ไม่ว่าคุณจะสนหรือไม่ ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์กำลังมีอิทธิพลต่อเส้นทางอาชีพของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการหางาน การเลื่อนตำแหน่ง หรือการประสบความเร็จในการทำงาน …
หลายปีมาแล้วที่หลายองค์กรนำ AI ไปใช้พัฒนาธุรกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อหาแนวทางในการทำการตลาด พัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงการทำให้ระบบหลังบ้านเป็น Autonomous มากขึ้น ซึ่งนั่นก็รวมทั้งการเฟ้นหาบุคคลากรที่เหมาะจะเข้ามาทำงานด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เว็บไซต์หางานจำนวนมาก เริ่มที่จะใช้ AI ในการคัดสรรบุคลากรให้ตรงกับความต้องการขององค์กร ช่วยให้ทีมสรรหาปรับปรุงวิธีการได้ตั้งแต่การโพสต์หาตำแหน่ง การประเมินผู้สมัคร การจับคู่ทักษะกับงาน และแม้แต่การสัมภาษณ์ ซึ่งทำได้รวดเร็วกว่าทีเคย สิ่งที่เคยใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์สำหรับนายหน้าที่เป็นคน ตอนนี้สามารถดำเนินการโดย AI ได้ในเวลาไม่กี่วินาที
และนอกจากบริษัทจัดหางานแล้ว บริษัทต่าง ๆ ก็มีความสนใจที่จะใช้ประโยชน์จากการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ เพื่อคัดกรองคนเข้าทำงานมากขึ้นเนื่องจากมีข้อดีหลายอย่างคือ
1. ความรวดเร็ว ซึ่ง AI สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถคัดกรองคนเข้าทำงานได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับกระบวนการที่ทำโดยมนุษย์เพียงอย่างเดียว
2. มีความเที่ยงตรงและมีการประเมินในเชิงวิเคราะห์ โดย AI สามารถใช้ระบบการประเมินเชิงวิเคราะห์ในการคัดกรองคนเข้าทำงานได้อย่างเที่ยงตรงและเป็นอิสระจากอุปสรรคทางอารมณ์หรือลำดับความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บางบริษัทอาจมีความคิดว่า ต้องรับคนที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น แต่สิ่งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ใส่คำสั่งให้ AI เช่นกัน…
3. การลดความผิดพลาด โดยปกติแล้วมนุษย์อาจมีความผิดพลาดที่อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า อารมณ์ หรือความสามารถในการตัดสินใจที่มีข้อจำกัด การใช้งาน AI สามารถลดความผิดพลาดที่เกิดจากปัจจัยเหล่านี้ลงได้
4. ความเป็นกันเอง AI สามารถเรียนรู้และปรับปรุงตนเองจากข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งจะทำให้ระบบ AI ในการคัดกรองคนเข้าทำงานมีความเป็นกันเองและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นตามเวลาไป
โดยรวมแล้ว การใช้งาน AI เพื่อคัดกรองคนเข้าทำงานช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดเวลาและทรัพยากรในกระบวนการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ว่างอยู่ และมีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครที่สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทนั้น ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งทีควรระวังก็ยังมีอยู่ เช่น
1. เรื่องของทัศนคติ ซึ่งเป็นเป็นการยากที่จะให้ AI ระบุคุณสมบัติที่ซับซ้อนในบุคคลหรือคุณลักษณะที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งอาจทำให้มีความคลาดเคลื่อนในกระบวนการคัดเลือกและพิจารณาผู้สมัคร
2. ข้อผิดพลาดทางกฎหมายและความไม่เท่าเทียม การใช้ AI ในการคัดกรองคนเข้าทำงานอาจสร้างความไม่เท่าเทียมหรือละเมิดกฎหมายการจ้างงานได้ เช่น การใช้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการปฏิบัติงาน การใส่คำสั่งที่มาจากอคติของคนเพียงคนเดียว อาจทำให้ผู้สมัครที่มีบางกลุ่มถูกคัดออกไปได้โดยง่าย ซึ่งอาจทำให้บริษัทเสียโอกาสไป
และสุดท้าย บริษัทที่ใช้ AI ในการคัดกรองคน จะมีความเชื่อมั่นที่ลดลง เพราะบางครั้งผู้สมัครที่มีความสามารถและศักยภาพที่ยอดเยี่ยมอาจถูกคัดออกจากระบบ AI โดยไม่ได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้อง สิ่งนี้อาจส่งผลให้บริษัทสูญเสียโอกาสที่จะได้รับผู้สมัครที่มีความสามารถสูงเช่นกันครับ
ปัจจุบัน มีบริษัทใหญ่ ๆ ระดับโลกที่บอกว่าตัวเองได้ใช้ AI ในการคัดสรรบุคลากรแล้ว เช่น Unilever ใช้ AI ในกระบวนการคัดเลือกของผู้สมัครเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกับคุณสมบัติและความสามารถที่ต้องการ และส่งผลให้กระบวนการคัดเลือกเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถัดมาคือ IBM ที่ใช้ AI สร้างแพลตฟอร์มสมัครงานของตนเพื่อคัดกรองผู้สมัครและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพิจารณาการสร้างทีมงานที่มีความหลากหลายและความสามารถที่เหมาะสม , บริษัท Amazon ใช้ AI ในการคัดกรองผู้สมัครงานผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานออนไลน์ของตน ซึ่งมีการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างโมเดลเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่เปิดรับ
ทีนี้ หากเป็นในกลุ่มคนสมัครงาน ต้องกลัวอะไรไหม ? อาจจะต้องกลัวหรืออาจจะได้ประโยชน์มากกว่า ต้องแล้วแต่กรณีไป อย่างที่บอกไปว่า ข้อดีของ AI คือมันเร็ว เราอาจจะได้อีเมลตอบรับที่รวดเร็วว่าเรามีคุณสมบัติที่ผ่านการคัดเลือก ไม่ต้องนั่งรอเป็นชาติเหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่อีกสิ่งหนึ่งคือ เรื่องของอคติของคนที่ใส่คำสั่งให้ AI ซึ่งคือสิ่งที่ผู้สมัครงาน ไม่อาจรู้หรือหลีกเลี่ยงได้ครับ ..
https://www.simplilearn.com/ai-recruitment-article
https://www.ibm.com/downloads/cas/A5YLEPBR