เลือกโน้ตบุ๊กสายทำงานยังไง ให้ใช้งานได้ยาว Techhub พาไปส่องเทคโนโลยีชิป Intel® Gen ใหม่ ที่สายทำงาน ไม่ควรพลาด
ถ้าหากต้องเลือกโน้ตบุ๊กที่เอาไว้ใช้ทำงานได้อย่างสุดคุ้ม แบบลงทุนครั้งเดียวใช้งานได้ยาวๆ ส่วนสำคัญคือต้องเลือกเทคโนโลยีประมวลที่เป็นรุ่นใหม่ ๆ ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เทคโนโลยีนั้นเก่าเร็วจนไปครับ รวมทั้งยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของความร้อน และการประหยัดพลังงาน เพื่อให้การทำงานไม่มีสะดุด
ชิปเจนใหม่อย่าง Intel® Alder Lake และ Raptor Lake เป็นซีพียูในเจนเนอเรชั่นใหม่ ของ Intel® ที่มีเทคโนโลยีคล้ายกัน เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มองหาเทคโนโลยีที่ไม่ล้าสมัย แต่จะมีอะไรที่เจ๋ง ๆ บ้าง ไปดูกันครับ
ทั้ง Alder Lake และ Raptor Lake Intel® Core™ Processor เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นก่อน ๆ แต่พัฒนามาเป็นในสถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Core ให้มีประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดไปอีกขั้น เอาใจคนยุคใหม่ที่ต้องการความแรง ความเสถียร การประหยัดไฟ พร้อมทั้งตอบโจทย์การเปิดใช้งานทุกๆ โปรแกรมพร้อมกันได้แบบไม่มีสะดุดด้วย Intel® Thread Director
เทคโนโลยี Hybrid Core คือ
ตั้งแต่ชิปรุ่น 12 อินเทลได้มีการออกแบบสถาปัตยกรรมภายในใหม่นั่นคือ Hybrid Core ซึ่งจะแบ่งการทำงานกันเพื่อให้เกิดการใช้งานที่คุ้มค่าต่อพลังงานที่เสียไปมากที่สุด นั่นคือ P-Core และ E-Core
P-Core (Performance core) ให้ประสิทธิภาพสูง ความแรงมาก ทำงานหนักได้สบาย แต่กินไฟมากขึ้นนิดหน่อย ช่วยในการเล่นเกมที่มีรายละเอียดเกมสูงมาก ๆ ช่วยเรนเดอร์วีดีโอหนัก ๆ หรือใช้สำหรับการทำงานแบบ Multitasking ที่ต้องเปิดโปรแกรมหลายอย่างพร้อมกัน
E-Core (Efficiency core) จะรันตอนทำงานเบาๆ เช่นการเปิด Word , Powerpoint , โปรแกรมออฟฟิสอื่น ๆ หรือนั่งดู Youtube ซึ่งคอร์เหล่านี้มีความแรงพอที่จะใช้งานเบาๆ ได้สบาย ประโยชน์คือมีความร้อนน้อยกว่า กินไฟน้อยกว่า ช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้นครับ
นอกจากนี้ยังมี Intel® Thread Director ซึ่งเป็นตัวจัดการลำดับการทำงานของแกนประมวลผลในซีพียูระหว่าง P-Core และ E-Core เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหล โดยระบบดังกล่าวจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อใช้งานควบคู่กับ Windows 11
เทคโนโลยีสำคัญผ่านไปแล้ว มาดูกันว่า ที่เปิดตัวมาทั้งหมดกี่รุ่น
ชิปทั้งสองเจนเนอเรชั่นสำหรับ Notebook มีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือรหัส HX : เน้น Performance สูงสุด แต่ไฟมากที่สุดเช่นกัน เหมาะกับเครื่อง Workstation ถัดมาคือรหัส H : เน้นใช้งานใน Gaming Notebook เป็นหลัก แรงน้อยกว่า HX ประหยัดพลังงานมากกว่า
รหัส P เน้นประสิทธิภาพกลาง ๆ เหมาะกับ Notebook ทั่วไปที่บางเบา และรหัส U สำหรับ Modern Notebook ที่บาง เบา กินไฟน้อย พกพาสะดวก ใช้งานได้ตลอดวัน ซึ่งกินไฟเพียงแค่ 15 วัตต์เท่านั้น ฉะนั้น หากต้องการซื้อโน้ตบุ๊กไว้ทำงานทั่วไป รหัสที่ลงท้ายด้วย U ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมครับ แล้วเราจะดูตรงไหนล่ะ ?
ยกตัวอย่างในหน้าเว็บไซต์ของ Lenovo นะ ซึ่งหากเราสนใจรุ่นใดแล้วกดเข้าไปดู เขาจะมีสเปคของเครื่องบอกชัดเจนว่า เครื่องนี้ใช้ซีพียูอินเทล รหัสลงท้ายด้วยอะไร ตัวอย่างตามรูปภาพด้านล่างเลย โดยให้สังเกตตรงคำว่า Intel® Core™ i5-1335U ครับ
แนะนำสเปคเบื้องต้น สำหรับโน้ตบุ๊กสายทำงาน
สำหรับการทำงาน ส่วนตัวอยากให้มองการใช้งานเป็นชิปของ Intel® เพราะฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ต่าง ๆ มีความเสถียรและเหมาะกับการทำงานมากกว่าครับ ซึ่ง Intel® Core™ Gen 12 และ 13 ก็เป็นเทคโทโนโลยีใหม่ กินไฟน้อย ความร้อนต่ำ แต่ให้ประสิทธิภาพสูงมาก
สำหรับ CPU โชคดีที่ชิปเริ่มต้นสำหรับรหัส U ใน ควรเลือกเป็น Intel® Core™ i5 ไปเลย และถ้าหากเป็นเจน 13 จะพร้อมจำนวนคอร์มากถึง 10 คอร์เลยทีเดียว งานอะไรก็วัดได้หมดจริง ๆ
สำหรับ RAM 4GB น่าจะไม่เพียงพออีกต่อไป ขั้นต่ำสมัยนี้คงต้องเริ่มเป็น 8GB ขึ้นไปแล้ว
สำหรับ Storage ความจุเริ่มต้นที่ควรมีคือ 256GB และควรเป็น SSD PCIe M.2 เพื่อให้ได้ความเร็วที่เหมาะสม
สำหรับ Display อันนี้น่าจะตามไลฟ์สไตล์ ของแต่ละคนนะ แต่ส่วนตัวแนะนำว่า หากต้องการงานใช้ในระยะยาว หน้าจอ 14 นิ้วขึ้นไป จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
แนะนำ Notebook สายทำงานน่าซื้อ
ไหน ๆ ก็ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของชิป Intel® ที่มีนวัตกรรม Hybrid Core และสเปคขั้นต่ำที่ควรซื้อไปแล้ว หากใครยังไม่มีรุ่นในใจ ผมมี Notebook สองรุ่นมาแนะนำครับ
1.ThinkPad X1 Carbon Gen 11
โน้ตบุ๊กบางเบาที่มาพร้อมชิปตัวแรงอย่าง Intel® Core™ i5-1235U Ram 8 GB LPDDR5-6400MHz SSD NVMe M.2 256GB หน้าจอ IPS 14 นิ้ว ทำงานได้แบบไม่ต้องเพ่ง มาพร้อม Windows 11 รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้งานได้แบบลื่น ๆ
2.ThinkPad E15 Gen 4
โน้ตบุ๊กที่เน้นความแข็งแรง ทนทาน และรวดเร็ว ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว รองรับการทำงานได้หลากหลาย มาพร้อมชิป Intel® Core™ i5-1235U และ Ram 8 GB DDR4-3200MHz
จุดเด่นของทั้ง 2 รุ่นที่แนะนำอยู่ที่การปรับแต่งสเปคเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความจุแรม ความจุสตอเรจ หรืออัปเกรดจาก Windows Home เป็น PRO และหากเข้าร่วมเป็นสมาชิก LenovoPro สมาชิกใหม่ จะรับส่วนลดต้อนรับสูงสุด 10% เพียงสั่งซื้อภายใน 30 วันหลังจากลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงถึง 10% พร้อมรับส่วนลดอื่น ๆ เฉพาะสมาชิกสูงสุดถึง 12%
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิก LenovoPro ยังจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ส่วนลดซื้อเครื่องสูงสุดถึง 12% และส่วนลดเพิ่มเติมหากเป็นสมาชิกใหม่อีก 10% มีผู้ช่วยให้คำปรึกษาส่วนตัว ให้ฟรีอุปกรณ์เสริม และส่วนลดเพิ่มเติม มีระบบจัดการข้อมูลและอุปกรณ์ของบริษัทเพียงหนึ่งคลิก ช่วยลดความซับซ้อนของฝ่ายไอที มีรับประกันแบบ Keep Your Drive, Accidental Damage Protection และส่วนลด 68% หากต้องการอัพเกรดการรับประกันอีกด้วย
เช็ครุ่นสินค้า >> bit.ly/40tAq9D
สมัครสมาชิก Lenovo Pro >> bit.ly/3nBJtqk
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาส่วนตัว โทรฟรีที่เบอร์ 1800-011-936