Vint Cerf รองประธาน Google หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิดาแห่งอินเทอร์เน็ต” ออกมาเตือนว่า อีกหน่อยในอนาคต ไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ หรือ ไฟล์ข้อมูลดิจิตอลอื่นๆ ในปัจจุบัน จะมีความล้าสมัยลง และทำให้ในอนาคตข้อมูลเหล่านี้จะไม่สามารถอ่านได้อีก เนื่องจากเครื่องมืออ่านไฟล์จะมีความล้ำสมัยขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราควรมีการอนุรักษ์ไฟล์ข้อมูลเหล่านี้ไม่ให้สูญหายตายจากไป
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจของคำว่า “ยุคมืดทางดิจิตอล” กันก่อนครับ ในที่นี้หมายถึง การที่ไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิคต่างๆ จะล้าสมัยขึ้นเรื่อยๆ จนเครื่องมืออ่านไฟล์ในอนาคตจะไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ อธิบายง่ายๆคือ สื่อบันทึกข้อมูลชนิดหนึ่ง กำลังจะหมดไปจากโลก หรือ เรียกง่ายๆว่า ตกรุ่นนั้นเอง ร้ายแรงยังไง ? ยกตัวอย่าง ใครยังจำ แผ่น Floppy Disk กันได้ไหมครับ ในสมัยนั้นถือได้ว่าเป็นอะไรที่ไฮเทคมากๆ สำหรับอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดเล็ก เพราะเมื่อก่อนอุปกรณ์เก็บข้อมูลมักจะมีขนาดใหญ่ แต่แล้ว มันก็ถูกกลืนไปกับความมืด หลังเจอ Flash Drive เข้ามาแทนที่ในเวลาต่อมา ใครที่เคยนิยมบันทึกข้อมูลไว้ใน Floppy Disk ก็เป็นอันว่า ‘จบเห่’ ไปปริยาย เพราะคอมฯสมัยใหม่ไม่มีตัวอ่านแผ่น Floppy Disk อีกต่อไปแล้ว นี้จึงเป็นที่มาของคำว่า “ยุคมืดทางดิจิตอล” นั้นเอง (อีกตัวอย่างก็ กล้องฟิล์ม เป็นต้น)
กลับมายังยุคปัจจุบัน Vint Cerf รองประธาน Google หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิดาแห่งอินเทอร์เน็ต” ผู้ออกแบบโปรโตคอล TCP/IP ให้เราใช้ทุกวันนี้ ได้ออกมากล่าวว่า เรากำลังเข้าสู่ “ยุคมืดทางดิจิตอล” เร็วขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เชื่อว่า ในอนาคต คนสมัยใหม่จะไม่สามารถอ่านข้อมูลอันมหาศาลของคนยุคก่อนได้ เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะล้าสมัยเสืยแล้ว จนเครื่องมืออ่านไฟล์สมัยใหม่ไม่สามารถอ่านข้อมูลพวกนี้ได้อีก (ยกตัวอย่างก็ตามข้างต้น) และต่อไปในอนาคต ไฟล์ข้อมูลต่างๆที่เราเก็บไว้ใน Cloud หรือ เก็บข้อมูลไว้ในคอมฯ อาจสูญหายไปสักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่มันจะล้าสมัยลงนั้นเอง Cerf กล่าว ณ งานสมาคมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ประจำปี (American Association for the Advancement of Science conference) ที่เมืองซานโฮเซ่ (ตั้งอยู่ใน Silicon Valley)
Vint Cerf พยายามเสนอแนวคิดการอนุรักษ์ไฟล์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อไม่ให้มันสูญเปล่าอย่างไร้ค่า อย่างแนวคิดการเก็บข้อมูลในรูปแบบของการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ (Digital vellum) ที่ตอนนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon กำลังพัฒนาอยู่ โดยมันจะสามารถเก็บข้อมูลต่างๆไว้ได้ตลอดกาล เช่น เอกสาร รูปภาพ ฯลฯ เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถเข้าถึงได้นั้นเอง (คือง่ายๆว่า เก็บข้อมูลในรูปแบบกระดาษ และเก็บไว้เป็นพิพิธพันธ์ ส่วนเครื่องมือที่ว่ากำลังพัฒนาอยู่ ประมาณนั้นครับ)
สรุปคือ อีกหน่อยในอนาคต ภาพถ่ายที่เราเก็บไว้ใน Facebook , cloud , sky drive หรืออื่นๆ จะกลายเป็นของโบราณที่ถูกเรียกว่า “วินเทจ” นั้นเอง เพราะในอนาคตจะมีเครื่องมืออ่านข้อมูลที่ล้ำสมัยซะจนไม่เห็นข้อมูลเหล่านี้อยู่ในสายตา เป็นอันว่า ตกยุคนั้นเอง อีกตัวอย่างหนึ่งที่อยากยกมา เพื่อความเข้าใจในเนื้อข่าวมากขึ้นคือ “มีใครจำไฟล์ cu word. ได้ไหมเอย”
ที่มา : Techspot