บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกและผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มโมเดิร์นแอปพลิเคชั่นต่อยอดความสำเร็จในยุโรป ตั้งเป้าเร่งการปรับใช้ระบบคลาวด์และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลแก่ลูกค้าทั่วโลก
เอาท์ซิสเต็มส์ (OutSystems) ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชั่น และดีลอยท์ คอนซัลติ้ง (Deloitte Consulting) ขยายขอบเขตความร่วมมือที่ยาวนานกว่า 13 ปี ด้วยการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence – COE) ที่มุ่งเน้นการจัดหาโซลูชั่นที่มุ่งเน้นด้านอุตสาหกรรมบนระบบคลาวด์ด้วย Amazon Web Services (AWS) ระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ดีลอยท์ เอาท์ซิสเต็มส์ และ AWS ได้เสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ลูกค้าในการพัฒนาและติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชั่นระดับองค์กรที่ก้าวล้ำภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยใช้ทรัพยากรน้อยลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ดีลอยท์และเอาท์ซิสเต็มส์ผนึกกำลังร่วมกันเป็นครั้งแรกที่โปรตุเกสเมื่อปี 2550 และได้ดำเนินมากกว่า 100 โครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) และการพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แคนาดา และสหรัฐฯ ด้วยบุคลากรของดีลอยท์กว่า 300 คนที่ผ่านการรับรองจากเอาท์ซิสเต็มส์ ทั้งนี้ ดีลอยท์เป็นพาร์ทเนอร์ด้านการให้คำปรึกษาระดับพรีเมียร์ (Premier Consulting Partner) ของ AWS โดยมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับโซลูชั่นธุรกิจบน AWS ซึ่งสามารถบูรณาการเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกที่ทุกเวลา
เมื่อไม่นานมานี้ สภากาชาดของเนเธอร์แลนด์ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของเอาท์ซิสเต็มส์, ดีลอยท์ และ AWS เพื่อสร้างแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วสำหรับการจัดการอาสาสมัครและการประสานงาน และด้วยความร่วมมือของสามบริษัทนี่เอง ให้สภากาชาดสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมขอบเขตกว้างขวาง เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ฮันส์ เกิดฮาร์ท ผู้จัดการฝ่ายจัดหาข้อมูลและไอซีทีของสภากาชาด กล่าวว่า “ด้วยประสิทธิภาพแพลตฟอร์มของเอาท์ซิสเต็มส์ ประสบการณ์ของดีลอยท์ และความสามารถการปรับขนาดที่ยืดหยุ่นของ AWS ที่เรานำมาปรับใช้ประโยชน์ ทำให้เราสามารถพัฒนาโซลูชั่นที่เหมาะสมกับผู้ใช้และรองรับการใช้งานในอนาคต โดยใช้เวลาในการพัฒนาเพียงไม่กี่สัปดาห์ แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายเดือน ทุกวันนี้เราสามารถพัฒนาประสบการณ์ดิจิทัลได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ เพื่อเชื่อมต่ออาสาสมัครและคนทำงานกว่า 100,000 คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากเอาท์ซิสเต็มส์และดีลอยท์ เรามั่นใจว่าองค์กรของเราจะสามารถปรับตัวและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปในปี 2564 และในอนาคตได้อย่างแน่นอน”
ภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่ ดีลอยท์ สหรัฐฯ บริษัทในเครือที่ใหญ่ที่สุดของดีลอยท์จะขยายธุรกิจการจัดทำผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และการให้บริการผ่านศูนย์ COE ระดับโลกของดีลอยท์ โดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการพัฒนาของเอาท์ซิสเต็มส์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าดำเนินโครงการได้สะดวกง่ายดายมากขึ้น และได้รับประโยชน์ทางธุรกิจรวดเร็วกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มความรวดเร็วในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ลดค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาและสนับสนุนแอปพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง และยกเลิกการใช้งานหรือเปลี่ยนแอปพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนการดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดีลอยท์จะจัดหาทรัพยากรและเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อนำเสนอคุณประโยชน์ทางธุรกิจโดยอาศัยแพลตฟอร์มของเอาท์ซิสเต็มส์
คาร์ลอส อัลเวส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของเอาท์ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เอาท์ซิสเต็มส์แก้ไขหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดที่องค์กรธุรกิจต้องเผชิญในปัจจุบัน นั่นคือ การพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยวิธีการแบบเดิม ๆ ซึ่งขาดความคล่องตัวและต้องใช้เวลานาน แพลตฟอร์มการพัฒนาที่ทันสมัยของเรามีประสิทธิภาพสูง รองรับการทำงานแบบอัตโนมัติ และลดความยุ่งยากซับซ้อน แต่ยังคงไว้ซึ่งพลังและโครงสร้างภาษาที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับการพัฒนารูปแบบเดิม แนวทางใหม่นี้ช่วยปรับปรุงการสร้าง การติดตั้งใช้งาน และการปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชั่นได้อย่างมากเลยทีเดียว ความเชี่ยวชาญที่ลึกซึ้งของดีลอยท์ ทั้งในเรื่องอุตสาหกรรมและระบบคลาวด์ บวกกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของแพลตฟอร์มเอาท์ซิสเต็มส์ ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น”
ทิม สมิธ หุ้นส่วนของดีลอยท์ คอนซัลติ้ง และหัวหน้าฝ่ายโซลูชั่นอุตสาหกรรมหลักประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า “ความรวดเร็ว สถาปัตยกรรมที่เหมาะสม และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของตลาดและตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรได้อย่างลงตัว เรานำเสนอโซลูชั่นที่หลากหลายบนแพลตฟอร์มเอาท์ซิสเต็มส์ ทั้งในส่วนของการพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า นวัตกรรมสำหรับสถานที่ทำงาน เรื่อยไปจนถึงระบบงานอัตโนมัติ การปรับปรุงระบบรุ่นเก่าให้ทันสมัย และอื่น ๆ อีกมากมาย ความสามารถในการสร้างและปรับเปลี่ยนแอปบนแพลตฟอร์มเดียวคือเหตุผลหลักที่เราตัดสินใจทำงานร่วมกับเอาท์ซิสเต็มส์”