในช่วงเดือนมกราคม ถึงเมษายนปี 2024 ประเทศไทยมีการใช้จ่ายงบโฆษณาเพิ่มขึ้น 4% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,255 ล้านบาทในปี 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีการประเมินว่าเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลในไทยกว่า 44% สูญเปล่าจากการส่งโฆษณาที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ 33% ส่งผลให้หลายบริษัทและองค์กรต้องเจอกับความท้าทายในการช่วงชิงความสนใจและการรับสารจากผู้บริโภค

LINE เป็นหนึ่งในช่องทางที่บริษัทและองค์กรนิยมใช้สื่อสารทางการตลาดกับลูกค้า เนื่องจากเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงในไทย มีรายงานว่าในปี 2024 มีผู้ใช้งานหรือ active user ใน LINE สูงถึง 54 ล้านคน อีกทั้ง LINE ยังเปิดให้รวบรวมข้อมูล 1st Party Data ของลูกค้าได้ ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง และเข้าใจความต้องการลูกค้าได้ลึกซึ้ง ทำให้มีบริษัทและองค์กรต้องการส่งข้อความการตลาดถึงลูกค้าผ่าน LINE จำนวนมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเองมากเกินไป จึงมีข้อความจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกเปิดอ่าน และมีบัญชี LINE ที่ถูกบล็อกเพื่อลดการรบกวน

คุณเอี้ยนเต๋อ อวี General Manager ประจำ Crescendo Lab สาขาประเทศไทย (อยู่ที่ตำแหน่งที่สองจากขวา) ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานที่สำนักงานสาขาประเทศไทย

Crescendo Lab ผู้ให้บริการโซลูชัน Omichannel MarTech และ SalesTech ชั้นนำระดับโลกเล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ จึงพัฒนาเครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและการขายให้กับบริษัทชั้นนำกว่า  500 แบรนด์ดังทั่วโลก Crescendo Lab มีสำนักงานใหญ่ในไต้หวัน และขยายการให้บริการไปยังญี่ปุ่น และไทย โดยคุณเอี้ยนเต๋อ อวี General Manager ประจำ Crescendo Lab ประเทศไทย เผยว่าปัญหาจำนวนข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคล้นตลาด ไม่เพียงส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ถูกรบกวนด้วยข้อมูลที่ไม่จำเป็น บริษัทและองค์กรยังต้องสูญเสียงบการตลาดจำนวนมากไปกับข้อความการตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หลายบริษัทและองค์กรเริ่มหันมาใช้เครื่องมือเทคโนโลยีเสริมสร้างกลยุทธ์การตลาดด้วยข้อมูล หรือ data-driven marketing เก็บข้อมูลเพื่อเข้าใจความต้องการลูกค้า และส่งข้อความหาลูกค้าได้อย่างตรงความต้องการเฉพาะบุคคลขั้นสูง ด้วยการทำการตลาดแบบ hyper-personalization marketing

คุณเอี้ยนเต๋อ อวี General Manager ประจำ Crescendo Lab ประเทศไทย

เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด MAAC (Messaging Analytics & Automation Cloud) จาก Crescendo Lab ได้รับการออกแบบให้เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี AI และการเก็บข้อมูลลูกค้าอัตโนมัติ หรือ auto-tag ซึ่งช่วยให้บริษัทและองค์กรส่งข้อความที่ถูกต้อง (right message) เลือกสินค้าที่นำเสนอได้ตรงความต้องการลูกค้า (right product) และส่งข้อความในเวลาที่ลูกค้าเปิดใช้งาน LINE (right time) ช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่านข้อความ เนื่องจากข้อความผ่านการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง ลดจำนวนข้อความที่ไม่ตรงความสนใจและรบกวนลูกค้า เพิ่มความพึงพอใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อองค์กรให้กับลูกค้า

Crescendo Lab ยังเป็นผู้ให้บริการซอฟแวร์หรือ Software as a service (SaaS) เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือการตลาด MAAC ให้สามารถติดตามจำนวนการเปิดอ่านของผู้ติดตามรายบุคคลใน LINE (individual LINE friend open count) ช่วยให้บริษัทและองค์กรวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการตลาดบน LINE และวางแผนการตลาดที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลขั้นสูงได้อย่างแม่นยำ

เครื่องมือเทคโนโลยีทางการตลาด MAAC จาก Crescendo Lab

กลยุทธ์การตลาดเฉพาะบุคคลขั้นสูง หรือ hyper-personalization จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ หรือ seamless experience ให้กับลูกค้าที่เข้าหาแบรนด์ในหลากหลายช่องทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้การเก็บข้อมูลตลอด Customer Journey เพื่อสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าแบบ 360 องศา (Customer profile 360) โดยนอกเหนือจาก MAAC เครื่องมือเทคโนโลยีการตลาด หรือ MarTech แล้ว Crescendo Lab ยังพัฒนา CAAC (Conversation Analytics and Automation Cloud) เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการขาย หรือ SalesTech ที่จะช่วยให้บริษัทและองค์กรสนทนากับลูกค้า บริหารจัดการการทำงานระหว่างทีม เพื่อมอบการบริการและสร้างประสบการณ์เหนือชั้นที่นำไปสู่การปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำงานร่วมกันของ MAAC และ CAAC จะทำให้เข้าใจความต้องการลูกค้าได้รอบด้าน ผ่านการเก็บข้อมูลแบบครบวงจรใน CDH (Customer Data Hub) ซอฟต์แวร์รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง

แนวทางกลยุทธ์​การตลาด hyper-personalization marketing ด้วยโซลูชันจาก Crescendo Lab ดังกล่าวยังสอดคล้องกับงานวิจัยจาก Mckinsey ที่กล่าวว่าการทำ personalization marketing เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อธุรกิจในปัจจุบัน มีรายงานว่ากลยุทธ์ดังกล่าวลดค่าใช้จ่ายในการได้ลูกค้าใหม่ หรือ customer acquisition มากลงถึง 50%, เพิ่มยอดขายได้มากถึง 5 – 15% และเพิ่มผลตอบแทนทางการตลาด หรือ marketing ROI มากถึง 10-30% (Mckinsey, 2023)

Playstation Thailand บริษัทวิดีโอเกมและเอนเตอร์เทนเมนต์ชั้นนำ เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เลือกเครื่องมือ Martech อย่าง MAAC เสริมทัพกลยุทธ์การตลาดด้วยการเก็บข้อมูลความสนใจของลูกค้าที่แตกต่างกัน เพื่อนำไปต่อยอดวางแผนการตลาดแบบ hyper-personalized marketing ส่งข้อความการตลาดที่มีเนื้อหาตรงกับอุปกรณ์หรือเกมที่ลูกค้าใช้งานอยู่รายบุคคล ไปยังเวลาที่ลูกค้า active หรือกำลังเปิดใช้งาน LINE ส่งผลให้ยอดการเปิดอ่านหรือ open rate เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 70%

คุณ พัชรภรณ์ พิกุลแก้ว Designer / Communication จาก PDM Brand ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้านสัญชาติไทยที่โกอินเตอร์ในหลายประเทศ เปิดเผยว่าเครื่องมือ MAAC ช่วยลดการรบกวนลูกค้าใน LINE ลงได้มาก เนื่องจากทางแบรนด์มีสินค้าที่หลากหลาย การเก็บข้อมูลความสนใจลูกค้าผ่านฟีเจอร์ auto-tag ใน MAAC ช่วยให้แบรนด์แบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หรือทำ segmentation ได้ถูกต้อง และส่งข้อความที่ผ่านการออกแบบเฉพาะบุคคล หรือ personalized message ให้ตรงกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจได้อย่างแม่นยำ เช่น ลูกค้าที่สนใจเสื่อจะได้รับข้อความแคมเปญการตลาดของเสื่อ ส่วนลูกค้าที่สนใจของแต่งบ้านก็จะได้รับข้อความเกี่ยวกับของแต่งบ้าน ส่งผลให้ทาง PDM Brand เพิ่มอัตราการเปิดอ่านหรือ open rate ได้มากถึง 3 เท่า จาก 20% เป็น 70%

ขณะที่คุณเจษฎา สุวรรณาภัย Chief Marketing Officer จาก Atmo’ Decor ธุรกิจจำหน่ายดอกไม้ประดิษฐ์พรีเมียม หนึ่งในผู้ประกอบการ e-commerce ที่เลือกใช้เครื่องมือ MAAC เช่นเดียวกันเปิดเผยว่านอกจากเครื่องมือ MAAC จะช่วยทำการตลาดเฉพาะบุคคลขั้นสูง หรือ hyper-personalized marketing ได้แล้ว ยังช่วยให้ทางแบรนด์วางแผนจัดสรรงบการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องมือ MAAC มีฟีเจอร์ deeplink ที่ช่วยเก็บข้อมูลที่มาของลูกค้า ทำให้ทราบว่าช่องทางหรือข้อความการตลาดในโพสต์ใดได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

Crescendo Lab จัดงานสัมมนาออนไลน์ให้ความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและการขายด้วยเครื่องมือ MarTech และ SalesTech ให้กับบริษัท องค์กร และผู้ที่สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อแชร์ความรู้ด้านการใช้เครื่องมือเพื่อทำการตลาดและการขายด้วยข้อมูล เสริมประสบการณ์ที่เหนือชั้นและไร้รอยต่อให้ลูกค้ายุคปัจจุบันที่เข้าหาแบรนด์จากทุกช่องทางทั้งช่องทาง online และ offline รวมทั้งแนวทางการวางกลยุทธ์การตลาดแบบ hyper-personalized marketing พร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจรับชมย้อนหลังได้ทาง https://www.youtube.com/@CrescendoLabThailand

ด้วยเวลาเพียง 7 ปีหลังก่อตั้งที่ไต้หวัน Crescendo Lab เติบโตอย่างรวดเร็วและขยายบริการสู่ไทยและญี่ปุ่นในฐานะผู้ให้บริการ SaaS “B2B2C” ที่ให้ความสำคัญกับการรวบรวมจัดการข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงธุรกิจกับลูกค้า โดยมี MAAC และ CAAC เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท Crescendo Lab ยังมุ่งมั่นที่จะป้องกันความปลอดภัยให้กับข้อมูลลูกค้า และได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติ ISO 27001 ด้านการจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลข้อมูลจากลูกค้าเพื่อจัดการบัญชีทางการ LINE (LINE Official Account) มากกว่า 500 แบรนด์ดังทั่วโลก

คอเกมห้ามพลาด รวมไฮไลท์เด็ดงานเกม TGS 2024

[เกมมากมาย] เริ่มแล้วกับงาน THAILAND GAME SHOW 2024 Presented by SYNNEX หรือที่เรียกกันติดปากว่า TGS รอบนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “LEGACY” ตอกย้ำความเป็นตำนาน ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 18 ปีแล้ว ครั้งนี้ได้ทั้ง SEGA, AshEchoes, SNK, Sandbox, Kocca, JCIA, Gyeonggi เและ Hoyoverse มาร่วมจัดบูธเกมสุดอลังในงานตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 20 ต.ค. นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บรรยากาศวันแรกเป็นอย่างไร ลองมาชมกันได้

สำหรับงาน TGS ประจำปี 2024 นี้ รอบนี้จัดเต็มทั้งบูธทดลองเล่นเกมใหม่ ๆ จากค่ายพัฒนาต่าง ๆ และของพรี่เมี่ยมชุดใหญ่ ที่ทั้งแจงทั้งจำหน่าย มากมายในงาน โดยบูธเด่นประจำงานก็มี Hoyoverse ที่รอบนี้ลงทุนทำบัตรเข้างานแบบพิเศษ เอาใจแฟนเกมทั้ง Honkai: Star Rail , Zenless Zone Zero และ Genshin Impact แบบสุดตัว ในบูธก็มีจุดทดลองเล่นเกม พร้อมจัดแข่งโหมดพิเศษ ให้ผู้เล่นมือฉมังเข้ามา Walk-in ชิงรางวัลพิเศษได้เลย หรือจะสอยของพรีเมี่ยมที่อยู่หลังบูธก็ได้

ถัดมาคือ SNK รอบนี้ได้ขนเกมต่อสู้อย่าง Fatal Fury มาให้ลองเล่นกันอย่างเมามัน ใครุถูกใจก็สามารถ Pre Order เกมในบูธได้เลย

นอกจาก Hoyoverse และ SNK แล้ว ในงานยังได้ขนแบรนด์และค่ายเกมชั้นนำกว่า 50 บูท มาร่วมจัดกิจกรรมทดลองเล่น แจกของพรีเมี่ยม และอีกมากมายในงานด้วย รวมไปถึงกระทบไหล่กับเหล่าเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และ Cosplayer แถวหน้า ตลอด 3 วันเต็ม

สนใครสนใจเครื่อง PC , โน้ตบุ๊ก , เกมมิ่งเกียร์ , สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในงานก็ได้พันธมิตรจากทั้ง RAZER , SteelSeries , WD , Sandisk , Nintendo , Poco และ Tecno Mobile ขนสินค้าเปิดตัวใหม่ พร้อมโปรโมชั่นกับกิจกรรมสุดพิเศษภายในบูธ ที่ให้บริการหลังการขายภายใต้สัญลักษณ์ Trusted by Synnex

ท้ายนี้งาน Thailand Game Show 2024 Presented by SYNNEX จัดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 ถึงวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ Exhibition Hall 3 – 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บัตรประเภทเข้างาน 1 วัน ราคา 150 บาท บัตรเข้างาน 1 วันพร้อม T-Shirt ในธีม LEGACY ราคา 500 บาท และบัตรประเภทอื่นๆ สามารถซื้อบัตรได้แล้วที่ https://www.zipeventapp.com/e/TGS2024

Thailand Game Show 2024 Presented by SYNNEX เปิดตำนานเกมบทใหม่ ชวนเกมเมอร์ตะลุย ความสนุกอัดแน่นตลอด 3 วัน 18 – 20 ต.ค. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ได้เวลาความสนุก “โชว์ ไร้ ขีด” และ “ออนไลน์ สเตชั่น” ภายใต้กลุ่มทรู ผนึกกำลัง “ซินเน็ค (ประเทศไทย)” ร่วมสร้างตำนานครั้งสำคัญ เปิดสุดยอดมหกรรมงานเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่การเดินทางปีที่ 18 Thailand Game Show 2024 Presented by SYNNEX” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LEGACY” ได้รับเกียรติจาก นางสาว      สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมบูทในครั้งนี้ ที่อัพเกรดความสนุกอัดแน่นกิจกรรมกว่า 50 บูท เอาใจคอเกม 3 วันเต็มอิ่ม เริ่มต้นความสนุกด้วยการเจอกันครั้งแรกระหว่างศิลปินต่างมิติ พลอยชมพูและกลุ่มศิลปิน Scorpio ศิลปินVtuber จาก Algorhythm Project (ARP) เปิดฉากถ่ายทอดเพลง The Legacy OST. Thailand Game Show 2024 Biggest Dream Revision” ซึ่งเป็นเพลงธีมประจำปีนี้ และมอบรางวัล Lifetime Achievement Award รางวัลอันทรงเกียรติ ที่มอบให้กับผู้สร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน ให้แก่ คุณฉันทนา ธาราจันทร์ ผู้ให้เสียงพากย์โดราเอมอนภาษาไทย ภายในงานเต็มไปด้วยกองทัพค่ายเกมทั้งไทยและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น Hoyoverse, SEGA, SNK, Cygames, Nintendo, Tencent, Kocca, Ragnarok : Rebirth, JCIA, Gyeonggi-Do, The Sandbox, Fox in the Box, Jetro Bangkok, Tree Roots และพาเหรดเกมใหม่ที่ต่อคิวเตรียมเปิดตัวให้คอเกมได้สัมผัสก่อนใคร รวมไปถึงกิจกรรมเอาใจเกมเมอร์ด้วยกิจกรรมที่บูท Zone Zean Game เปิดให้ชาวเกมเมอร์ได้มาเล่นเกมระดับพระกาฬกว่า 10 เกมกันแบบฟรี ๆ และเปิดเวทีท้าดวลรอบ Final ล้มบอส TALON Book’ โปรเพลเยอร์ตัวแทนชาติไทย เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ในเกม Tekken 8 กับผู้ท้าชิงดีกรี Top16 ระดับประเทศ  กิจกรรม TGS Treasure Hunt ที่ให้เกมเมอร์ได้ล่าสมบัติเพื่อแลกรับส่วนลดในการเติมเกมสูงสุด 11%

ฟินต่อกับแฟนมีตติ้งครั้งแรกในไทยบนเวทีเดียวกันของ 2 Vtuber “ALBAN KNOX” และ “SONY BRISKO” พร้อมกระทบไหล่เกมเมอร์ สตรีมเมอร์ อินฟลูเอนเซอร์และศิลปิน ดาราชื่อดัง นำโดย แป้ง zbing z., ขอบสนาม, จอร์จ Rubsarb Production, มิวสิค, ใจร้าว, คิวเท โอ็ปป้า, softpomz, กิตงาย, กายหงิด Vtuber จาก ARP และคู่จิ้นสุดฮอต ซี-นุนิว เป็นต้น เพลิดเพลิน กับสินค้าอุปกรณ์ไอที และเกมมิงเกียร์ราคาสุดคุ้ม และร่วมลุ้นกับการประกวด TGS Cosplay Contest Presented by TANSANSU ชิงรางวัลมูลค่ารวม 300,000 บาท สนุกเต็มอิ่มครบทุกอรรถรสความสนุกตั้งแต่วันที่ 18 – 20 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ Exhibition Hall 3 – 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าว “ปี 2023 มูลค่าตลาดเกมในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และถือว่าเป็นการเติบโตรวดเร็วที่สุดอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน  ปัจจุบัน มีจำนวนผู้เล่นเกมในไทยมากถึง 32 ล้านคน หรือคิดเป็น 47% ของประชากรไทย ซึ่งถือว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงทัศนคติของคนไทยต่อเรื่องเกมถือว่าเป็นไปในเชิงบวก จึงยิ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเกมในไทย เป็นธุรกิจสร้างสรรค์ที่สร้างมูลค่าและสร้างอาชีพใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา Esport สตรีมเมอร์ นักออกแบบตัวละคร ไปจนถึงคอสเพลเยอร์มืออาชีพ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ที่สอดคล้องความเปลี่ยนแปลงของโลก ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ทางด้านกระทรวงวัฒนธรรมเอง ยังคงเน้นย้ำเรื่อง “วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ที่มุ่งส่งเสริม นำวัฒนธรรมไทยมาสืบสาน รักษา และต่อยอดไปสู่มิติใหม่ ๆ ซึ่งเกมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ที่หล่อหลอมเด็ก ๆ และเยาวชนให้เติบโตมาในสังคม สามารถสร้างรายได้และอาชีพที่มั่นคงได้ ในทางกลับกันวัฒนธรรมไทยยังสามารถผลักดันให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกม ที่สร้างประสบการณ์และความนิยมให้เกมเมอร์ทั่วโลก จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศผ่านธุรกิจสร้างสรรค์ บนตลาดผู้เล่นเกม ที่มีจำนวนมหาศาลถึง 2,580 ล้านคนทั่วโลก ดิฉันในฐานะตัวแทนของกระทรวงวัฒนธรรม จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้กิจกรรมดี ๆ แบบนี้สืบสานต่อไปในทุก ๆ ปี รวมทั้งผลักดันให้เกิดระบบนิเวศหรือ Ecosystem ด้านเกม ผ่านมิติทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง”

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด กล่าว “Thailand Game Show เป็นงานเกมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จัดต่อเนื่องมาถึง 18 ปี ตั้งแต่งานครั้งแรกในปี 2007 มีมรดกมากมายที่เริ่มต้นขึ้นในงานนี้ อย่างกิจกรรม TGS Cosplay Contest การประกวด Cosplay ครั้งใหญ่มี Cosplayer เข้าร่วมมากมายในทุกปี, Zone Zean Game กิจกรรมแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดผู้เล่นเกมสุดเจ๋งประจำปี หรือ Thailand Game Awards การประกาศรางวัลเกมและ Gaming Gear ยอดเยี่ยม และกิจกรรมอีกมากมายที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน Thailand Game Show 2024 LEGACY ในปีนี้เราจึงร่วมรำลึกถึงการเดินทางอันยาวนานของมหกรรมเกมนี้ ในปีนี้เรายังได้รับเกียรติจากป้าติ๋ม ฉันทนา ธาราจันทร์ นักพากย์ผู้มอบชีวิตให้ “โดราเอมอน” กับเสียงที่เด็กไทยทุกคนจำได้มายาวนาน ขึ้นรับมอบรางวัล Lifetime Achievement Award เพื่อเชิดชูที่ได้สร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้กับคนไทยตลอดมา ผมภูมิใจที่ Thailand Game Show เริ่มต้นจากงานเกมในประเทศไทย สู่ปัจจุบันเป็นงานเกมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราตั้งเป้าจะเติบโตสู่งานเกมระดับโลก ให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญในแผนที่ ที่อุตสาหกรรมเกมระดับโลกต้องสนใจ ซึ่ง Thailand Game Show จะแข็งแกร่งในระดับนี้ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากค่ายเกมและบริษัทในอุตสาหกรรมเกมที่ร่วมกันจัดงานมาตลอด พาร์ทเนอร์อย่างทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ที่รวมพลังให้งานยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกปี ที่สำคัญคือผู้ร่วมงานทุกท่านที่สนับสนุนกันมายาวนาน ซึ่งรับประกันความสนุกในงานครั้งนี้แน่นอน”

นายวินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ประธานฝ่ายดิจิทัลมีเดีย บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด (ออนไลน์ สเตชั่น) กล่าว “ออนไลน์ สเตชั่น”  สื่อเกมภายใต้กลุ่มทรู ที่มีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 13.3 ล้านรายบนเว็บไซต์ และมีผู้เข้าชมเพจกว่า 24 ล้านครั้ง จนกลายเป็นคอมมูนิตี้อันดับ 1 ของเหล่าคอเกม  ซึ่งงาน Thailand Game Show ในปีนี้ นอกเหนือจากบทบาทของ ออนไลน์ สเตชั่นที่จะนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวงการเกมที่มีคุณภาพให้กับคอมมูนิตี้เกม เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนแล้ว และส่งต่อเกมให้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง อาชีพใหม่ ๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมไทยให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ยังได้ร่วมสรรหาพันธมิตรเกมชั้นนำที่กำลังเป็นเทรนด์ขณะนี้ โดยในปีนี้เป็นที่น่ายินดี ที่ได้ ซินเน็ค (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และบริการไอทีที่หลากหลายครบวงจรอันดับ 1 ในประเทศไทย  เข้ามาเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ช่วยเข้ามาสร้างสีสัน กระตุ้นความน่าตื่นเต้นให้กับงานในครั้งนี้ แต่ยังเข้ามาช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงในการผลักดันคอมมูนิตี้เกมไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ที่สำคัญยังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากแบรนด์และค่ายเกมชั้นนำกว่า 50 บูท ทำให้งานปีนี้จัดเต็ม และยิ่งใหญ่ไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย โปรโมชั่น สินค้า และเกมที่เปิดตัวใหม่ ๆ มากมาย รวมถึงยังได้กระทบไหล่กับเหล่าเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ แถวหน้า ตลอด 3 วันเต็ม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานตลอด 3 วันและรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ รวมกันมากกว่า 200,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 20% ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ถึงความสำเร็จของงานเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของงานนี้ในการส่งเสริม Soft Power ของไทย และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่เวทีระดับโลกได้อย่างภาคภูมิ อีกด้วย”

ด้าน นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “ในฐานะ No.1 Gaming Distributor และ No.1 IT Ecosystem ของไทย ที่อยู่ในตลาดไทยมาเกือบ 4 ทศวรรษ มองเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมของไทยมาโดยตลอด SYNNEX จึงตั้งใจสนับสนุนงาน Thailand Game Show 2024 Legacy ครั้งนี้เพื่อให้เกมเมอร์ทุกท่านใด้เล่นเกมอย่างมีความสุขมากขึ้น และร่วมสร้างตำนานงานเกมของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยครั้งนี้เราได้มาพร้อมกับแบรนด์

พันธมิตรจากทั้ง RAZER, WD, Sandisk และ Tecno Mobile ที่ขนมาทั้งสินค้าเปิดตัวใหม่ และกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับแฟน ๆ ภายในบูธ และพิเศษกับ Nintendo Switch ที่ครั้งนี้นำเอา  Nintendo  Elephant Mario Balloon Landmark  และ บูทถ่ายภาพกับมาสคอตมาริโอ้ลิขสิทธิ์แท้ส่งตรงจากญี่ปุ่น ตัวแรกในไทยมาอวดโฉมในงานนี้ และนำเสนอประสบการณ์เกมคอนโซลระดับโลก ที่ให้บริการหลังการขายภายใต้สัญลักษณ์ Trusted by Synnex ที่สำคัญเรายังมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ในงานครั้งนี้เพียงงานเดียว SYNNEX ขอทำหน้าที่สะพานพร้อมกับ อุตสาหกรรมเกมไทย กับแบรนด์ในระดับโลก สร้างโอกาสและอำนาจต่อรองของไทยในอุตสาหกรรมเกมโลกต่อไป

Thailand Game Show 2024 Presented by SYNNEX” จัดเต็มความสนุกให้เหล่าเกมเมอร์ตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 ถึงวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ Exhibition Hall 3 – 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บัตรประเภทเข้างาน 1 วัน ราคา 150 บาท บัตรเข้างาน 1 วันพร้อม T-Shirt ในธีม LEGACY ราคา 500 บาท และบัตรประเภทอื่นๆ สามารถซื้อบัตรได้แล้วที่ : https://www.zipeventapp.com/e/TGS2024  

ติดตามรายละเอียดได้ที่ : www.thailandgameshow.com  และ https://facebook.com/thailandgameshow  

STEELSERIES ยกทัพสินค้าใหม่เอาใจสายเกมเมอร์ เปิดตัว ARCTIS GAMEBUDS™ WIRELESS GAMING EARBUDS หูฟังไร้สายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง มาพร้อมกับ APEX PRO KEYBOARD GEN 3 SERIES คีย์บอร์ดที่เร็วที่สุดในโลกพร้อมอัพเกรดฟังก์ชันใหม่ และหูฟัง Arctis Nova 5 สีขาว ภายในงาน Thailand Game Show 2024

  • Arctis GameBuds™ Wireless Gaming Earbuds ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การเล่นเกมที่หลากหลาย และถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การฟังเสียงระดับ HiFi สำหรับการใช้งานทั้ง PS5, Xbox, Nintendo Switch, PC, Smartphone, Tablet สำหรับฟังเพลง, ความบันเทิง, การทำงาน และการเล่นเกม รองรับ 360° Spatial Audio
  • SteelSeries นำความเชี่ยวชาญและชำนาญด้านเสียง Arctis และเสียงที่เป็นเอกลักษณ์มาสู่รูปแบบขนาดกะทัดรัด ผ่านชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงสำหรับการเล่นเกมอย่างแท้จริง

SteelSeries ผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์เสริมสำหรับเกมและอุปกรณ์ Esports มานานกว่าสองทศวรรษจากเดนมาร์ค เปิดตัวอุปกรณ์เกมมิ่งรุ่นใหม่ล่าสุด Arctis GameBuds™ Wireless Gaming Earbuds, Apex Pro Keyboard Gen 3 Series และ หูฟัง Arctis Nove 5 สีขาว ครั้งแรกในงาน Thailand Game Show 2024 พร้อมร่วมฉลอง WORLD OF WARCRAFT® ครบรอบ 20 ปี เปิดตัวคอลเล็กชัน World of Warcraft x SteelSeries สามารถสั่งจองเป็นเจ้าของผ่านช่องทางเอ็กซ์คลูซีฟได้ทางออนไลน์เท่านั้น 

จากผู้สร้างชุดหูฟัง Arctis Nova อันเป็นนวัตกรรมใหม่ SteelSeries แบรนด์ eSport ดั้งเดิมที่ผสมผสานการเล่นเกมเข้ากับวัฒนธรรม มุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตและแก้ไขปัญหาสำหรับผู้มี “ไลฟ์สไตล์การเล่นเกม” โดยเป้าหมายคือการคิดค้นชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมระดับพรีเมียมอันดับหนึ่งของโลกขึ้นมาใหม่ ที่จะช่วยจัดการทุกปัญหาที่เกมเมอร์เคยพบไม่ว่าจะเป็น ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ PS5 หรือ Xbox ผ่าน Bluetooth หรือคุณภาพเสียงในการเล่นเกมที่ไม่ดีและการสื่อสารด้วยไมโครโฟนที่แย่ในหูฟังทั่วไป หรือไม่สามารถใช้หูฟังเพียงคู่เดียวกับหลายแพลตฟอร์ม และอายุแบตเตอรี่ที่สั้นจากการใช้งานตลอดทั้งวัน การเปิดตัว SteelSeries Arctis GameBuds™ จึงแก้ไขปัญหาหลายประการสำหรับเกมเมอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะที่เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม SteelSeries กำลังเปิดตัวชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมที่มีคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่งเชื่อมต่อ Arctis App ที่ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง EQ แบบพาราเมตริกพร้อมการตั้งค่าเสียงเฉพาะเกมมากกว่า 100 แบบที่สามารถเปลี่ยนได้ในขณะเล่นเกม เสียงรอบทิศทาง 360° และการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (ANC) ระบบไร้สายแบบ Quick-Switch และการเชื่อมต่อไร้สาย 2.4GHz ที่มีค่าหน่วงเวลาต่ำพิเศษที่เสถียรด้วยดองเกิล USB-C nano ใหม่ การออกแบบ การพัฒนา และวิศวกรรมจำเป็นต้องมีการสร้างชิปเซ็ตไร้สายรุ่นใหม่ที่กำหนดเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ ทำให้แบรนด์สามารถขยายขอบเขตของนวัตกรรมได้ ผลลัพธ์คือประสบการณ์ของผู้เล่นที่ดีขึ้นและเสียงที่ดีขึ้น

ผ่านหลายปีของวิศวกรรมที่สร้างสรรค์และพิถีพิถัน SteelSeries ได้ปฏิวัติการเล่นเกมคอนโซลด้วยเสียงอีกครั้ง ทั้งหมดผ่านหูฟังคู่เดียว ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์การฟังเสียง HiFi ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกมคอนโซล และออกแบบมาสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวันสำหรับการเล่นเกม ฟังเพลง ความบันเทิง การทำงาน และอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือหูฟังสำหรับเล่นเกมรุ่นแรกที่ผู้คนจะใช้งานได้ตลอดทั้งวันในทุกๆ วัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกที่ ในคราวเดียว

SteelSeries Arctis GameBuds™ – GameBuds ช่วยให้การเล่นเกมด้วยหูฟังไร้สายสำหรับ PlayStation และ Xbox ได้ประสบการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หูฟังไร้สายแบบอัลตราโซนิคที่เสถียรและมีค่าความหน่วงต่ำมากสำหรับ PS5, Xbox และ PC รวมถึง Bluetooth 5.3 มีการนำเอกลักษณ์ด้านเสียงของ SteelSeries มาสู่รูปแบบแฟกเตอร์พร้อมด้วยพรีเซ็ตเสียง PS5 และ Xbox ที่ปฏิวัติวงการกว่า 100 แบบผ่านแอปมือถือ Arctis ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) และใช้งานได้ต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ตลอดทั้งวัน

ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงเสียงก่อน

  • เสียงรอบทิศทาง 360° ที่เข้มข้น – ไดรเวอร์ลำโพง Arctis รองรับเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูงจาก SteelSeries ซึ่งตอนนี้รองรับสำหรับ PS5, Xbox* และ PC

*รองรับเสียง 3D ของ Tempest เต็มรูปแบบ*

  • ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) – ระบบเสียง Arctis ระดับพรีเมียมพร้อมระบบ Active Noise Cancellation (ANC) ไฮบริด 4 ไมค์สำหรับการเล่นเกมที่ดื่มด่ำบนแพลตฟอร์มใดก็ได้ ช่วยให้เกมเมอร์มีสมาธิในขณะเล่นเกม รวมถึงโหมดโปร่งใสสำหรับเมื่อต้องการได้ยินเสียงรอบข้าง
  • แอปคู่หูมือถือ – พรีเซ็ตเสียงเกม PS5 และ Xbox มากกว่า 100 รายการ – ปฏิวัติวงการสำหรับ PS5 และ Xbox ด้วยพรีเซ็ตเฉพาะเกมที่มีรายละเอียดสูงพร้อมสลับได้ตลอดเวลา โหลดได้ทันทีสำหรับ PS5 หรือ Xbox โดยไม่หลุดออกจากเสียงเกม

โลกภายนอกนั้นไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

  • อะแดปเตอร์ไร้สายข้ามแพลตฟอร์ม – โดยปกติหูฟังบลูทูธไม่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับ PS5 หรือ Xbox ได้ แต่ดองเกิล 2.4GHz ขนาดกะทัดรัดพิเศษของ SteelSeries ช่วยให้เข้าถึงอุปกรณ์อื่นได้ๆ และยังสามารถใช้งานได้ร่วมกับ PlayStation, Xbox*, PC, Switch, Mobile, Tablet, Meta Quest และอุปกรณ์เล่นเกมแบบพกพา/บนคลาวด์

*การรองรับ Xbox ต้องใช้ Arctis GameBuds™ สำหรับ Xbox*

  • สวิตช์ไร้สายด่วน (Quick-Switch Wireless) – ใช้งานสลับระหว่าง Bluetooth 5.3 รุ่นล่าสุดสำหรับอุปกรณ์พกพาและ Quantum Wireless 2.4GHz ที่เร็วเป็นพิเศษสำหรับการเล่นเกมได้อย่างราบรื่นด้วยการแตะปุ่มบนหูฟังสามครั้ง
  • การชาร์จไร้สาย Qi – ชาร์จเคสได้อย่างง่ายดายเพื่ออายุการใช้งานที่ปราศจากสายพร้อมพื้นที่จัดเก็บสำหรับอะแดปเตอร์ 2.4GHz

รองรับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ

  • เล่นได้ตลอดทั้งวัน – สนุกกับการใช้งานต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุด 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานยาวนานถึง 40 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟ เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จหูฟัง รวมถึงรองรับการชาร์จเคสแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Qi หรือหากยังเร็วไม่เพียงพอ เลือกชาร์จด่วนผ่าน USB-C เพียง 15 นาทีเท่านั้น ก็ใช้งานต่อได้อีก 3 ชั่วโมง

**อายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยรวมมากกว่าคู่แข่งถึง 2-3 เท่า**

  • ความสบายตามหลักสรีรศาสตร์ – เราได้รวบรวมสรีระใบหูมากกว่า 62,000 รูปแบบ เพื่อให้มีดีไซน์หูฟังที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยมีจุกซิลิโคนหลายแบบเพื่อให้สวมใส่ได้พอดีและสบาย ไม่ว่าเกมเมอร์จะเล่นนานเพียงใดก็ตาม
  • กันน้ำระดับ IP55 – ป้องกันฝุ่น สิ่งสกปรก และละอองน้ำ เหมาะสำหรับการเล่นเกมเป็นเวลานาน ใช้งานในขณะฝนตก หรือ ออกกำลังกาย

SteelSeries Arctis GameBuds™ – ราคาเพียง 6,590 บาท มีจำหน่ายที่ SteelSeries Official Store บน Shopee, Lazada, Tiktok, Central Online, JIB, Mine, IT CITY, ACE, Banana, Advice, I Have CPU, Speed Computer, PowerBuy, PowerMall, Dotlife, King Power, Mercular, 425 Degree และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

STEELSERIES ยกระดับคีย์บอร์ดที่เร็วที่สุดในโลกขึ้นไปอีกขั้นด้วย APEX PRO KEYBOARD GEN 3 SERIES ใหม่

Apex Pro Gen 3 คีย์บอร์ดที่เร็วที่สุดในโลกที่ฉลาดขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และเร็วขึ้น มีการติดตั้งเทคโนโลยี OmniPoint 3.0 ที่ล้ำสมัยและเซนเซอร์ Hall Effect Gen 3 รุ่นแรกในอุตสาหกรรม เกมเมอร์ ทำให้สามารถปรับแต่งระดับการกดปุ่มที่ปรับได้ 40 ระดับ ตั้งแต่ 0.1 มม. ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วไปจนถึง 4.0 มม. และเวลาตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 0.54 มิลลิวินาที เมื่อเปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดมาตราฐานที่ใช้เวลาตอบสนอง 6 มิลลิวินาที  OmniPoint 3.0 สวิตช์มีความเร็วกว่า 11 เท่า ของความเร็วสวิตช์มาตรฐาน ซึ่งมอบความได้เปรียบอย่างสูงสุดให้กับผู้เล่น แค่เพียงความเร็วอย่างเดียวไม่เพียงพอ การตั้งค่าอัจฉริยะเป็นกุญแจสำคัญในการชนะ ดังนั้นจึงมี SteelSeries GG QuickSet, ฟีเจอร์ที่ช่วยให้เกมเมอร์สามารถเลือกจากโปรไฟล์ที่คัดสรรโดยผู้เล่นมืออาชีพในระดับแชมป์เปี้ยน ฟีเจอร์นี้ช่วยปรับแต่งฟีเจอร์ที่สำคัญของ SteelSeries เช่น Rapid Trigger, Rapid Tap, ระดับการกดปุ่ม, แสงไฟ, และอื่นๆ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่สะดวกและง่ายดายในการเล่น

รวมถึงตัวปรับความเสถียรของสวิตช์ระดับพรีเมียม เพื่อลดอาการสั่นในการพิมพ์ สวิตช์ที่นุ่มจากโรงงานเพื่อให้ความรู้สึกที่ราบรื่นและเสียงที่ “มีลูกบาศก์” หรือ “เนียน” มากขึ้น และโฟมกันเสียงเพื่อให้การกดปุ่มที่น่าพอใจมากยิ่งขึ้น และด้วย OmniPoint 3.0 switches, Apex Pro Gen 3 Series เป็นคีย์บอร์ดตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี “S-Tier” Hall Effect Sensor Gen 3 นับเป็นการตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับความไวในการตอบสนองในเกม ด้วยเสียงที่ลดลง, ความแม่นยำที่สูงขึ้น และประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ

Apex Pro Keyboard Gen 3 Series มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ Full-Size (เต็ม), TKL (ไม่มีแป้นตัวเลข) และ TKL Wireless (รองรับ WiFi และ Bluetooth) โดย Apex Pro ขนาดเต็มนั้นโดดเด่นในฐานะอุปกรณ์ที่ใช้งานได้หลากหลาย ในขณะที่การออกแบบ Apex Pro TKL ช่วยให้ผู้ใช้มีพื้นที่บนโต๊ะมากขึ้นสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันก็ยังพกพาไปงานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวก และ Apex Pro TKL Wireless ยังช่วยให้พื้นที่เล่นเกมและทำงานดูสะอาดและเรียบง่าย รวมถึงให้อิสระในการเล่นเกมและทำงานขณะเดินทาง

Apex Pro Keyboard Gen 3 Series – ราคาเพียง 11,290 บาท (Full-Size), 11,290 บาท (TKL) และ 12,490 บาท (TKL Wireless) มีจำหน่ายที่ SteelSeries Official Store บน Shopee, Lazada, Tiktok, Central Online, JIB, Mine, IT CITY, ACE Banana, I Have CPU, Speed Computer, PowerMall และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

SteelSeries เปิดตัวหูฟัง Arctis Nova 5 สีขาว

  • SteelSeries นำเสนอสีสันใหม่ให้กับหูฟัง Nova 5 รุ่น “หรูหราในราคาจับต้องได้” ที่ได้รับการยกย่อง โดยผสมผสานจุดประสงค์เข้ากับสไตล์ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ PS5 Pro ใหม่ Xbox X สีขาว และ iPhone 16
  • ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การฟังเสียง HiFi ให้กับการเล่นเกม ฟังเพลง ความบันเทิง การทำงาน การเล่น และอื่นๆ

จากผู้สร้างและปฏิวัติวงการผลิตภัณฑ์หูฟัง Arctis Nova อย่าง SteelSeries แบรนด์อีสปอร์ตดั้งเดิมที่ผสมผสานการเล่นเกมและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ขอแนะนำชุดหูฟังสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดของ Arctis Nova 5 ซีรีส์ และแอป Nova 5 ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วจนได้รับรางวัลในหมวดหมู่ “พรีเมียมแบรนด์ในราคาที่จับต้องได้” ในประเภทชุดหูฟังสำหรับเล่นเกม Arctis Nova 5 ซีรีส์ สีขาวเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของตระกูล Nova ซึ่งประกอบด้วยชุดหูฟังรุ่น Nova Pro สีขาว และ Nova 7 สีขาว ซีรีส์ โดยนำเสนอสีสันใหม่ให้เป็นทางเลือกกับเกมเมอร์ พร้อมการันตีชื่อเสียงของ Nova ซีรีส์ ในด้านคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมและการออกแบบที่หรูหรา รวมถึงแอปที่ใช้งานร่วมกันสามารถตั้งค่าเสียงล่วงหน้าได้มากกว่า 100 รายการรุ่นแรกของโลก

Arctis Nova 5 Wireless Headset สีขาว – ราคาเพียง 5,490 บาท สำหรับรุ่น PC และ 5,590 บาท สำหรับรุ่น PS และ Xbox มีจำหน่ายที่ SteelSeries Official Store บน Shopee, Lazada, Tiktok, Central Online, JIB, Mine, IT CITY, ACE, Banana, Advice, I Have CPU, Speed Computer, PowerBuy, PowerMall, Dotlife, King Power, Mercular, 425 Degree และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

STEELSERIES และ BLIZZARD ENTERTAINMENT® ผนึกกำลังกันเพื่อสร้างสรรค์คอลเลกชันพิเศษ WORLD OF WARCRAFT® ฉลองครบรอบ 20 ปี

SteelSeries คอลเล็กชันพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของ World of Warcraft® นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาล World of Warcraft ในโลก Azeroth นำมาถ่ายทอดสู่อุปกรณ์เกมของ SteelSeries ที่ได้รับรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Arctis Nova 7 Wireless Headset, Aerox 9 Wireless Gaming Mouse, QcK XXL Mousepad, SteelSeries Artisan Keycap และ Booster Packs ที่ประกอบด้วย Headband & Speaker Plates เพื่อให้เกมเมอร์ได้ดื่มด่ำกับการผจญภัยในทวีปใหม่ Khaz Algar ทั้งบนพื้นและใต้ผืนโลก พร้อมการเปิดเกมสตัวใหม่ล่าสุด The War Within™

  • Arctis Nova 7 Wireless | World of Warcraft Edition – ออกแบบโดยใช้ระบบ Nova Acoustic System ที่มีเสียง HiFi เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Sonar Audio Software Suite และมอบเสียงรอบทิศทาง 360° Nova 7 ช่วยให้เกมเมอร์ได้ยินรายละเอียดที่จำกัดซึ่งคนอื่นไม่ได้ยิน สามารถขยายมิติของเสียงและฟังสตรีมเสียงสองสตรีมพร้อมกันด้วยคลื่นความถี่ 2.4GHz และบลูทูธไปพร้อมกัน สามารถสลับไปมาระหว่าง PC, Mac, PlayStation, Switch, Smartphone และ Tablet ได้อย่างง่ายดายด้วย USB-C แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 38 ชั่วโมงพร้อมฟังก์ชัน Fast charge สำหรับการใช้งาน 6 ชั่วโมงหลังจากชาร์จเพียง 15 นาที เกมเมอร์จะได้สัมผัสกับการสื่อสารที่ไร้เสียงรบกวนเนื่องจากอัลกอริทึม AI นำทางไมโครโฟน ClearCast Gen 2 ช่วยให้เสียงใสเคลียร์ชัดทั้งเสียงที่เข้าและออกในการแชท ระบบ ComfortMax ปรับได้ 4 จุดและเบาะโฟมเมมโมรี่ AirWeave ที่ระบายอากาศได้ดีสำหรับการเล่นต่อเนื่องยาวนานบนแพลตฟอร์มใดก็ได้

  • Aerox 9 Wireless | World of Warcraft Edition – The World of Warcraft Edition Aerox 9 Wireless Gaming Mouse เกมเมอร์สามารถเข้าถึงความสามารถต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยปุ่มที่ตั้งโปรแกรมได้ถึง 18 ฟังก์ชัน และเซนเซอร์ TrueMove Air ที่มอบความแม่นยำอย่างไร้ที่ติ เมาส์ MMO ไร้สายที่ได้รับรางวัลนี้มีน้ำหนักเพียง 99 กรัม พร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดถึง 180 ชั่วโมงสำหรับการเล่นที่ยาวนาน ใช้เทคโนโลยี Quantum 2.0 Wireless และ Bluetooth เพื่อมอบอิสระในการเล่นแบบไร้สายบนอุปกรณ์หลายเครื่อง อีกทั้งยังป้องกันน้ำหกใส่ด้วยเทคโนโลยี AquaBarrier™ เมาส์ Aerox 9 World of Warcraft Edition ยังมาพร้อมกับไอเทมในเกมอย่าง Lil’Flameo pet อีกด้วย
  • QcK XXL | World of Warcraft Edition – แผ่นรองเมาส์ QcK XXL รุ่น World of Warcraft Edition เปรียบเสมือนประตูสู่โลกของ Azeroth ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดในด้านพื้นผิว นวัตกรรม และสไตล์ แผ่นรองเมาส์ QcK ผลิตจากผ้าทอพิเศษเพื่อการควบคุมที่แม่นยำ และได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการเคลื่อนไหวทั้งในระดับ CPI ต่ำและสูง พื้นผิวการเล่นขนาด 900 มม. x 400 มม. x 2 มม. ช่วยให้ผู้เล่นควบคุมได้อย่างเต็มที่ ฐานยางกันลื่นช่วยป้องกันการเคลื่อนที่โดยไม่ต้องการในช่วงเวลาสำคัญระหว่างการบุก SteelSeries ได้ออกแบบแผ่นรองเมาส์เกมมิ่งให้เหมาะสำหรับทุกระดับการเล่น และเป็นที่แนะนำอย่างสูงจากนักกีฬา esports มืออาชีพ แผ่นรองเมาส์ QcK XXL รุ่น World of Warcraft Edition ยังมาพร้อมกับไอเทมในเกม Battle Turtle mount อีกด้วย

  • Artisan Keycap | World of Warcraft Edition – ปุ่มคีย์บอร์ดรุ่นพิเศษ World of Warcraft Edition SteelSeries Artisan keycap ได้รับแรงบันดาลใจจากดาบแห่ง Sargeras แต่ละปุ่มได้รับการหล่อด้วยเรซินและทาสีด้วยมือ เพื่อแสดงถึงดาบที่เป็นอนุสาวรีย์แห่งการพ่ายแพ้ของ Burning Legion ซึ่งปักอยู่บนพื้นโลกของ Azeroth ปุ่มคีย์บอร์ดเหล่านี้มีเลขหมายระบุไว้ในแต่ละสินค้า จำหน่ายจำนวนจำกัด สามารถหาซื้อได้ที่ SteelSeries.com นอกจากนี้ Artisan Keycap World of Warcraft Edition ยังมาพร้อมกับไอเทมในเกม Battle Turtle mount อีกด้วย

 

  • Booster Packs of Headband & Speaker Plates | World of Warcraft Edition World of Warcraft Edition Booster Pack ประกอบด้วยชุด Speaker Plates และที่คาดศีรษะในแบบ Alliance หรือ Horde สำหรับหูฟัง SteelSeries Arctis Nova Pro และ Arctis Nova 7 ซีรีส์ ผู้เล่นสามารถแสดงความภาคภูมิใจในฝ่ายของตนด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง Booster Packs รุ่น World of Warcraft Edition ยังมาพร้อมกับไอเทมในเกม Battle Turtle mount อีกด้วย

นอกจากนี้ World of Warcraft เปิดเกมสตัวใหม่ล่าสุด World of Warcraft: The War Within ให้เกมเมอร์ได้ผจญภัยลึกลงไปใต้ผิวโลกของ Azeroth เผชิญหน้ากับอารยธรรมโบราณที่กำลังขึ้นสู่อำนาจใต้พื้นพิภพ ในขณะที่เหล่าฮีโร่ทั้งจาก Alliance และ Horde ต่างถูกถาโถมด้วยนิมิต บางคนเห็นภาพของแสงสว่าง ในขณะที่คนอื่นเห็นชะตากรรมที่มืดมนและแตกต่างออกไป ผู้เล่นจะเริ่มต้นบทแรกของ The Worldsoul Saga พร้อมกับการเดินทางสู่เลเวลสูงสุดใหม่ที่ 80 พบกับโซนใหม่, ดันเจี้ยน, การบุกโจมตี และอื่นๆ รวมถึงทวีปใหม่บนพื้นผิวชื่อ Khaz Algar, เผ่าพันธุ์พันธมิตรใหม่ที่เล่นได้คือ Earthen, ระบบความสามารถฮีโร่ใหม่, Delves และ Warbands

คอลเล็กชัน World of Warcraft x SteelSeries จะวางจำหน่ายที่เว็บไซต์ SteelSeries.com และ gear.Blizzard.com

  • Arctis Nova 7 Wireless | World of Warcraft Edition ราคาเพียง 8,690 บาท
  • Aerox 9 Wireless | World of Warcraft Edition – The World of Warcraft Edition Aerox 9 Wireless Gaming Mouse ราคาเพียง 6,290 บาท
  • QcK XXL | World of Warcraft Edition ราคาเพียง 1,790 บาท
  • Artisan Keycap | World of Warcraft Edition ราคาเพียง 3,390 บาท
  • Booster Packs of Headband & Speaker Plates | World of Warcraft Alliance Edition ราคาเพียง 1,590 บาท
  • Booster Packs of Headband & Speaker Plates | World of Warcraft Horde Edition ราคาเพียง 1,590 บาท

มีจำหน่ายที่ SteelSeries Official Store บน Shopee, Lazada, Tiktok, Central Online, JIB, Mine, IT CITY, ACE Banana, I Have CPU, Speed Computer, PowerMall และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SteelSeries, โปรดไปที่ steelseries.com, steelseries.com/blog และเข้าร่วมการสนทนาบน Facebook ที่ @SteelSeriesThai Instagram ที่ @steelseriesth และ TikTok ที่ @steelseriesbysoulstone

Hot Issue