Microsoft Surface Pro 4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูประสิทธิภาพการใช้งานที่เร็ว แรง ภายใต้ Intel Gen 6 Skylake และ Windows 10 แถมปากกาฉลาดๆ รุ่นใหม่ที่มียางลบมาให้ในตัวด้วย
Microsoft Surface Pro 4 มากับหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2,736 x 1,824 พิกเซล (267 ppi) ผสมผสานกับกระจก Gorilla Glass 4 ภายใต้ความบาง 0.4 มิลลิเมตร ใช้เทคโนโลยี PixelSense ที่มีความแม่นยำในการสัมผัสและการใช้ร่วมกับปากกา ส่วนตัวเครื่องมีความบาง 8.4 มิลลิเมตร
รัน Windows 10, ใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Intel Gen 6 Skylake ส่งผลให้การทำงานเร็วขึ้นจาก Surface Pro 3 ถึง 30% และเร็วกว่าMacbook Air 50%, มีแรมสูงสุด 16GB และมีพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB
Surface Pen รุ่นใหม่ รองรับแรงกดได้ถึง 1,024 ระดับ มาพร้อมยางลบที่ปลายด้าม สามารถกดเพื่อเรียกแอพ OneNote หรือกดค้างเพื่อเรียกฟีเจอร์ Cortana จาก Surface Pro 4 ได้ แบตเตอรี่ปากกาสามารถอยู่ได้นานโดยไม่ต้องชาร์จถึง 1 ปีเต็ม ตัวปากกามีส่วนผสมของแม่เหล็ก สามารถแนบติดกับตัวเครื่องได้
ส่วนอื่นๆ ประกอบไปด้วยกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus รองรับฟีเจอร์ Windows Hello, มีพอร์ต USB 3.0 ถึง 4 พอร์ต, 4k DisplayPort, พอร์ต Ethernet และแบตเตอรี่ตัวเครื่องใช้ได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมง
อุปกรณ์เสริมอย่าง Type Cover เป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งตัว Trackpad ที่กว้างขึ้น 40% และแป้นพิมพ์ มาพร้อมเครื่องสแกนลายนิ้วมือ แต่จำกัดการใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ! เศร้าเลย
สรุปทั้งหมดของ Microsoft Surface Pro 4
– ใช้ Windows 10 Pro
– ตัวเครื่องโดยรวม 292.10 x 201.42 x 8.4 mm น้ำหนักแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่ รุ่น Inte Gen 6 Core m หนัก 766 กรัม, ส่วนรุ่น Intel Gen 6 Core i5 และ i7 หนัก 786 กรัม
– หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ส พร้อมเทคโนโลยี PixelSense ความละเอียด 2,736 x 1,824 พิกเซล (267 ppi)
– ชิปประมวลผล แบ่งเป็น Intel Gen 6 Core M, Core i5 และ Core i7
– หน่วยประมวลผลกราฟิก แบ่งเป็นสามแบบ ได้แก่ Intel HD graphics 515 (Intel Core m3), Intel HD graphics 520 (Intel Core i5) และ Intel Iris graphics 540 (Intel Core i7)
– แรมแบ่งเป็น 4GB, 8GB และ 16GB
– SSD PCIe 3.0 แบ่งเป็น 128GB, 256GB, 512GB และ 1 TB
– สนับสนุนการเชื่อมต่อ USB 3.0, Mini DisplayPort, microSD, 802.11ac 2×2 MIMO Wi-Fi wireless networking; IEEE 802.11a/b/g/n, Bluetooth 4.0 LE
– แบตเตอรี่อยู่ได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมง
– กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อม autofocus รองรับฟีเจอร์ Windows Hello (สแกนใบหน้า)
ราคาวางขายมีดังนี้ (ยังไม่รวมภาษี)
– รุ่น 128GB 6th Generation Intel Core M3 with 4 GB of RAM ราคา $899 หรือประมาณ 33,000 บาท
– รุ่น 128GB 6th Generation Intel Core i5 with 4 GB of RAM ราคา $999 หรือประมาณ 37,000 บาท
– รุ่น 256GB 6th Generation Intel Core i5 with 8 GB of RAM ราคา $1,299 หรือประมาณ 48,000 บาท
– รุ่น 256GB 6th Generation Intel Core i7 with 8 GB of RAM ราคา $1,599 หรือประมาณ 59,000 บาท
– รุ่น 256GB 6th Generation Intel Core i7 with 16 GB of RAM ราคา $1,799 หรือประมาณ 66,000 บาท
– รุ่น 512GB 6th Generation Intel Core i7 with 16 GB of RAM ราคา $2,199 หรือประมาณ 81,000 บาท
เริ่มเปิดจอง 7 ตุลาคม ก่อนวางขายจริง 26 ตุลาคม ศกนี้
อ้างอิงจาก งานเปิดตัว Windows10device และเอกสารจาก Microsoft