Space

NASA ได้พัฒนาและทดสอบเสาอากาศที่สร้างขึ้นจากพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสื่อสารข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปยังโลกด้วย เสาอากาศทดสอบการบินโดยใช้บอลลูนตรวจอากาศในชั้นบรรยากาศ ที่สร้างด้วย 3 มิติ เป็นโซลูชันใหม่ที่ประหยัดต้นทุน สำหรับภารกิจทางวิทยาศาสตร์และการสำรวจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วิศวกรเครือข่ายอวกาศของ NASA และกลุ่มการพิมพ์ 3 มิติด้านอิเล็กทรอนิกส์ได้ออกแบบและพิมพ์เสาอากาศ ทดสอบกับดาวเทียมรีเลย์บินขึ้นไปบนบอลลูนตรวจอากาศโดยใช้เวลาทั้งหมดสามเดือน กระบวนการพิมพ์ จะสร้างจากแบบจำลองดิจิทัลโดยการเพิ่มวัสดุหลายชั้นทับซ้อนกัน โดยปกติจะเป็นของเหลว ผง หรือเส้นใย เสาอากาศที่พิมพ์ 3 มิติส่วนใหญ่ใช้โพลีเมอร์ที่เติมเซรามิกและมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ เมื่อออกแบบสำเร็จ NASA ได้ส่งบอลลูนและเสาอากาศที่พิมพ์ 3 มิติ ขึ้นสู่ระดับความสูง 100,000 ฟุต เพื่อทดสอบความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมไม่คงที่ บอลลูนตรวจอากาศบรรทุกเครื่องมือที่วัดความดันบรรยากาศ อุณหภูมิ ความชื้น ความเร็วลม...

มันคืออะไรกันแน่? NASA เผยภาพถ่ายใหม่ โครงสร้างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่แปลกประหลาดบนดาวอังคาร เกิดกระแสฮือฮาบนอินเทอร์เน็ต เมื่อ NASA โชว์รูปปริศนาที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเกือบสมบูรณ์แบบบนพื้นผิวของดาวอังคาร บางคนบอกว่าเกิดจากธรรมชาติ  ในขณะที่บางคนเชื่อว่าอาจเป็นอะไรบางอย่างที่ลึกลับกว่านั้นมาก แม้แต่อีลอน มัสก์ เองก็ยังแสดงความคิดเห็นว่าควรส่งนักบินอวกาศไปที่ดาวอังคาร เพื่อสำรวจและไขความลับของรูปภาพนี้ ทำให้เกิดการคาดเดามากมาย เพราะโครงสร้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสเกือบสมบูรณ์อยู่บนพื้นผิวของดาวอังควร ทำให้เกิดการถกเถียงกันว่าอาจเป็นหลักฐานของอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวในสมัยโบราณหรือเป็นเพียงลักษณะทางธรณีวิทยาตามธรรมชาติ โครงสร้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกถ่ายครั้งแรกด้วยกล้อง Mars Orbiter Camera ของ NASA เมื่อปี 2001 โครงสร้างนี้ตั้งอยู่บนยอดปล่องภูเขาไฟบนดาวอังคาร ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่ชื่นชอบอวกาศได้อ้างว่าพบเห็นใบหน้า พีระมิด อุโมงค์ และแม้แต่รอยเท้าที่แอบซ่อนอยู่ในภาพถ่ายดาวเทียม แต่ข้อสงสัยจากดาวอังคารก็ยังคงเป็นเรื่องที่หลายคนอยากค้นหาคำตอบ ทั้งองค์กรต่างๆ เช่น SpaceX , NASA และหน่วยงานอวกาศอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อภารกิจส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารกันทั้งนั้น ที่มา...

หายไปนานกับภารกิจสำรวจดาวอังคาร ล่าสุด NASA วางแผนนำยานลงจอดดาวอังคารเพื่อนำดินหินและตะกอนกลับมาวิจัย จึงประกาศแนวทางใหม่โดยจะวางแผนการลงจอดหรือแผนยุทธศาสตร์ 2 แบบในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจความลึกลับของจักรวาลให้ดีขึ้น และหาคำตอบว่าดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หรือไม่ คาดว่า NASA จะออกไปสำรวจในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ยานสำรวจของ NASA กำลังทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของดาวอังคารเพื่อรวบรวมตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์กลับมาโดยเร็วที่สุดเพื่อศึกษาในโครงการ Mars Sample Return  จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของดาวเคราะห์และวิวัฒนาการของสภาพอากาศบนดาวอังคารที่แห้งแล้ง ภารกิจดังกล่าวจะใช้ระบบจับ กักเก็บ และส่งกลับบนยาน Earth Return Orbiter ของ ESA (หน่วยงานอวกาศยุโรป) ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ จาก NASA เช่น แท่นบรรทุกสินค้า ที่ทำงานด้วยระบบพลังงานไอโซโทปรังสี สามารถทนต่อพลังงาน ความร้อน หรือฤดูพายุฝุ่นบนดาวอังคาร นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้เราส่งนักสำรวจมนุษย์กลุ่มแรกไปยังดาวอังคารได้อย่างปลอดภัย ที่มา...

แสงที่ปรากฎอยู่บนท้องฟ้ามีเฉลยแล้วว่าเกิดจากอะไร การทดสอบ Starship ของ SpaceX ล้มเหลวเพียงไม่กี่นาทีหลังปล่อยตัวที่รัฐเท็กซัส ผู้คนจำนวนมากได้เห็นแสงหลายสีบนท้องฟ้า เนื่องจากจรวดเกิดการระเบิดบนอวกาศ อีลอน มัสก์กล่าวว่าจรวดของเขาหายไปหลังจากเกิดปัญหาการปล่อยตัว อย่างไรก็ตามจรวดเสริม Super Heavy สามารถกลับสู่ฐานปล่อยได้ตามแผน ซึ่งยังนับว่าเป็นความสำเร็จของทีมควบคุมภาคพื้นดิน ยานอวกาศ Starship ประสบเหตุไฟไหม้ระหว่างขึ้นสู่อวกาศ ทีมงานจะตรวจสอบข้อมูลและสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ภาพที่แชร์บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนจรวดกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ และภาพดังกล่าวยังแสดงให้เห็นลูกบอลแสงสีส้มที่บินข้ามท้องฟ้าเหนือกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ จึงทำให้ FAA ได้ชะลอความเร็วและเปลี่ยนเส้นทางของเครื่องบินชั่วคราวในบริเวณที่เศษซากยานอวกาศตกลงมา ภารกิจดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเที่ยวบินแรกของระบบจรวด New Glenn ของบริษัท Blue Origin ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของบริษัท Amazon มหาเศรษฐีเทคโนโลยีทั้งสองคนต่างต้องการครองตลาดยานอวกาศ จึงเร่งสร้างจรวดของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ https://youtu.be/jKtu5qPkWbs?si=9Rs8ryIMeaM4XA0z #SpaceX #Starship #TechhubUpdate

เพื่อให้มนุษย์สามารถเดินทางและไปใช้ชีวิตบนดาวอังคารได้สะดวก NASA จึงมีแผนพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ เริ่มจากการส่ง "หม้อน้ำ"

มองเห็นด้วยตาเปล่า “ดาวอังคารใกล้โลกที่สุด” ปักหมุดวันที่ 12 มกราคม 2568 ถ้าพลาดต้องรออีกหลายปี  NARIT ชวนส่องดาวอังคารใกล้โลกที่สุด ปรากฏสว่างสีส้มแดงบนท้องฟ้า ตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า สังเกตได้ด้วยตาเปล่า  ดาวอังคารจะโคจรมาอยู่ตำแหน่งใกล้โลกที่สุด ระยะห่างประมาณ 96 ล้านกิโลเมตร และหลังจากนั้นจะโคจรไปอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามดวงอาทิตย์วันที่ 16 มกราคม 2568 ช่วงดังกล่าวสามารถสังเกตดาวอังคารได้ตลอดทั้งคืน  ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จนถึงดวงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันถัดไป หากสังเกตด้วยตาเปล่าจะเห็นดาวอังคารส่องสว่างประกายสีส้มแดงบนท้องฟ้า และเมื่อสังเกตการณ์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายตั้งแต่ 100 เท่าขึ้นไป จะเห็นพื้นน้ำแข็งสีขาวที่อยู่บริเวณขั้วของดาวอังคารได้ สำหรับผู้สนใจส่องดาวอังคารผ่านกล้องโทรทรรศน์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติจัดกิจกรรมทั้งหมด 5 จุด คืนวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 เวลา...

ก้าวแรกของปี 2025 Blue Origin ของเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon เตรียมที่จะปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศลำแรกในสัปดาห์นี้ จรวดนี้มีชื่อว่า “New Glenn” มีกำหนดปล่อยตัวจากสถานีอวกาศของกองทัพในฟลอริดาตามที่คาดการณ์ไว้คือในวันพุธ เวลา 01.00 น. (06.00 น. GMT) หรือไม่ให้เกิดวันศุกร์ ตามคำแนะนำของสำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐฯ แม้ว่า Blue Origin จะยังไม่ได้ยืนยันวันปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ แต่ความตื่นเต้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังจากการทดสอบสำเร็จเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา การเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดการปล่อยยานอวกาศที่ทำกำไรมหาศาลของ Blue Origin หลังจากที่รอคอยมานานหลายปี กับเป็นการบินในวงโคจรใต้ผิวโลกด้วยจรวด New Shepard ขนาดเล็ก...

มาตั้งแต่ต้นปี “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ต้อนรับปีใหม่ เที่ยงคืนของวันนี้เตรียมรอดู มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 02:00 น. เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้าของวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 จะเกิดปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกควอดรานติดส์” ศูนย์กลางการกระจายอยู่ระหว่างกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส (Hercules) กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Boötes) และกลุ่มดาวมังกร (Draco)  เริ่มสังเกตได้จากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปีนี้คาดมีอัตราการตกสูงสุด 80 ดวงต่อชั่วโมง สามารถชมด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ แต่ต้องเป็นสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟหรือแสงจันทร์รบกวน ฝนดาวตกควอดรานติดส์ เป็นฝนดาวตกที่เกิดขึ้นเป็นประจำของทุกปี และมักมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงวันที่ 3 - 4 มกราคม...

“กระจุกต้นคริสต์มาส” หรือ NGC 2264 แสดงให้เห็นกระจุกดาวฤกษ์อายุน้อยที่มีอายุระหว่าง 1 - 5 ล้านปี ช่างภาพดาราศาสตร์ “Michael Clow” ซึ่งถ่ายภาพนี้จากแอริโซนาในเดือนพฤศจิกายน ข้อมูลออปติคัลของเขาถูกผสมผสานกับข้อมูลรังสีเอกซ์จากหอสังเกตการณ์รังสีเอกซ์จันทราของ NASA ไม่ได้มีแต่แสงของดาวฤกษ์เท่านั้น แต่ยังมีเมฆก๊าซระหว่างดาวด้วย  ในภาพนี้เราจะเห็นเมฆสีเขียวบาง ๆ ที่มีรูปร่างเป็นทรงกรวยนั้นดูคล้ายกับต้นไม้สีเขียว แสงสีขาว น้ำเงิน ม่วง และแดงขนาดเล็กที่กระจายอยู่ตามกระจุกดาวกระจายอยู่เต็มโครงสร้าง ทำให้กลุ่มเมฆกลายเป็นต้นคริสต์มาส NGC 2264 ตั้งอยู่ในทางช้างเผือก ห่างจากโลกเพียง 2,500 ปีแสง และดาวฤกษ์ภายในนั้นยังอายุน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ดวงอาทิตย์ของเราที่มีอายุกลางคนมีอายุประมาณ 5 พันล้านปี รูปภาพขนาดเต็ม >> friendsofnasa  #christmas #NASA...

นอกจาก AI ที่แข่งกันเดือดแล้ว อีกหนึ่งวงการที่เดือดไม่แพ้กันก็มีฝั่งอวกาศ โดยเฉพาะ 'เครือข่ายดาวเทียม' ล่าสุดสหภาพยุโรป (EU)