เพราะความใส่ใจในผลิตภัณฑ์และการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมหลายด้าน ไม่ว่าจะประสิทธิภาพของกล้อง ดีไซน์ที่สวยงาม และความคุ้มค่า
หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครนึกถึงความจำเป็นของโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งคิดว่ามันจะกลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนวิธีการสื่อสารและวิถีชีวิตของผู้คนบนโลกไปอย่างสิ้นเชิง จากการรับข้อความสั้น ๆ ได้เพียงฝ่ายเดียวของเพจเจอร์ นำมาซึ่งการพัฒนาจนเกิดเป็นการสื่อสารสองทางผ่านเสียงและข้อความ สิ่งที่เราเคยจินตนาการหรือเห็นในนิยายวิทยาศาสตร์ก็เป็นจริงขึ้นมาผ่านกลุ่มคนที่กล้าคิดนอกกรอบ และลงมือสร้างมันขึ้นมา กลายมาเป็นโทรศัพท์มือถือหรือปัจจัยที่ 5 ของผู้คนในยุคนี้
โทรศัพท์มือถือในยุคแรก ๆ มีการแข่งขันกันสูงในเรื่องรูปแบบและขนาด ซึ่งแน่นอนว่าผู้ผลิตทุกเจ้าต่างงัดเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย แต่หนึ่งในผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแวดวงเทคโนโลยีสื่อสารอย่างแท้จริง นั่นก็คือ ซัมซุง ผู้นำนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือระดับแนวหน้าของโลก ที่ไม่เคยกลัวที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การสื่อสารสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซัมซุงได้สร้างปรากฏการณ์การเป็นผู้นำของโลกในแง่ต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านลูกเล่นที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน เรียกเสียงฮือฮาและสร้างความประทับใจทุกครั้งที่เปิดตัวโทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่น
ในปี พ.ศ. 2545 ซัมซุงปฏิวัติวงการด้วยการเป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำหน้าจอแบบ LCD มาใช้กับจอแสดงผลของโทรศัพท์มือถือ และเมื่อโทรศัพท์ตระกูลกาแลคซี่รุ่นแรกได้ถูกปล่อยออกมาในปี พ.ศ. 2553 ก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนทั้งโลกกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว ที่มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กลายเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกที่พลิกนิยามใหม่ให้กับโทรศัพท์ที่เคยรู้จักไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่หยุดพัฒนา ซัมซุงได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ มาเซอร์ไพร์สผู้คนทั้งโลกอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ผลิตเพียงเจ้าเดียวที่ครองสถิติการเป็น “ที่แรกของโลก” ในการนำสุดยอดนวัตกรรมลงบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานหลายหน้าจอพร้อมกัน ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่น หรือนวัตกรรมขอบจอโค้ง มาจนถึงฟีเจอร์ Always-on แสดงผลบนหน้าจอขณะหน้าจอปิดโดยไม่เปลืองแบตเตอรี่ และครั้งแรกของโลกกับหน้าจอแบบ Infinity Display ใน กาแลคซี่ เอส 8
เพราะความใส่ใจในผลิตภัณฑ์และการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมหลายด้าน ไม่ว่าจะประสิทธิภาพของกล้อง ดีไซน์ที่สวยงาม และความคุ้มค่า ล้วนทำให้ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ครองใจผู้ใช้ในตลาดพรีเมี่ยมได้ไม่ยาก ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ผู้ใช้มีต่อแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
และวันนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญและเป็นโอกาสอันดี ที่ซัมซุงจะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก อย่างการประกาศเปิดตัวนวัตกรรมหน้าจอแบบพับได้หรือ Infinity Flex Display ที่งาน Samsung Development Conference 2018 (SDC 2018) ที่ผ่านมา สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง และกลายเป็นเทคโนโลยีแม่แบบสำหรับโทรศัพท์ในอนาคต
นอกเหนือจากดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซัมซุงยังให้ความสำคัญกับเทรนด์การเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง 5G โดยซัมซุงเป็นผู้ถือสิทธิบัตรอันดับหนึ่งของ European Telecommunication Standards Institute (ETSI) ในการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อรองรับ 5G ซึ่งแน่นอนว่าซัมซุงจะไม่หยุดคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ตามเป้าหมายของแบรนด์ นั่นก็คือการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ง่ายขึ้น สามารถนำเทคโนโลยีไปต่อยอดในการลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้มากขึ้น
การเดินทางอันแสนยาวนานของ ซัมซุง กาแลคซี่ ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้คนทั้งโลก ทำให้สมาร์ทโฟนในตระกูลกาแลคซี่ครองใจคนหลาย ๆ คนได้ไม่ยาก และในปีนี้ ซัมซุงมีผลิตภัณฑ์ที่รอสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ทุกคนได้ยลโฉมอีกมากมาย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองก้าวสำคัญครั้งนี้พร้อมกันในงาน Samsung Galaxy Unpacked ถ่ายทอดสดส่งตรงจากเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ เวลา02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ได้ทางเว็บไซต์: www.facebook.com/SamsungThailand
news.samsung.com/th, www.samsungmobilepress.com, www.samsung.com/galaxy หรือ www.samsung.com