ผ่านตอนแรกไปแล้วสำหรับทิป-เทคนิคเปลี่ยน “สมาร์ตโฟนเป็นรีโมต” ให้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ วันนี้มาติดตามตอนจบกับทิป-เทคนิคสุดสมาร์ท ที่ให้ทั้งความทันสมัยและความสะดวกสบายด้วยสมาร์ตโฟนเพียงเครื่องเดียว
ใช้สมาร์ตโฟนแทนกุญแจเข้าบ้าน
หมดปัญหาเรื่องทำกุญแจเข้าบ้านหายหรือลืมเอามา ในมือเรามีสมาร์ตโฟนที่พกติดตัวอยู่ตลอด ใช้เป็นกุณแจเข้าไปได้เลย สำหรับวิธีนี้ ต้องใช้การลงทุนอยู่พอสมควร เพราะหากเราต้องการระบบนี้จริง ๆ เราต้องไปซื้อ “Digital Door Lock” หรือชุดกลอนประตูอัจฉริยะ ที่สามารถรับคำสั่งปลดล็อกประตูจากสมาร์ตโฟนได้นั่นเอง โดยพวกนี้ส่วนมากจะมีราคาเริ่มต้นที่ 5,000 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าเยอะอยู่ หากเป็นตัวแพง ๆ จะสามารถสแกนลายนิ้วมือของเจ้าบ้านได้เลย บางตัวก็จะมีหน้าจอสัมผัสสำหรับกดรหัสปลดล็อกก็ยังได้อีกด้วย แต่ถ้าเลือกแค่ใช้สมาร์ตโฟนปลดล็อกได้ก็พอแล้ว ราคาก็จะถูกหน่อยและมีให้เลือกเพียบ
สั่งการระบบกล้องวงจรปิดผ่านสมาร์ตโฟน
ถ้า Digital Door Lock มันยังไม่ปลอดภัยพอ เราก็เพิ่มกล้องวงจรปิด (เวอร์ชันครัวเรือน) หรือที่เรียกกันว่า IP Camera ไปด้วยซะเลย มันคืออะไร มันคือชุดกล้องวงจรปิดขนาดเล็กที่สามารถควบคุมผ่านสาย LAN หรือ Wi-Fi บนคอมพ์หรือสมาร์ตโฟนได้นั่นเอง โดยราคาจะเริ่มที่ 1,000 บาทขึ้นไป (ต่อ 1 ตัว) ซึ่งหากเทียบกับพวกกล้องวงจรปิดระดับบริษัทแล้ว เจ้า IP Camera จะทั้งถูกและใช้งานง่ายกว่ากันเยอะ
แม้จะบอกว่าใช้งานง่าย แต่หากใครที่ไม่มีความรู้เรื่อง Network เลย ก็อาจจะติดตั้งยากอยู่สักหน่อย เพราะต้องมีการเซตตั้งค่าใช้งานครั้งแรกกับตัว Router ด้วย (ศึกษาไม่นานครับ) ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่ต้องมานั่งเซต IP Address ให้งงเล่น แต่เดี๋ยวนี้แค่เอาสมาร์ตโฟนแตะที่ QR-Code ของตัวเครื่อง หรือสแกนหาผ่าน Wi-Fi ก็ใช้งานได้แล้ว จะยากก็แค่ตอนเซตครั้งแรกเท่านั้น
การควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนก็จะควบคุมผ่านแอพฯ เฉพาะของตัว IP Camera นั้น ๆ ไป โดยคำสั่งก็มีตั้งแต่ ดูภาพแบบถ่ายทอดสด (Streaming) อัดวิดีโอหรือถ่ายภาพช่วงนั้นเก็บไว้ หรือบางตัวสามารถถ่ายภาพตอนกลางคืน (Night Vision) ได้อีกด้วย ทั้งนี้ถึงเราจะซื้อ IP Address มาหลายตัว แต่เราก็สามารถควบคุมทั้งหมดผ่านสมาร์ตโฟนหรือคอมพ์ตัวเดียวได้อยู่ดี จึงไม่ต้องกังวล
เปิด-ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยไม่ต้องเอื้อม
เคยรู้สึกอย่างนี้ไหมครับ ตอนเรากำลังได้จังหวะนอนหลับให้สนิทแล้ว แต่มีใครไม่รู้ในบ้านดันปิดทีวีหรือเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างค้างเอาไว้ ก็ต้องเสียเวลาลุกออกจากเตียงไปปิด พอกลับมานอนต่อ นอนไม่หลับแล้ว… ปัญหานี้สามารถแก้ด้วย Smart Plug หรือปลั๊กควบคุมเปิด-ปิดผ่านสมาร์ตโฟน ตัวปลั๊กจะมีหน้าตาเรียบ ๆ เหมือนปลั๊กทั่ว ๆ ไป (ราว ๆ 1,000 บาทขึ้นไป) แต่สังเกตได้ว่าจะมีสัญลักษณ์ 3G/WIFI หมายความว่าเราสามารถสั่งการผ่านสัญญาณเหล่านี้ได้นั่นเอง วิธีใช้งานก็ง่ายมาก แรก ๆ เราต้องเซตค่ากับตัว Router ที่บ้านก่อน (ง่ายกว่า IP Camera) จากนั้นก็ติดตั้งแอพฯ เฉพาะของมัน ซึ่งหากเป็นตัวมีราคาแพงจะสามารถเช็กอัตราการใช้พลังงานหรือตั้งเวลาเปิด-ปิดสวิตช์ได้ด้วย หลังติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ต่อไปเราก็สามารถสั่งปิดหรือเปิดมันจากที่ไหนก็ได้ผ่านสัญณาณ 3G/4G กันเลยครับ
เปิดไฟในบ้านให้สว่างผ่านสมาร์ตโฟน
LED Bluetooth หรือหลอดไฟอัจฉริยะที่สามารถสั่งการผ่านบลูทูธบนสมาร์ตโฟนได้ สำหรับตัวหลอดไฟนี้ ความพิเศษของมันคือเราสามารถปรับความสว่างหรือเปลี่ยนสีหลอดไฟก็ได้ ทั้งนี้บางตัวยังมีลำโพงติดมาให้อีกด้วย ก็นับเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศการอยู่ภายในบ้านได้ในระดับหนึ่ง ส่วนราคาจะเริ่มต้นที่ 500 ไปจนถึง 2,000 บาท ต่อ 1 ดวง
การใช้งานจะขึ้นอยู่กับแอพฯ ที่เราติดตั้งเป็นหลัก โดยจะควบคุมผ่าน Bluetooth ในแอพฯ เองก็จะคำสั่งมีตั้งแต่ เปิด-ปิดหลอดไฟ ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ และหรี่ไฟ หากเป็นตัวที่แพงหน่อยก็จะสามารถปรับเปลี่ยนแสงสีได้มากถึง 16,000,000 สี หรือเปิดฟังเพลงผ่านลำโพงที่อยู่ในตัวมันก็ยังได้ และสำหรับใครที่ซื้อไปหลาย ๆ ตัว ก็สามารถปรับแต่งแสงสีตามความ “ติสท์”ของเราก็ได้ด้วย
ควบคุบรถยนต์ด้วยสมาร์ตโฟน !!
ถึงจะบอกว่าควบคุมรถ แต่ก็ไม่ถึงขนาดบังคับรถไปเลยนะครับ ในที่นี้คือการควบคุมระบบความปลอดภัยของรถยนต์ด้วยสมาร์ตโฟน ผ่านชุดควบคุมที่นิยมเรียกกันว่า “Central Lock” ซึ่งต้องนำไปติดตั้งในรถยนต์อีกที (มีราคาพอควร แต่ไม่เกินเอื้อมนัก) แต่ก็ช่วยให้รถของเราดูมีความสมาร์ตมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแค่จะใช้เปิด-ปิดประตูรถยนต์ผ่านสมาร์ตโฟนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นระบบติดตามเผื่อกรณีโดนขโมย หรือสั่งตัดระบบทุกอย่างของรถได้ทุกที่ทั่วโลก ทำให้ผู้ที่ขโมยไปไม่สามารถควบคุมรถเราได้นั่นเอง และพร้อมระบบล็อกอัตโนมัติเผื่อลืม เป็นต้น
แต่ถ้าอยากรู้ว่าเราสามารถใช้สมาร์ตโฟนบังดับรถยนต์แบบเดียวกับรถบังคับเลยได้ไหม คำตอบคือได้ครับ แต่ข้อจำกัดเพียบ ระบบที่ว่านี้ถูกนำมาทดสอบกับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อหลายรุ่นด้วยกัน ยกตัวอย่าง Jaguar Land Rover นี้เอง โดยตัวแอพฯ บนสมาร์ตโฟนที่ใช้ควบคุมนี้สามารถบังคับได้ตั้งแต่คันเร่ง เบรก และพวงมาลัย สามารถปรับระดับเกียร์เพื่อใช้ขึ้นเนิน-ลงเนิน แต่ระยะการควบคุมต้องไม่เกิน 10 เมตร และยังถูกจำกัดความเร็วไว้แค่ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาะไว้ใช้กับบางสถานการณ์มากกว่า ที่หากคนไม่สามารถเข้าไปขับได้ก็ใช้สมาร์ตโฟนขับแทน อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา กว่าจะใช้งานจริงได้สมบรูณ์ คงต้องรอกันหน่อยละครับ
ให้สมาร์ตโฟนควบคุมทุกอย่างด้วย RM PRO
หลังได้รู้จักกับตัวอย่างการใช้สมาร์ตโฟนควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ ไปเยอะแล้ว ลองมาดูอีกวิธีใช้แบบหนึ่ง ที่จะแปลงให้สมาร์ตโฟนกลายเป็นรีโมตควบคุมทุกสิ่งได้แบบของจริงกันเลย คือ RM PRO อุปกรณ์ที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกัน
สำหรับเจ้า RM PRO จะสามารถควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะตัวอื่น ๆ ได้ทาง Wi-Fi หรือ 3G/4G ซึ่งหากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่มักจะมีฟีเจอร์รองรับการทำงานจากระยะไกลด้วย เช่น แอร์ ตู้เย็น และทีวีรุ่นใหม่ ๆ เป็นต้น หากเรามีเครื่องดังกล่าวนี้แล้ว แรก ๆ ก็ให้จัดการเซตค่าอุปกรณ์ทั้งหมดตามคู่มือ จากนั้นก็ใช้สมาร์ตโฟนที่ลงแอพฯ ของตัว RM PRO เรียบร้อยมาสแกนหาพวกอุปกรณ์อัจฉริยะให้ครบ และทำการตั้งรหัสกับแบ่งหมวดหมู่ให้เรียบร้อย เท่านี้สมาร์ตโฟนของเราก็เสมือนเป็น “เจ้าแห่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” ไปโดยปริยาย
