[ชวนวิเคราะห์] เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับ “วันแรงงานแห่งชาติ” ที่หลาย ๆ คนคงหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน แต่ในวันนั้นเองก็ทำเอาคนไทยหลายรายนั่งไม่ติดที่ หรืออาจลุกออกจากเตียงกันเลย หลังบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ได้ประกาศลงทุนสร้าง Data Center ระดับ Region หรือภูมิภาคครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเผยภารกิจสุดยิ่งใหญ่อย่างการเดินหน้าเสริมทักษะด้าน Cloud และ AI ให้กับคนไทยกว่า 100,000 คน เพื่อสร้างอาชีพและสร้างชุมชนนักพัฒนาในไทย กับจับมือกับรัฐบาลไทยและดันนโยบาย ‘Cloud First’ ไปด้วยกัน
และทั้งหมดนี้ก็ถูกประกาศกลางเวทีโดย สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ประธานกรรมการและซีอีโอของ Microsoft ที่มาร่วมงาน Microsoft Build: AI Day ด้วยตนเอง ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ยังกล่าวถึงประเทศไทยด้วยว่า
“ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI การเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ สำหรับคลาวด์และ AI รวมถึงการเสริมสร้างทักษะด้าน AI ล้วนเป็นแผนงานที่ต่อยอดพันธกิจของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยให้องค์กรไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเติบโต ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย”
แน่นอนว่าคำกล่าวนี้ก็สร้างความใจชื่นทั้งนักพัฒนา ผู้นำจากภาคธุรกิจและเทคโนโลยีในประเทศไทยกว่า 2,000 คน และอาจมีคนไทยอีกนับไม่ถ้วน ที่รอความเปลี่ยนแปลงของประเทศในอนาคต ซึ่งมี AI และนวัตกรรมเป็นตัวชูโรง และมี Microsoft บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (2.96 ล้านล้าน) ในปัจจุบัน มาช่วยดันอย่างเป็นทางการ
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 2 พ.ค. 67 หลังงาน Microsoft Build: AI Day ที่ประเทศไทยเพียง 1 วัน ก็มีข่าวว่า Microsoft ได้ประกาศแผนการลงทุนในประเทศมาเลเซียด้วย แต่คราวนี้มีการประกาศตัวเลขชัดเจนที่ 2,200 ล้านดอลลาร์ฯ ช่วยดันโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cloud และ AI พร้อมเพิ่มโอกาสการสร้างทักษะด้าน AI ให้กับคนมาเลเซียกว่า 200,000 คน และสร้างชุมชนนักพัฒนาในประเทศนี้
“เราต้องการให้แน่ใจว่า จะมีการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกในประเทศนี้ เพื่อให้ทุกองค์กรและ ‘สตาร์ทอัพ’ ได้รับประโยชน์” Satya Nadella กล่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ต้องเข้าใจก่อนว่า Microsoft ไม่ได้มองประเทศไทยเพียงประเทศเดียว แต่มีอีก 2 ประเทศอย่าง อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ Southeast Asia (SEA) ที่มีการลงทุนด้าน Cloud และ AI ครั้งใหญ่ โดยอินโดนีเซียก็มีเผยตัวเลขลงทุนที่ 1,700 ล้านดอลลาร์ฯ
ทว่าหากเทียบกับอีกสองประเทศแล้ว ทำไมไทยถึงยังไม่มีการประกาศแผนที่ชัดเจนนัก โดยเฉพาะฝั่งมาเลเซียที่ทาง Microsoft อาจให้ความสนใจเป็นพิเศษ หรือมากที่สุดใน 3 ประเทศ ดูได้จากเป้าตัวเลขในการสร้างทักษะด้าน AI ของคนในประเทศ โดยมาเลเซียมีกว่า 200,000 คน อินโดนีเซียก็มากถึง 840,000 คน ส่วนในไทยอยู่ที่ 100,000 คน
ทั้งนี้ทั้งนั้น มาเลเซียเป็นประเทศที่ Microsoft ใช้งบลงทุนมากที่สุดถึง 2,200 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 32 ปีของมาเลเซียด้วย อีกทั้งยังร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียในการจัดตั้ง Center of Excellence (CoE) หรือศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI แห่งชาติ และเสริมความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ อนึ่ง Microsoft ยังกล่าวถึงธุรกิจสตาร์ทอัพในมาเลเซียด้วย
ลองกลับมาดูความเคลื่อนไหวทางด้านเทคโนโลยีในมาเลเซีย ก็ต้องย้อนกลับไปในปี 1972 ที่ตอนนั้นทาง Intel ได้เข้ามาสร้างโรงงานผลิตชิปประมวลผลหรือ Semiconductor แห่งที่สอง ซึ่งเริ่มต้นด้วยพนักงานเพียง 100 คนเท่านั้น จนปัจจุบันก็มีมากถึง 15,000 คนแล้ว และเป็นหนึ่งในกลุ่มพนักงานที่มีความหลากหลายมากที่สุดของ Intel อีกด้วย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : บุกโรงงานประกอบชิป Intel เบื้องหลังสายพานผลิต CPU ตัวดัง
https://www.techhub.in.th/intel-malaysia-team-advanced-packaging/
เห็นได้ชัดว่ามาเลเซีย ถูกยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจับตามองมานานแล้ว โดยมีพื้นฐานด้าน Semiconductor ที่แข็งแกร่งมาก ๆ จาก Intel แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้ย่อมดึงดูด ให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกหันมาลงทุนตาม ๆ กัน จนเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ถูกขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำแห่งหนึ่งใน SEA
ทางฝั่งรัฐบาลของมาเลเซียก็มองเห็นโอกาส จึงมีการวางนโยบายส่งเสริมการพัฒนาภาคไอทีครั้งใหญ่ เช่น MSC Malaysia เขตเศรษฐกิจพิเศษและย่านธุรกิจเทคโนโลยีชั้นสูงในภาคใต้ตอนกลางของรัฐสลังงอร์ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แก่บริษัทที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับไอที
ปัจจุบันกัวลาลัมเปอร์ มีบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติหลายแห่ง อาทิ Microsoft , IBM , HP , Google , AWS และอีกมากมาย ทั้งรวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่น ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของฝั่งรัฐบาล และความพร้อมของแรงงานที่มีทักษะ กัวลาลัมเปอร์หรือมาเลเซีย จึงเป็นประเทศที่พร้อมกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำในภูมิภาค และอาจเป็นสาเหตุที่ทาง Microsoft ทุ่มเงินลงทุนด้าน Cloud และ AI มากที่สุดใน SEA แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเอง
กลับมาฝั่งประเทศไทย แม้ตอนนี้จะมีข้อกังขาเรื่องตัวเลขการลงทุนจาก Microsoft รวมถึงความพร้อมด้าน AI แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยถูกเลือกโดย Microsoft และถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนด้าน Cloud และ AI เช่นเดียวกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายช่วยสนับสนุนให้ประชากรกว่า 2.5 ล้านคน จากประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้าน AI อย่างจริงจัง และได้ทาง สัตยา นาเดลลา มาเน้นย้ำด้วยตัวเองในเรื่องนวัตกรรมดิจิทัลและ AI ของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งดีกว่าไม่มีใครมาช่วยชี้แนะหรือช่วยสนับสนุนเลย
ที่มา : Techhub , Reuters , Datamites