รีวิว Huawei Mate 9 ตัวเลือกที่ใช่ ลงตัวทุกองค์ประกอบ ที่สุดแห่งความคุ้มค่า

ก่อนจะโบกมือลาปี 2016 ทีมงาน Comtoday (www.aripfan.com) ขอส่งท้ายด้วยรีวิวสมาร์ทโฟนตัวท็อปสุดแรง Huawei Mate 9 ที่มาพร้อมกล้องหลังคู่จาก Leica และคุณสมบัติต่างๆ อันทันสมัยที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นน่าใช้อีกรุ่นประจำปีนี้

mate9-review

สเปค Huawei Mate 9 มีดังนี้

– ขนาดความหนาตัวเครื่องอยู่ที่ 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียดการแสดงผล Full HD (1920 x 1080 พิกเซล 373 ppi) หน้าจอครอบทับด้วยกระจกแบบ 2.5D

– ใช้งานได้ 2 ซิม ประเภท NANO SIM

– ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ EMUI 5.0 รุ่นล่าสุด

– ชิปประมวล  Huawei Kirin 960 ประเภท Octa-Core (4×2.4 GHz Cortex-A73 & 4×1.8 GHz Cortex-A53)

– ชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G71 MP8 มาพร้อมกับมาตรฐานด้านกราฟิกรุ่นใหม่ “Vulkan” (ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า OpenGL)

–  แรม 4GB, รอม 64GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 256GB

–  กล้องหลังคู่ พร้อมเทคโนโลยีจาก Leica ซึ่งกล้องตัวแรกมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพแบบ Monochrome (ขาวดำ) กล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำหน้าที่เก็บภาพสี โดยกล้องหลังคู่มีรูรับแสง f/2.2, ระบบกันสั่น OIS, ระบบสนับสนุนการถ่ายภาพ 4 ประเภท ได้แก่ 2x zoom (Hybrid Zoom), Leica optics, phase detection และ Laser Auto-Focus นอกจากนี้ยังมีแฟลชคู่ Dual-LED พร้อมบันทึกวีดีโอในความละเอียด 4K

– กล้องหน้ามากับวามละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียด 1080p

– รองรับฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ

– พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C

– แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh มากับเทคโนโลยี Huawei SuperCharge ชาร์จแค่ 20 นาที ใช้งานได้ทั้งวัน

– สีตัวเครื่องที่เข้ามาวางขายในไทย ได้แก่  สี Champaign Gold และ สีน้ำตาล Mocha Brown

– ราคา 23,900 บาท

การออกแบบ

รีวิว Huawei Mate 9

ขนาดหน้าจอ 5.9 นิ้ว ใครเห็นตัวเลขนี้คงต้องบ่นอุบกันว่ามันต้องใหญ่อลังการแน่ๆ แต่เมื่อนำมาวางเทียบกับ iPhone 7 Plus ที่มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว จะสังเกตเห็นชัดเลยว่ามีขนาดความสูงที่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะ Huawei ใช้การขยายหน้าจอออกด้านข้างทำให้ขอบจอกับขอบตัวเครื่องจนแทบจะกลายเป็นสมาร์ทโฟนไร้ขอบอยู่แล้ว  เรียกได้ว่าหน้าจอ Huawei Mate 9 ใช้พื้นที่บนตัวเครื่องค่อนข้างมากเลยทีเดียว ขณะเดียวกันขนาดความหนาตัวเครื่อง 7.9 มิลลิเมตร ไม่บางจนเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อการหยิบจับที่ถนัดมือนั่นเอง

body-huawei-mate-9-08

ตัวเครื่อง Huawei Mate 9 ยังตอกย้ำความเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมด้วยการออกแบบในลักษณะ full metal unibody สร้างจุดเด่นด้วยความหรูหราสะดุดตาในขณะหยิบจับ ด้านหน้าเหนือหน้าจอเป็นลำโพงสำหรับสนทนา, เซนเซอร์ตรวจจับสภาพแสง, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และไฟ LED แจ้งเตือน ซึ่งไฟดังกล่าวจะอยู่ถัดไปจากกล้องหน้าจะไม่มีจุดสังเกตให้เห็น แต่จะแสดงขึ้นมาต่อเมื่อมีการแจ้งเตือนอย่างสายโทรเข้าหรือข้อความ เป็นต้น ถัดลงมาจากหน้าจอจะไม่มีปุ่มใดๆ เนื่องจากปุ่มย้อนกลับ, ปุ่ม home และปุ่ม Recent app เป็นแบบ on-screen เรียงอยู่ท้ายสุดบนหน้าจอ ซึ่งสามารถตั้งค่าเพื่อสลับตำแหน่งได้ หรือเพิ่มอีกปุ่มสำหรับเรียกใช้  Notification Center ได้

body-huawei-mate-9-09

ด้านหลังตัวเครื่องเน้นที่ความเรียบง่าย ทรอดแทรกด้วยความโดดเด่นของกล้องหลังคู่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีจาก Leica ขนาบข้างด้วยแฟลชคู่ Dual-LED, Laser Auto-Focus ถัดลงมาด้วยปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ยังสามารถใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพ, รับสายเรียกเข้าหรือปิดนาฬิกาปลุก เป็นต้น มีรูไมโครโฟนจิ๋วสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้างอยู่เหนือกล้องหลัง และส่วนท้ายผนึกด้วยโลโก้ Huawei

บริเวณขอบทั้งรอบตัวเครื่อง ด้านบนเป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และอินฟาเรด ขอบด้านขวาป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กับปุ่มพาวเวอร์ ขอบด้านซ้ายจะมีเพียงถาดใส่ NANO SIM ที่รองรับ micoSD card ได้ในตัว แต่ทั้งนี้หากต้องการใช้งานแบบ 2 ซิม จะไม่สามารถใส่ microSD card ได้  ขณะที่ส่วนสุดท้ายขอบล่างสุดเป็นพอร์ต USB Type-C และลำโพงเสียงแบบคู่

การทดสอบเมนูต่างๆ

ซอฟต์แวร์พื้นฐานเป็น Android 7.0 Nougat ครอบด้วยอินเทอร์เฟซ EMUI 5.0 มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนจากเวอร์ชั่น 4.0 สัมผัสได้ถึงความสมูท ความลื่นไหล การเรียกใช้เครื่องมือเชื่อมต่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเชื่อมต่อ 3G/4G, Wi-Fi, Bluetooth ตลอดจนเครื่องมือในการตั้งค่าที่เป็นประโยชน์สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายผ่านแถบ Notification Center ด้านบนหน้าจอ ขณะเดียวกันการค้นหาแอพพลิเคชันทางหน้า home ยังทำได้ง่ายเพียง swipe ที่หน้าจอลงมา จะช่วยเข้าถึงหน้าการค้นหาพร้อมให้เราพิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการได้ รวมไปถึงในหน้าเดียวกันนี้จะมีแถบแสดงแอพที่เราเรียกใช้งานไว้ล่าสุดให้เห็นอีกด้วย

รูปแบบ UI ของ Huawei Mate 9 ถูกกำหนดค่าพื้นฐานให้แอพทั้งหมดเรียงอยู่บนหน้า home สามารถปรับจำนวนแถวของแอพที่เรียงกันได้ แต่หากใครที่รู้สึกว่ารูปแบบนี้ทำให้ดูรก อยากให้หน้า home ดูโล่งๆ ให้แอพบางตัวไปรวมอยู่หน้าอื่น เราสามารถตั้งค่าใหม่ได้ในเมนู “สไตล์ของหน้าจอหลัก” ซึ่งจะมีสองแบบให้เลือก ได้แก่ แบบมาตรฐาน กับอีกแบบที่จะเพิ่ม App Drawer หรือหน้ารวมแอพทั้งหมดขึ้นมา กล่าวได้ว่าเป็นสไตล์ Android ดั้งเดิมนั่นเอง

แอพตั้งค่า ในขณะที่เราเข้าเมนูใดเมนูหนึ่งอยู่ เราสามารถ swipe ทางซ้ายเพื่อเรียกดูเมนูอื่นๆ ซ้อนขึ้นมาได้ เป็นตัวเลือกที่เพิ่มความรวดเร็วจากเมนูหนึ่งไปยังอีกเมนูโดยไม่ต้องกดที่ปุ่มย้อนกลับ

huawei-mate-9-screenshot-0022

ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ ฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคนี้ ซึ่ง Huawei Mate 9 ยังให้การใช้งานฟีเจอร์นี้ทำงานได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม รวมไปถึงสามารถใช้งานอื่นๆ ได้ อาทิ ใช้เป็นปุ่มถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอ, สามารถแตะค้างเพื่อรับสายเรียกเข้าได้, แตะเพื่อปิดนาฬิกาปลุก เป็นต้น เรียกได้ว่าปุ่มสแกนลายนิ้วมือปุ่มเดียวให้ความหลากหลายและสะดวกแก่ผู้ใช้งาน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความ “ง่าย” ในการเข้าถึงแอพต่างๆ และควบคุมการโทรออกหรือรับสายเรียกเข้าเป็นประเภท Gestures & Motion อยู่ในเมนู “การควบคุมการเคลื่อนไหว” (เมนูย่อยใน “ความช่วยเหลืออัจฉริยะ”) จะมีทั้งการพลิกคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า, ยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อลดระดับเสียงเมื่อมีสายเรียกเข้า หรือยกแนบหูเพื่อรับสายเรียกเข้าอัตโนมัติ เป็นต้น

นอกจากนี้เรายังสามารถเรียกใช้แอพที่เราคิดว่าใช้อยู่บ่อยๆ ด้วยการกำหนดเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น กล้องถ่ายถ่ายรูป กำหนดเป็นตัว “c” แล้วใช้ข้อนิ้วมือของเราวาดลงบนหน้าจอในขณะล็อค ซึ่งระบบจะจดจำว่าเราได้กำหนดตัวอักษรไว้ตรงกับแอพได้ จากนั้นระบบจะเปิดกล้องให้อัตโนมัติ เป็นต้น ทั้งนี้เราสามารถกำหนดแอพให้ตรงกับ 4 ตัวอักษรที่มาให้ ได้แก่ “c”, “e”, “m”, “w” และภายในเมนูเดียวกันนี้ยังมีอีกหลายอย่างให้ลองเล่นพอสมควร

การใช้งานด้านความบันเทิง

พลังเสียงของ Huawei Mate 9 เป็นแบบ Stereo+ มีฟีเจอร์ในการตรวจจับการวางของโทรศัพท์ หากวางในแนวนอนระบบจะสลับระบบเสียงแบบปกติเป็นระบบสเตอริโอให้อัตโนมัติ ขณะที่แอพเพลงมีความสามารถในการปรับสีของธีมให้เหมาะสม เสมือนการปรับให้เข้ากับอารมณ์ของเพลงนั้นๆ ส่วนระบบเสียง DTS Sound System จะใช้ได้เมื่อต่อกับหูฟัง เพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงอรรถรสแห่งการฟังเพลงครบทุกมิติ

แบตเตอรี่

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ Huawei ยังคงไว้ต่อเนื่องมาจาก Mate 8 ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh การใช้งานโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นโทรเข้า-รับสาย, Facebook, Instagram, LINE หรือเช็คอีเมล์ มั่นใจได้เลยว่าแบตใน Huawei Mate 9 สามารถอยู่ได้เต็มๆ ถึง 2 วัน ดังนั้นแล้วใครที่จะชอบใช้ด้านการเล่นเกม, ดูคลิปผ่าน YouTube หรือใช้งานหนักๆ นับว่าอุ่นใจได้ และในกรณีฉุกเฉินหากแบตเหลือน้อย ไม่ได้พกสายชาร์จ ไม่มีพาวเวอร์แบงค์ Huawei Mate 9 ยังมีเมนู “แบตเตอรี่” ไว้เรียกใช้โหมดประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งานได้อีกหลายชั่วโมง

Huawei Super Charge

body-huawei-mate-9-06

เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ Huawei ให้ความสำคัญและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งใน Huawei Mate 9 เมื่อจำเป็นต้องต้องชาร์จแบตอย่างเร่งด่วน เราไม่ต้องรอนานเป็นชั่วโมง แค่ 20 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แถมการชาร์จเร็วแบบนี้ไม่มีผลทำให้ตัวเครื่องร้อนแต่อย่างใดอีกด้วยครับ

body-huawei-mate-9-07

กล้องถ่ายภาพ

body-huawei-mate-9-05

มาถึงไฮไลท์สำคัญและเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Huawei Mate 9 กับการถ่ายภาพ ซึ่งกล้องหลังคู่ในที่นี่ถือเป็นการต่อยอดมาจาก Huawei P9/P9 Plus เพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นด้วยความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และแน่นอนมาพร้อมเทคโนโลยีจาก Leica โดยเลนส์ทั้งสองตัวจะแบ่งแยกเก็บภาพสี (RGB) และจัดเก็บภาพขาวดำ (Monochrome) ค่ารูรับแสง f/2.2 มีระบบกันสั่น OIS, Laser Auto-Focus และ PDAF

โหมดสำหรับถ่ายภาพมีให้เลือกเยอะครับ เพียงเปิดกล้องและ swipe จากทางซ้ายแล้วเลือกใช้กันได้ตามใจครับ หลักๆ ที่เลือกใช้บ่อยสุดจะเป็นโหมดภาพถ่าย (โหมดปกติ) กับโหมดภาพขาวดำ (Monochrome) แค่สองโหมดนี้ก็ถือว่าทำให้คุณหลงใหลการถ่ายภาพไปกับ Huawei Mate 9 ได้แล้วครับ

เอาเป็นว่าเราลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังกันดีกว่าครับ เป็นภาพที่ไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ เป็นสีจริงๆ มีเพียงปรับขนาดรูปภาพเท่านั้นครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง โหมดภาพถ่าย (โหมดปกติ)

image-from-huawei-mate-9-011

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง โหมดภาพขาวดำ (Monochrome)

image-from-huawei-mate-9

Wide Aperture

เป็นอีกหนึ่งโหมดจากกล้องหลัง Huawei Mate 9 ที่บอกได้เลยว่า “มันเจ๋งอ่ะ” Wide Aperture หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า “โหมดหน้าชัดหลังเบลอ” เป็นการใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกับการปรับรูรับแสง เพื่อเบลอพื้นหลังหรือจุดที่เราไม่ต้องการโฟกัส ซึ่งทำได้เนียนมาก ในกรณีที่เราใช้โหมด Wide Aperture เราสามารถเลือกจุดที่เราต้องการโฟกัสพร้อมปรับรูรับแสงเพื่อเบลอฉากหลังได้แบบเรียลไทม์ก่อนจะลงมือถ่ายภาพ แต่หากลั่นชัตเตอร์ไปแล้วยังไม่พอใจ เรายังสามารถทำในลักษณะเดียวกับเมื่อสักครู่กับภาพที่ถ่ายไปแล้วได้ซ้ำสองอีกด้วย เรียกได้เป็นโหมดที่ช่วยให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเป็นเรื่องง่ายและทำได้อย่างแนบเนียนมากๆ ครับ

วีดีโอสาธิตการใช้ Wide Aperture Mode จากกล้องหลังของ Huawei Mate 9

ตัวอย่างภาพจากโหมด Wide Aperture

image-from-huawei-mate-9-017

เปรียบเทียบภาพจากโหมด Wide Aperture ใน Huawei Mate 9 กับโหมด Portrait ใน iPhone 7 Plus

กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 มีโหมดปรับหน้าสวยมาให้ใช้ มีให้เลือกปรับหลายระดับเพื่อให้ใบหน้าดูผ่อง เนียนสวยตามที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังมีแฟลชมาให้ แต่จะเป็นในลักษณะของ Screen Flash เพิ่มความสว่างระดับสูงบนหน้าจอใช้งานได้คล้ายแฟลชทั่วไป โหมดถ่ายภาพอาจจะไม่เยอะเท่าของกล้องหลัง แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่แค่โหมดปกติก็ใช้กันเหลือเฟือแล้วครับ

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

สรุปภาพรวม รีวิว Huawei Mate 9

การมาของ Huawei Mate 9 ในช่วงปลายปีเช่นนี้ ถือเป็นการส่งท้ายปี 2016 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเรียกได้ว่า Huawei จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ !! ทั้งด้านดีไซน์ สเปค ประสิทธิภาพภายใน แบตเตอรี่ และเจ๋งแบบสุดๆ กับกล้องหลังคู่ ที่ไม่ว่าคุณจะเชี่ยวชาญเรื่องการถ่ายภาพหรือไม่ ยังไงก็สามารถใช้ Huawei Mate 9 ถ่ายภาพออกมาให้สวยได้

คำถามที่หลายคนให้ความสนใจในเรื่องการรับประกัน ทาง Huawei มีบริการ “Diamond Service” ในกรณีที่หน้าจอแตกสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ฟรี !! ภายใน 3 เดือนแรก, หากเครื่องมีปัญหาการันตีการซ่อมภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมมีบริการรับส่งซ่อมเครื่องถึงบ้านอีกด้วย

ทั้งประสิทธิภาพและการรับประกันแบบบนี้แล้ว คงทำให้หลายๆ คนที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้มีความรู้สึกที่ดีมากขึ้นไปอีกต่อสมาร์ทโฟน Huawei ก่อนจะจากปี 2016 หากยังหาของขวัญต้อนรับปีใหม่ไม่ได้ Huawei Mate 9 ตัวเลือกที่ใช่ ลองดูครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here