วันนี้ Meta โดนสั่งปรับ โดยสหภาพยุโรป กว่า 400 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเพราะบริษัทใช้ข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ในการแสดงโฆษณา โดยบอกว่าเป็นการละเมิดกฏหมายความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Meta จำเป็นต้องทำสัญญากับผู้ใช้ก่อน
แน่นอนว่า Meta ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินและค่าปรับ พร้อมวางแผนที่จะขออุทธรณ์ แม้การฟ้องร้องและการสู้คดีอาจต้องใช้เวลาหลายปี แต่หากถึงจุดสิ้นสุดและ Meta เป็นฝ่ายแพ้คดี นั่นแปลว่า Meta ต้องอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไม่รับโฆษณาที่ใช้ข้อมูลจากกิจกรรมออนไลน์ของพวกเขาได้
ในความจริงแล้ว Meta อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไม่รับโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมานานแล้ว โดยอิงตามข้อมูลที่รวบรวมจากกิจกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์และแอปอื่นๆ ซึ่งหากไม่ตรง เราก็สามารถกดไม่สนใจได้ แต่ไม่ได้ให้ทางเลือกแก่ผู้ใช้ในการเลือกไม่รับโฆษณาตามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมบนแพลตฟอร์มของตนเอง
และหากเป็นแบบนั้นจริง ๆ Meta คงต้องหาธุรกิจใหม่ทำ เพราะข้อมูลภายในนั้นเป็นเครื่องมือหลัก Meta ในการทำโฆษณาที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ว่าจะให้แสดงกับคนกลุ่มไหน อายุเท่าใด หรืออาศัยอยู่ที่ใด แน่นอนว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับนักการตลาดที่ต้องการสร้าง Awareness ให้กับแบรนด์ตัวเอง
Meta สร้างรายได้จากโฆษณา 83,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย แต่นั่นก็ถือว่ารายได้หดหายไปเยอะ จากช่วงที่ Apple เปิดตัว iOS ใหม่ ที่ให้ผู้ใช้ iPhone ทั่วโลก สามารถระบุได้ว่า จะให้แอปนั้น ๆ ติดตามข้อมูลการใช้งานตัวเองหรือเปล่า แน่นอนว่าเกินครึ่ง ไม่ให้ Facebook ติดตาม โดยเฉพาะในยุโรป
ช่วงนั้นก็ต้องยอมรับว่า หุ้นของ Meta ตกลงเพราะมีข่าวนี้ และหาก Meta แพ้คดีนี้อีก เครื่องมือในการสร้างรายได้ของ Facebook จะแทบไม่มีค่าเลย หากผู้ใช้กดเลือกไม่ให้ติดตาม เพราะคนลงโฆษณาก็จะหายหมดแน่นอน
ส่วนตัวเห็นด้วยกับ Meta นะ ผมไม่ได้หวงข้อมูลการในการท่องเว็บของผมเท่าไหร่ และยินดีให้ติดตาม ดีซะอีก หากมีคนคัดสินค้าที่เราอยากซื้อ หรือหากสนใจอะไร จะมีตัวเลือกอื่น ๆ เด้งขึ้นมาในฟีดให้เราเลือกมากขึ้น แต่ก็เป็นคนที่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับ Facebook มากนะ ไม่เคยใส่รหัสบัตรประชาชน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ลงไปใน Facebook ก็เลยทำให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลที่ Facebook ได้ไป จะไม่ทำให้เราเดือดร้อน….
แต่พักหลัง ๆ หากใครรู้สึกว่า Facebook หรือ IG มีอะไรแปลก ๆ ไป ไม่ต้องแปลกใจ เพราะหลังบ้านอาจจะกำลังวุ่นกันอยู่แหละ..