[Top Stories] NPC หรือ Non-Plabled Character เป็นตัวละครในเกมที่ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมได้ ทำได้เพียงพูดคุย ‘ตามบท’ ในเกมเท่านั้น แต่แล้วทาง NVIDIA ได้เปลี่ยนให้ NPC กลายเป็นตัวละครที่พูดคุยได้ ได้ระดับที่เหมือนคุยกับ ‘มนุษย์’ จริง ๆ ไม่ใช่ตามบทเหมือนก่อนแล้ว ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า NVIDIA ACE หนึ่งในฟีเจอร์ AI จากการ์ดจอ RTX
ล่าสุดทาง NVIDIA Thailand ได้เชิญให้ไปทดลองใช้งาน GeForce RTX AI PC Tour พร้อมกับฟีเจอร์ AI ตัวอื่น ๆ หรือ GeForce RTX AI PCs ที่ขับเคลื่อนด้วยการ์ดจอ RTX จากขุมพลัง Tensor Cores ซึ่งเป็นตัวเร่งการทำงาน AI เฉพาะบนการ์ดจอ RTX โดยใช้พลังดิบจากการ์ดจอหรือ GPU เพื่อปลดล็อกความสามารถของ AI ระดับสูง จนไม่เพียงแค่ช่วยในการเล่นเกมเท่านั้น แต่สามารถใช้ทำงานออกแบบ หรืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้เลย
NVIDIA ACE
เปลี่ยน NPC ในเกม ให้พูดคุยตอบโต้กับผู้เล่นได้แบบ Realtime เป็นเทคโนโลยี NVIDIA ACE & Digital Human ที่ผสมผสาน AI สร้างแอนิเมชันใบหน้าและการลิปซิงค์จากการใช้เสียงร่วมกัน โดยการใช้ NVIDIA Omniverse Audio2Face เป็นเบื้องหลัง
ทั้งนี้ทาง NVIDIA ได้นำ SLM โมเดลภาษาขนาดเล็ก (Small Language Model) มาสร้างเป็น Generative AI Avatars ตัวละครเสมือนหรือมนุษย์ดิจิทัล ที่สามารถพูดคุยกับผู้ใช้ได้โดยตรง โดยในงานล่าสุดทาง NVIDIA Thailand โชว์การพูดคุยผ่านไมโครโฟน และตัวละคร AI ก็ออกเสียงตอบโต้กลับได้แบบ Realtime เสมือนกำลังคุยกับ NPC ประหนึ่งเหมือนกำลังคุยกับมนุษย์ยังไงยังงั้น จากแต่เดิมทำได้แค่คลิกตัวเลือกคำสั่งเพื่อพูดคุยตามบท
อนึ่งตัวฟีเจอร์ยังอยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งก็มีการทดสอบในเกมไม่กี่เกมอย่าง Mecha BREAK ซึ่งเคยมีคลิปสาธิตในช่อง Youtube อย่าง NVIDIA GeForce ออกมาแล้ว พอได้ลองใช้งานจริง ก็พบเลยว่าตัวฟีเจอร์สามารถโต้ตอบกลับมาได้เป็นธรรมชาติมาก ทว่าการพูดคุยยังต้องอิงตามบทที่อยู่ในเกม เช่นเกม Mecha BREAK ที่เราจะได้พบกับ Martel ซึ่งเป็นวิศวกรรับผิดชอบการปรับแต่งหุ่นยนต์ในเกม
การคุยกับ Martel เวอร์ชั่น NVIDIA ACE ก็เสมือนนำ ChatGPT เข้ามาเป็นเบื้องหลัง หากแต่การพดคุยจะอิงตามเนื้อเรื่องในเกมอยู่ โดยเราจะคุยได้เฉพาะเรื่องการปรับแต่งหุ่น (Strikers) การเปลี่ยนตัวหุ่น เปลี่ยนสีหุ่นยนต์ ให้คำแนะนำหุ่นยนต์ที่ควรใช้ และอื่น ๆ ทว่าหากคุยนอกเรื่อง ตัว Martel ก็จะบอกเลยว่า ไม่ทราบเรื่องที่เรากำลังพูดคุยด้วย
อย่างที่กล่าวไปว่า NVIDIA ACE ยังอยู่ระหว่างพัฒนา แต่เพียงเท่านี้ก็พอเห็นมิติการเล่นเกมใหม่ ๆ ในอนาคตได้เลย ต่อไปเราอาจมี NPC ที่พูดคุยแบบ Realtime ตัวได้ทุกคนในเกม ไม่ใช่แค่เดินผ่านไปผ่านมา และคุยผ่านตัวเลือกเหมือนก่อนแล้ว ทั้งนี้ทาง NVIDIA มีแผนนำฟีเจอร์ ACE ไปใช้ในธุรกิจหรือองค์กรอื่น ๆ ด้วย เช่น ใช้เป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรม เจ้าหน้าที่เสมือน การแพทย์ทางไกล และอีกมากมาย มาช่วยแบ่งเบาหน้าที่ให้กับมนุษย์ (ไม่ใช่แทนที่นะ)
นอกจาก NVIDIA ACE แล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์ AI ตัวอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย โดยทุกตัวก็ขับเคลื่อนด้วยการ์ดจอ RTX 40 Sereis ทำงานแบบออฟไลน์เลย ทำให้การประมวลมีความรวดเร็วและเป็นส่วนตัวอย่างมาก
นอกจากเกม Mecha BREAK ก็ยังมีอีกเกมอย่าง Legends จากค่าย Perfect World Games คราวนี้ทาง NVIDIA ใช้เป็น LLM หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่เลย (Large Language Model) เพื่อสร้างมนุษย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง ทำให้ตัวละคร Yun Ni สามารถมองเห็นผู้เล่นเกมและระบุถึงบุคคลและวัตถุในโลกจริง ผ่านกล้องของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย ChatGPT-4O เสริมความสมจริงให้กับประสบการณ์การเล่นเกมไปอีกระดับเมื่อตัวละครสามารถมองเห็น โต้ตอบ และพูดคุยได้ แม้ในปัจจุบันจะยังมีข้อจำกัดในเรื่องของภาษาที่ใช้ได้ 2 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนแมนดาริน แต่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการพัฒนาต่อไปในอนาคตให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
DLSS 3.5
DLSS3.5 , Ray Tracing , และ NVIDIA Reflex นำเป็นเทคโนโลยี AI ในเกมที่หลาย ๆ คนอาจรู้จักกันดี ในงาน GeForce RTX AI PC Tour ก็มีการสาธิตด้วย Star Wars Outlaws เกม Open World ชื่อดัง (ดังจริง ๆ) ที่ได้ DLSS 3.5 หรือการอัพสเกลการแสดงผลด้วย AI มาช่วยเพิ่มเฟรมเรต (fps) ในเกมให้มีความลื่นไหลขึ้นอย่างมาก ช่วยลดภาระการประมวลผล และยังปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการแสดงกราฟฟิกของเกม AAA ให้สวยคมกว่าเดิม
ในงานก็ได้นำ RTX 4090 การ์ดจอตัว Top สุด มาเล่น Star War Outlaw บนจอ 4K 144hz พร้อมปรับภาพกราฟฟิกแบบ Max Settings และเปิดใช้งาน Ray Tracing กับ DLSS 3.5 พร้อมกัน ทำให้ได้ภาพการแสดงผลในเกมที่ทั้งสวยคมและลื่นไหลระดับ 100 fps ขึ้นไป จากปกติอาจได้เฟรมเรตไม่ถึงหลักร้อย หากไม่เปิดใช้งาน DLSS 3.5 นั้นเอง และหากเป็น DLSS เวอร์ชั่นแรก ๆ ก็อาจเห็นภาพกราฟฟิกที่ไม่สวยหรือการ ‘ฉีกขาด’ ใน Gameplay ไปแล้ว
ChatRTX
ถัดมาคือ ChatRTX เป็นแอปฯ Demo ที่เปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ของ GPT เพื่อเชื่อมต่อกับข้อมูลเนื้อหาต่าง ๆ บนเครื่องของเราได้ เช่น เอกสาร โน้ต รูปภาพ หรือข้อมูลอื่นๆ โดยใช้ retrieval-augmented generation (RAG), TensorRT-LLM, และการเร่งด้วย RTX ทำให้สามารถส่งข้อความเพื่อสอบถามข้อมูลกับแชทบอทส่วนตัว หรือคำตอบที่เราต้องการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ตัว ChatRTX ยังช่วยให้ค้นหาไฟล์รูปภาพต่าง ๆ ในเครื่อง PC ได้อย่างแม่นยำทันใจมากขึ้นด้วย คือหากเป็นการค้นหาแบบเก่า เราต้องมาพิมพ์ชื่อไฟล์และระบุตำแหน่งในการค้นหา แต่หากเป็น ChatRTX สามารถพิมพ์บอกลักษณะภาพได้เลย เช่น ต้องการหารูปภาพที่มีภูเขา ตัว AI ก็จะสแกนไฟล์รูปภาพที่มีในเครื่อง PC จากนั้นก็นำมาโชว์ให้ผู้ใช้พบเจอในที่สุด
อนึ่งการทำงานของ ChatRTX จะทำงานอยู่บนเครื่อง PC เท่านั้น จึงทำให้มั่นใจความปลอดภัยของข้อมูล ว่าจะไม่มีการรั่วไหลไปบนคลาวด์หรือพื้นที่ไดร์ฟสาธารณะอื่น ๆ
Nvidia Canvas
เปลี่ยนการวาดภาพเดิม ๆ ให้กลายเป็นมือโปรได้ง่าย ๆ ด้วย AI จะเรียกว่าเป็นการใช้ AI ช่วยอำนวยความสะดวกก็ว่าได้ ซึ่งฟีเจอร์ที่อาจทำให้นักวาดหลาย ๆ คนว้าวเลยคือ การร่างภาพแบบหยาบ ๆ จากนั้นก็เรียกใช้ AI จากตัว Nvidia Canvas มา Generate หรือประมวลผลใหม่ จนได้ภาพที่สวยงามและดูสมบูรณ์กว่าเดิม ซึ่งอิงจากการร่างลายเส้นครั้งแรกโดยตรง เหมือนเป็นการเปลี่ยนการตวัดพู่กันธรรมดา ให้กลายเป็นภาพภูมิทัศน์ที่สมจริงได้ทันใจ โดยหากใครมีการ์ดจอ RTX 40 Sereis ก็สามารถไปทดลองใช้งาน (beta) ได้ที่ Nvidia Canvas
ComfyUI By RTX
ปิดท้ายด้วยการใช้ ComfyUI หนึ่งในแอปฯ Stable Diffusion ที่ได้รับความนิยมในการใช้เจนภาพในปัจจุบัน ในงานก็ได้สาธิตแสดงการเปลี่ยนภาพถ่ายเซลฟีธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นภาพซูเปอร์ฮีโร่ หรือคาเร็กเตอร์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นในหลากหลายแอ็กชั่นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งเร่งความเร็วด้วย RTX บน Stable Diffusion ซึ่งสามารถเห็นได้ตลอดเวิร์กโฟลว์ผ่าน TensorRT และการเปิดใช้งานเครื่องมือ AI แบบโอเพ่นซอร์ส
ตัวอย่างไฟล์ที่ได้
ในงานได้ใช้ PC ที่มีการติดตั้งกล้องช่วยสแกนใบหน้าผู้ใช้ เพื่อถ่ายภาพใบหน้า จากนั้นก็นำ ComfyUI มาแปลงเป็นภาพ AI อีกที จุดนี้แอบว้าวตรงที่ ตัว AI สามารถแยกแยะได้เลยว่า ผู้ใช้เป็นชายหรือหญิง โดยในงานก็ได้ลองใช้ AI ช่วยแปลงทุกคนเป็น “Doom Guy” จากเกม Doom Eternal โดยปกติเป็นตัวละครผู้ใช้กล้ามแน่น แต่หากให้ผู้หญิงมาสแกนใบหน้า ตัว AI ก็จะแปลสรีระให้กลายเป็นผู้หญิงด้วย ไม่ใช่ตัว Body เป็นชาย แต่หน้าเป็นผู้หญิงแบบที่คิดตอนแรก
สรุปจากงาน GeForce RTX AI PC Tour ครั้งนี้ ก็กล่าวได้สั้น ๆ เลยว่า ‘อนาคต’ หรืออาจเป็นมิติใหม่ของวงการเกม และวงการครีเอเตอร์ด้วย ซึ่งในอนาคต หรืออีกไม่นานแล้ว เราจะมีเครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การเล่นเกมเป็นมากกว่านั้น โดยนอกจากได้ภาพแสงสีสวย ๆ และลื่นไหลแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศในเกมที่มากกว่า เช่น คุยกับ NPC ได้เหมือนคุยกับคน จากแค่มีหน้าที่คุยตามบทเท่านั้น และในฝั่งครีเอเตอร์ก็จะมีเครื่องมือช่วยสร้างผลงานจาก AI ที่ทรงพลัง ประมวลผลรวดเร็วทันใจ และหากใช้เป็น ก็อาจได้เปรียบกว่าครีเอเตอร์คนอื่น ๆ ได้เลย โดยระหว่างนี้ทาง NVIDIA ก็ได้ร่วมกับนักพัฒนาเกมและแอปฯ ชั้นนำทั่วโลก ให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าเครื่อง PC ที่คอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย RTX AI นั้น จะเป็นเครื่องที่ดีที่สุดและอัปเดทที่สุดอยู่เสมอ