หัวเว่ย ประเทศไทย นำโดย คุณ ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดเผยผลประกอบการสมาร์ทโฟนในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมแสดงทิศทางของสมาร์ทโฟนในยุคถัดไปที่ต้องเข้าใจและตอบสนองผู้ใช้ได้มากขึ้น และมีความฉลาดขึ้นด้วย AI
คุณ ทศพร เปิดเผยว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในประเทศไทยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตในทุกด้าน อาทิ ยอดจัดส่งที่เพิ่มขึ้น, กำไรเพิ่มขึ้น และมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2016 ที่มีอัตราการเติบโต 1.2% เท่านั้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้หัวเว่ยเติบโตขึ้นแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่
1.Product : หัวเว่ยให้ความสำคัญการพัฒนานวัตกรรมและใส่ใจในคุณภาพสินค้า ดังจะเห็นได้จากการมีศูนย์วิจัยและพัฒนา หรือ R&D จำนวน 15 แห่งทั่วโลก และใช้งบประมาณลงทุนในส่วนนี้คิดเป็นอันดับ 9 ของโลก พร้อมกันนี้ทางหัวเว่ยยังมีความร่วมมือจากแบรนด์ต่างๆ เช่น Harman/Kardon, Leica, Google, Pantone และ Porsche Design เพื่อเป็นยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
2.Channel : สำหรับในประเทศไทยมีแบรนด์ช้อปของหัวเว่ยเองอยู่ 44 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งภายในปี 2017 ตั้งเป้าว่าจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 60 แห่ง พร้อมกันนี้หัวเว่ยยังได้รับความร่วมมือจากร้านค้าสำหรับวางขายสมาร์ทโฟนมากถึง 9,000 แห่งทั่วประเทศ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 แห่งภายในปีนี้เช่นกัน
3.Brand : การรับรู้ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์หัวเว่ยในประเทศไทยในครึ่งปีแรกมีเพิ่มมากขึ้น 86%, มีความสนใจ ชอบ และอยากซื้อสมาร์ทโฟนจากเดิม 7% เพิ่มขึ้นเป็น 13% และลูกค้ายังหันมาเลือซื้อสมาร์ทโฟนที่เป็น Flagship มากขึ้น เช่น รุ่น P9 / P10 หรือ Mate 9
4.Service : ปัจจุบันหัวเว่ยมีการเพิ่มศูนย์บริการในประเทศไทยจาก 4 จุด เป็น 14 จุดทั่วประเทศ, มีจุดที่สามารถรับซ่อมสมาร์ทโฟน ซื้อที่ไหน ส่งซ่อมที่นั่น 1,000 จุดทั่วประเทศ ขณะเดียวกันหัวเว่ยยังมีบริการที่เรียกว่า Door to Door Service รับเครื่องถึงหน้าบ้าน หากมีปัญหา
สำหรับสมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่รุ่น Flagship เช่น P9 / P10 และ Mate 9 มีบริการที่เรียกว่า Diamond Service ซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมง และการันตีว่าหากซ่อมไม่เสร็จ ยินดีเปลี่ยนเครื่องใหม่ในทันที พร้อมกับมีประกันจอแตกในช่วง 3 เดือนแรก นอกจากนี้ยังมีการรับประกัน 2 ปีอีกด้วย
เป้าหมายของหัวเว่ยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มั่นใจการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า และต้องการมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 ในแง่ของยอดขาย
ก้าวต่อไปของสมาร์ทโฟนหัวเว่ย
จากการทำวิจัยของหัวเว่ยพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเริ่มเปลี่ยนไป มีการใช้งานนานขึ้น, ใช้กล้องมากขึ้น โดยเฉพาะการเซลฟี่, เล่นเกมมากขึ้น, ดูวีดีโอมากขึ้น, มีการใช้งาน Mobile Payment และมีความสนใจในแอพด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ที่สำคัญของหัวเว่ยว่าจะทำอย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้
โดย Artificial Intelligence หรือ AI เป็นเทคโนโลยีที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้นหัวเว่ยจึงเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้และพร้อมที่จะให้ AI เข้ามีบทบาทร่วมกันการทำงานของชิปเซ็ต, การดูแลด้านความปลอดภัย, ระบบคลาวด์ และต้องเข้าใจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของลูกค้าแต่คน พร้อมตอบสนองความต้องการได้อย่างดีที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกครอบด้วยเน็ตเวิร์คโซลูชั่นจากหัวเว่ย
สุดท้ายนี้คุณ ทศพร ยังได้กล่าวถึงกรณีดราม่าเรื่องหน่วยความจำใน Mate 9 ย้ำว่าในรุ่นนี้ยืนยันการใช้ UFS 2.1 ตามมาตรฐาน ส่วน P10 ทางหัวเว่ยไม่เคยโฆษณาเกินจริง ซึ่งข้อมูลที่ออกไปนับเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แต่ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อแบรนด์บ้าง ซึ่งก็เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น พร้อมกันนี้ทางหัวเว่ยยังได้ชี้แจ้งกับทาง สคบ. ครบเรียบร้อยแล้วด้วย
ส่วนประเด็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงปลายปีอย่าง Mate Series ที่หลายคนคาดการณ์จะมีในช่วงไตรมาส 4 แต่จะไม่ได้มีแค่รุ่น Mate แน่นอน