บมจ.ทีโอที และ เทเลแอสเสท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มดีแทค ไตรเน็ต พร้อมกับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ได้ลงนามในสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคม และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศระบบ 2300 MHz อย่างเป็นทางการเรียบร้อย เพื่อเปิดให้บริการ 4G LTE-TDD คลื่น 2300 MHz บนแบนด์วิดท์ที่กว้างที่สุดถึง 60 MHz เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำของโลก เป็นประโยชน์ให้กับประเทศในการขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมและทั่วถึงในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของประชาชนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชน รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการใช้งานดาต้าที่เติบโตรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนของทีโอทีด้วย
ภายใต้กรอบความร่วมมือที่มีระยะเวลาถึงปี พ.ศ. 2568 บมจ.ทีโอที จะเช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมจากเทเลแอสเสท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดีแทค ไตรเน็ต เพื่อนำมาสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมสำหรับให้บริการไร้สายความเร็วสูง (Broadband Wireless Access, BWA) ทั้งบริการบรอดแบนด์ไร้สายประจำที่ (Fixed Wireless Broadband) และบริการบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (Mobile Broadband) ผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งความจุโครงข่ายส่วนหนึ่ง (Capacity) ทีโอที ได้นำมาให้บริการตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้า และตอบสนองนโยบายของรัฐ และความจุโครงข่าย (Capacity) อีกส่วนหนึ่ง จะนำมาให้บริการแก่บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต ในรูปแบบของการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Roaming) โดย ทีโอที จะมีรายได้จากการให้บริการโรมมิ่งปีละประมาณ 4,510 ล้านบาท
นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เปิดเผยว่า “จากแนวนโยบาย แผนการบริหารและมาตรการต่างๆ ของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่กำหนดให้คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที กำกับดูแลให้ ทีโอที ดำเนินงานตามแผนพลิกฟื้นองค์กร ด้วยการจัดทำ “แผนดำเนินงานที่ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” จนมาถึงวันนี้ได้นั้น ทีโอที ได้รับความอนุเคราะห์และความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วน ทีโอที ขอขอบคุณ กสทช. ที่อนุญาตให้ ทีโอที ปรับปรุงการใช้งานคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ใช้งานอยู่เดิม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อนำมาให้บริการเสียง ข้อมูล และพหุสื่อ ภายใต้แผนการให้บริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz และที่สำคัญ คือ ทีโอที ต้องขอขอบพระคุณสำนักงานอัยการสูงสุดที่กรุณาให้ข้อสังเกตและข้อคิดเห็นเพื่อปรับปรุงร่างสัญญาจนสมบูรณ์เป็นอย่างดี”
จากผู้สนใจ 6 รายที่เข้าร่วมยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นพันธมิตรคู่ค้าบริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz กลุ่มบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต เป็นผู้ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกมาอย่างโปร่งใส รัดกุม ทุกขั้นตอนโดยทีมงานที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ในการสรรหาคู่ค้าระดับโลก ซึ่งก็คือ บริษัท เดเทคอน และไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ ที่เริ่มกระบวนการคัดเลือกคู่ค้าตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2559 โดยกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการสรรหาคู่ค้าอย่างละเอียด ทั้งทางด้านเทคโนโลยี ผลงาน รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา และตลอดจนผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ ทีโอที มั่นใจได้ว่า พันธมิตรคู่ค้าที่ผ่านการคัดเลือกจากที่ปรึกษาจะส่งเสริมการทำธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะบริการไร้สายของ ทีโอที ในระยะยาว และสร้างหลักประกันด้านการเงินให้กับ ทีโอที ได้เป็นอย่างดี
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ความร่วมมือกับทีโอทีนี้มีนัยสำคัญมากต่อการยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของคนไทยและการพัฒนาประเทศ เพราะเราได้นำคลื่น 2300 MHz ที่มีความกว้างที่สุดถึง 60 MHz มาเพิ่มคุณภาพบริการ และพลิกประสบการณ์การใช้งานดิจิทัลของผู้บริโภคที่จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น ลื่นขึ้นมากกว่าเดิม การนำคลื่น 2300 MHz มาเปิดให้บริการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยให้อยู่ในอันดับผู้นำของกลุ่มประเทศอาเซียน ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย และช่วยกระตุ้นกระบวนการการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัล”
“ดีแทคต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทำให้การลงนามในสัญญานี้ประสบความสำเร็จ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที และ กสทช. ทั้งนี้ ดีแทคมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้โอกาสร่วมมือกับทาง ทีโอที เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ดิจิทัล” นายลาร์ส กล่าว
จากการร่วมงานเตรียมการจัดทำร่างสัญญากับกลุ่มบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น ทำให้ ทีโอที รู้สึกยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการผลักดันประเทศสู่ดิจิทัล และยกระดับศักยภาพของสังคมไทย ด้วยความร่วมมือนี้ นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในเชิงธุรกิจทั้งกับ ทีโอที และกลุ่มบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต แล้ว ทีโอที มั่นใจว่า ด้วยศักยภาพขององค์กรที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถเป็นหน่วยงานหนึ่งในการดำเนินการตามแนวนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยของประเทศทั้งโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโครงข่ายบรอดแบนด์ไร้สายประจำที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจให้กับทุกภาคส่วน
และในท้ายที่สุดนี้ ทีโอที และกลุ่มบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จะสามารถร่วมมือกันพัฒนาและนำเสนอบริการต่อยอดธุรกิจรูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตดิจิทัล เพิ่มศักยภาพในการดำเนินภารกิจประจำวันให้ทั้งกับภาคประชาชน หน่วยงานของรัฐ และผู้ประกอบการเอกชนทั่วไป ส่งผลก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อประเทศชาติในภาพรวม
โครงข่าย 4G LTE-TDD บนคลื่น 2300 MHz จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการใช้งานทรัพยากรคลื่นความถี่ด้วยเทคโนโลยี Time Division Duplex (TDD) ในทางเทคนิค TDD คือการใช้งานคลื่นความถี่แบนด์เดียวทั้งรับและส่งข้อมูลในเวลาเดียวกัน จึงทำให้เพิ่มศักยภาพการรองรับรูปแบบการใช้งานดาต้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ จากการรายงานของสมาคมจีเอสเอ็ม หรือ GSMA Intelligence การขยายโครงข่าย LTE-TDD ของผู้ประกอบการทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยคาดว่า TDD จะมีสัดส่วนทั่วโลกถึง 22% ในปี พ.ศ. 2563