บริษัทในฝัน ยอมทำงานหนัก 7 วัน แลกค่าตอบแทนสุดคุ้ม

[เงินมันดีย์] กลายเป็นบริษัทในฝันของใครหลาย ๆ คนไปแล้วอย่าง Nvidia ที่นับวันบริษัทมีแต่เติบโตขึ้น ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้น และพนักงานก็รวยขึ้นด้วย แม้จะต้องทำงานหนักติด ๆ กัน 7 วัน ประชุมบ่อย 7 -10 ครั้งต่อวัน และเลิกงานตี 1-2 เกือบทุกวันเลยก็ตาม

Bloomberg เปิดบทสัมภาษณ์ของพนักงาน Nvidia และอดีตพนักงานจำนวน 10 คน (ไม่เปิดเผยชื่อ) เผยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา บริษัททำให้พนักงานหลาย ๆ คน กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว หลังหุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นกว่า 3,000% ทว่าก็แลกมากับการทำงานที่หนักขึ้นมาก จนแทบไม่มีเวลาไปสนุกกับ ‘ค่าตอบแทน’ ที่ได้รับนี้เลยด้วยซ้ำ

อดีตพนักงานคนหนึ่งเผยเคยเป็น Technical Support ต้องทำงานหนักถึง 7 วันต่อสัปดาห์ เลิกงานตีหนึ่งตีสองเป็นประจำ ยิ่งคนในแผนกวิศวกรรม ก็ยิ่งเลิกดึกมากกว่านั้นอีก

อีกรายเป็นอดีตพนักงานฝ่ายการตลาด เผยตนเองเคยต้องเข้าประชุม 7-10 ครั้งต่อวัน แต่ละครั้งก็มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 30 คน ซึ่งบางครั้งเคยถึงขั้นมีเหตุทะเลาะวิวาทกลางที่ประชุมด้วย แต่ก็ถูกมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว มีการเผยอีกว่า Jensen Huang ซีอีโอของบริษัท เป็นคนที่ทำงานด้วยยากมาก

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีแรงกดดันในที่ทำงานสูง ทว่าในปี 2023 กลับมีอัตราการลาออกเพียง 2.7% เท่านั้น เมื่อเทียบ 17.7% ที่มีในบริษัทอุตสาหกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์รายอื่นโดยรวม

ความน่าสนใจคือ พนักงานส่วนใหญ่ที่ไม่ลาออก เผยรู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับผู้นำด้านอุตสาหกรรมชิป AI นี้ ทั้งยังได้หุ้นบริษัทเป็นของตัวเองด้วย ซึ่งในช่วงเวลา 4 ปี ทุกคนมักจะได้รับเงินก้อนโต โดยพนักงานสามารถจ่าย 15% ของเงินเดือน เพื่อซื้อหุ้นบริษัทที่ลดราคา 15% นี้ได้ ถึงขั้นที่เคยมีพนักงานรายหนึ่งซื้อหุ้นมากว่า 18 ปี ก็ได้รับเงินตอนเกษียณถึง 62 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว ๆ 2,000 ล้านบาทกันเลย

สำหรับมูลค่าหุ้นของ Nvidia เพียง 3.5% ก็ส่งผลให้ Jensen Huang กลายเป็นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 12 ของโลกไปแล้ว จึงไม่แปลกที่พนักงานในบริษัทจะอยากถือหุ้นด้วย รวมไปถึงเงินเดือนที่สูงอยู่แล้ว ก็ทำให้หลายคนมีรายได้เป็นกอบเป็นกํา

มีรายได้มากในระดับที่ พนักงานหลายคนมักจับกลุ่มคุยเรื่องซื้อบ้านพักตากอากาศใหม่ หรือในที่จอดรถของบริษัทก็มักมีรถหรูทั้ง Porsche , Corvette และ Lamborghini จอดเรียงรายอย่างสวยงาม โดยบางคันย้อมเป็นสีเขียว ตามสีประจำของบริษัทเลยด้วย

ที่มา : Fortune