แม้ว่า HUAWEI Mate 10 Series สมาร์ทโฟนเรือธงที่ยกระดับความชาญฉลาดของสมาร์ทโฟนสู่การเป็น “อุปกรณ์อัจฉริยะ” ตัวจริง ด้วยเทคโนโลยี AI น่าจะผ่านหูผ่านตาใคร ๆ กันมาบ้างแล้วเพราะวางจำหน่ายมาได้สักพัก แต่กระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งความสำเร็จด้านยอดขาย และบทรีวิวจากสื่อด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั่วโลกที่นำเสนอเรื่องราวและวิเคราะห์จุดเด่นของ Mate 10 Series ออกมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ
เริ่มจาก Android Authority บล็อกข้อมูลข่าวสารทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับเทคโนโลยีแอนดรอยด์ที่เหล่าสาวกไม่ควรพลาด พูดถึงจุดเด่นของเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่างเอไอ และหน่วยประมวลผล Neural Network Processing Unit (NPU) ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกกับสมาร์ทโฟนใน HUAWEI Mate 10 Series ซึ่งการมีหน่วยประมวลผล Neural Network Processing Unit (NPU) หรือหน่วยประมวลผลโครงข่ายประสาทอยู่ภายในตัวเครื่อง ทำให้โทรศัพท์มีความสามารถการประมวลผลอัจฉริยะแบบเอไอ และการเรียนรู้แบบเครื่องจักร หรือ Machine Learning ภายในตัวเครื่อง นั่นคือสามารถเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนเพื่อปรับเปลี่ยนอินเทอร์เฟซให้สอดคล้องกับผู้ใช้ ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือ ความเสถียร การปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ความเร็วในการทำงาน ตลอดจนประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ และยังแตกต่างจากสมาร์ทโฟนเอไออื่น ๆ ที่ประมวลผลการทำงานต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยเอไอบนระบบคลาวด์ ไม่ได้ประมวลผลในตัวเครื่อง จึงจำเป็นต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ต
เทคโนโลยี AI ยังทำให้กล้องถ่ายภาพของ Mate 10 Series สามารถถ่ายภาพสวยได้เหมือนมืออาชีพ โดยเฉพาะเมื่อผสานกับประสิทธิภาพของเลนส์คู่ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับ Leica มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกถึง 13 โหมด คือ text, food, performance, blue sky, snow, beach, dogs, cats, nightscape, sunrise/sunset, plants, portraits และ flowers ซึ่งครอบคลุมรูปแบบการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมด ตัวประมวลผล NPU ยังสามารถช่วยตั้งค่าต่าง ๆ ทั้งระยะโฟกัส ความสว่าง ค่าคอนทราสต์ และสีสัน ให้เหมาะกับการถ่ายภาพในแต่ละโหมดได้อัตโนมัติ และแน่นอน สำหรับผู้ที่อยากปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ก็สามารถเลือกแบบแมนนวลได้ด้วยเช่นกัน
ส่วน Android Central เว็บข่าวสารสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และ Digital Trends ที่ชอบนำเสนอบทรีวิวเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์รุ่นล่า ๆ ให้ผู้อ่านได้รับรู้ก่อนใคร ให้ความเห็นว่าแบตเตอรี่อัจฉริยะ สุดอึด พร้อมเทคโนโลยี SuperCharge สุดล้ำ คืออีกจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้ HUAWEI Mate 10 Series ก้าวนำสมาร์ทโฟนแฟล็กชิพอื่น ๆ ในท้องตลาด
ด้วยแบตเตอรี่ความจุถึง 4,000 mAh ซึ่งนอกจากสามารถใช้งานได้ 1 วันเต็มสบาย ๆ แล้ว ยังมีระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะซึ่งควบคุมการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับการใช้งานต่าง ๆ เช่นเมื่อคุณเล่นเกมส์ที่ไม่มีกราฟิกหนักหน่วงมาก หน้าจอก็จะสว่างเป็นพิเศษและวอลุ่มเสียงจะดังชัดเจน แต่ถ้าเล่นเกมส์ออนไลน์สามมิติแบบเรียลไทม์ ความสว่างหน้าจอและระดับความดังของเสียงจะลดลงอัตโนมัติ และหยุดการทำงานของแอพต่าง ๆ บนแบ็กกราวด์ที่ไม่ได้ใช้งานในขณะนั้นไปด้วยเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน เทคโนโลยี SuperCharge ยังสามารถชาร์จแบตได้ไวทันใจ ได้ถึง 20% ในเวลาเพียง 10 นาที และได้ถึง 58% ในเวลาเพียง 30 นาที นอกจากนั้น ตังแบตยังมีระบบระบายความร้อนในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องโทรศัพท์ร้อนเกินไปอีกด้วย และสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ตามปกติอย่างปลอดภัยแม้ในขณะที่ชาร์จแบต
ส่วน Phone Arena เว็บยอดฮิตที่รวมรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ ก็ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบคุณสมบัติของแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนตัวท็อปแบรนด์ต่าง ๆ ผลปรากฏว่า HUAWEI Mate 10 Pro ชนะแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ทั้งหมด ทั้งในด้านระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนานถึง 12 ชั่งโมงกับ 5 นาที และระยะเวลาในการชาร์จแบตจาก 0 – 100% ซึ่งใช้เวลาเพียง 102 นาที
ซึ่งเทคโนโลยี SuperCharge ของหัวเว่ยนี้ ยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับโลก โดยสามารถติดตามตรวจสอบวงจรการชาร์จได้ในทุกจุด และปรับระดับแรงดันและกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติเพื่อให้สามารถชาร์จได้ในเวลาที่รวดเร็วที่สุดตามกำลังของโทรศัพท์ อแดปเตอร์ และสายชาร์จที่ใช้ และยังใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำที่ระดับ 4.5V/5A เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องโทรศัพท์เกิดความร้อนเกินไปเมื่อชาร์จแบบเร็ว
ด้าน Techradar เว็บที่อยากรู้อยากเห็นในทุกประเด็นของเทคโนโลยี ชื่นชมคุณสมบัติอันเหนือชั้นของการถ่ายภาพที่มีเทคโนโลยีเอไอเป็นตัวช่วย ซึ่งแน่นอนว่าภาพทุกภาพที่ได้จะสวยเด่นทะลุจอ พร้อมอวดพร้อมโชว์ใน Instagram ได้ทันทีแบบไม่ต้องพึงแอพแต่งภาพใด ๆ เลย นอกจากนั้น ด้วยฟีเจอร์แปลภาษาสุดล้ำสามารถแปลข้อความในภาษาต่าง ๆ ได้ทันที เพียงชี้กล้องไปที่บริเวณที่มีข้อความ ตัวอักษรในรูปถ่าย เช่นป้ายบอกทาง เมนูอาหาร ช่วยให้ผู้ใช้เขียนแคปชั่นหรือใส่แฮชแท็กได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องคิดนาน ยังไม่พอเท่านั้น ระบบแปลภาษาสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ต