ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ทีวียังเป็นเครื่องมือที่มอบความบันเทิงให้กับผู้คนได้เสมอ ทุกวันนี้ทีวีหลากหลายรุ่นแฝงไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดีไซน์อันน่าหลงใหล ซึ่งสิ่งที่เชิญชวนให้ผู้คนสะดุดตาคงหนีไม่พ้น “การแสดงผลของหน้าจอ” จะเห็นได้ว่าประเภทของหน้าจอในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่รู้จักมีทั้ง LED TV และ OLED TV แต่ปัญหา คือ อะไรเป็นความแตกต่างของหน้าจอทั้งสองแบบ แล้วจะเลือกอย่างไรให้แน่ใจว่าหน้าจอที่เราซื้อมานั้นให้ภาพคมชัด สมจริง
หากลงลึกในเชิงเทคนิคแล้ว ความแตกต่างของ LED TV และ OLED TV สามารถสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ออกมาเป็น 4 ข้อ ดังนี้
- กำเนิดแสงด้วยตนเอง (Self-lighting Pixel) – เทคโนโลยี OLED มีพิกเซลที่สามารถสร้างและควบคุมแสงสว่างได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระ ทำให้เกิดภาพที่ดำสนิทตามแบบฉบับ Perfect Black โดยไม่ต้องพึ่งหลอดไฟ ก่อให้เกิดภาพคมชัดจากทุกมุมมอง 180 องศา และสร้างมิติตื้นลึก ให้ความสมจริงมากกว่า LED TV ทั่วไปที่ใช้หลอดไฟเป็นแหล่งในการกำเนิดภาพ จึงทำให้สีของภาพที่ออกมาขาดความสมจริงและสีดำที่ดำไม่สนิท รวมไปถึงมีอาการแสงรั่วตามขอบจอเนื่องจากมีการเปิดใช้หลอดไฟด้านหลังจออยู่ตลอดเวลา
- สีสันสมจริง (Lifelike Color) – ไม่เพียงแต่สีดำที่ดำสนิท เทคโนโลยี OLED TV ยังช่วยแสดงสีสันได้อย่างถูกต้อง แม่นยำอย่างแท้จริง ให้เฉดสีตามธรรมชาติ พร้อมช่วยแก้ไขความผิดเพี้ยนของสีให้มีชีวิตชีวา สดใส สมจริง ไม่เจิดจ้าตามแบบฉบับ Perfect Color ซึ่งแตกต่างจาก LED TV ที่สีสันบนหน้าจอจะถูกเจือปนด้วยแสงของหลอดไฟทำให้สีสันผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ
- แสดงภาพเคลื่อนไหวอย่างคมชัด (Clear Motion) – OLED TV มีความเร็วในการตอบสนองเหนือกว่า LED TV ทั่วไปถึง 1,000 เท่า และสามารถยกระดับความคมชัดของภาพ UHD ได้ถึง 6 ระดับด้วยเทคโนโลยี 4K Upscaler ผู้ใช้งานจึงรับชมภาพเคลื่อนไหวได้โดยที่ไม่ต้องเผชิญปัญหาภาพเบลอ
- สุดยอดเทคโนโลยีแห่งความบาง – OLED TV ได้รับการออกแบบหน้าจอแบบ Blade Slim ที่มีความบางเฉียบแบบไร้ขอบ ผู้ใช้งานสามารถแขวนทีวีไว้กับฝาผนัง ประหนึ่งงานศิลปะราคาแพงที่เคลื่อนไหวได้ประดับอยู่ภายในบ้านแตกต่างจาก LED TV ที่ความหนามากกว่า
บอกถึงคุณสมบัติเชิงเทคนิคไปแล้ว อาจจะดูไกลตัวผู้บริโภคไปสักนิด แต่เอาเป็นว่าอยากให้ผู้บริโภคลองนึกภาพเวลาที่เราช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า แล้วพบกับ OLED TV ตั้งตระหง่าอยู่บริเวณโซนเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งแรกที่ทำให้เราต้องหยุดชะงักไม่ใช่ดีไซน์ แต่เป็นเพราะความคมชัด ที่ทะลุออกมากระทบสายตาจนแทบจะก้าวออกจากจุดนั้นไม่ได้ จะมองมุมไหนก็ได้รับความคมชัดแบบเต็มตา เรียกได้ว่าหากคุณเป็นคนที่ชอบชมภาพยนตร์ หรือดูรายการกีฬา ยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจได้มากกว่าทีวีรุ่นเดิมด้วยซ้ำ
ด้านดีไซน์มีความชัดเจนอยู่ในตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะกับความบางที่บ่งบอกถึงการเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่และเป็นมากกว่าทีวีเครื่องหนึ่ง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า OLED TV เปรียบได้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามที่สามารถประดับไว้ในบ้านให้เจ้าของบ้านหรือแขกไปใครมาได้ชื่นชมกับความสวยงาม
จากภายนอก สู่ภายใน! OLED TV ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติสำหรับการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ ซึ่งใน LG OLED TV มีระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า webOS 3.5 ที่ตอบสนองความต้องการด้านการรับชมความบันเทิงด้วยช่องรายการต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, กีฬา และดนตรี เป็นต้น สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่ชื่นชอบได้ง่ายๆ ผ่านเมจิกรีโมท ซึ่งควบคุมทีวีได้เสมือนใช้เม้าส์ไร้สายเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ ล้วนบ่งบอกได้ว่าทำไม OLED TV กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีด้านความบันเทิงสมัยใหม่ที่เข้ามาแทนที่ LED TV ความคมชัด รายละเอียดที่มากขึ้นและครบถ้วน ดีไซน์ที่เปรียบได้กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามประจำบ้าน และความทันสมัยที่ทำให้เราเชื่อมกับโลกออนไลน์ได้ เป็นความครบครันที่ทุกบ้านเฝ้าใฝ่หา แล้วแบบนี้จะเรียกว่าไม่คุ้มค่าได้อย่างไร
ลองสัมผัสด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะรู้ !
สัมผัสความรู้สึกจริงของผู้ใช้งาน LG OLED TV ได้ที่นี่