อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในบ้านเรามีให้บริการความเร็วถึงระดับ 1000Mbps กันแล้ว มีทั้งไฟเบอร์ออปติกหรือและเคเบิ้ล ขึ้นอยู่กับว่าที่บ้านของเรามีผู้ให้บริการรายใด และเปิดให้บริการแบบไหนอยู่ ก็เลือกใช้กันตามสะดวกเลยครับ รับรองว่าแรงถึงใจแน่นอน และโดยส่วนใหญ่ผมว่าน่าจะมากกว่า 90% เป็นแน่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi กับอุปกรณ์พกพาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็ยังใช้ เพราะหากมันอยู่ห่างจาก Router มาก ๆ ก็ไม่คุ้มที่จะเดินสาย ใช้ Wi-Fi นี่ล่ะสะดวกกว่ากันเยอะ
Wi-Fi ที่บ้านแรงที่สุด ถูกที่สุด แต่พอใช้จริงมันกลับไม่เร็ว แรงอย่างที่คิด ทั้งที่ก็เลือกติดความเร็วสูงมาแล้วก็ตาม มันเป็นแบบนั้นเพราะอะไรรู้ไหม คำตอบมันอยูที่ Router Wi-Fi ที่เราใช้กันนี่ล่ะ ส่วนใหญ่เราก็มักจะใช้ที่ Router Wi-Fi ที่แถมมากับอินเทอร์เน็ตที่ติดตั้งนี่ล่ะครับ เพราะมันก็ใช้ได้เหมือนกัน จะเสียตังค์ไปทำไม ถึงอย่างไรมันก็ต้องรองรับอินเทอร์เน็ตที่ติดตั้งได้เต็มความเร็วแน่นอน เรา ๆ ก็ต้องเชื่อกันแบบนั้น ไม่เช่นนั้นจะแถมรุ่นนี้มาทำไม ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ถูกต้องตามนั้น แต่ไม่ทั้งหมด Router Wi-Fi ที่แถมมาตอนเราติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนั้นรองรับความเร็วสูงสุดตามที่เราเลือกจริง แต่ส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมดก็ว่าได้ มันรองรับการใช้งานได้เต็มความเร็วเมื่อเราใช้ผ่านสายแลนเท่านั้น
เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือนำโน้ตบุ๊กมาทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตกันดู วัดจากเว็บไซต์ www.speedtest.net เลยครับ โดยวัดเทียบกันระหว่างการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสายแลนกับการใช้ผ่าน Wi-Fi ความเร็วที่ ถ้าใช้ Router Wi-Fi ที่แถมมาตอนติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่ มั่นใจได้เลยว่าผลที่ออกมาเป็นอย่างที่กล่าวไว้แน่นอนครับ หรือใครสะดวกจะใช้สมาร์ตโฟนทดสอบก็ทำได้เช่นกันครับ ผลที่ออกมาน่าจะได้ไม่แตกต่างจากการใช้โน้ตบุ๊กทดสอบเช่นเดียวกัน
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านไฟเบอร์ออปติกแพ็กเกจ 150Mbps วัดความเร็ว Wi-Fi จาก Router Wi-Fi มาตราฐาน 802.11ac ที่ความถี่ 5GHz ความเร็วมาเกือบเต็ม
แพ็กเกจความเร็ว 150Mbps วัดความเร็ว Wi-Fi จาก Router Wi-Fi ที่แถมมาตอนติดตั้งอินเทอร์เน็ต
เปลี่ยน Router Wi-Fi ความเร็วเปลี่ยน
วิธีแก้ก็ง่ายมาก เปลี่ยน Router Wi-Fi ตัวใหม่เลยครับ นำมาต่อใช้งานร่วมกับ Router Wi-Fi ที่แถมมาจากอินเทอร์เน็ตนั่นล่ะ ซึ่งสาเหตุที่เปลี่ยนมาใช้ Router Wi-Fi ตัวใหม่เพียงตัวเดียว แต่ต้องใช้แบบต่อพ่วงกับตัวเดิมก็เพราะว่า Router Wi-Fi ที่มีจำหน่ายอยู่ในเวลานี้ไม่มีรุ่นไหนมีฟังก์ชั่นที่ทำหน้าที่เป็น Modem รับและแปลงสัญญาณไฟเบอร์ออปติกและเคเบิ้ลในตัวจำหน่ายเลยแม้รุ่นเดียว จึงยังจำเป็นจะต้องใช้ Router Wi-Fi ที่แถมมาอยู่ด้วยเพื่อให้ทำหน้าที่เป็น Modem เพียงอย่างเดียว แล้วนำ Router Wi-Fi ตัวใหม่มาต่อพ่วงเพื่อทำหน้าที่จัดการการเชื่อมต่อและกระจายสัญญาณ Wi-Fi แทน Router Wi-Fi ตัวแถมนั่นเอง
เลือก Router แบบไหนถึงจะใช้ตัวแรงที่ต้องการ
Router Wi-Fi รุ่นที่เราจะต้องเลือกซื้อมาเปลี่ยนนั้น ให้ดูที่สเปกของ Wi-Fi ที่รองรับเป็นหลักสำคัญเลยครับ ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย เจาะจงลงไปเลยต้องเลือกรุ่นที่ Wi-Fi รองรับมาตรฐาน 802.11ac ด้วยเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานความเร็วของ Wi-Fi รุ่นใหมล่าสุด และมีความเร็วสูงที่สุดที่มีจำหน่ายจริงในเวลานี้ ในสเปกก็จะมีตัวเลขต่อท้ายรหัส AC มาด้วย ตัวอย่างเช่น AC1200, AC1600, AC1750 หรืออื่น ๆ ซึ่งตัวเลขต่อท้ายนี้ระบุถึงความเร็วสูงสุดที่มาตรฐาน AC นั้นรองรับได้ แต่ถ้าตัวเลขนั้นระบุมาเกิน 1750 เช่น AC3100, AC5300 นั่นไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่แท้จริงนะครับ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปกับตัวเลขเหล่านี้ เพราะค่าที่เห็นเป็นการนำความเร็วสูงสุดที่ทำได้มาคูณกับจำนวนย่านความถี่ที่ Router Wi-Fi รุ่นนั้น ๆ ส่งได้ อย่างเช่น AC5300 ก็จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1750Mbps ส่งได้ 3 ย่านความถี่ สเปกจึงเขียนออกมาเป็น AC5300 เป็นต้นนั่นเองครับ
เมื่อเลือกรุ่นที่เป็นมาตรฐาน 802.11ac แล้ว สเปกด้านอื่น ๆ ของ Router Wi-Fi รุ่นนั้นก็เรียกว่าดีมาด้วยทั้งหมด ทั้งการส่งสัญญาณที่คลื่นความถี่ 5GHz ได้ การเลือกใช้ซีพียูสเปกสูง พอร์ตเชื่อมต่อแลนแบบ Gigibite เป็นต้น ส่วนจะส่งได้กี่ช่องสัญญาณ ส่งได้ไกลมากแค่ไหน มีออปชันลูกเล่นอะไรบ้างนั้น ก็เลือกได้ตามงบประมาณกันเลย ยิ่งสเปกสูงราคาก็จะสูงตามไปด้วย
ได้ Router Wi-Fi แรง ๆ แล้ว อย่าลืมตัวรับสัญญาณก็ต้องใช่ด้วย
เปลี่ยนเราเตอร์แรงๆ มาตรฐาน 802.11ac มาก็แล้ว แต่ทำไมวัดความเร็วแล้วมันถึงยังได้ไม่เต็มความเร็ว เหมือนกับการใช้แบบต่อสายแลนอยู่แล้วเกิดปัญหาที่ตรงจุดไหนอีก คำตอบมันอยู่ที่ตัวรับสัญญาณด้วยเช่นกัน จะต้องเป็นรุ่นที่รองรับมาตรฐาน 802.11ac ด้วยเช่นกัน ถึงจะใช้ได้เต็มความเร็วเช่นเดียวกับการใช้สายแลน ในส่วนของการใช้งานผ่านอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ เราคงไม่สามารถไปเปลี่ยนภาครับสัญญาณภายในตัวมันได้ ที่เราทำได้ก็แค่เพียงเช็กสเปกของมันเท่านั้นว่ารองรับมาตรฐาน 802.11ac ซึ่งมือถือรุ่นใหม่ ๆในปัจจุบันไม่ต้องถึงกับเป็นรุ่นท็อป ราคาสูงก็รองรับแล้วเช่นกัน
ส่วนของการใช้งานผ่านคอมพ์หรือผ่านโน้ตบุ๊ก เรายังสามารถปรับเปลี่ยนตัวรับสัญญาณ Wi-Fi เป็นรุ่นที่รองรับได้ ซึ่งวิธีการเลือกซื้อมาเปลี่ยนก็แบบเดียวกับครั้งที่เลือก Router Wi-Fi เลยครับ เจาะจงไปที่รองรับมาตรฐาน 802.11ac เป็นสำคัญ ส่วนจะเลือกรุ่นไหนก็ตามงบประมาณเลยครับ