การเป็นคนไทยเพียงคนเดียวและคนแรกในรายการเรียลลิตี้ทำอาหารระดับโลกที่มีผู้ชมสูงสุด ‘มาสเตอร์เชฟยูเค’ ของอังกฤษในซีซั่นล่าสุดว่ายากแล้ว การสร้างสรรค์อาหารไทยอวดสายตาต่างชาติให้ทันสมัย ถูกใจกรรมการ แต่คงรสชาติความเป็นไทย จนติดรอบ 1 ใน 3 ผู้เข้าแข่งขันรอบ Grand Final เป็นสิ่งที่ท้าทายและยากยิ่งกว่า
เกินความคาดหมายที่ผู้เข้าแข่งขันรายหนึ่ง ถูกสื่ออังกฤษและสื่อไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับ ‘หมอบอส’ นายแพทย์นวมินทร์ ปิ่นปฐมรัฐ วัย 27 ปี ที่โชว์พลังของรสชาติอาหารและกระบวนการปรุงในแบบฉบับความเป็นไทย อวดสายตาชาวต่างชาติ
“ผมมองเห็นความสุขของการเป็นหมอกับการเป็นเชฟที่สร้างสรรค์ในแต่ละเมนู ทั้งสองบทบาทนั้นต่างก็เป็นอาชีพที่ทำแล้วเกิดความสุข หมอเป็นอาชีพที่ทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีมีความสุข ส่วนการทำอาหารก็สร้างความสุขให้กับคนที่ทานถ้าอาหารนั้นอร่อย”
ทุกบททดสอบการแข่งขันในมาสเตอร์เชฟยูเค ทำให้ผมนั้นเก่งและมีความรู้เกี่ยวกับอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ได้พบเจอเชฟนักปรุงชื่อดังหลายคน ทั้งยังได้แสดงฝีมือหลายเมนูไทย เช่น ผัดไท หอยทอด หมูสะเต๊ะ ต้มยำ หลนปลาเค็ม งบปลาย่าง ขนมถั่วแปบ รวมถึงผักแกะสลัก ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสอีกบทบาทหนึ่งให้กับตนเองในการก้าวสู่วงการอาหารได้เป็นอย่างดี
“ไม่คิดเหมือนกันว่าวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ หรือ กพอ. ที่ได้เรียนสมัยประถมศึกษาจะได้หยิบนำมาใช้ในการแข่งขัน รวมถึงวิชาความรู้ตอนที่เรียนหมออย่างเช่น กายวิภาคศาสตร์ หรือ Anatomy จะได้นำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำอาหารในชื่อ Crab Anatomy ซึ่งเป็นการชำแหละส่วนต่าง ๆ ของปูม้า แล้วนำมาประกอบอาหาร โดยนำเสนอบนเขียงไม้ คล้ายกับการผ่ากบเมื่อตอนเรียนหมอ”
ผมเริ่มสนใจการทำอาหารตั้งแต่เด็ก ๆ ผ่านการสอนของคุณยาย ส่วนใหญ่เป็นอาหารใต้สไตล์พื้นฐาน และคุณพ่อ (รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) กับคุณแม่ (พัชรี ปิ่นปฐมรัฐ) ก็ทำอาหารเก่งเหมือนกันทั้งคู่ และบ่อยครั้งก็เป็นลูกมือช่วยท่านอยู่เสมอ ๆ ส่วนตัวนั้นชอบทานน้ำพริกผักสด เพราะทำง่ายทานง่าย และน้ำพริกนั้นต่างก็มีรสชาติเฉพาะในแต่ละครัวเรือน
ครอบครัวถือเป็นกำลังใจที่สำคัญและยิ่งใหญ่ คอยสนับสนุนให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก แม้บางช่วงของการแข่งขัน การทำงาน หรือการศึกษาวิจัย จะเหนื่อยและท้อ แต่พ่อแม่และพี่น้องของผมก็เติมเต็มกำลังใจ ให้คำปรึกษาและยังเป็นต้นแบบที่ดี ให้เราได้เห็นเป็นตัวอย่างอีกด้วย
บางช่วงการแข่งขันในมาสเตอร์เชฟยูเค ผมได้ทำเมนูหลนปลาเค็ม และได้ขูดมะพร้าวโชว์ในรายการ การหลนต้องใช้กะทิสดและเข้มข้น ที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงกรรมวิธีของการประกอบอาหารไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม “เสน่ห์อาหารไทยอยู่ที่รสชาติ มีความนุ่มนวล มีความจัดจ้าน และมีเอกลักษณ์เฉพาะ”
อาหารไทยสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของไทย ที่เข้าใจคิดและคิดอย่างสร้างสรรค์ เรามีอารยธรรมการกินที่เก่าแก่ และเป็นแบบแผนมาอย่างยาวนาน อย่างเช่นตำรับชาววัง ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นมายังปัจจุบัน และอาหารที่นำมาดัดแปลง ประยุกต์ให้เข้ากับสมัยต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต่างก็มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน หลายเมนูของไทยก็มีเรื่องเล่าหรือสตอรี่มากมาย
หากจะ ‘ยกระดับอาหารไทยสู่การเป็นครัวโลก’ นั้น ผมอยากให้รักษารสชาติความเป็นไทยไว้ หลายครั้งเราหลงทาง ไปปรับเปลี่ยนรสชาติให้ถูกใจต่างชาติ แต่จากการสัมผัสด้วยตนเองพบว่า ครัวโลกเขาต้องการอาหารรสชาติไทยแท้ ๆ มากกว่า ซึ่งต่างชาติให้การยอมรับอาหารไทยและพยายามตามหาอาหารไทยที่มีรสชาติความเป็นไทยจริง ๆ หากมีโอกาสได้มาเยือนเมืองไทย
“ภูมิใจมากครับที่มีโอกาสได้เผยแพร่อาหารไทยและวัฒนธรรมการกินของไทยสู่สายตาชาวอังกฤษ แม้จะพลาดแชมป์มาสเตอร์เชฟยูเค2018 แต่ผมก็ทำหน้าที่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบและสุดความสามารถครับ” หมอบอส กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ผมฝันอยากมีร้านอาหารเล็ก ๆ ที่พิถีพิถันและใส่ใจในความอร่อย ทั้งคนทำและคนทานต้องมีความสุข และรายได้จะปันให้กับการกุศล รวมถึงกองทุนวิจัยในประเทศไทย ดังเช่น ดินเนอร์การกุศลสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ศิริราชมูลนิธิ วันที่ 16 ต.ค. นี้ ที่มีผมร่วมรังสรรค์เมนูอาหาร ผู้สนใจสอบถาม โทร. 02-513-9555 รวมถึงเรียนทำอาหารและเอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ วันที่ 19 – 20 ต.ค. นี้ ได้ที่โรงแรมอนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลลา จ.ภูเก็ต สำรองที่นั่ง โทร.076-663-1000.