หัวเว่ย คลาวด์ เปิดตัวโซลูชันใหม่ พร้อมการอัปเกรดที่ล้ำสมัย เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

หัวเว่ย คลาวด์ เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการเปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมการอัปเกรดเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งไปที่การยกระดับศักยภาพขององค์กรธุรกิจเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล นวัตกรรมดังกล่าวนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ย คลาวด์ ในการนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูล

เจิง ซิงหยุน (Zeng Xingyun) ประธานหัวเว่ย คลาวด์ ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ย คลาวด์เติบโตขึ้นถึง 30 เท่าในตลาดเอเชียแปซิฟิก และก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ 5 อันดับแรก ความสำเร็จที่โดดเด่นนี้เกิดจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างระบบนิเวศในท้องถิ่นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”

“หัวเว่ย คลาวด์ ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะและระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง การเปิดตัวโซลูชันและอัปเกรดในครั้งนี้ สะท้อนถึงพันธกิจของหัวเว่ยในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรธุรกิจในระดับสากล” เซลีน เกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย กล่าว

วิคเตอร์ หลัว (Victor Luo) รองประธานหัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย เปิดตัว 2 โซลูชันอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้แก่ CloudPond และ CodeArts ในงาน Huawei Cloud Thailand Gala Dinner 2024

  • CloudPond นำแนวคิด “One CloudPond, All Cloud Service” สู่การปฏิบัติจริง โดยการเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถปรับใช้บริการคลาวด์สาธารณะได้โดยตรง ณ สถานที่ของตนเอง รองรับบริการคลาวด์ชั้นนำมากกว่า 30 รายการ มุ่งเน้นการจัดเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัย พร้อมลดเวลาแฝงในการให้บริการให้ต่ำกว่า 5 มิลลิวินาที เพื่อมอบความสะดวกสบายและการควบคุมที่ไม่เหมือนใคร
  • CodeArts เป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาซอฟต์แวร์บนคลาวด์แบบครบวงจร ที่ขับเคลื่อนโดยโมเดลการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย คลาวด์ Pangu ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างโค้ดบริการ เพิ่มคำอธิบาย และสร้างกรณีทดสอบโดยอัตโนมัติ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการเข้าถึงที่ครอบคลุมทั่วโลก มีองค์กรกว่า 10,000 แห่ง และนักพัฒนากว่า 5 ล้านคน โดย CodeArts ได้เป็นผู้นำในด้านกลยุทธ์และตลาดแพลตฟอร์ม DevOps ในประเทศจีนมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สาม

นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้ดำเนินการพัฒนาโซลูชันต่างๆ รวมถึง DataArts, MetaStudio และ GaussDB

DataArts มอบโซลูชันขั้นสูงสำหรับการรวมข้อมูล การจัดเก็บ และการบริหารจัดการข้อมูล รองรับแหล่งข้อมูลมากกว่า 30 แหล่ง พร้อมการจัดการเมทาดาต้า (Metadata) การอัปเกรดสำคัญประกอบด้วย

  • สถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย (Innovative Architecture): LakeHouse ที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรม ซึ่งมีการจัดการพูลสามชั้น (Three-layer pooling) แยกการจัดเก็บและการคำนวณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 20%
  • การปรับใช้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Deployment): รองรับทั้งคลาวด์สาธารณะและคลาวด์แบบไฮบริด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลข้ามภูมิภาคและข้ามแหล่งข้อมูลได้ถึง 10 เท่า
  • การรวมข้อมูล (Data Convergence): การจัดการเมทาดาต้า (Metadata) และเวิร์กโฟลว์ (workflow)ที่เป็นระบบเดียวกันในคลังข้อมูลขนาดใหญ่ (Data lake) คลังข้อมูล และแพลตฟอร์ม AI ช่วยเพิ่มการใช้ทรัพยากรได้ถึงสามเท่า

MetaStudio ได้ปฏิวัติการสร้างเนื้อหาดิจิทัลด้วยแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่นำเสนอความสามารถดังนี้

  • การผลิตและการเรนเดอร์บนคลาวด์ในโหมด PGC/UGC
  • การสร้างมนุษย์ดิจิทัล (Digital Human) เนื้อหาสามมิติ (3D Content) และวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมนุษย์ดิจิทัลสามารถลิปซิงค์ริมฝีปากได้ถึง 95% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม

GaussDB ซึ่งเป็นฐานข้อมูลกระจายจากหัวเว่ย คลาวด์ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมคลาวด์เนทีฟที่มีประสิทธิภาพสูง

  • การประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างลงตัว พร้อมความสอดคล้องที่แข็งแกร่งในระบบคลัสเตอร์คู่ (Dual-Cluster)
  • การบูรณาการฐานข้อมูลหลายรูปแบบเพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายสถานการณ์
  • ด้วยเทคโนโลยีที่ยกระดับความปลอดภัย (E2E security) ในการเข้ารหัสข้อมูลและป้องกันการปลอมแปลงแบบครบวงจร GaussDB ได้ยกระดับระบบการทำงานของธนาคารชั้นนำในประเทศจีน และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลข้อมูลบัตรเครดิต KTC ในประเทศไทยได้ถึงสามเท่า
{“ARInfo”:{“IsUseAR”:false},”Version”:”1.0.0″,”MakeupInfo”:{“IsUseMakeup”:false},”FaceliftInfo”:{“IsChangeEyeLift”:false,”IsChangeFacelift”:false,”IsChangePostureLift”:false,”IsChangeNose”:false,”IsChangeFaceChin”:false,”IsChangeMouth”:false,”IsChangeThinFace”:false},”BeautyInfo”:{“SwitchMedicatedAcne”:false,”IsAIBeauty”:false,”IsBrightEyes”:false,”IsSharpen”:false,”IsOldBeauty”:false,”IsReduceBlackEyes”:false},”HandlerInfo”:{“AppName”:2},”FilterInfo”:{“IsUseFilter”:false}}

เซลีน เชา กล่าวว่า การเปิดตัวโซลูชันและการอัปเกรดใหม่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความเป็นผู้นำของหัวเว่ย คลาวด์ในด้านประสบการณ์การให้บริการ ในประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ครองตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยความหน่วงเวลาเพียง 12 มิลลิวินาที และตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ย คลาวด์มีปลอดภัย โดยมีมาตรการการป้องกันที่แข็งแกร่งและการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยกว่า 150 รายการ นอกจากนี้ อัตราการให้บริการ SLA หลักของหัวเว่ย คลาวด์ยังสูงกว่า 99.99% โดยไม่มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในปี 2566

นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ได้มอบรางวัลนวัตกรรม (Innovation Awards) ให้แก่ลูกค้าที่มีผลงานโดดเด่นในการยกระดับประสบการณ์การให้บริการ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคลาวด์อันล้ำสมัย พร้อมทั้งมอบรางวัลความเป็นเลิศ (Excellence Awards) ให้แก่ลูกค้าที่พัฒนาโซลูชันที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ยังมอบรางวัลให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเชิดชูความสำเร็จและการสนับสนุนที่โดดเด่นตลอดมา พร้อมกันนี้ยังได้มอบรางวัลและของรางวัลให้แก่ผู้ชนะจากการแข่งขัน Huawei ICT Competition 2024-2025 โดยผู้ชนะสามทีม ได้แก่ ทีม Union จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (Network Track), ทีม Bearx5 (Cloud Track) และทีม Compnet (Computing Track) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยทีมจะเป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันรอบภูมิภาคในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย