แฮกเกอร์ก็เหมือนกับอาชญากรคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ พวกเขาเป็นพวกฉวยโอกาสในการหาจุดบกพร่องของระบบ และมักจะหาเงินได้อย่างรวดเร็วโดยการหลอกลวง แบล็กเมล์เราหรือคนรู้จักเราครับ
.
ในอดีต เคยมีกรณีที่คนไทยเคยโดนมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้จ่ายภาษีกับสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศ หลอกให้โอนเงินแล้วหายไป รวมทั้งช่องของแอปธนาคารหนึ่ง ที่ปล่อยให้แฮกเกอร์โอนเงินจากบัญชีลูกค้าออกไปได้
.
แต่แฮกเกอร์ก็เหมือน ๆ กับอาชญากรรมทั่วไปที่เราสามารถป้องกันหรือลดความเสี่งที่จะเกิดขึ้นได้ และบทความนี้มีวิธีพื่อช่วยให้ตัวเองไม่ตกเป็นเป้าหมายสำหรับแฮ็กเกอร์และนักต้มตุ๋นอื่น
1. รู้เป้าหมายของแฮกเกอร์
แฮกเกอร์ส่วนใหญ่นั้นมองหาสิ่งเดียวคือ “เงิน” แม้พวกเขาอาจไม่ได้กำลังตามล่าหามันโดยตรง แต่โดยทั่วไปแล้วนั่นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของแฮ็กเกอ์ พวกเขาจะทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ผลตอบแทนนั้นมา ยกเว้นแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ทำงานบางอย่างโดยตรงครับ
.
โดยทั่วไปแล้ว แฮกเกอร์มักจะกำหนดเป้าหมายไปยังบุคคลที่พวกเขาคิดว่าหรือรู้ว่ามีเงิน และไม่จำเป็นต้องเป็นเงินจำนวนมากด้วย แค่เพียงพอที่จะทำให้การแฮกเป้าหมายคุ้มค่ากับความพยายามที่เสียไป หรือก็คือเรียกเงินแล้วมีกำลังที่จะจ่ายนั่นแหละ
.
นอกจากนี้แฮกเกอร์มักจะกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่มีทักษะด้านเทคนิคน้อย โดยผู้สูงอายุจะเป็นเป้าหมายที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ใหม่ ๆ
.
จำไว้ว่าแฮกเกอร์ส่วนใหญ่ต้องการเงิน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นแบบนั้น แฮกเกอร์บางคนมุ่งเป้าไปที่คนบางคนเพื่อแก้แค้นหรือรังควานใครซักคนเพื่อเตะ ยกตัวอย่างเช่น Hacktivism ที่พยายามใช้การแฮกเพื่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในโลก พวกเขามักจะเน้นโจมตีคนที่มีอำนาจเป็นส่วนใหญ่
2. จำกัดสถานะออนไลน์
สิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อความปลอดภัยจากแฮกเกอร์คือการจำกัดสถานะออนไลน์ของ ยิ่งเรามีบัญชีออนไลน์น้อยลง โอกาสที่คุณจะตกเป็นเป้าหมายก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น หากจำเป็นต้องสร้างบัญชีออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Twitter , IG หรืออื่น ๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณกำลังใช้เว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่ปลอดภัยที่สุดเท่านั้น ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนให้มากที่สุด อัปโหลดเฉพาะภาพที่อยากขึ้นจริง ๆ และอย่าแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของกับใคร
.
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการแฮ็กจำนวนมาก เช่น การละเมิดข้อมูล Facebook ในปี 2020 เพราะ Facebook เป็นฝ่ายทำข้อมูลหลุดเอง แต่จะป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเป้าหมายมากขึ้น เพราะการมีบัญชีโซเชียลมีเดียจำนวนมาก นั่นแปลว่าตัวตนคุณจะถูกพบเจอได้ง่ายกว่าคนที่มีแค่บัญชีเดียว
3. อย่าโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคล
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมจำได้ว่าตอนโควิดระบาดแรก ๆ หรือก่อนหน้านั้น มีเพจบางเพจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแจกของ หรือปันน้ำใจ มองดูแล้วก็เป็นสิ่งดี แต่ไม่ใช่ เนื่องจากทางเพจให้โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ชื่อ – นามสกุล เบอร์โทร อีเมล บางเพจถึงขั้นขอเลขบัตรประชาชน เพราะอ้างว่าไม่ให้คนที่ได้แล้วมาเอาซ้ำ
หากถามว่าส่งของให้จริงไหม ก็อาจจะส่งจริง แต่คนที่ได้นั้นครบทุกคนไหม อันนี้ไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งคือ เพจนั้นได้ข้อมูลคนจำนวนมากไปแบบง่าย ๆ ซึ่งเขาสามารถไปขายต่อได้ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีมูลค่ามหาศาลครับ
.
หากทำได้ อย่าโพสต์ที่เปิดเผยว่าเราอาศัยอยู่ที่ไหน และหลีกเลี่ยงการโพสต์ภาพหรือวิดีโอที่แสดงหน้าบ้านของ และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปภาพที่โพสต์ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
.
เพราะเกิดกรณีอื้อฉาวมาแล้ว อย่างเช่น โอตะญี่ปุ่น แกะลอยไอดอล และตามไปจนถึงบ้านได้ โดยใช้ภาพที่สะท้อนจากในดวงครับ
4. เพิ่มความปลอดภัย
อัปเดตซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ให้เป็นรุ่นล่าสุดอยู่เสมอ หากใครใช้ Windows แล้วกลัวว่าการอัปเดตจะสร้างปัญหา ให้ลองสักเกตครับ ว่าหากเป็นแพทซ์ด้านความปลอดภัย ก็ให้รีบอัปทันที
.
นอกจาก OS แล้ว สิ่งที่ต้องอัพเกรดก็คือเบราว์เซอร์ที่เป็นเครื่องมือพาเราออกสู่โลกอินเทอร์เน็ตครับ แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะมีการอัพเกรดให้อัตโนมัติ ยกเว้นคนที่ตั้งค่าอัปเดตเอง
5. รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี
ขั้นตอนสุดท้ายในการทำให้ตัวเองไม่สวยสำหรับแฮกเกอร์คือการมีนิสัยการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ที่ดี คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกบัญชีที่คุณใช้ 2FA หรือการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย เพราะตามสถิติบัญชี 99.9% ที่ถูกแฮ็กไม่ได้เปิดใช้งาน 2FA เมื่อถูกโจมตีครับ
.
และแม้ว่าจะใช้ 2FA แล้ว แต่ก็ไม่ควรนิ่งเฉย เหมือนกับการฉีดวัคซีนนะ ฉีดแล้วก็ยังต้องสวมแมสอยู่ เพราะ 2FA ไม่สามารถป้องกันความผิดพลาดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับ 2FA ที่ดี ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมจริง หรือไม่ใช้พาสเวิร์ดเดียวกันในทุก ๆ บัญชี
.
หากใครกลัวว่าจะลืม ก็สามารถใช้ตัวจัดการรหัสผ่านที่มีบนเบราว์เซอร์ได้ ซึ่งมันจะใส่รหัสผ่านให้เราอัตโนมัติ หรือเซฟพาสเวิร์ดไว้ในแอปช่วยจำรหัสผ่านก็ไม่เลวนะ
สุดท้าย เลือกใช้โซลูชั่นเพิ่มความปลอดภัย การป้องกันที่ดี ควรเน้นสร้างการป้องกันจากตัวเรา และใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วยเหลืออีกทาง ซึ่งมันจะทำกำแพงเราหนาขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Software Internet Security หรือการใช้งาน VPN ที่ทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถระบุตัวตนเราได้ครับ