ตอนนี้เชื่อว่ามีหลายคนเริ่มหันไปใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ด้วยความคุ้มค่าที่มากกว่า แถมได้แรงหนุนด้านภาษีจากภาครัฐ และสถานีชาร์จที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น
สถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่ายรถยนต์ ธุรกิจพลังงาน และเอกชน ที่ติดตั้งให้ครอบคลุมการใช้งานในหลายพื้นที่ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด มีจุดเด่นและแตกต่างกันอย่างไร Techhub พาทุกคนมาทำความรู้จักกับสถานีชาร์จให้มากขึ้น กับ EleX by EGAT สถานีชาร์จ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จที่เร็วที่สุดในไทย มันดียังไง ทำไมผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องลอง
EGAT หรือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ให้บริการพลังงานไฟฟ้า ที่ล่าสุดออกสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ EleX by EGAT ที่มาพร้อมแอปพลิเคชัน EleXA 2 สิ่งที่จะทำให้การใช้รถไฟฟ้าของคุณ เป็นเรื่องง่าย มั่นใจได้เรื่องพลังงาน
: มากับเทคโนโลยีชาร์จสุดล้ำ
EleX by EGAT เป็นสถานีชาร์จที่ดีที่สุดตอนนี้ เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดมากถึง 125kW สามารถชาร์จตั้งแต่ 0 – 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในระยะเวลา 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี
ภายในสถานีติดตั้งหัวชาร์จ 3 รูปแบบ แตกต่างกันไปในแต่ละจุด โดยมีทั้ง QUICK CHARGER (DC Charging) ที่เป็นหัวชาร์จประเภท CCS2 ถัดมาคือหัวชาร์จแบบ TYPE2 (AC Charging) สุดท้ายคือ หัวชาร์จแบบ CHAdeMO (DC Charing อีกรูปแบบหนึ่ง)
: หัวชาร์จแต่ละแบบ แตกต่างกันยังไง
หัวชาร์จแบบ CCS2 (Combined Charging System 2) เป็นมาตรฐานชาร์จรถไฟฟ้าที่ทำออกมาเพื่อให้สามารถชาร์จได้ทั้งแบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) และแบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ในหนึ่งหัวชาร์จเดียว เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้น ได้รับความนิยมอย่างมากในรถยนต์ยุโรปและในรถญี่ปุ่นบางแบรนด์ครับ
หัวชาร์จแบบ TYPE 2 (AC Charging) เป็นมาตรฐานกลางของหัวชาร์จที่ได้รับความนิยมพอ ๆ กับ CCS2 แต่อาจจะชาร์จได้ช้ากว่า
สุดท้าย หัวชาร์จแบบ CHAdeMO เป็นเทคโนโลยีหัวชาร์จที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่น และจะใช้เฉพาะกับรถยนต์ของญี่ปุ่นเท่านั้นครับ
เพื่อไม่เห็นเป็นการเสียเวลารอชาร์จนาน เราต้องรู้ว่ารถที่ใช้มีมาตรฐานการชาร์จแบบใด ก่อนที่จะนำรถเข้าไปในสถานีนั้น ๆ เพราะสถานีจะมีประเภทของหัวชาร์จที่แตกต่างกันออกไปครับ
: เพิ่มสถานีชาร์จ วางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น
EGAT ได้ร่วมมือกับปั๊มน้ำมัน PT ติดตั้งสถานีชาร์จ EleX by EGAT มากถึง 46 สถานี กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย และมีแผนจะขยายเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับสถานีชาร์จของพันธมิตร ทำให้รองรับความต้องการใช้งานได้มากขึ้น โดยผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถค้นหาสถานีชาร์จที่ให้บริการอยู่ใกล้เคียงได้ ผ่านแอปพลิเคชัน “EleXA” ที่มีให้บริการมากกว่า 120 สถานีได้ ทีนี้ก็หมดห่วง หากต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้าเดินทางไกลแล้ว
วิธีการใช้งาน EleX by EGAT
1.ขั้นแรก ต้องโหลดแอปชื่อ “EleXA” มาติดตั้งในเครื่องก่อนนะครับ โหลดได้ทั้ง iOS และ Android
2.เปิดแอป กดสมัครบัญชีผู้ใช้ หรือใครอยากจะเชื่อมต่อผ่านบัญชี Apple หรือ Google ก็กดได้เลย จากนั้นแอปจะให้เราใส่มูลต่าง ๆ ของรถ รวมทั้งข้อมูลวันเกิด และเพศ รวมทั้งความสนใจของเรา ซึ่งอันนี้ อยากใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะ
3.เสร็จแล้ว เราสามารถกดค้นหาสถานีชาร์จในช่องค้นหา หรือค้นหาสถานีใดก็ได้ที่อยู่ใกล้เราที่สุดได้เลย ซึ่งแอปจะแสดงทั้งสถานี EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรอื่น ๆ อย่าง EA anywhere ครับ
4.เมื่อได้สถานีแล้ว เราสามารถดูสถานะของสถานีว่า มีการใช้งานอยู่หรือไม่ สามารถจองได้ไหม หรือสถานีนั้นรองรับการชาร์จประเภทใด
5.การใช้งานก็จะมี 2 แบบ คือ “การจองไว้ก่อน” โดยเราต้องไปถึงสถานีภายใน 20 นาที ถ้าไม่ทัน คิวก็จะหลุดทันที หรือขับเข้าไปที่สถานี แล้วเปิดแอป สแกน QR Code เพื่อใช้งานได้เลย แต่ต้องดูที่แอปก่อนนะว่า สถานีว่างไหม จะได้ไม่เสียเวลาครับ
6.เมื่อสแกน QR แล้ว ระบบจะแจ้งให้เราเสียบสายชาร์จเข้ากับรถ จากนั้นกด Continue ระบบก็จะเริ่มทำการชาร์จ
7.ระหว่างการชาร์จ ตัวแอปจะแสดงสถานะการชาร์จให้เราดูแบบเรียลไทม์ เช่น ระดับแบตเตอรี จำนวนหน่วยไฟ และคิดเป็นเงินกี่บาท กดชาร์จเสร็จ เดินไปนั่งรอชิล ๆ ได้ครับ
8.เมื่อต้องการหยุดชาร์จ ให้กด Finishing Charging ที่หน้าแอป ก็จะสั่งให้ตู้หยุดจ่ายกระแสไฟ และบอกให้เราถอดสายชาร์จออกไปเก็บที่ตู้
9.เมื่อเก็บสายแล้ว ตัวแอป EleXA จะทำการสรุปข้อมูลการชาร์จทั้งหมดให้เรา ว่าเราชาร์จไฟไปเท่าไหร่ คิดเป็นเงินกี่บาท และสามารถจ่ายผ่านตัวเลือกที่หลากได้ทั้ง QR Code, Mobile Banking (SCB EASY) , บัตรเครดิต และ MAX ME Wallet
สรุปจุดเด่นของ EleXA
- มีสถานีให้เลือกชาร์จมากถึง 120 สถานี ครอบคลุมทั่วไทย
- รองรับการชาร์จ DC สูงสุดถึง 125 kW
- แอปใช้งานง่าย ระบบไม่ซับซ้อน
- มีโปรโมชั่นแพ็คเกจรายเดือน จ่ายในราคาที่ถูกกว่าปกติ
- สะสม EleXA Point แลกรับส่วนลดร้านกาแฟ หรือลดค่าชาร์จ 100 EleXA Point ได้ส่วนลด 10 บาท
- รองรับการชำระเงินได้หลากหลาย
- ใช้แอปวางแผนการเดินทาง ค้นหาร้านอาหาร โรงแรม ร้านกาแฟ หรือสถานที่ท่องเที่ยวได้ เรียกได้ว่า ครบ จบ ในแอปเดียว สำหรับคนชอบเที่ยว
เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับการใช้งานสถานีชาร์จ EleX by EGAT และแอป EleXA เราจะเห็นว่า การใช้รถไฟฟ้าไปเที่ยวไกล ๆ จะไม่น่ากังวลอีกต่อไป ด้วยสถานีที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ทีนี้ จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมสำหรับคนที่ทำธุรกิจบริการ ทั้งปั๊มน้ำมัน ร้านค้า ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ที่ต้องการจะดึงดูดลูกค้าที่ใช้รถยนต์ EV ให้มาใช้บริการ คือเราสามารถเข้าไปติดต่อกับ EGAT เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการติดตั้งสถานีชาร์จในพื้นที่เราได้ ทั้งการติดตั้งสถานีชาร์จแบบเต็มรูปแบบ หรือแบบ Wall Charger
หรือหากใครมีอุปกรณ์ตู้ชาร์จอยู่แล้ว แต่ยังขาดแพลทฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้กับสถานี ทาง EGAT ได้มีการพัฒนาระบบหลังบ้านที่เรียกว่า BackEN EV ไว้ใช้กับสถานีชาร์จ EleX by EGAT อยู่แล้ว และเราสามารถเช่าใช้แพลทฟอร์ม BackEN EV มาใช้กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ได้ ไม่ต้องพัฒนาเอง ช่วยลดความยุ่งยากได้ดีเลยทีเดียว ลองไปต่อ EGAT กันดูนะครับ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม >> https://elexaev.com/th/home