Home Blog Page 13

ปรับกฎ ลดเกรดนักเรียนหัวใส ใช้ AI ช่วยทำการบ้าน

พ่อแม่ของเด็กชาวแมสซาชูเซตส์กำลังฟ้องโรงเรียนหลังจากนักเรียนถูกลงโทษด้วยการลดเกรด จากการใช้ AI ช่วยทำการบ้าน

เด็กนักเรียนนามสมมุติ RNH ยอมรับกับครูว่าพวกเขาใช้ AI ในการเขียนโครงการสังคมศึกษาช่วงในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่อ้างว่าใช้เพียงเพื่อการวิจัยเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเขียนรายงานทั้งฉบับ

นักเรียนคนดังกล่าวถูกกักบริเวณในวันเสาร์และถูกหักคะแนนในโครงการดังกล่าว เมื่อพ่อแม่ของเด็กรู้เรื่องจึงเตรียมยื่นฟ้องร้องเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

เพราะลูกของตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากการหักคะแนนอาจทำให้เกรดของเด็กลดลง ส่งผลต่อการสมัครเข้าเรียนในวิทยาลัยในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนได้ต่อสู้กลับด้วยการยื่นคำร้องเพื่อยกฟ้องคดีนี้ ทางโรงเรียนโต้แย้งว่าเด็กและเพื่อนร่วมชั้นได้รับคู่มือสำหรับนักเรียนซึ่งระบุอย่างชัดเจนถึงการใช้ AI

เผยว่านักเรียนไม่ควรใช้เครื่องมือ AI ระหว่างการสอบในชั้นเรียน การบ้าน โครงการต่าง ๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต แถมเพื่อนร่วมชั้นของ RNH ก็ไม่มีใครใช้ AI ในการส่งการบ้าน

โรงเรียนจึงชี้แจ้งต่อศาล ประเมินว่าการกระทำของนักเรียนคนดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับเพื่อนร่วมชั้นจึงทำให้เกิดการหักคะแนนเกิดขึ้น

 

ที่มา : theregister

#AI #TechhubUpdate

ผลสำรวจพบธุรกิจส่วนใหญ่ มีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่มากกว่าครึ่งยังใช้เครื่องมือวัดประสิทธิภาพแบบแมนนวล

ผลสำรวจ “แนวโน้มและดัชนีความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 2024” (Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024) จัดทำโดยอาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป พบว่า 80% ของธุรกิจที่ตอบแบบสำรวจจากเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ระบุว่าได้มีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนแล้ว แต่ในจำนวนนี้มากกว่าครึ่ง (53%) ยังคงใช้วิธีการวัดประสิทธิภาพความก้าวหน้าของเป้าหมายดังกล่าวแบบแมนนวล ธุรกิจไทยก็มีแนวโน้มคล้ายกัน โดยมีธุรกิจถึง 82% ที่มีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ 50% ยังคงใช้วิธีวัดประสิทธิภาพแบบแมนนวล

ข้อมูลจากรายงานเผยให้เห็นว่า 92% ของบรรดาธุรกิจที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน ได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม มีเพียงหนึ่งในสามขององค์กรเหล่านี้ ที่ให้คำมั่นด้าน net-zero ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ (science-based targets: SBTs) ทั้งนี้ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียมีการกำหนดเป้าหมายอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ (SBTs) มากที่สุด อยู่ที่ 39% ตามด้วยยุโรป 35% ตลาดพัฒนาแล้วในเอเชีย 30% และตะวันออกกลาง 22%

ธุรกิจที่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนประมาณครึ่งหนึ่งระบุว่า แรงจูงใจสำคัญในการตั้งเป้าหมายต่าง ๆ มาจาก การขับเคลื่อนการเติบโต (56%) การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (54%) และเพื่อความแข็งแกร่งขององค์กร (49%) ในบรรดาตลาดที่ทำการสำรวจทั้งหมด องค์กรธุรกิจในอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจมากที่สุด (70%) ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (73%) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เน้นเรื่องความแข็งแกร่งขององค์กร (61%) สำหรับตลาดไทย ธุรกิจให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า (45%) การขับเคลื่อนการเติบโต (44%) และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (43%)

ธุรกิจ 78% เห็นด้วยว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญมากต่อการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของโลก โดยตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ลำดับต้น ๆ คือ มาเลเซีย (89%) ซาอุดีอาระเบีย (87%) สิงคโปร์ (86%) และฝรั่งเศส (86%) หากพิจารณาในระดับภูมิภาค ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่มีความเชื่อว่า เทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนมากที่สุด (86%) โดยมีตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตามติดมาเป็นอันดับสอง (83%) ในขณะที่ 78% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง และ AI มาใช้ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้เร็วขึ้น ตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุดคือซาอุดีอาระเบีย (90%) ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (84%) และสิงคโปร์ (81%)

ระดับและความท้าทายที่มีต่อความมุ่งมั่นของแต่ละตลาด

เมื่อประเมินระดับความมุ่งมั่นของแต่ละตลาดแล้ว สิงคโปร์อยู่ในระดับสูงสุดจากดัชนีความยั่งยืนที่ 91% ตามติดด้วยเยอรมนีที่ 89% และอินโดนีเซียที่ 86% ทั้งนี้ ดัชนีความยั่งยืนหมายถึงเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจต่าง ๆ ที่มีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนจากตลาด 13 แห่งที่ทำการสำรวจ

ธุรกิจต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคหลากหลายบนเส้นทางสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน องค์กรที่ตอบแบบสำรวจ 29% ระบุว่า ข้อจำกัดด้านงบประมาณเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด ที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร โดยเฉพาะองค์กรในตะวันออกกลาง (41%) และยุโรป (31%) ซัพพลายเชนที่ซับซ้อนยิ่งทำให้ความพยายามต่าง ๆ ยุ่งยากมากขึ้น โดย 28% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจ ได้รับผลกระทบด้านนี้ หากดูเฉพาะองค์กรในไทยผลสำรวจเผยว่าได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่สูงกว่า (32%) นอกจากนี้ 23% ของบริษัทต่าง ๆ พบกับอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดทางเทคโนโลยี โดยตะวันออกกลางพบในอัตราสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 26% ข้อจำกัดด้านเวลาเป็นความท้าทายที่สำคัญมากในทุกภูมิภาค และส่งผลกระทบต่อ 23% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจ โดยไทยมีสัดส่วนสูงสุดที่ 34% ส่วนอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรที่ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืน ได้แก่ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ (32%) และข้อจำกัดทางเทคโนโลยี (29%)

การพึ่งพาการวัดผลแบบแมนนวล

เครื่องมือดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด การสำรวจครั้งนี้เน้นให้เห็นความจำเป็นที่ธุรกิจต่างต้องทำความเข้าใจเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ให้มากขึ้น เนื่องจากผู้ตอบแบบสำรวจ 59% ยอมรับว่า ยังมีช่องว่างทางความรู้ว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างไร ความรู้สึกเช่นนี้เห็นได้ชัดเจนในสิงคโปร์ (83%) ฮ่องกง (75%) และไทย (70%)

รายงานยังแสดงให้เห็นว่า โดยทั่วไปธุรกิจพึ่งพาแนวปฏิบัติแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดความท้าทายต่อความสำเร็จของเป้าหมายด้านความยั่งยืน ผลสำรวจบ่งชี้ว่า มากกว่า 50% ขององค์กรธุรกิจใช้กระบวนการวัดประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนแบบแมนนวล เช่น การใช้สเปรดชีต อีเมล และวิธีการที่คล้ายคลึงกัน ตลาดที่ทำการสำรวจทุกตลาด ยกเว้น ฮ่องกง (29%) เกาหลีใต้ (43%) และฝรั่งเศส (49%) อยู่ในเกณฑ์ที่เกิน 50% โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีเปอร์เซ็นต์สูงสุด (68%) ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย (61%) และสหราชอาณาจักร (60%) ในขณะเดียวกัน มีเพียงประมาณหนึ่งในสามขององค์กรที่ใช้เครื่องมือที่เป็นซอฟต์แวร์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงคลาวด์แพลตฟอร์มต่าง ๆ สำหรับติดตามความคืบหน้าและวัดประสิทธิภาพด้านความยั่งยืน ตลาดที่แสดงให้เห็นว่ามีการนำโซลูชันที่ทำงานบนคลาวด์ไปใช้มากขึ้น คือ อินโดนีเซีย (59%) สิงคโปร์ (48%) และญี่ปุ่น (43%) ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 38%

คุณเซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “ผลสำรวจเน้นให้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต่าง ๆ ต้องประเมินวิธีการวัดประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนของตนใหม่ และเปิดรับเทคโนโลยีโซลูชันที่ล้ำหน้า เช่น แพลตฟอร์มที่ทำงานบนคลาวด์ และบริการด้าน AI ต่าง ๆ เครื่องมือดิจิทัลเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการวัดผลเท่านั้น แต่ยังมอบข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ซึ่งสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนได้อย่างมีนัยสำคัญ”

เซลิน่า กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำ เรามุ่งมั่นมอบนวัตกรรมและโซลูชันที่ ขับเคลื่อนการทำงานด้วย AI เช่น Energy Expert เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ วัดและวิเคราะห์ การปล่อยก๊าซคาร์บอนและการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร การจัดการอุปสรรคที่มีอยู่ และการลงทุนในเครื่องมือที่ล้ำหน้าดังกล่าว จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับแนวความคิดริเริ่ม ด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ดีขึ้น”

รายงาน “Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024” ของอาลีบาบา คลาวด์ มีจุดประสงค์เพื่อมอบข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าให้กับการพัฒนาภูมิทัศน์ด้านความยั่งยืนขององค์กร และเน้นให้เห็นวิธีการที่เทคโนโลยีสามารถใช้เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร

 

แคสเปอร์สกี้เปิดผลวิจัย พบองค์กรภาคอุตสาหกรรม 45% เจอปัญหาเครือข่ายทุกเดือน

การวิจัยของแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่ายและข้อมูลของบริษัทที่มีสถานที่ตั้งหลายแห่ง ผลการวิจัยเผยว่า บริษัทอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่งในสามประสบปัญหาเครือข่ายเป็นประจำ โดยบริษัท 45% ประสบปัญหาเครือข่ายจำนวนไม่กี่ครั้งต่อเดือน ในขณะที่บริษัท 12% ระบุว่าประสบปัญหาดังกล่าวปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้น

บริษัทอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ดำเนินงานโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งโรงงาน สำนักงานสาขา และสิ่งปลูกสร้างสำคัญซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆ ลักษณะเฉพาะของภาคอุตสาหกรรมนี้นำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาด้านโลจิสติกส์ อุปสรรคด้านการสื่อสาร ความยากในการประสานงานการดำเนินงาน การรักษามาตรฐานคุณภาพที่สม่ำเสมอ และการรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบในพื้นที่

นอกจากปัญหาข้างต้นแล้ว บริษัทอุตสาหกรรมที่มีสถานที่ตั้งหลายแห่งยังต้องเผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและความปลอดภัยของข้อมูลอยู่เสมอ จากรายงานของแคสเปอร์สกี้เรื่อง ‘Managing geographically distributed businesses: challenges and solutions’ บริษัทผู้ผลิตจำนวน 49% พบว่าการตรวจจับและแก้ไขเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิผลเป็นงานที่ท้าทายที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่าการติดตามการนำมาตรการด้านความปลอดภัยไปปฏิบัติ (46%) และการสร้างนโยบายด้านความปลอดภัยที่สอดประสานกัน (42%) ถือเป็นปัญหาที่สำคัญเช่นกัน

บริษัทผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนเกือบ 30% ระบุว่าบริษัทประสบปัญหาเครือข่ายเป็นประจำ เช่น เครือข่ายล้มเหลวหรือหยุดให้บริการ บริการและแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพไม่ดี และความสามารถด้านการเชื่อมต่อไม่เพียงพอ พบว่าบริษัท 38% ประสบปัญหาดังกล่าวจำนวน 1-3 ครั้งต่อเดือน ในขณะที่บริษัท 28% เผชิญปัญหานี้ทุกๆ 2-3 เดือน และมีบริษัท 7% ที่ต้องเผชิญปัญหาเครือข่ายนี้ทุกสัปดาห์

เมื่อพิจารณาจากเวลาที่ต้องใช้ในการกู้คืนเครือข่ายหลังจากเกิดความล้มเหลวหรือขัดข้อง บริษัทผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (74%) ระบุว่าโดยปกติแล้วต้องใช้เวลาระหว่าง 1 – 5 ชั่วโมง ในขณะที่บริษัท 15% ระบุว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และ 10% ต้องใช้เวลาถึง 1 วันทำการเต็ม การหยุดให้บริการเช่นนี้จะนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงอย่างมาก และอาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันดอลลาร์ต่อนาทีหรืออาจมากกว่านั้นต่อชั่วโมง ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทต่างๆ จะต้องป้องกันไม่ให้เครือข่ายหยุดชะงัก และควรสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

นายแม็กซิม คามินสกี้ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (Secure Access Service Edge) แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ปัญหาเครือข่ายในองค์กรอุตสาหกรรมมักส่งผลให้เกิดความล่าช้า ระดับการผลิตลดลง การสูญเสียทางการเงิน และความเสี่ยงต่อชื่อเสียง เมื่อเครือข่ายล้มเหลว การสื่อสารและกระบวนการทางธุรกิจจะหยุดชะงัก พนักงานไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และอาจทำลายความไว้วางใจของลูกค้าด้วย ดังนั้น บริษัทต่างๆ ควรปกป้องการดำเนินงานของตนเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยการทำความเข้าใจสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นของปัญหาเครือข่ายและดำเนินการตามมาตรการเชิงกลยุทธ์ที่ทันท่วงที บริษัทต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้และปกป้องกระบวนการทั้งหมดได้”

แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำข้อปฏิบัติเพื่อลดโอกาสที่อาจเกิดปัญหากับเครือข่าย และสร้างการป้องกันที่ครอบคลุมและเชื่อถือได้สำหรับทรัพย์สินและกระบวนการทั้งหมดในบริษัทอุตสาหกรรม ดังนี้

  • ใช้แพลตฟอร์ม OT XDR อย่างเช่น Kaspersky Industrial CyberSecurity (KICS) ซึ่งมีคุณสมบัติการจัดการทรัพย์สินและความเสี่ยงแบบรวมศูนย์ การตรวจสอบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด และความสามารถในการปรับขนาดที่ไม่มีใครเทียบได้ KICS นำเสนอการป้องกันที่เชื่อถือได้ให้กับเครือข่ายอุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติ ด้วยการอัปเดตล่าสุดนี้ KICS สามารถรองรับจุดตรวจสอบ 100 จุด และมีตัวเลือกไม่จำกัดสำหรับการสร้างเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ใหม่ระหว่างสาขาต่างๆ ของบริษัท
  • หากบริษัทต้องการโซลูชันแยกต่างหากเพื่อจัดการเครือข่ายองค์กรด้วยคอนโซลเดียว แนะนำให้ใช้โซลูชันเฉพาะทาง อย่างเช่น Kaspersky SD-WAN ที่ผสานรวมช่องทางการสื่อสารและฟังก์ชันเครือข่ายที่แยกจากกันในบริษัทต่างๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน ทำให้สร้างเครือข่ายที่เชื่อถือได้และรักษาธุรกิจที่กระจายตามพื้นที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
  • หากบริษัทจำเป็นต้องใช้การป้องกันขั้นสูงก็สามารถรวมโซลูชันทั้งสองเข้าด้วยกันได้ การผสานรวม Kaspersky SD-WAN และ Kaspersky Industrial CyberSecurity for Networks ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถถ่ายโอนสำเนาของทราฟฟิกเครือข่ายอุตสาหกรรมได้ เพื่อจัดตั้งระบบตรวจสอบและป้องกันแบบรวมศูนย์ได้ การทำงานร่วมกันของผลิตภัณฑ์ทั้งสองทำให้สามารถปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายได้ ให้บริการเครือข่ายคุณภาพสูง และให้ความสำคัญกับทราฟฟิก ICS/SCADA

สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มเรื่อง ‘Managing geographically distributed businesses: challenges and solutions’ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.kaspersky.com/blog/geo-distributed-businesses-research-2024/

หมายเหตุ: การวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นความปลอดภัยของเครือข่ายและข้อมูลที่บริษัทที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ต้องประสบ และเน้นย้ำถึงโซลูชันที่องค์กรต่างๆ ใช้เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แคสเปอร์สกี้ได้สอบถามบริษัทผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,000 คนจาก 20 ประเทศ ได้แก่ บราซิล ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร สเปน ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

 

ไอเดียเจ๋ง ผลิตน้ำจากพายุเฮอริเคน สำรองใช้ในโรงพยาบาล

[2,000 แกลลอน] เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ถูกพายุเฮอริเคนมิลตัน (Hurricane Milton) พัดถล่มชายฝั่งตะวันตกของฟลอริดา จนเกิดความเสียหายไปทั่ว ทั้งยังส่งผลให้หลาย ๆ พื้นที่ขาดแคลนน้ำด้วย เนื่องจากพายุพัดถล่มจนท่อประปาแตก โดยสถานที่ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ คือโรงพยาบาล ที่ถูกตัดขาดจากระบบน้ำประปาอย่างกะทันหัน ทว่ามีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง รอดพ้นจากวิกฤติดังกล่าวแบบฉิวเฉียด

Johns Hopkins All Children’s Hospital โรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดา ก่อนพายุเข้าเผยได้ติดตั้ง WaterCube 1000 เครื่องผลิตน้ำจากความชื้นในอากาศ พบช่วยให้ได้น้ำสำรองในช่วงพายุเข้า จนรอดพ้นวิกฤติได้จริง

ในส่วนการทำงานของตัวเครื่องนั้น หลัก ๆ ก็ใช้วิธีสกัดน้ำด้วยความร้อน หลังกักเก็บความชื้นในอากาศได้มากพอ จากนั้นก็นำน้ำที่ได้มาผ่านกระบวนการกรองอีกหลายขั้นตอน จนได้น้ำดื่มในที่สุด ทั้งนี้ตอนที่ติดตั้งตัวเครื่อง ก็มีการนำไปวางในหลุมหลบภัยที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อน จากนั้นค่อนใช้รถขนน้ำมายังโรงพยาบาลอีกที เมื่อพายุสงบ

ตามสเปกตัวเครื่อง WaterCube 1000 คือสามารถผลิตน้ำได้เกือบ 2,000 แกลลอน ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปกติจะถูกนำมาใช้เก็บความชื้นในฟลอริดา ที่มักจะมีไอน้ำจำนวนมากนั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ตัวเครื่องก็มีราคาสูงถึง 860,000 ดอลลาร์ฯ หรือเกือบ 30 ล้านบาท ฉะนั้นการติดตั้งจึงมีจำกัด โดยหลังโรงพยาบาลเด็ก Johns Hopkins กู้คืนระบบน้ำประปาได้แล้ว ทางหน่วยงานก็มีแผนนำไปใช้กับโรงพยาบาลอื่น ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจากพายุเช่นกัน

ที่มา : Techspot

อัปเกรดใหม่ เครื่องบินแนวดิ่ง eVTOL เคลื่อนที่ได้แบบไร้ขีดจำกัด

สตาร์ทอัพด้าน eVTOL ในสวีเดนโชว์เครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งที่ถูกพัฒนาจนความสามารถเหลือล้น 

Jetson ONE ได้รับการออกแบบให้บินได้ง่ายดาย โดยมีระบบควบคุมจอยสติ๊ก 4 แกนและคอมพิวเตอร์การบิน ช่วยให้นักบินควบคุมระดับความสูงและทิศทางได้โดยง่าย และใช้พลังงานมาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบปล่อยประจุสูง

ความเร็วสูงสุด 63 ไมล์ต่อชั่วโมง มีระบบการบินอัตโนมัติใช้เซ็นเซอร์สำหรับการปรับแบบเรียลไทม์ รับประกันการบินที่เสถียรและตอบสนองได้ดี

ล่าสุดได้โชว์การทดสอบเคลื่อนที่และเลี้ยวในที่แคบไปจนถึงการเคลื่อนไหวทางอากาศที่ไม่ธรรมดา โชว์ความคล่องตัวที่ยังไม่มีบริษัทไหนทำได้

เครื่องบินมาพร้อมแบตเตอรี่ สามารถรองรับนักบินที่มีน้ำหนักสูงสุด 95 กิโลกรัม เสริมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยระดับสูงเมื่อมอเตอร์ 1 เครื่องใช้การไม่ได้ มอเตอร์ที่เหลือจะรักษาการบินและมีฟังก์ชันลงจอดอัตโนมัติสำหรับกรณีฉุกเฉิน

ออกแบบให้ตรงตามข้อกำหนดของ FAA สำหรับยานยนต์อัลตราไลท์ ซึ่งหมายความว่าสามารถบินได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตนักบินในสหรัฐอเมริกา แถมถูกสั่งจองและขายหมดเป็นที่เรียบร้อยสำหรับปี 2024 และ 2025

ที่มา : interestingengineering  

#JetsonONE  #TechhubUpdate

อัปเดตครั้งใหญ่ รวมฟีเจอร์ใหม่จาก YouTube ปรับความเร็วได้ละเอียดขึ้น

YouTube

YouTube กำลังจะมีการอัปเดตครั้งสำคัญ ซึ่งหลายๆ ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามานั้น เป็นสิ่งที่หลายคนเรียกร้องกันมานานครับ

จากบล็อกโพสต์และวิดีโอ Creator Insider การอัปเดตนี้จะทยอยปล่อยออกมาให้ผู้ใช้กว่า 2.5 พันล้านคนทั่วโลก ไม่ว่าจะดูผ่านแอป YouTube หรือ YouTube Music บนมือถือ, บนคอมพิวเตอร์ หรือบนสมาร์ททีวี

ฟีเจอร์เด็ดที่หลายคนรอคอยคือ

+ ตั้งเวลาปิดได้แล้วจย้าา โดยเราสามารถตั้งเวลาให้ YouTube หยุดเล่นวิดีโออัตโนมัติ ตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง หรือจะตั้งให้เล่นจนจบวิดีโอก็ได้ ใครที่ชอบดูหรือฟัง The Ghost หรือรายการอื่น ๆ ก่อนนอนก็หลับสบายหายห่วง ฟีเจอร์นี้แต่ก่อนมีเฉพาะสมาชิก YouTube Premium เท่านั้น ตอนนี้ผู้ใช้ทั่วไปก็ใช้ได้แล้ว

แต่ ๆ ผู้ใช้แบบฟรี จะไม่สามารถกดปิดหน้าจอขณะเล่นวีดีโอดี ทำให้จำเป็นต้องเปิดแอป YouTube ค้างไว้ตลอดขณะฟัง ซึ่งก็สามารถไปตั้งเวลาล็อคหน้าจอเองได้นะ

+ มีปรับปรุงการใช้งานแบบแนวนอน โดย YouTube จะปรับขนาดรูปภาพและตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้น เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ใช้ในแนวนอน แต่สำหรับคนใช้ iPhone ต้องรอกันอีกนิด

+ หน้าต่าง Miniplayer หรือหน้าต่างเล่นวิดีโอขนาดเล็กที่ยืดหยุ่นขึ้น โดยสามารถปรับขนาดและตำแหน่งได้อิสระมากขึ้น สะดวกต่อการค้นหาวิดีโอใหม่ๆ หรือจัดการเพลย์ลิสต์ไปพร้อมกัน

+ สร้างเพลย์ลิสต์ร่วมกับเพื่อน ๆ ได้แล้ว โดยสามารถแชร์ผ่านลิงก์หรือ QR Code กับเพื่อนได้ แถมยยังมีระบบโหวต (จะเพิ่มเข้ามาในปลายปีนี้) ให้ช่วยกันเลือกวิดีโอที่ชอบ และยังสามารถใส่รูปภาพปกเป็นของตัวเองหรือใช้ AI สร้างก็ได้

+ ปรับความเร็วได้ละเอียดขึ้น อันนี้โดนใจสำหรับใครที่ชอบเร่งหรือลดความเร็ววิดีโอ จากเดิมที่มีให้เลือกแค่ 0.25x – 2x ตอนนี้ปรับได้ละเอียดถึง 0.05x เลย

การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ YouTube เลยนะ น่าเสียดายที่ข้อมูล ไม่ได้ระบุวันที่แน่นอน ที่จะ Youtube จะปล่อยอัปเดตนี้ออกมา แต่คิดว่า น่าจะเป็นช่วงเดือนนี้ – สิ้นปีนี้ครับ มารอลุ้นกันว่าจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ มาเซอร์ไพรส์อีกบ้างไหม

ที่มา
https://www.tomsguide.com/entertainment/streaming/youtube-announces-huge-upgrade-for-billions-heres-all-the-new-features-coming-to-your-phone-and-tv

10 วิธีตั้งค่า Microsoft Edge ให้ใช้งานได้เจ๋งขึ้น 

Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดย Microsoft เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 เพื่อแทนที่ Internet Explorer Edge ปัจจุบัน กำลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ มีข้อดีคือ มีความเร็วเท่า ๆ กับ Chrome ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ก็คล้ายกัน แต่ข้อดีคือกินแรมน้อยกว่า และมีฟีเจอร์บางอย่างที่ Chrome ไม่มี
หากตอนนี้ ใครกำลังใช้ Edge หรือมีแผนจะเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์อื่นมาใช้ Edge ทาง Techhub มีทริคปรับแต่งการใช้งานเพื่อให้สามารถใช้งานดีขึ้น ง่ายขึ้น และบางวิธี ก็ช่วยให้ Edge สะอาดตามากขึ้นด้วย ไปดูกันครับ

1.ปิดฟีดข่าว

ข้อเสียอย่างนึงของ Edge คือ เวลาที่กดเปิดแท็ปใหม่ มันมักจะมีฟีดข่าวโผลขึ้นมาเยอะมาก ๆ บางคนต้องการไม่ได้อยากจะเห็นฟีดข่าว ก็สามารถปิดได้ แล้วเปิดให้มันเป็นหน้าคลีน ๆ ครับ
วิธีการคือ
1.เปิด Microsoft Edge ขึ้น  แล้วกดเลือกที่แท็บใหม่
2. ไปที่ปุ่มเฟืองด้านขวามือบน หัวข้อ แสดงฟีด ให้กดเลื่อนปิดครับ

————————————————-

2.ปิดแท็ปรายการโปรด ในหน้าแรก

สำหรับ Favorite Tab มีไว้สำหรับแท็ปที่เราเข้าบ่อย ๆ เพื่อให้เปิดแท็ปใหม่ได้เร็วและง่ายขึ้น แต่บางครั้ง มันก็ทำให้หน้าจอมันดูรกไปหน่อย ซึ่งเราสามารถซ่อน Favorite Tab ไว้ใน New Tab เฉย ๆ ได้
วิธีการคือ 
1.เปิด Edge ขึ้นมา คลิกที่ปุ่ม สามจุด ด้านขวามือบน เลือก Favorites
2.จากนั้น จะขึ้นแท็บที่เรากด Favorites ไว้ (บางคนอาจไม่มี) ให้เราเลือกกดที่ปุ่ม สามจุดอีกครั้ง
3.เลือกที่ Show favourite bar จากนั้น กดที่ Only on new tabs แค่นี้ครับ
————————————————-

3.เปิดใช้งานแท็บแนวตั้งสุดเจ๋ง (Optional นะ)

หากใครเบื่อแท็ปแนวแนว มาลองเปลี่ยนให้เป็นแนวตั้งกัน เพื่อจะโดนจริตมากกว่า
วิธีการคือ
1.เปิด Edge ขึ้นมา มองไปที่ซ้ายมือบน เลือกไอคอนสี่เหลี่ยม ๆ ตามภาพ
2.กดเปิดใช้งาน Turn on vertical tabs
3.หากไม่มีไอคอนสี่เหลี่ยม ๆ ให้กดใช้ปุ่มลับคือ Crtl + Shift + , (จุลภาค ตรงอักษร “ม”  บนคีย์บอร์ด )
————————————————-

4.ปิดการเล่นวีดีโออัตโนมัติ

เคยไหม เข้าเว็บบางเว็บ ดันเล่นวีดีโอให้เราอัตโนมัติ  บางอย่างก็ไม่ได้อยากให้เปิดเล่นเลยป่ะ  มาปิดมันกันครับ

วิธีการคือ

1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.ด้านซ้ายมือ เลือกแท็บ Cookies and site permissions
3.เลื่อนลงมาด้านล่าง หาคำว่า Media Autoplay และเลือก Block
————————————————-

5.เปลี่ยนการตั้งค่า การค้นหาเป็น Google

แม้ Edge จะเร็วและแรง แต่ก็มีข้อเสียอยู่จุดหนึ่ง นั่นคือ เวลากดค้นหา จะใช้ bing เป็น Search Engine ซึ่งแน่นอนว่า มันสู้ Google ไม่ได้เลย มาเปลี่ยนมันกันครับ

วิธีการคือ
1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.เลือก Privacy, search, and services
3.เลื่อนลงมาด้านล่างสุด เลือก Address bar and search
4.ในหัวข้อ Search engine used in the address bar กดเลือกเป็น Google ครับ
————————————————-

6.บล็อกการแจ้งเตือนเว็บไซต์

เว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่เราเข้าใช้ ไม่ว่าจะใช้เบราว์เซอร์ไหน มักจะให้เรากดยินยอมเพื่อให้แจ้งเตือน บางครั้งเผลอกดไป มันก็น่ารำคาญแหละ ยิ่งกดไว้หลายเว็บ ก็เด้งมันทั้งวัน ไปปิดมันกัน

วิธีการคือ
1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.ไปที่แท็ป Cookies and site permissions
3.เลื่อนลงมาด้านล่างนิด ๆ หาคำว่า Notifications
4.เลือกเว็บไซต์ที่เราต้องการจะปิดการแจ้งเตือนครับ โดยกดที่ปุ่ม สามจุด และเลือก Block
————————————————-

7.เปิดแท็บรายการโปรดโดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มต้น

เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีแท็บรายการโปรด ที่เมื่อเปิดคอมเมื่อไหร่ ก็จะต้องเปิดเป็นจำถูกไหม เราเลยมีวิธีง่าย ๆ หากเปิด Edge เมื่อไหร่ ก็ให้เปิดแท็บที่เราต้องการทั้งหมดขึ้นมาให้เลย

วิธีการคือ

1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.ไปที่แท็ป  Start, home, and new tab
3.หัวข้อด้านบนสุดที่เขียนว่า When Microsoft Edge starts ให้เราเลือก Open these pages
4.จากนั้น กด Add a new page กับเว็บที่เราต้องการจะเข้าเป็นประจำครับ
————————————————-

8.เปิดแท็บที่เคยเปิดค้างไว้ 

อันนี้เหมาะสำหรับคนทำงาน ที่มักชอบเปิดแท็ปไว้เยอะ ๆ เช่น หากทำงานกราฟฟิก แล้วต้องดู Reference แต่บางคนเผลอกดปิดไป จะทำให้เมื่อเราเปิด Edge แล้ว แท็บทั้งหมดจะกลับมา ไปดูกัน

หมายเหตุ : ข้อนี้ ขัดแย้งกับ ข้อ 7 นะครับ เราต้องเลือกใช้งานสักอันนึง
วิธีการคือ
1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.ไปที่แท็ป  Start, home, and new tab
3.หัวข้อด้านบนสุดที่เขียนว่า When Microsoft Edge starts
4.กดติ๊กเลือกที่  Open tabs from the previous session
————————————————-

9.เปิดใช้งานการกรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติของ

เคยเบื่อกับการต้องใส่ข้อมูลส่วนบ่อย ๆ เวลาสมัครใช้งานอะไรไหม ให้ Edge บันทึกไว้เลย จะได้ไม่ต้องกรอกบ่อย ๆ

วิธีการคือ
1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting
2.ซ้ายมือ เลือกที่แท็บ Profile และ ด้านล่างสุด เลือก Personal info
3.กด Add Address  และใส่ข้อมูลที่จะให้ Edge Autofill  ให้เรา
————————————————-

10.เปิดใช้งาน Dark Mode บน Edge

ใครไม่ชอบสว่าง ๆ เปิด Dark Mode ไปเล้ยย

วิธีการคือ

1.เปิด Edge ขึ้นมา แล้วไปที่ปุ่มสามจุดด้านขวามือบน และเลือก Setting

2.ด้านซ้ายมือ เลือก Appearance

3.กดเลือกโหมด Dark หรือจะสีอื่นก็ได้ ตามใจชอบครับ

ไม่มีข้อแม้ Elon Musk เดินหน้า ใช้ข้อมูลแอป X เทรนด์ AI

[Bsky ยินดีต้อนรับ] จากข่าวก่อนหน้าที่เคยบอกว่า “ปีนี้เป็นปืทองของ Elon Musk” ล่าสุดก็ปลดร่างทองอีกครั้ง หากแต่เป็นในแง่ลบ หลัง X (หรือ Twitter เก่า) ได้อัปเดตข้อกำหนดการให้บริการใหม่ เปิดโอกาสให้บุคคลที่ 3 สามารถนำข้อมูลจากโพสต์ของผู้ใช้ ไปฝึก AI ได้’ มีผลบังคับใช้ 15 พฤศจิกายน 2024 นี้

เป็นที่ทราบกันดีว่า Elon Musk มีอีกบริษัทที่พยายามดันเป็นพิเศษอยู่คือ xAI โดยมี Grok แชตบอต AI เป็นตัวชูโรง คำถามคือ Elon Musk จะใช้ข้อมูลจากไหนมาเทรนหรือฝึกบริการ AI ดังกล่าว คำตอบก็คงไม่พ้น X แพลตฟอร์มโซเชียลของตัวเอง และล่าสุดข้อสงสัยดังกล่าวได้กระจ่างแล้ว

หลังใน Terms of Service หรือข้อกำหนดการให้บริการของ X ได้มีการอัปเดตใหม่ โดยในหัวข้อ Content on the Services เผยการโพสต์หรือทวีต แสดงเนื้อหาบนหรือผ่านทางบริการของแพลตฟอร์ม ถือว่าผู้ใช้ให้สิทธิ์ในการอนุญาตแก่แพลตฟอร์มแล้ว ซึ่งอนุญาตในที่นี้นั้น ได้รวมไปถึงการอนุญาตให้สิทธิ์นำข้อมูลไปฝึก AI ได้ด้วย ซึ่งไม่เฉพาะ xAI ของ Elon Musk เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจ หรือก็คือบุคคลที่สามที่เป็นเจ้าของบริการ AI รายอื่น ๆ นำข้อมูลไปได้เช่นกัน

แน่นอนว่าข้อกำหนดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้ที่เป็นนักวาดหรือกราฟิกดีไซน์ แสดงความไม่พอใจเป็นจำนวนมาก จนแห่ปิดบัญชี ไล่ลบทวีตผลงาน จนถึงขนาด X ล่มไปชั่วขณะ มีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า พบการเปิดบัญชีในแพลตฟอร์มโซเชียลใหม่อย่าง Bluesky เป็นจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นผู้ใช้ที่ย้ายมาจาก X หลังมีอัปเดตข้อกำหนดการให้บริการใหม่นั้นเอง

จนเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พบผู้ใช้ Bluesky เพิ่มขึ้นถึง 500,000 บัญชี แถมภายในวันเดียว สำหรับ Bluesky นั้น เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียประเภท ‘ไมโครบล็อก’ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจาก X และ Threads ของ Meta ซึ่งเจ้าของคือ Jack Dorsey หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter หรือ X ในปัจจุบันนั้นเอง ซึ่งเริ่มพัฒนามาตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2021 ก่อนที่ Elon Musk จะเข้าซื้อในวันที่ 28 ตุลาคม 2022

ที่มา : Techcrunch

GC จับมือทุกภาคส่วน รวมพลังครั้งสำคัญ ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

GC จับมือทุกภาคส่วน รวมพลังครั้งสำคัญ ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิดยั่งยืนไม่ยาก   

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิดยั่งยืนไม่ยากเปิดเวทีครั้งที่ 5 รวมพลังครั้งสำคัญของคนหัวใจรักษ์โลก หรือ GEN S (Generation Sustainability) จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ GC ครอบคลุมทั้งเคมีภัณฑ์เคลือบผิว    ที่ยั่งยืน ไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพ และการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนแห่งแรกของประเทศไทย (Sustainable Aviation Fuels: SAF) ตลอดจนสร้างโอกาสการเติบโตของประเทศผ่าน allnex ตอบสนองเทรนด์อนาคต สู่การเป็น Specialty Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษ งานนี้จัดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 พารากอนฮอลล์   ชั้น 5 สยาม พารากอน

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า “GC มีเป้าหมายในการเป็นองค์กรต้นแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตพร้อมสร้างสมดุุลด้านความยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และในปี 2564 GC ได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ผ่านการกำหนดแผนงาน การวัดผลและการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับข้อตกลงสำคัญหลายประการจากการประชุมผู้นำระดับโลกในหลายๆ เวที ผู้นำทั่วโลกต่างก็หยิบยกประเด็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาความยั่งยืน” 

ที่ผ่านมา GC ดำเนินการตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ มีการใช้หลัก 5R ใช้พลังงานหมุนเวียน นำเทคโนโลยีและ Digitalization เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน รวมถึงแผนการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน  ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่ Net Zero ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย นอกจากนี้ GC ยังมีความร่วมมือครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกและดูแลป่า ทั้งป่าบก ป่าชายเลน ป่าชุมชน จนมาถึงการศึกษาการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง

งาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาความร่วมมือ เพื่อบรรเทาปัญหาโลกเดือด และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ พร้อมชวนทุกคนมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles รวมถึงจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  โดยนำเสนอเคมีภัณฑ์เคลือบผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลายอุตสาหกรรม  ตั้งแต่สีเคลือบผิวรถยนต์ สีพ่นตู้   คอนเทนเนอร์ สีเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Coating Resins จาก allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ลดการปล่อยของเสียในกระบวนการผลิต จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น  และยังมีผลิตภัณฑ์ไบโอเคมิคอล ไบโอพลาสติก หรือ พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น แคปซูลกาแฟ  บรรจุภัณฑ์ และเส้นใยสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ

นอกจากนี้ GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ ด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568  โดยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน ISSC Plus และ ISSC Corsia ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง Value Chain

เรามองเห็นอนาคตที่ชัดเจนว่า ภาคการผลิตจะเปลี่ยนกระบวนการไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่เป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกันนายณะรงค์ศักดิ์กล่าว

งาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING คือ ก้าวสำคัญในการปลุกพลังสร้างสรรค์และผสานพลังกับ GEN S ทุกคนเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและโลกใบนี้ให้ยั่งยืนอย่างแท้จริง 

จุฬาฯ เปิดคอร์สสอน Canva ฝึกใช้ AI ช่วยออกแบบ

ที่ว่างยังเหลือ…อัปสกิลให้เก่งขึ้น จุฬาเปิดสอนคอร์สเรียนการสร้างผลงานจากโปรแกรม Canva ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI มาทำให้ผลงานของเราสะดุดตาและดูดียิ่งขึ้น

เน้นการสร้างใช้เครื่องมือ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ให้ออกมามีประสิทธิภาพกว่าเดิม และนำเอาต่อยอดได้จริง

ทุกคนสามารถเรียนได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อเรียนจบแล้วคะแนน 60% ขึ้นไป ขอรับ Certificate of Completion ได้ สิ้นสุดการเรียน 30 พฤศจิกายน 2567

ลงทะเบียนและเริ่มเรียนได้เลย (มีจำนวนจำกัด)
>> https://mooc.chula.ac.th/course-detail/208

⭐ สร้างสรรค์ไม่รู้จบกับ Canva ศิลปะการใช้ AI ในการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์

มีทั้งหมด 13 บทเรียน มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกัน

– Magic Studio
– ตั้งค่าหน้ากระดาษ
– Background Remover
– Magic Animate
– Magic Morph
– Magic Write
– Translate
– Sharing Design
– Magic Expand
– Magic Edit
– Magic Grab
– Magic Eraser
– Conclusion

นอกจากเนื้อหาที่แนะนำไปแล้ว ยังมีคอร์สเรียนอีกมากมายให้ได้อัปสกิลกันที่ จิ้มลิ้งก์เลย >> https://www.techhub.in.th/category/productivity/

Hot Issue