ในงาน Snapdragon Summit 2018 ทาง Qualcomm ประกาศเปิดตัว Snapdragon 855 เผยผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร แรงกว่าเดิม 45% พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพชิปกราฟฟิก (Adreno 640) กับ AI และ 5G ให้ดีขึ้นด้วย
ไม่ใช่ Qualcomm 8150 อย่างที่ลือกัน แต่เป็น Qualcomm Snapdragon 855 Mobile Platform ชื่ออย่างเป็นทางการของชิป SoC ระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด รอบนี้มาพร้อมเทคโนโลยีการผลิตแบบ 7 นาโนเมตรแล้ว ทำให้ประสิทธิเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย และยังเพิ่มความสามารถของ AI เป็นพิเศษด้วย
ภายใน Snapdragon 855 ประกอบไปด้วย Qualcomm Kryo 485 CPU ชุดแกนหรือ Core ประมวลผลหลักแบบใหม่ โดยมีทั้งหมด 8 Core เช่นเคย เริ่มจากของใหม่ก่อนอย่าง Prime Core x 1 เป็นตัว Boost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 2.84 GHz ทั้งนี้ยังทำงานร่วมกับ Core ประมวลผลหลักอย่าง Performace Core X 3 ด้วย นอกนั้นก็เป็น Efficiency Core x 4 ที่ช่วยประมวลผลทั่วไป ทั้งหมดนี้ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 845 รุ่นก่อนหน้า
Hexagon 690 (Qualcomm AI Engine Gen 4) ชิปช่วยประมวลผล AI ได้ดีกว่าเดิม ด้วยการใช้ Tensor accelerator และนำชิปประมวลผลทั้งหมดใน Snapdragon 855 มาช่วยกันเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล Spectra 380 ISP ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพชัดลึกได้แม่นยำขึ้น และรองรับ HDR10+ ด้วย อีกจุดสำคัญคือ ใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม 75% ถ่ายภาพกับวิดีโอได้ยาว ๆ
สุดท้ายมี Adreno 640 GPU เป็นชิปประมวลผลกราฟฟิกหรือเกม ซึ่งดีกว่าเดิม 20% และรองรับการแสดงผลแบบ HDRพร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Vulkan 1.1 ด้วย
ก่อนหน้านี้ทาง Qualcomm เพิ่งเปิดตัว Snapdragon X50 ไป เป็นชิปประมวลผลสำหรับการใช้งานคลื่น 5G โดยเฉพาะ ทว่าใน Snapdragon 855 ใช้เป็น Snapdragon X24 LTE แทน แต่ทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟน สามารถนำทั้งชิป Snapdragon 855 และ Snapdragon X50 มาใช้ควบคู่กันได้ เพื่อเป็นทางเลือกให้สามารถกำหนดราคาสมาร์ทโฟนได้หลากหลายขึ้นนี้เอง (ถ้าไม่อยากให้สมาร์ทโฟนแพงเกินไป ก็ใส่เฉพาะ Snapdragon 855 ก็พอ ประมาณนั้น) นอกจาก Snapdragon X50 ก็ยังมีชิปสำหรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจออย่าง Qualcomm 3D Sonic Sensor เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้วย
ท้ายนี้ตัว Qualcomm Snapdragon 855 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) จะเริ่มถูกใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น ที่เตรียมเปิดตัวใหม่ในช่วงกลางปี 2019 หรือภายในครึ่งปีหน้านี้ครับ
ที่มา : Mashable , 9to5google