[นับเวลาถ้อยหลัง] ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้วกับ TikTok และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังทางแอปฯ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าแอบขโมยข้อมูลผู้ใช้งานไปยังจีน ด้านบริษัทแม่อย่าง ByteDance รวมถึงทางการจีนก็ออกมาปฏิเสธบ่อยครั้ง จนล่าสุดทาง Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขีดเส้นตาย 1 ปีให้ขายกิจการ ไม่งั้นสั่งแบนห้ามใช้ในประเทศ
เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ร่างกฎหมายช่วยเหลือต่างประเทศซึ่งรวมถึง ‘กฎหมายคุ้มครองชาวอเมริกันจากพระราชบัญญัติการสมัครที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ’ ได้ผ่านความเห็นชอบแล้วในสภาคองเกรส จากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงการบังคับให้ ByteDance ผู้พัฒนาแอปฯ TikTok ขายกิจการให้บริษัทอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติจีนด้วย
ทั้งนี้ทางด้าน Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวเรียบร้อย ซึ่งเป็นการบีบให้ TikTok ต้องขายกิจการอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามทาง ByteDance ได้ออกแถลงการณ์โต้ เผยจะต่อสู้เรื่องนี้อย่างที่สุด พร้อมมีความมั่นใจในด้านกฏหมาย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ฯ เพื่อรักษาข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ และปราศจากอิทธิพลจากภายนอกโดยเฉพาะ
ก่อนหน้านี้ ByteDance มีเวลาเพียง 6 เดือนในการตัดสินใจ แต่หลังร่างกฎหมายใหม่ผ่านความเห็นชอบ ก็ได้เวลาเพิ่มเป็น 270 วัน แต่อาจได้ขยายเวลาอีก 3 เดือน รวมเป็น 1 ปีหลังจากนี้ ซึ่งหากเกิดกรณีเลวร้ายสุด ก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ 7 ล้านแห่ง และผู้ใช้ในสหรัฐฯ ถึง 170 ล้านคนอย่างแน่นอน ตามที่ทาง TikTok เคยออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้
@tiktok Response to TikTok Ban Bill
หลังข่าว Joe Biden ลงนาม ทางด้าน Shou Chew ซีอีโอ TikTok ก็อัดคลิปกล่าวถึงความเคลื่อนไหวนี้ทันที โดยระบุว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวัง หากแบน TikTok ก็เท่ากับแบนคะแนนเสียงของตัวเองด้วย (สหรัฐฯ มีเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 5 พ.ย. 67 นี้) ขณะเดียวกันก็ขอให้ผู้ใช้มีความมั่นใจ เพราะทางบริษัทจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เนื่องด้วยความมั่นใจทั้งด้านกฏหมายและข้อเท็จจริงที่มีพร้อม ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ ‘อีกครั้ง’ เหมือนตอนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยพยายามแบนแอปฯ นี้มาแล้วในปี 2020
ที่มา : Engadget