ผู้นำด้านไอทีเปิดเผยแผนการป้องกันธุรกิจ ในการสำรวจการรักษาความปลอดภัยทั่วโลกจากฟอร์ติเน็ต

ฟอร์ติเน็ต (Fortinet) ผู้นำระดับโลกด้านความปลอดภัยเครือข่ายทรงประสิทธิภาพพบว่า 90% ของ CIO และ CTO เชื่อว่า การรักษาความปลอดภัยขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญ และที่ประชุมบอร์ดคณะกรรมการขององค์กรมีความกดดันในการสร้างความปลอดภัยให้องค์กรเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งในสามในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่งและได้รับการพิจารณาเหนือกว่าด้านธุรกิจอื่นๆ

ผลการวิจัยเหล่านี้ได้มาจากการสำรวจอิสระของฟอร์ติเน็ตโดยบริษัทวิจัยตลาดออนไลน์อิสระ Lightspeed GMI เมือเดือนสิงหาคมปี 2557 โดยมีผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีขององค์กรกว่า 1,600 แห่ง ใน 15 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน โคลัมเบีย ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี เม็กซิโก อเมริกา และ สหราชอณาจักรอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่มีพนักงานมากกว่า 500 คน เป็นผู้ตอบการสำรวจในครั้งนี้

ซึ่งผลจากการสำรวจ พบว่า:

บอร์ดให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในระดับต้นๆ พบว่า บอร์ดให้ระดับการรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ “สูง” และ “สูงมาก” เป็นจำนวน 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด ซึ่งเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนเพียง 50% เท่านั้นที่ให้คะแนนระดับนี้ นอกจากนี้ มีจำนวน 53% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีขององค์กรยอมรับว่า ได้ยกเลิกหรือชะลอความคิดริเริ่มทางธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งโครงการ อาทิ แอปพลิเคชั่นและบริการใหม่ เนื่องจากมีความกลัวเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะโครงการที่เป็นแอปพลิเคชั่นและกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับโมบาย และคลาวด์

fortinet-001

ตารางที่ 1 โครงการที่ได้ยกเลิกหรือชะลอเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย  

 

เทคโนโลยีใหม่ยิ่งเพิ่มความกังวลด้านความปลอดภัยมากขึ้น

ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีขององค์กรยอมรับว่า ความถี่ จำนวนและความซับซ้อนของภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ภัยคุกคามชั้นสูง (ที่เรียกว่า Advanced persistent threats: APT) การโจมตีที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ระบบหยุดการทำงานไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทั้งระบบหรือเครื่องเดียว (ที่เรียกว่า Distributed Denial of Service: DDoS) attacks และภัยไซเบอร์อื่นๆ (88%) และความต้องการใหม่ๆ ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น Internet of Things (IoT) และ Biometrics (88%) เป็นสาเหตุของความท้าทายด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุด ที่ต้องเร่งทำให้องค์กรของตนปลอดภัย มีจำนวน 46% อ้างว่า ได้เริ่มต้นติดตั้งหรือจะติดตั้ง Biometrics ภายใน 12เดือน และมีจำนวน 1 ใน 3 คาดว่าตนจะมีปัญหาด้านความปลอดภัยแบบ Biometrics ในอนาคต

ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวและสถานการณ์ข้อมูลขนาดใหญ่ทำให้ต้องเพิ่มการลงทุน

ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีขององค์กรส่วนใหญ่ยอมรับว่า ความเป็นห่วงด้านการรักษาข้อมูลส่วนตัว ‘Data privacy’ (90%) และการเกิดข้อมูลขนาดใหญ่ให้ความปลอดภัย ‘Big Data’ (89%) เป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่นำไปสู่การปฏิบัติ โดยในหลายๆ กรณีจะหมายถึงการลงทุนรักษาความปลอดภัยไอทีใหม่
ในกลุ่มผู้เลือกข้อด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวนั้น มีจำนวนถึงร้อยละ 56 มีแนวโน้มที่จะจัดสรรเม็ดเงินและทรัพยากรมาลงทุนให้มากขึ้น เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ และอีก 44% เลือกที่จะคิดทบทวนกลยุทธ์ที่มีอยู่ใหม่อีกครั้ง

ภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มที่จะลงทุนในการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจให้บริการทางการเงิน (53%) และโทรคมนาคม/เทคโนโลยี (59%) การวิจัยยังชี้ให้เห็นอีกว่า องค์กรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีแนวโน้มในการลงทุนมากที่สุดเช่นกัน

 

ผลการสำรวจพบความต้องการไซเบอร์ที่ปลอดภัยและสมดุลย์

มร. จอห์น เมดิสัน รองประธานฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ แห่งฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า “ด้วยการที่บอร์ดมีความกังวลในด้านรักษาความปลอดภัยไอที ในขณะที่องค์กรยังต้องเดินหน้าผลิตนวัตกรรมบริการใหม่ๆ ที่มีความปลอดภัยออกมา องค์กรเหล่านี้จะต้องลงมือโดยทันที เพื่อปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามต่างๆ พร้อมทั้งทบทวนเป้าหมายและสร้างสมดุลย์ในการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีของโลกไซเบอร์อีกครั้งอย่างจริงจัง

ข่าวดีก็คือ มีองค์กรจำนวนมากที่รู้สึกว่า ตนเองมีทรัพยากรทางการเงินและทีมงานที่ดีเพื่อต่อสู้กับปัญหาด้านความปลอดภัยไอทีที่จะเผชิญในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้พบกลยุทธ์ใหม่ที่ดีๆ และเห็นการวางแผนในการลงทุนด้านเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอีกด้วย”

fortinet-002

ตารางที่ 2 แนวทางการลงทุนด้านความปลอดภัย  

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here