บังเอิญเปิดไปเจอคลิปที่น่าสนใจจาก Harvard Business Review เกี่ยวกับโฆษณา Viral เลยหยิบมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากทำโฆษณาให้กลายเป็นกระแส Viral แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดหลายๆคนยังเคยบอกไว้ว่าบางครั้งมันก็ยากมากที่จะคาดเดาได้ว่าอะไรจะเป็น Viral อะไรจะแป้ก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ได้มีการวิจัยศึกษาเกี่ยวกับโฆษณา Viral มาพอสมควร และหนึ่งในงานศึกษาที่พูดถึงในคลิป “Why Some Ads Go Viral and Others Don’t” ก็ได้อธิบายเอาไว้ว่าโฆษณาจะเป็น Viral ได้ต้องมีปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง
ในคลิปจะเริ่มด้วยการเล่าเกี่ยวกับโฆษณาที่ดีควรเป็นอย่างไร ถ้าหากเป็นสมัยก่อน นักโฆษณามักนิยมเล่าเรื่องแบบให้มีเซอร์ไพรส์ตอนจบของโฆษณา ทำให้คนจดจำโฆษณานั้นๆได้ แต่ปัจจุบัน ด้วยความที่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราดู TV กันน้อยลง หันไปดูทาง Internet แทน เราจึงมักจะกด skip ข้ามโฆษณา โฆษณาในยุคนี้จึงจะต้องดึงดูดความสนใจคนดูได้ตั้งแต่ 5 วินาทีแรก
แต่แค่ดึงดูดก็ยังไม่พอ ต้องทำอย่างไรให้คนติดตามดูโฆษณาจนจบด้วย…
Thales Teixeira ศาสตราจารย์จาก Harvard ได้แนะนำว่าการสร้างโฆษณาที่ดีควรเปิดด้วยอารมณ์ที่เป็นบวก เพื่อดึงดูดคนให้ดูต่อ และต่อด้วยเนื้อหาที่คาดเดาไม่ได้ (เซอร์ไพรส์) แล้วจึงปิดท้ายด้วยอารมณ์ที่เป็นบวก (เช่น มุกตลก) อีกครั้ง ในคลิปเขายกตัวอย่างโฆษณาชุด “Bud light swear jar” ของเบียร์ยี่ห้อ Bud light ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับออฟฟิศแห่งนึงที่ออกกฎไม่ให้พนักงานพูดคำหยาบ ใครพูดคำหยาบจะต้องเอาเงินมาใส่ไว้ในขวดโหลเป็นการลงโทษ แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น พนักงานทุกคนกลับพยายามพูดคำหยาบเพื่อจะได้เสียค่าปรับ (ตรงนี้ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของเรื่อง) เพราะอยากจะเอาเงินค่าปรับไปซื้อเบียร์ จะเห็นว่าโฆษณาตัวนี้ฉลาดตรงที่ใช้มุกเซ็นเซอร์คำหยาบตลอด นอกจากจะดูฮาแล้ว มันยังทำให้คนดูอย่างเราๆมานั่งคิดว่าตัวละครในโฆษณาพูดคำหยาบอะไร
โฆษณาชุด Clothing Drive ของ Bud light
สำหรับลักษณะของโฆษณาที่จะทำให้เกิดการแชร์จนเป็นกระแส Viral ได้นั้นก็จะต้องมีเนื้อหาที่เซอร์ไพรส์คนดูเช่นกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจะต้องไม่เป็นการเซอร์ไพรส์ที่ทำให้คนตกใจ (Shockingly surprise) ในคลิปก็ได้ยกตัวอย่างโฆษณาของเบียร์ Bud Light อีกตัวที่คนดูชอบ แต่ไม่เกิดการแชร์ที่มาก นั่นคือโฆษณาชุด “Clothing Drive” ในโฆษณาจะเต็มไปด้วยฉากที่เหมือนว่าตัวละครในโฆษณาโป๊อยู่ มีแค่แถบดำมาคาดตรงจุดสำคัญเอาไว้ ด้วยเหตุนี้คนเลยไม่ค่อยแชร์กัน ….อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวของสมิตที่เป็นแอดมินแฟนเพจมาหลายปีก็พบเหมือนกันค่ะว่า Content ที่มีเนื้อหาวาบหวิวหน่อยๆมักจะไม่โดนแชร์ แต่คนกดเข้าไปดูเยอะมากกกกก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจซะทีเดียว เพราะคนเรามักจะแชร์ในสิ่งที่ทำให้คนอื่นคิดว่าเราดูดีนั่นเอง
ใครสนใจ ลองไปฟังคลิปเต็มๆได้ที่ Harvard Business Review ค่ะ เป็นคลิปสั้นๆ ประมาณ 5-6 นาทีเท่านั้นเอง
ที่มา SamitaSpace