สำหรับใครที่มีแผนเที่ยวในวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ สิ่งที่หลายคงมักกังวลคือ ‘บ้าน’ ซึ่งคงไม่มีคนอยู่เฝ้าในวันหยุดยาวนี้แน่นอน ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาที่จะตามมาอาทิ ไฟฟ้าที่ไม่รู้จะตกตอนไหน จะมีขโมยขึ้นบ้านหรือไม่ เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงที่ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไร หากไม่มีใครให้อาหารหรือดูแล ในบทความนี้ก็ขอเสนอ 7 อุปกรณ์อัจฉริยะสไตล์ 4.0 ที่จะช่วยให้เราสามารถดูแลบ้านจากระยะไกลได้ และปล่อยบ้านทิ้งไว้อย่างหายห่วงได้ดังนี้
1.ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะ
ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะ หรืออาจเรียกว่า ‘ตัวกลาง’ ที่ทำหน้านี้เชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายในคราวเดียว ตามปกติเราจะใช้ Wi-Fi Router ในการเป็นตัวกลาง แต่จริง ๆ มันมีอุปกรณ์เฉพาะ ที่ช่วยให้เราสามารถสั่งควบคุมจากระยะไกลได้สะดวกในแอปฯ เดียวเลย จะได้ไม่ต้องเปิดหลาย ๆ แอปฯ เพื่อสลับควบคุมอุปกรณ์ไปมาจนสับสน หากมีตัวกลางแล้ว ต่อไปเราก็สามารถสั่งเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ หรือสั่งให้ทำงานอัตโนมัติ เช็คภาพจากกล้อง CCTV หรือ IP Camera กับรอรับแจ้งเตือนจากระบบกันขโมยได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
ส่วนจะใช้ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะแบบไหนดี ก็มีหลายแบรนด์ได้พัฒนาไว้พอควร เช่น Wiser AvatarOn จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ช่วยเป็นตัวกลางในการรับส่งข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต พร้อมสั่งการหรือดูสถานะของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชั่น เพียงตัวเดียว
โดยในแอปฯ Wiser AvatarOn ก็สามารถควบคุมอุปกรณ์ผ่าน IP Gateway ได้หลากหลายความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้เปิดปิด, ตั้งเวลาอัตโนมัติ, หรือควบคุมจากระยะไกล เช่น สั่งให้เปิดทีวีล่วงหน้า พร้อมเปิดแอร์และตั้งอุณหภูมิให้ได้ความเย็นที่ต้องการ จากนั้นก็สั่งเปิดไฟ เปิดผ้าม่าน ซึ่งทั้งหมดทำผ่านสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น หรือใช้ไมโครโมดูล อุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาต่างๆ ให้มีความอัจฉริยะ สามารถเพิ่มเติม ปรับแต่งระบบโฮมออโตเมชั่นให้แตกต่างจากรายอื่นๆ ได้ เพื่อเพิ่มอำนาจการควบควบคุมมารวมที่แอปฯ ได้ในที่เดียว
นอกจากนี้ยังปรับให้ใช้งานร่วมกับ “เซ็นเซอร์อัจฉริยะแบบไร้สาย” ที่สามารถหามาเพิ่มได้ด้วย อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจจับอุณหภูมิ ตรวจจับน้ำรั่ว และระบบเซ็นเซอร์ ประตู/หน้าต่าง ซึ่งทั้งหมดสามารถติดตั้งได้สะดวก เพราะเป็นระบบไร้สายมีแบตเตอรี่ในตัว ไม่ต้องเดินสายจากระบบไฟในบ้าน สามารถนำไปติดตั้งในที่ที่ต้องการได้อย่างอิสระ
2.อุปกรณ์สำรองไฟฟ้า (UPS)
ถือเป็นอุปกรณ์ที่คนมักมองข้าม หารู้ไหมว่ามันมีความสำคัญมาก หากมีเหตุไม่คาดฝันอย่าง ไฟดับขณะที่กำลังทำงานสำคัญอยู่โดยที่ไม่เซฟ ทำให้ข้อมูลที่สำคัญหาย หรืออุปกรณ์ที่รักกับมีราคาสูงเสียหาย เสื่อมสภาพได้เลย เนื่องจากระบบไฟที่ไม่เสถียร เครื่องสำรองไฟฟ้าจะช่วยปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณจากไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้อีกด้วย แต่ต้องบอกก่อนว่า อุปกรณ์สำรองไฟหรือ UPS นี้ยังทำประโยชน์ได้มากกว่านั้น โดยปัจจุบันบ้านยุค 4.0 เปลี่ยนเป็นบ้านอัจฉริยะกันแล้ว (Smart Home) ซึ่งจะมีอุปกรณ์ IoT ต่างๆ และหัวใจหลักอย่างไวไฟเร้าเตอร์ (Wi-Fi Router) ก็ต้องใช้ไฟฟ้าเช่นเดียวกับคอมฯ หากไฟดับเมื่อไร ทุกอย่างก็ดับตามหมดทันที ดังนั้นการมี UPS ก็จะช่วยให้บ้านแบบ Smart Home ยังคงมีสถานภาพการทำงานต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด
คำถามถัดมา คือ เราควรเลือก UPS แบบไหนดี ? ที่จะช่วยดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านเราได้หายห่วง จึงขอแนะนำ วิธีเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งาน ดังต่อไปนี้
1. เลือกเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีแบตเตอร์รี่ผ่านมาตราฐาน และปลอดภัย
2. เลือกขนาดเครื่องสำรองไฟฟ้าให้พอดีกับของอุปกรณ์ของท่าน (ดูจากวัตต์ของอุปกรณ์)
3. เลือกรุ่นที่มีซอร์ฟแวร์ที่สามารถแจ้งเตือน ตรวจสอบ สถานะของเครื่อง
4. เลือกที่มีบริการหลังการขายที่สะดวก และเชื่อถือได้
ขอแนะนำ UPS จาก APC ที่มาพร้อมโปรแกรม PowerChute Personal Edition เป็นโปรแกรมฟรีจากทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของ UPS ผ่านคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา ทำให้ UPS ทั่วไป กลายเป็น Smart UPS สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.Wi-Fi Router
Wi-Fi Router ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด สำหรับ Smart Home เพราะเป็นอุปกรณ์ในการสั่งการอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมด ทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และทำให้เราสามารถควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้ โดยเฉพาะ กล้องวงจรปิด ที่จำเป็นต้องทำงานแบบเรียลไทม์ คอยแจ้งเตือนว่าจะมีใครย่องเข้าบ้านเราไหม หากไม่มี Wi-Fi Router ก็ไม่มีอินเทอร์เน็ต หากไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็ไม่สามารถแจ้งเตือนขโมยมายังสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเราได้เลย
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่จะไม่อยู่บ้านยาว ๆ เพื่อความมั่นใจและปลอดภัย แนะนำให้ลองปิด Wi-Fi Router สักครู่ จากนั้นค่อยเปิดใหม่ ป้องกันปัญหาเครื่องร้อนจนแฮงค์ไปเองในระหว่างที่ไม่อยู่บ้าน และแน่นอนว่า Wi-Fi Router ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงควรมี UPS สำรองไฟไว้ เพื่อให้ Wi-Fi Router ทำงานได้ต่อเนื่อง ไม่ดับกลางคัน จนพลอยทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตเกิดปัญหาไปด้วยนั้นเอง
4.กล้องวงจรปิด
หากพูดถึงกล้องวงจรปิดในยุคนี้ สามารถดูข้อมูลที่ไหนก็ได้แบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต แม้อยู่นอกบ้านก็ตาม ซึ่งกล้องวงจรปิดก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เช่นเดียวกับ Wi-Fi Router ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้มีเครื่องสำรองไฟ รองรับการใช้งานได้อย่างต่อเนื่องด้วยและไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ
5.ระบบสัญญาณกันขโมย
ต่อจากกล้องวงจรปิด ซึ่งบางรุ่นนอกจากจะเก็บภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยังสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดปกติ ที่หากไม่มีใครอยู่บ้าน แต่กลับมีคนแปลกหน้ามาเดินเข้าบ้านเรา ตัวกล้องจะแจ้งสัญญาณเตือนมายังสมาร์ทโฟนของเราทันที แต่แน่นอนว่ามันยังมีอุปกรณ์ที่เฉพาะทางกว่านั้น ซึ่งหากใช้ร่วมกับกล้องวงจรปิด ก็จะช่วยให้ระบบป้องกันแข็งแรงขึ้นเยอะ มันคือระบบส่งเสียงดังหรือให้แสงสว่าง เมื่อพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างวิ่งผ่านเซ็นเซอร์ บางรุ่นยังมีเป็นลำโพง ที่ช่วยให้เราคุยตอบโต้กับผู้บุกรุกจากระยะไกลก็ยังได้ โดยก่อนจะปิดบ้านระยะเวลานาน ควรตรวจสอบระบบเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเซ็นเซอร์กับแบตเตอรี่ หรือระบบไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่
อนึ่ง นอกจากระบบสัญญาณกันขโมยแล้ว หากเราต้องการหลอกโจรหรือขโมยว่า มีคนอยู่บ้านนะ ก็สามารถใช้ระบบ Smart Home สั่งเปิดปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านจากระยะไกล เช่น หลอดไฟ ทีวี และลำโพง อาจช่วยทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีคนอยู่บ้าน แต่ความจริงไม่มีใครอยู่ วิธีนี้ก็ไม่เลวนะครับ
6.เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ
ภาพจาก Amazon
หลายคนคงไม่สะดวกที่จะพาสัตว์เลี้ยงสุดรักไปเที่ยวด้วย จึงต้องทิ้งน้องๆ ให้อยู่บ้านอย่างไม่มีทางเลือก แต่สัตว์ก็เหมือนคน คือต้องกินเหมือนกัน หากไม่มีใครคอยให้อาหารคงไม่ดีแน่ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่พัฒนา ‘เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ’ ออกมา ที่ช่วยให้เราสามารถสั่งให้อาหารสัตว์ตามเวลาที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ หรือสั่งให้เองเดี๋ยวนั้น พร้อมควบคุมปริมาณจากระยะไกลแทน บางรุ่นอาจส่งเสียงของเราพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงจากระยะไกลก็ยังได้ เช่นเดียวกันถ้าไฟดับ น้องๆ คงต้องทนหิว ดังนั้นอย่าลืมตัวช่วย คือเครื่องสำรองไฟ ไฟดับอย่างไร ก็ป้องกันได้
7.เครื่องปั๊มออกซิเจนสำหรับสัตว์น้ำ
สำหรับใครที่เลี้ยงปลาในตู้ อุปกรณ์ที่ห้ามขาดโดยเด็ดขาดคือ ‘เครื่องปั๊มออกซิเจน’ ซึ่งหากไม่มี อาจส่งผลต่อชีวิตของปลาในตู้แน่นอน หากใครจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน ก็ควรมาเช็คอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อนเลย โดยพยายามเช็คระบบการผลิตออกซิเจน กับเช็คสายยางให้ดีว่าไม่มีอะไรเข้าไปติด จนเครื่องปั๊มไม่มีเสียงดังจนผิดสังเกต จากนั้นก็ดูระบบไฟ ซึ่งเครื่องปั๊มออกซิเจน ก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง ดังนั้นควรต่อเข้ากับ UPS เอาไว้เลย ไม่งั้นหากมีเหตุการณ์ไฟดับตอนไม่มีใครอยู่บ้านเป็นเวลานาน ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ดีแน่ อย่างไรก็ตาม หากจะต่อเครื่องปั๊มออกซิเจนกับ UPS ก็ควรถามผู้เชี่ยวชาญว่าเครื่องปั๊มออกซิเจนที่ใช้ เหมาะกับ UPS รุ่นใด และควรประเมินถึงระยะเวลาในการสำรองไฟด้วย
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันบ้านอัจฉริยะได้ที่ https://www.se.com/th/th/home/smart-home/wiser-asia/