เดือนมิถุนายนจนถึงกรกฏาคม เรามีข่าวให้น่าตื่นเต้นอยู่หลายข่าว แต่ที่ฮอตสุดจนดับกระแสบอลโลกได้เลย ก็คือข่าว “ทีมฟุตบอลหมูป่าติดถ้ำ” กับ Elon Musk มาเมืองไทย
ข่าวนี้ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่สนใจ เพราะคนทั่วโลกต่างจับจ้องมาที่ประเทศไทย หลายประเทศส่งคนมาช่วยเหลือ แต่ที่ดูจะเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนไอที คงเป็น Elon Musk ที่ได้ชื่อว่าเป็นสตีฟจอปส์คนที่สอง จากที่ดังแค่คนไอที ก็กลายเป็นบุคคลที่ชาวบ้านก็รู้จัก ยิ่งพอ Elon Musk เดินทางมาเมืองไทยกระแสก็ยิ่งร้อนแรงขึ้น
การกระโดดลงมาของ Elon Musk ของเหตุการณ์นี้ เกิดคำถามจากสื่อและนักจิตวิทยาว่าเขาเกาะกระแส เพื่อให้ตัวเองดังขึ้นหรือเปล่า อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดครับ เพราะจะว่าไปแล้ว ก็มีผลในแง่การ PR ตัวเขาได้เป็นอย่างดี แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณความหวังดีและแนวคิดที่ยังคงแปลกแหวกแนวของเขา ให้เราได้มองว่าปัญหาเดียวกัน ทางออกนั้นทำได้หลายวิธี
พี่มิ้งค์เคยเขียนเรื่องของ Elon Musk ไว้เมื่อปีก่อนตีพิมพ์ลงใน COMTODAY ถึงตรงนี้พี่มิ้งค์เลยขอนำมาให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครั้ง กับเรื่อง “ผู้ชายที่จะไปอยู่ดาวอังคาร”
=====================
ถ้ามีคนบอกว่า… จะชวนคุณไปปลูกผักที่ดาวอังคาร
หรือบอกว่า… ต่อไปคุณจะสามารถเดินทางจากลอสแองเจลิสไปซานฟรานซิสโกได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง
คุณจะว่าเขาคนนั้น “บ้า” หรือมี “Passion”
=====================
เขาคนนั้นที่พี่มิ้งค์กำลังพูดถึงมีชื่อว่า Elon Musk เป็นประธานผู้ก่อตั้ง Paypal เว็บผู้ให้บริการโอนเงินชื่อดัง และยังเป็นผู้ก่อตั้ง Tesla Motors บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แล้วก็ยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Space Exploration Technologies หรือ SpaceX บริษัทเอกชนแห่งแรกที่ปล่อยจรวดสู่อวกาศ
Elon Musk เกิดเมื่อปี 1971 โดยมีพ่อเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจให้เขาหลงรักเทคโนโลยี เขาเริ่มใช้คอมพิวเตอร์เครื่องแรกตอนอายุ 10 ปี พออายุ 12 ปี เขาได้เขียนโค้ดวิดีโอเกมอวกาศชื่อว่า Blastar แถมขายซอฟต์แวร์ได้เงิน 500$ Musk ไม่ใช่นักธุรกิจหิวเงิน เขาเคยกล่าวว่า “ไม่ควรมีคำถามว่าธุรกิจควรทำกำไรหรือทำเพื่อสังคม แต่ควรถามว่า เราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”
ทุกธุรกิจของเขามีแนวคิดสอดคล้องในการมองโลกระยะยาว 2 ข้อ คือ ลดการใช้พลังงานที่ทำลายโลก และต้องออกไปตั้งอาณานิคมนอกโลกในวันที่ไม่เหลือทรัพยากรให้ใช้อีกต่อไป
ด้วยความบ้าบิ่นกล้าทำในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ทำให้หลายครั้งเขาก็พบกับความล้มเหลว แต่เขาก็ไม่เคยกลัวที่จะล้มเหลว เขามักบอกกับทุกคนเสมอว่า
“ความล้มเหลวเป็นเหมือนตัวเลือก ถ้ายังไม่มีสิ่งใดผิดพลาด แสดงว่าคุณยังไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพียงพอ”
ในปี 2002 Musk ได้เริ่มบริษัท SpaceX หรือเป็นที่รู้จักในนาม The Space Exploration Technologies เพื่อพัฒนาจรวดเพื่อเดินทางไปอวกาศ Space X ถือเป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่สามารถจัดเที่ยวบินไป-กลับระหว่างโลกและสถานีบนอวกาศได้ เขามีความฝันว่าวันหนึ่งเขาจะมีธุรกิจท่องเที่ยวระหว่างดวงดาวที่เปิดให้บริการสำหรับคนทั่วไป
ภารกิจของ Musk ไม่ได้แค่ต้องการพาคนไปเที่ยวอวกาศเหมือนกับ Richard Branson เจ้าของ Vergin แต่เขาต้องการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร
“คนหาว่าผมบ้าที่เอาเงินมาละลายกับบริษัทอวกาศ แต่นี่คือทางเดียวที่เราจะอยู่รอดได้ในวันที่ทรัพยากรของโลกหมดไป”
เขายังบอกอีกว่าเราน่าจะได้ไปปลูกผักบนดาวอังคารในอีก 10-20 ปีข้างหน้า เขายังบอกอีกด้วยว่านี่ไม่ใช่ภารกิจสนุกสนาน แต่เขาทำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ในปี 2004 Musk ร่วมก่อตั้งบริษัท Tesla Motors เพื่อสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบสปอร์ต ที่เรียกว่า The Tesla Roadster, the Model S เป็นโมเดลต้นแบบของรถซีดานไฟฟ้าสี่ประตู และเขาก็วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานแสงอาทิตย์ต่อไปในอนาคต
เชื่อได้เลยว่าหากสิ่งที่เขากำลังทำทั้งหมดนี้กลายเป็นความจริง คนทั้งโลกก็คงต้องขอบคุณความบ้าของเขา ข้อคิดอย่างหนึ่งที่เราได้จากผู้ชายคนนี้คือ
“ถ้าคุณกำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกมาก แม้ผลลัพธ์อาจจะล้มเหลว แต่คุณก็ยังต้องทำต่อไป!!?”
อ่านถึงตรงนี้ พี่มิ้งค์ อยากบอกว่าต่อไป เราจะมาเจอกันเป็นประจำมากขึ้น รออ่าน รอฟังพี่มิ้งค์กันที่ www.aripFan.com เว็บที่เป็นมากกว่าเว็บครับ