ช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทีมงาน Comtoday (www.aripfan.com) มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวของ OPPO ประเทศไทย ภายในงานมีการบอกเล่าถึงความสำเร็จของสมาร์ทโฟน OPPO F1s ที่ผลักดันยอดขายจนทำให้ในช่วงไตรมาส 3 OPPO มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจถึง 121% สามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศจีน และยังมีอัตราการเติบโตในประเทศไทยเมื่อไตรมาสที่ 3 ปี 2016 เพิ่มขึ้น 7.2% จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทำให้ OPPO ขอตอกย้ำความเป็น Camera Phone ด้วย OPPO F1s สีใหม่ “Classic Black Limited Edition” จะมีความน่าสนใจเพียงใด ไปติดตามรีวิวกันครับ
OPPO F1s Classic Black Limited Edition สเปคมีดังนี้
– ตัวเครื่องบาง 7.38 มิลลิเมตร น้ำหนัก 160 กรัม
– หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280 x 720 พิกเซล) กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass
– ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย Color OS 3.0
– หน่วยประมวลผล MediaTek MT6750 ประเภท Octa-Core 64-bit ความเร็ว 1.5GHz
– หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T860
– แรม 3GB, รอม 32GB เพิ่ม microSD Card ความจุสูงสุด 128GB
– ใช้งานได้ 2 ซิม ประเภท NANO SIM
– สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม home
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, มีแฟลช LED
– กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0, มีโหมดหน้าสวย Beauty 4.0, โหมด Selfie Panorama และ Screen Flash
– แบตเตอรี่ความจุ 3075 mAh
การออกแบบ
หากใครที่เคยอ่านรีวิว OPPO F1 Plus เมื่อนำตัวเครื่องมาเปรียบเทียบกับ OPPO F1s Classic Black Limited Edition น่าจะรู้สึกเหมือนกันว่าค่อนข้างมีความใกล้เคียงพอสมควร ทั้งงานออกแบบในลักษณะ Metal Unibody ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ส่วนสีของตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นสีดำทั้งหมด
ส่วนประกอบภายนอกตามจุดต่างๆ ด้านหน้าใช้กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมด Beautify 4.0, Selfie Panorama และ Screen Flash ติดกับกล้องหน้าจะเป็นลำโพงสนทนากับเซนเซอร์ตรวจวัดแสง ถัดลงมาด้านล่างเป็นปุ่ม home ที่สแกนลายนิ้วมือได้ในตัว ขนาบข้างด้วยปุ่ม Recent app และ ปุ่มย้อนกลับ ซึ่งจะมีไฟแสดงผลปรากฏขึ้นมาในขณะใช้งาน ขอบล่างสุดแบ่งเป็นพอร์ต microUSB 2.0 พร้อมด้วยลำโพงคู่ซ้ายขวา และช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ขยับมาดูบริเวณขอบตัวเครื่องกันบ้าง ขวามือจะเป็นช่องถาดซิม ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ดประเภท NANO SIM เพิ่ม microSD Card ได้ ที่สำคัญสามารถใช้งานพร้อมกันทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องแยกว่าจะต้องใช้ซิมเดียวหากต้องใส่ microSD Card ถัดลงมาเล็กน้อยเป็นปุ่มพาวเวอร์ ส่วนขอบด้านซ้ายเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง หรือใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ตอนเซลฟี่ก็ได้เช่นกัน
สองจุดสุดท้าย ได้แก่ ขอบตัวเครื่องด้านบนจะมีเพียงรูไมโครโฟนขนาดจิ๋ว และด้านหลังประกอบไปด้วยกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยแฟลช LED ผนึกด้วยโลโก้ OPPO
การทดสอบเมนูต่างๆ
แม้จะเป็นสีใหม่ของ OPPO F1s แต่ซอฟต์แวร์ไม่ได้อัพเกรดขึ้น ยังมาพร้อม Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย Color OS 3.0 ตัวเดียวกับ OPPO F1 Plus ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งก็หวังว่าใครที่ใช้สมาร์ทโฟน OPPO จะได้อัพเกรดซอฟต์แวร์มาเป็น Android 6.0 Marshmallow เป็นอย่างน้อย
ฟีเจอร์เด่นของ OPPO F1s Classic Black Limited Edition อย่างการวาดตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเรียกใช้แอพยังเป็นตัวช่วยฉลาดๆ ที่ขาดไม่ได้ จะเปิดใช้งานตามที่กำหนดมาให้ก็ได้ หรือจะกำหนดใหม่เองก็ทำได้เช่นกัน
การสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม home ภายใต้ชื่อเรียกของ OPPO ว่า “Touch Access” นอกจากช่วยปลดล็อคหน้าจอแล้ว ใช้เป็นรหัสสำหรับเข้าถึงแอพและล็อคไฟล์ที่เป็นความลับได้ มีความเร็วในการปลดล็อครหัสได้เพียง 0.2 วินาที เท่านั้น
อีกส่วนสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เรียกว่า “ศูนย์ความปลอดภัย” ทำหน้าที่ลบข้อมูลขยะหรือหมายถึงไฟล์ที่เราไม่ใช้งานแล้ว มีเมนู “การอนุญาต” ทำหน้าที่เข้ารหัสแอพ โดยจะมีแอพที่เข้ารหัสอยู่เดิมแล้วบางแอพ และเราสามารถกำหนดแอพเพื่อการเข้ารหัสเพิ่มขึ้นได้ สามารถจัดการไม่อนุญาตให้บางแอพเริ่มทำงาน และเมนูที่ 3 “สแกนไวรัส” เป็นการร่วมมือกับ Avast คอยจัดการซอฟต์แวร์ที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
คะแนนการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมผ่านแอพ Antutu Benchmark
คะแนนของ OPPO F1s Classic Black Limited Edition จากการทดสอบผ่านแอพ Antutu Benchmark รวมออกมาอยู่ที่ 39713 คะแนน
กล้องถ่ายภาพ
ด้วยสโลแกน Selfie Expert แน่นอนว่าเรื่องการถ่ายภาพเป็นจุดขายหลัก โดยเฉพาะกล้องหน้าที่พกพาความละเอียดมาถึง 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงที่ f/2.0 มีโหมด Beautify 4.0 สามารถปรับความเนียนให้กับใบหน้าได้ถึง 7 ระดับ มีแถบปรับความเข้มของสีได้ พร้อมฟิลเตอร์ที่ช่วยปรับโทนสีของภาพในสไตล์ที่แตกต่างได้ ขณะที่แฟลชสำหรับเซลฟี่ในที่แสงน้อยมาในแบบที่เรียกว่า Screen Flash เพิ่มความสว่างระดับสูงบนหน้าจอ เปิดใช้งานได้เหมือนแฟลชทั่วไป
อินเทอร์เฟซของกล้องหน้า
ส่วนโหมดอื่นๆ ที่ใช้ได้กับกล้องหน้า รวมไปถึงกล้องหลัง อาทิ โหมด GIF ให้อารมณ์คล้ายกับที่บางคนใช้แอพ boomerang ที่ช่วยบันทึกภาพให้ขยับได้ พร้อมสามารแชร์ต่อไปยัง Facebook หรือ LINE, โหมด Selfie Panorama, Video และ Timelapse ซึ่งการสั่งถ่ายภาพนอกจากการกดปุ่มชัตเตอร์ตามปกติแล้ว ยังสามารถแตะที่หน้าจอ, สั่งงานด้วยเสียง (คำว่า Cheese) และใช้ฝ่ามือโบกที่หน้าจอได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
แบตเตอรี่
OPPO F1s Classic Black Limited Edition มีความจุของแบตเตอรี่ 3075 mAh ไม่ต่างไปจากรุ่นปกติ แต่เพิ่มขึ้นจาก OPPO F1 Plus เล็กน้อย ด้วยสเปคความละเอียดของหน้าจอ ประกอบกับตัวช่วยจากแอพด้านการจัดสรรประสิทธิภาพทำให้การใช้งานต่างๆ ไม่กินแบตมากแต่อย่างใด แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ OPPO ไม่ได้นำ VOOC Flash Charge หรือเทคโนโลยีชาร์จแบตเร็วมาไว้ในรุ่นนี้ด้วย
สรุปภาพรวม รีวิว OPPO F1s Classic Black Limited Edition
เป็นสมาร์ทโฟนจาก OPPO อีกหนึ่งรุ่นที่ยังตอกย้ำความเป็น Selfie Expert ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกล้องหน้าที่คงความยอดเยี่ยมในเรื่องการเซลฟี่ ดีไซน์ที่แม้จะไม่แตกต่างจากรุ่น OPPO F1 Plus และ F1s รุ่นปกติ แต่การเพิ่มสีใหม่ Classic Black Limited Edition ให้ความรู้สึกถึงความดุดันและเป็นเอกลักษณ์ แอบเสียดายอยู่เล็กน้อยในเรื่องซอฟต์แวร์ที่ยังล้าสมัยไปสักเล็กน้อย
ขอขอบคุณ บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด สำหรับ OPPO F1s Classic Black Limited Edition ในการรีวิวครั้งนี้ครับ