ลองนึกเล่น ๆ ดูว่าถ้าเรามีสื่อให้เสพอยู่แค่สื่อเดียว สื่อนั้นจะทรงอิทธิพลมากแค่ไหน
กรณีของ Facebook นั้นคล้ายกัน ในฐานะ CEO ของ Facebook ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้คนหลายพันล้านคน ทำให้ มาร์กซักเคอร์เบิร์ก มีพลังที่เปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนภายในชั่วข้ามคืน
และนั่นทำให้ผู้บริหารระดับสูงของ Facebook “เป็นคนที่อันตรายที่สุดในโลก” Scott Galloway ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวไว้อย่างนั้น
Galloway กล่าวว่าปัจจุบัน Facebook เป็นเจ้าของ Messenger แอปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้เข้าซื้อกิจการ Instagram ในปี 2012 และ WhatsApp ในปี 2014) ในขณะที่ลูกค้าจะยังสามารถใช้แอพ messenger
“ Mark Zuckerberg พยายามกินรวบแอปที่ผู้คนใช้งานมากที่สุด WhatsApp, Instagram รวมทั้งแพลตฟอร์มหลักของ Facebook Messenger ที่มีการใช้งานมากกว่า 2.7 พันล้านคน” โดย Galloway กำลังกังวลว่ามันอาจมีอะไรที่ผิดปรกติเกิดขึ้น
ในความเป็น มี 2.7 พันล้านคนที่ใช้บริการของ Facebook อย่างน้อยหนึ่งบริการในแต่ละเดือน และมากกว่า 2.1 พันล้านใช้ Facebook, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger ทุกวันโดยเฉลี่ยตาม Facebook
หากวันหนึ่ง Facebook อาจะเปลี่ยนอัลกอริทึ่มตามใจ หรือเปลี่ยนให้นำเสนอแค่เรื่องในบางเรื่องเท่านั้นมันจะมีผลอย่างไรต่อคนในสังคม
เพราะความปลอดภัยในของการเสพสื่อในสังคมคือการเสพจากหลาย ๆ ช่องทาง เพื่อให้แน่ใจว่าข่าวที่ได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริง แต่หากวันหนึ่งเราถูกเซิฟด้วยข่าวในมุมเดียว กับเครื่องมือที่เราใช้อยู่อย่างเดียว แน่นอนว่า เราก็จะเชื่อในมุมเดียว
หลานคนเคยเห็นเหตุการณ์นี้ ที่เวลาเรามองโลกโซเชี่ยลในมุมเดียว มันมักจะมีคนถูกเข้าใจผิด และทำให้ชีวิตเค้าผู้นั้นมีปัญตามมาไม่หยุดหย่อน
หากวันหนึ่ง Facebook สามารถเขียนอัลกอริทึ่มเพื่อโจมตีบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ หรือให้นำเสนอแต่ Content ด้านเดียว แบบว่า ถ้ามีใครด่า Facebook ซึ่งถ้ามีคีย์เวิร์ดนี้ ก็ไม่ให้ทุกคนเห็นซะ ก็จบ และก็ให้เห็นคอมเม้นท์ที่ชมและอวยเพียงอย่างเดียว
และทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลสรุปว่า ทำไม Mark zuckerberg ถึงเป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุดในโลก เพราะการเปลี่ยนอัลกอริทึ่มแต่ละครั้งก็ไม่มีใครรู้ และอัลกอริทึ่มก็แทบจะเปลี่ยนในทุก ๆ วัน…..