ความจริงแล้ว ไมโครชิปถูกฝังครั้งแรกในมนุษย์ตั้งแต่ปี 1998 แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเทคโนโลยีนี้มีวางจำหน่ายหรือถูกใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น ไม่ได้ปล่อยออกมาให้คนทั่วไปได้ใช้งานกันสักเท่าไหร่
.
นับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีหลายสิ่งถูกนำเข้ามาเพื่อทำอย่างไรก็ได้ ให้มนุษย์สัมผัสกันน้อยลง ในประเทศไทย เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ร้านค้าหลายร้าน และคนหลายคนหันมาใช้การจ่ายเงินแบบโอนหรือใช้ผ่านกันมากขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของรัฐครับ
.
แต่ตอนนี้ที่อังกฤษ บริษัทชื่อ Walletmor กำลังเสนอการทำให้มนุษย์จ่ายเงินได้ง่ายขึ้นด้วยการฝังชิปขนาดเท่า ๆ กับเม็ดข้าวลงไปใต้ผิวหนัง สามารถใช้เพื่อจ่ายค่าเครื่องดื่มบนชายหาดในริโอ ดื่มกาแฟในนิวยอร์ก ตัดผมในปารีส หรือที่ร้านขายของชำ พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถใช้ได้ทุกที่ที่รับชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัส
.
ชิปของ Walletmor มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กรัมประกอบด้วยไมโครชิปขนาดเล็กและเสาอากาศที่ห่อหุ้มด้วยพอลิเมอร์ชีวภาพคล้ายกับพลาสติก แต่เป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้ชิปจาก Walletmor ได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบ สามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากฝัง และจะคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่ต้องกลัวว่าชิปจะไหลไปตามส่วนใดของร่างกาย (ไม่ใช่เหล็กไหล)
.
เทคโนโลยีสำคัญที่ Walletmor ใช้ คือรูปแบบการสื่อสารระยะใกล้หรือ NFC ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสที่ปัจจุบันมีอยู่ในในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่นครับ
.
ฉะนั้น ใครอยากฝังชิป ลองบินไปที่อังกฤษดูนะ… แต่ขอให้ทำความเข้าใจก่อนว่า บ้านเราตอนนี้ การรับชำระด้วย NFC ยังเห็นได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เจอกันก็จะเป็นโอนถูกไหม ? ฝังมาอาจจะยังไม่ได้ใช้ตอนนี้แน่ ๆ เลยครับ
.
ที่มาข้อมูล
https://www.bbc.com/news/business-61008730