ประกาศเดินหน้าทำงานภายใต้พันธกิจ “Grow in Thailand, Contribute to Thailand”
มุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลและตอบแทนคืนสู่สังคม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบรางวัล “พีเอ็ม ดิจิทัล อวอร์ด” ประเภท “Digital International Corporation of the Year” ให้แก่ นายอาเบล เติ้ง ซีอีโอ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด คว้ารางวัลพิเศษ “พีเอ็ม ดิจิทัล อวอร์ด” ประเภท “Digital International Corporation of the Year” นับเป็นเครื่องยืนยันการสนับสนุนอันทรงคุณค่าและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ย นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยเมื่อ 21 ปีก่อน รวมถึงความทุ่มเททำงานเพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในประเทศไทย โดยหัวเว่ย เป็นบริษัทต่างชาติเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด รับมอบรางวัลจาก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ร่วมในพิธีที่จัดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมชื่นชมคนรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ต่อยอด และสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้ เพื่อก้าวหน้าไปพร้อมกัน ก่อนเสริมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบ 5G และ AI เพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต และหวังให้ความสำเร็จในวันนี้เป็นแรงบันดาลใจส่งต่อไปยังนิสิต นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวกับผู้บริหารของหัวเว่ยว่า ”ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไป และขอแสดงความยินดีด้วย”
“รางวัล PM’s Digital Awards เป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับผู้ที่มีผลงานโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล สำหรับประเภทรางวัล PM’s Special Award: Digital International Corporation of the Year นั้นมีการกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ไว้ในหลายด้าน ได้แก่ มีการวิจัยพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรมทั้งภาคธุรกิจหรือบริการและสังคม มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยสำหรับประชาชน มีการลงทุนในประเทศไทยจนก่อให้เกิดการสร้างงาน การพัฒนาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยต่อยอดสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ โดยหัวเว่ยมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การคัดเลือกและได้รับคะแนนสูงสุดจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มาร่วมพิจารณาผลงานของผู้เข้าประกวดในครั้งนี้” นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าว พร้อมเสริมว่า “หลากหลายเทคโนโลยีดิจิทัลของหัวเว่ยมีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์ในภาพสังคม อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การดูแลความปลอดภัยของระบบ วิกฤตด้านสาธารณสุข และอื่น ๆ รวมถึง โซลูชัน AI และเทคโนโลยี 5G มาใช้ในโรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนทีมแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และดีป้า เพื่อเปิดศูนย์ “Thailand 5G Ecosystem Innovation Center (5G EIC)” เร่งผลักดันการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี 5G และผสานความร่วมมือของทั้งระบบนิเวศ อันจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจของประเทศต่อไป ทั้งนี้ขอแสดงความยินดีกับหัวเว่ยกับรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ และขอบคุณสำหรับความตั้งใจในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยอย่างดีมาโดยตลอด”
“ในฐานะตัวแทนของหัวเว่ย ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เรารับรางวัลพีเอ็มอวอร์ด ในวันนี้” นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) กล่าวในระหว่างพิธีฯ “หัวเว่ยให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรในระยะยาวและพร้อมทำงานร่วมกับลูกค้า ตลอดจนพาร์ทเนอร์จากทุกภาคส่วนเพื่อเป็นกลไกในการช่วยประเทศทรานสฟอร์มสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้พันธกิจ “Grow in Thailand, Contribute to Thailand” บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 และก้าวสู่การเป็น “ดิจิทัลฮับ” ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และช่วยให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง บริษัทจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร เพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างเต็มรูปแบบ”
รางวัลในปีนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันถึงความเป็นผู้นำของหัวเว่ยในอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย และยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจของหัวเว่ยในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร ปัจจัยสู่ความสำเร็จที่ทำให้บริษัทได้รับรางวัลพิเศษในปีนี้ ได้แก่
การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
- ศูนย์โอเพ่น แล็บ กรุงเทพ ศูนย์สนับสนุนแบบวัน-สต็อป ในการจัดหาโซลูชันอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์, บิ๊กดาต้า และคลาวด์คอมพิวติ้ง แพลตฟอร์มการตรวจสอบ และบริการฝึกอบรมด้านไอซีทีสำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- การทดสอบ 5G ในอีอีซี จัดการทดสอบเทคโนโลยี 5G (5G Test Bed) ในรูปแบบการใช้งานจริง ครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา (เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก)
- ศูนย์ 5G EIC (Thailand 5G Ecosystem Innovation Center) ก่อตั้งขึ้นร่วมกับสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยศูนย์นี้จะทำหน้าที่เป็น Sandbox สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ นักพัฒนา สถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลสำหรับแอปพลิเคชันและบริการ 5G เร่งบ่มเพาะบุคลากรดิจิทัลคนรุ่นใหม่ของประเทศ และยกระดับทักษะด้านดิจิทัล
การพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าทางสังคม
- โซลูชั่น AI สำหรับโรงพยาบาลรัฐ ซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และ 5G ที่มอบให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยโรคโควิด-19 เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- โซลูชันวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อการแพทย์ทางไกลของหัวเว่ย สำหรับกระทรวงสาธารณสุข ระบบประชุมทางไกลแบบเรียลไทม์ที่ครอบคลุมฟังก์ชันหลากหลาย ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ แพทย์สามารถให้คำปรึกษาผ่านออนไลน์ทางไกลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้ป่วยก็จะได้รับการวินิจฉัย รักษา และติดตามผลผ่านอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ของตนเองได้
- รถอัจฉริยะไร้คนขับ ด้วยเทคโนโลยี 5G ทำหน้าที่ขนส่งเวชภัณฑ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อของบุคลากรแนวหน้า
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- หัวเว่ย อาเซียน อะแคเดมี่ จับมือเป็นพันธมิตรมหาวิทยาลัยด้านธุรกิจ วิศวกรรม และเทคโนโลยี เพื่อสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลให้ได้ 100,000 คน ภายใน 5 ปี
- คอร์ส 5G อบรมโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและทีมนักวิทยาศาสตร์จากหัวเว่ย หัวข้อการอบรม ได้แก่ เทรนด์ 5G แผนการให้บริการเชิงพาณิชย์ มาตรฐาน 5G กรณีการใช้งาน โมเดลธุรกิจจาก 5G เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการคิดแบบหลากมิติ
หัวเว่ยยังได้ประกาศจับมือกับดีป้า เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศและขยายเครือข่ายอุตสาหกรรม 5G ของประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปีนี้ ทั้งสองจะร่วมจัดงาน 5G Summit สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรม 5G (5G Industry Alliance) พร้อมจัดการแข่งขัน 5G Hackathon และเตรียมออกรายงานสมุดปกขาว (5G Whitepaper) เพื่อร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม 5G ให้ประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาคอีกด้วย