Google เผยผลการทดสอบ รถยนต์ไร้คนขับ หรือ Self-Driving Cars หลังจากที่ปล่อยรถยนต์ไร้คนขับจำนวน 20 คัน วิ่งบนท้องถนนเป็นระยะทาง 1.7 ล้านไมล์ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า เกิดอุบัติเหตุเพียง 11 ครั้งเท่านั้น และ เป็นอุบัติเหตุแบบเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย
Google Self-Driving Cars หรือโปรเจครถยนต์ไร้คนขับของ Google ที่มีการถกเถียงมาอย่างยาวนานว่า มันจะสามารถวิ่งบนท้องถนนได้จริงหรือ ? วันนี้ได้มีผลการพิสูจน์แล้วว่า มันปลอดภัยกว่ามนุษย์ขับซะอีก !!
ทาง “Backchannel” ได้เปิดเผยรายละเอียดการทำงานของ Self-Driving Cars หรือรถยนต์ไร้คนขับของ Google และผลการทดสอบที่ Google ได้มีการปล่อยรถยนต์ไร้คนขับ(แต่ยังมีคนคอยคุมอยู่เผื่อฉุกเฉิน)ของตัวเองจำนวน 20 คัน วิ่งบนท้องถนนในอเมริกา ตลอดการวิ่งในระยะทางถึง 1.7 ล้านไมล์ (2.7 ล้าน กม.) โดยแบ่งเป็น อาทิตย์ละ 10,000 ไมล์ (16,000 กม.) ใช้เวลาไปทั้งหมด 6 ปี ผลที่ได้คือ เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กๆน้อยๆแค่ 11 ครั้งเท่านั้น และไม่มีการบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น
สำหรับอุบัติเหตุทั้ง 11 ครั้ง หนึ่งในนั้นเกิดจาก การที่รถ Self-Driving Cars ของ Google เวลาจะเลี้ยวรถผ่านสี่แยกในขณะที่ไฟเขียว ตัวรถจะชะลอความเร็วลงก่อนเลี้ยวเพื่อความปลอดภัย แต่ก็มีรถคันหนึ่ง ทันทีที่เห็นไฟเขียว ก็รีบวิ่งโดยไม่ลดความเร็วลง ทำให้ชนกับท้ายรถ Google ทันที แต่อย่างไงก็ตาม ก็ไม่มีรายงานการบาดเจ็บแต่อย่างใด
จากอุบัติเหตุดังกล่าว เป็นการชี้ให้เห็นเลยว่า คนส่วนใหญ่มักจะขับรถโดยประมาท ซึ่งกรณีของรถ Google นั้น ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ตามสถิติก็มีเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว นอกจากขับรถเร็วแล้ว ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆอย่าง การเล่นมือถือบนรถ การอ่านหนังสือบนรถ และแม้กระทั้งการเป่า”ทรัมเป็ต”บนรถด้วย !!? ยังไงก็ตามแต่ สถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของอเมริกานั้น ก็สูงถึง 33,000 คนต่อปีเลยทีเดียว
การทำงานของ Self-Driving Cars นั้น ในตัวรถจะมีกล้องเซ็นเซอร์จำนวนมาก ที่จะตรวจจับสภาพแวดล้อมแบบ 360 องศา ทำให้สามารถวิเคราะห์การควบคุมตัวรถไม่ให้ไปชนกับรถคันอื่นได้อย่างแม่นยำ ส่วนข้อมูลที่ได้จากการวิ่งมา 6 ปี ทาง Google ก็จะเอาพัฒนาให้รถไร้คนขับนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นต่อไป
ที่มา : The Next Web , Techspot ภาพ : Backchannel