[จับตามอง] เป็นที่ทราบกันแล้วว่า Lip-Bu Tan อดีตซีอีโอ Cadence Design Systems ได้ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ของ Intel อย่างเป็นทางการเรียบร้อย อีกทั้งการแต่งตั้งครั้งนี้ ยังส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าหุ้นพุ่งขึ้นถึง 14% ด้วย
ย้อนกลับไปเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Pat Gelsinger ได้ก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ Intel แบบกะทันหัน จนบริษัทได้ตั้ง David Zinsner หัวหน้าฝ่ายการเงิน (CFO) และ Michelle Johnston Holthaus หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ มาร่วมเป็นซีอีโอรักษาการชั่วคราว
มีคาดการณ์ว่าทั้ง Michelle Johnston Holthaus และ David Zinsner อาจได้ชิงตำแหน่งซีอีโอคนถัดไป (เหมือนกรณี Bob Swan) ทว่าสุดท้ายทางบอร์ดบริหารก็ได้เลือก Lip-Bu Tan หนึ่งในคณะกรรมการบริษัทที่เคยลาออกในเดือนสิงหาคม 2024 กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง และได้ขึ้นเป็นซีอีโอของ Intel อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา
การมาของ Lip-Bu Tan ยังส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าหุ้นพุ่งขึ้นถึง 13 – 15% ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะซีอีโอชาวสหรัฐฯ (เชื้อสายจีน-มาเลเซีย) วัย 65 รายนี้ เคยมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มานานนับทศวรรษ จากที่เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Cadence Design Systems บริษัทออกแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2021 และเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท Intel ตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2024 ด้วย
อีกส่วนก็มาจาก คำแถลงการณ์ ของ Lip-Bu Tan ที่หลังได้ขึ้นตำแหน่งก็ให้การยืนยันเลยว่าบริษัท จะมุ่งสร้างตัวเองขึ้นใหม่เป็น “โรงหล่อ” หรือ Intel Foundry Services ตั้งโรงงานผลิตชิปของตัวเอง พร้อมรับจ้างผลิตให้ลูกค้าภายนอก ซึ่งเป็นแผนที่ทาง Pat Gelsinger เคยวางไว้นั้นเอง ทว่าแผนดังกล่าวก็ส่งผลให้บริษัทขาดทุนมากกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2024 ที่ผ่านมา
“เราจะทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นสถานะของ Intel ให้กลับมาเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ระดับโลก พร้อมตั้งบริษัทให้กลายเป็นโรงหล่อระดับโลก และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” Lip-Bu Tan ซีอีโอ Intel กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Intel ได้มีการเจรจากับ TSMC ให้มาร่วมทุนเกี่ยวกับการตั้งโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ น่าสนใจว่าทาง Lip-Bu Tan จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรต่อ โดยปัจจุบันทาง Intel มีกระบวนการผลิตชิปเทียบเท่าขนาด 1.8 นาโนเมตร (หรือ Intel 18A) ซึ่งกำลังแข่งกับชิปขนาด 2 นาโนเมตรของทาง TSMC อยู่ ซึ่งอาจมีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2026 เร็ว ๆ นี้
ที่มา : Techspot , ThehinduBusinessline
