7 ข้อสงสัย ทำไมเกมเมอร์ต้องใช้ “จอเกมมิ่ง” และเลือกซื้อตัวไหนดี

ลองนึกภาพว่าคุณมีเครื่องคอมพ์ที่แรง แต่ต้องมาเล่นเกมบนหน้าจอเล็ก ๆ ขนาด 19-21″ มันจะดูอึดอัดไปหรือเปล่า แถมภาพยังไม่คมชัด สีไม่สวย หรือความลึกของสีไม่ไหลลื่น ภาพแตกเป็นระยะ แบบนี้เล่นได้ไม่นานก็คงเซ็ง

จอคอมพิวเตอร์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณสามารถสนุกสนานไปกับการเล่นเกมได้ไม่รู้เบื่อ นอกเหนือจากเครื่องคอมพ์สเปกแรง ๆ แล้ว การเลือกหน้าจอแสดงผลที่ดี ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว มีมุมมองที่กว้าง และสร้างสรรค์ภาพให้ดูน่าตื่นเต้นเร้าใจ คุณก็แทบจะไม่อยากวางมือออกจากเมาส์และคีย์บอร์ดได้เลย นั่นเป็นเพราะ หู ตา สัมผัส สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของมนุษย์เรา ลองนึกภาพว่าคุณมีเครื่องคอมพ์ที่แรง แต่ต้องมาเล่นเกมบนหน้าจอเล็ก ๆ ขนาด 19-21″ มันจะดูอึดอัดไปหรือเปล่า แถมภาพยังไม่คมชัด สีไม่สวย หรือความลึกของสีไม่ไหลลื่น ภาพแตกเป็นระยะ แบบนี้เล่นได้ไม่นานก็คงเซ็ง

แต่คุณก็สามารถเลือกจอมอนิเตอร์ได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ตรงกับรูปแบบการเล่นเกมตามที่ต้องการได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีมอนิเตอร์สำหรับการเล่นเกมออกมาวางจำหน่ายมากมายก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น จอใหญ่ ความละเอียดสูง 2K/4K จอโค้ง หรือมาพร้อมเทคโนโลยี FreeSync, V-Synce หรือ G-Sync สิ่งเหล่านี้คุณสามารถเลือกให้ลงตัวกับเงื่อนไขความต้องการ หรืองานและรูปแบบของเกมที่คุณเล่น รวมถึงเงินในกระเป๋าของคุณได้อีกด้วย มาเริ่มดูตั้งแต่ความต้องการและคำถามที่มักเจอกันบ่อยดีกว่า

1.เลือกมอนิเตอร์มาเล่นเกม ต้องใช้จอขนาดใดดี ?

เรื่องขนาดจอดูจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันมากที่สุด เพราะบางคนอาจมองว่า นั่งใกล้ ๆ ไม่ต้องจอใหญ่มากก็ได้ แต่บางคนก็ให้ความสำคัญกับจอขนาดใหญ่มากกว่า เพราะจะได้เห็นแบบเต็มตาชัดเจน เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรือถูก สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณพอใจกับจอระดับใด เนื่องจากสายตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนจอใหญ่ใช่ว่าจะมองชัด หรือบางคนมองใกล้ ๆ ชัดเจนกว่า แต่โดยทั่วไปเกมเมอร์มักให้ความสนใจกับมอนิเตอร์ขนาดใหญ่มากขึ้น ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะแค่ให้ความรู้สึกสนุกตื่นเต้นเท่านั้น แต่ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ก็มักจะมาพร้อมความละเอียดที่สูงไปด้วย ซึ่งความละเอียดอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะขยับไปที่ Full-HD หรือ 1920×1080 สำหรับจอภาพ 21 นิ้วขึ้นไป แต่ด้วยความละเอียดระดับนี้ มอนิเตอร์ 24-27” บนความละเอียดดังกล่าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เหมาะกับการเล่นเกมเป็นอย่างยิ่ง เพราะให้รายละเอียดที่ชัดบนขนาดที่ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเกมแอ็กชันหรือ RTS ก็เข้ากันได้กับจอขนาดนี้ สนนราคาเริ่มจาก 4,000 บาทเป็นต้นไป จนถึงระดับหมื่นบาท

2.ขนาดจอเท่ากัน ทำไมรุ่นหนึ่งแพง อีกรุ่นหนึ่งถูกกว่า ?

ตามข้อมูลในหัวข้อแรก แม้ว่ามอนิเตอร์ที่เราเห็นนั้นจะมีขนาดเท่ากัน เวลาที่เราไปเดินดูในร้านหรือในงานแฟร์ต่าง ๆ เช่น งาน คอมมาร์ต เราจะเห็นชั้นวางจำหน่ายจอขนาดใหญ่นี้มากมาย บางรุ่นมีขนาดเท่ากัน เช่น มอนิเตอร์ 24” แต่จะเห็นได้ว่า ราคาไม่เท่ากัน แม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันก็ตาม นั่นเป็นเพราะเทคโนโลยีและสเปกที่ต่างกัน เนื่องจากออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนละตลาด บางรุ่นมาพร้อมความละเอียดที่สูงกว่า เช่น 2K หรือ Hz ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่สูงขึ้น (จะแยกอธิบายด้านล่าง) มีเทคโนโลยี G-Sync หรือ FreeSync เพิ่มเติมเข้ามา รวมไปถึงการใช้พาแนลที่มีคุณภาพสูง เช่น IPS สิ่งเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้ราคาของจอแพงขึ้น นอกเหนือจากฟีเจอร์และดีไซน์ที่พิเศษกว่าเดิม

3.จอใหญ่ความละเอียดเท่าไรถึงจะเหมาะ?

ในเรื่องความละเอียด แน่นอนว่ายิ่งละเอียดมากก็ยิ่งดี เพราะยิ่งใช้จอใหญ่ ถ้ามีความละเอียดต่ำ ก็จะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดได้ไม่ชัด และการแสดงผลก็จะดูหยาบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเอฟเฟ็กต์ระเบิด ใบไม้ที่ลู่ลม หรือใบหน้าของคนก็ตาม ซึ่งหากเป็นความละเอียดสูง เช่นจอ 24” ใช้ความละเอียด Full-HD ก็จะทำให้ภาพมีความคมชัดมากกว่าจอ 32” ที่ความละเอียดเท่ากัน แต่อย่างไรก็ดี การจะเลือกจอเล่นเกมขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง ก็ต้องมีสเปกเครื่องที่ดีด้วย หากต้องการภาพที่ได้จากเกมแบบ Native หรือเป็นการปรับภาพจากในเกมให้ตรงกับความละเอียดจอ มิเช่นนั้น แทนที่จะได้เล่นเกมแบบสวย ๆ ภาพลื่น ๆ ก็ต้องเจอปัญหาภาพกระตุกแทน เฟรมเรตตกเพราะไม่สามารถดันกราฟิกให้มีเฟรมเรต (FPS) หรือการแสดงผลหน้าจอต่อวินาทีได้มากกว่า 30-40 fps. นั่นเอง อย่างไรแล้วอาจจะต้องเช็กคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยว่าแรงพอหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นซีพียูหรือกราฟิกการ์ดก็ตาม

4.IPS และ TN ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน ?

ภาพจาก laptopscreen.com

การจะเลือกระหว่างหน้าจอ IPS หรือ TN Panel ก็ต้องมาทำความรู้จักถึงจุดเด่นและข้อจำกัดในเบื้องต้นก่อน IPS หรือ In-Plane Switching เป็นจอที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการภาพที่สวยงาม คมชัด และที่สำคัญมีการให้สีได้ตรงหรือใกล้เคียงมาตรฐาน Adobe RGB มากที่สุดถึง 97% ด้วยกัน จึงทำให้การแสดงผลหน้าจอมีความผิดเพี้ยนน้อยมาก และมักได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานกราฟิก เช่นเดียวกับมุมมองที่กว้างถึง 178 องศา แต่จะมีผลต่อเกมเมอร์ด้วยรึเปล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับความซีเรียสของแต่ละคน และเพื่อให้ได้คุณสมบัติเหล่านี้ ผู้ใช้ก็ต้องจ่ายเยอะขึ้นมากพอสมควร ต่างจาก TN Panel ที่ให้อัตราการตอบสนองหรือ Response time ได้ดีพอสมควร จึงเหมาะกับเกมเมอร์ที่อาจมีงบประมาณจำกัด และไม่ถึงขนาดที่ต้องมานั่งสังเกตสีและการแสดงผล รวมถึงมุมมองที่ไม่กว้างเท่า IPS แต่ให้ราคาที่ถูกกว่า IPS ในหลาย ๆ โมเดล

5.FreeSync หรือ G-Synce จำเป็นหรือไม่ในการเล่นเกม ?

สำหรับเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น G-Sync หรือ FreeSync ต่างทำหน้าที่ในการลดความเหลื่อมหรือการเกิด Screen tearing effect ที่เป็นลักษณะของภาพกราฟิกขาด อันเนื่องจากเฟรมเรตของการประมวลผลและการแสดงหน้าจอไม่ตรงกัน เช่น เฟรมเรตในเกมที่เกิดจากการ์ดจอมีความเร็วมากกว่าอัตรา Refresh Rate ของหน้าจอแสดงผล ก็จะทำให้ได้ภาพที่เหลื่อมเลื่อนต่างกัน ยิ่งเป็นเกมแนวแอ็กชั่น FPS ที่มีภาพเคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา และยิ่งช่วงที่มีระเบิดหรือเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ก็จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างคือ เครื่องที่เราใช้แรงขนาดทำเฟรมเรตได้ 100fps แต่จอภาพที่ใช้เป็นจอทั่วไป รองรับได้แค่ 60Hz ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพแตกหรือภาพเหลื่อมนั่นเอง เพียงแต่จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ระหว่าง G-Sync ของทาง nVIDIA และ FreeSync ของทาง AMD ทั้งในเรื่องฮาร์ดแวร์และราคา ซึ่งในจุดนี้อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ใช้เอง

6.มอนิเตอร์เล่นเกม จำเป็นต้อง 144Hz หรือไม่ ?

ตัวเลข Hz เป็นค่า Refresh Rate การแสดงผลของหน้าจอมอนิเตอร์ หรือที่เรียกว่าการกระพริบของหน้าจอ ตัวเลขยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะจะให้ภาพที่ดูนิ่งสบายตา ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 60Hz เป็นอย่างน้อย แต่เพื่อให้รองรับการเล่นเกมในแนวแอ็กชั่นหรือ FPS ได้ดีขึ้น ก็ต้องสอดคล้องกับเฟรมเรตที่ออกมาได้อย่างไหลลื่น โดยมอนิเตอร์บางรุ่นปัจจุบันออกสูงถึง 144Hz แล้ว ซึ่งก็ทำให้เข้ากับเฟรมเรตที่เกิดขึ้นบนการ์ดจอรุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงได้ดีกว่าเดิม กรณีที่เฟรมเรตสูงกว่า 60Hz อย่างน้อยจอมอนิเตอร์ก็ยังรองรับได้ ไม่เกิดอาการภาพขาดให้เห็น แต่สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือ การใช้หน้าจอที่มี Hz สูง ๆ นี้อาจจะต้องใช้สายสัญญาณตามที่ผู้ผลิตแจ้งมา เพื่อให้ทำงานได้สอดคล้องกัน เพราะสายสัญญาณบางแบบอาจไม่รองรับการปรับได้สูงมากนัก จึงไม่สามารถดึงศักยภาพในการทำงานออกมาได้หมด

7.เล่นเกม ต้องเลือกจอโค้งด้วยไหม ?

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ต้องยอมรับว่าจอโค้งหรือ Curve monitor ได้รับความนิยมมากขึ้น และหลายค่ายก็เหมือนจะเห็นพ้องตรงกันในเทรนด์ใหม่นี้ ด้วยการเปิดตัวจอใหม่ในแบบจอโค้งเหล่านี้ออกสู่ตลาดอยู่หลายรุ่นเลยทีเดียว นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงให้เห็นว่ากระแสนิยมก็เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาสนใจกัน แต่จอโค้งจะดีอย่างไร แน่นอนว่า จอโค้งให้มุมมองได้มากกว่า เพราะด้วยรูปแบบที่ดูโอบเข้ามาหาผู้ใช้ ทำให้ได้ความรู้สึกในภาพแบบแนวลึก สายตาสามารถกวาดไปยังมุมต่าง ๆ ได้มากกว่าจอแบน และยังปรับแสงให้สมจริงยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสายตาเราที่มีโฟกัสในเกมและมีสมาธิ ลดอาการเมื่อยล้าสายตาลง และลดความบิดเบือนของภาพได้จากการลดแสงตกกระทบบนหน้าจอนั่นเอง เมื่อภาพที่เกิดขึ้นมีความโค้งเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้เรารู้สึกอินเข้าไปในเกม เหมือนเป็นตัวละคร เพราะภาพที่ใกล้เคียงกับตาที่เรามองเห็นนั่นเอง เพียงแต่การที่จะให้ได้สิ่งที่คุณต้องการเหล่านี้มาทั้งหมด อาจจะต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง ฉะนั้นหากต้องการจะเลือกจอโค้งที่ให้ความสมจริง กับจอแบนที่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า ขึ้นอยู่กับว่าคุณพร้อมสำหรับสิ่งใดมากที่สุด

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามในใจเหล่านี้ได้แล้ว ที่เหลือก็เพียงพิจารณารูปแบบดีไซน์และฟังก์ชั่นเสริมอื่น ๆ รวมถึงงบประมาณที่คุณตั้งเอาไว้เท่านั้น ขอให้คุณพบจอมอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมที่โดนใจ และให้ความสุขกับคุณได้ในทุก ๆ วันครับ

บทความโดย LK จาก Comtoday ฉบับที่ 553